"หมายเลขสาม" เลขอัปมงคล หรือ เครื่องรางช่วยชีวิต

สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนเลยว่าเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ผมเจอมากับตัวจริงๆ และเป็นเรื่องที่ขนาดคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆอย่างผมยังหาคำตอบไม่ได้
              ผมเคยมีประสบการณ์เฉียดตายมาหลายครั้งมากครับ ตั้งแต่ที่ผมยังเด็ก โดยในช่วงวัยเด็กพ่อของผมได้ทำอาชีพทำบ่อเลี้ยงกุ้ง (นากุ้ง) ซึ่งพ่อได้เล่ากับผมว่า วันหนึ่งผมได้นำเอาผ้าขึ้นมาผูกหัวเล่น และเดินไปรอบคันดินของบ่อกุ้ง ซึ่งเป็นปกติของเด็กที่จะซุกซนมากอย่างผมครับ พ่อก็ไม่ได้นึกคิดอะไร สักพักหนึ่งจู่ๆ ผมก็เปลี่ยนลักษณะและทิศทางของการเดิน คือ เดินมุ่งตรงลงไปในบ่อกุ้งแทน ในขณะที่ร่างของผมกำลังตกลงในน้ำ เสียงของน้ำในบ่อนั้นดังมากครับ แต่พ่อไม่ได้ยินเสียงผมร้องขอความช่วยเหลือออกมาเลย พ่อได้ยินเพียงเสียงน้ำที่ดังขึ้น ก็ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยผมตรงที่เห็นผ้าผูกหัวลอยขึ้นมา ผมจึงรอดมาได้ อย่างเช่นอีกเรื่องหนึ่ง มีวันหนึ่งผมได้ถามแม่ว่า ผมเห็นดวงไฟเหนือบ้าน และทำไมคืนนั้น พ่อถึงใช้ปืนยิงขึ้นไปหาดวงไฟดวงนั้นที่ลอยมาเหนือบ้าน เหตุการณ์ที่ผมเล่าแม่นั้น ผมจำมันได้แม่นมากเพราะผมจำได้ว่าผมนั่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ข้างๆแม่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด วันนั้นคำตอบที่แม่ให้ผมมา ทำให้ผมค่อยข้างที่จะตกใจกลัว คือแม่บอกผมว่า วันนั้นลูกจะเห็นได้อย่างไร ในเมื่อวันนั้นแม่ยังไม่ได้ท้องลูกเลย หลังจากนั้นก็มีคนรอบข้าง และหมอดู พระ และอีกหลายคนทักผมบ่อยมากครับ ว่าผมมีคนที่คอยตามอยู่ตลอดเวลา และผมสามารถที่จะรับรู้อะไรบางอย่างได้ เมื่อบางสิ่งอยากให้ผมรับรู้
              แต่เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผมเป็นวัยรุ่นแล้ว ผมก็เป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีนิสัยเหมือนวัยรุ่นทั่วไป คือ ผมชอบความท้าทาย ความเร็ว โดยผมชอบขับรถด้วยความเร็วมากเพราะคิดว่ามันดูเท่ ซึ่งปกติทุกวันก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่มาในวันหนึ่ง ขณะผมขับรถเพื่อไปดูสวนที่อยู่ห่างจากบ้านออกไป กับน้องๆประมาณ 4 คนรวมผม ใช้รถ 2 คัน ทางที่ผมไปสวนนั้น ลักษณะของทางจะเป็นเส้นทางที่จะต้องขับผ่านป่า และถนนคดเคี้ยวพอสมควร สองข้างทางไม่มีบ้านของคนอาศัยครับ นานๆถึงจะเห็นบ้านสักหนึ่งหลัง มีเพียงสวนของชาวบ้านตลอดข้างทาง ซึ่งสวนบางแปลงของชาวบ้านก็ได้ล้อมรั้วหนามเหล็กที่ปล่อยกระแสไปฟ้าเอาไว้ เพื่อใช้สำหรับกั้นไม่ให้วัวที่เลี้ยงเดินออกนอกพื้นที่ ผมขับจนถึงเส้นทางตรงที่ทอดยาวออกไปมีต้นไม้ใหญ่ห้อมล้อมถนนอยู่ และจากความที่ผมพึ่งไปเรียนต่างที่ ไม่เหมือนช่วงก่อนหน้าที่ผมมาสวนเป็นประจำ เนื่องจากนานๆผมจึงได้กลับบ้านและมาดูสวน ทำให้ไม่ทันได้ใส่ใจกับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นมาในเส้นทางที่ผมคุ้นเคยอยู่เดิม
                       ขณะที่ผมขับรถผ่านเส้นทางตรงมุ่งสู่สวน หางตาก็เหลือบไปเห็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บริเวณข้างทาง ผมจึงชะลอรถมอเตอร์ไซค์ลง และมองดูสิ่งที่ถูกนำมาวางใหม่และไม่คุ้นตา สิ่งที่ผมเห็นคือศาลเจ้าที่ขนาดเล็กและดูเก่ามาก ข้างๆศาลเต็มไปด้วยเศษซากของเซ่นไหว้ต่างๆ และซากปรักหักพังของศาลเก่ามากมายที่ถูกวางกระจัดกระจายทั่วบริเวณ แต่สิ่งของที่อยู่ในศาลที่ตั้งอยู่กลับยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มีเพียงหุ่นนางรำที่ศีรษะได้หักร่วงลงพื้น ผมจึงได้ช่วยหยิบศีรษะขึ้นมาและมองดูเห็นบนหน้าผากมีการวาดยันต์เอาไว้ แต่ผมก็มองไม่ออกเห็นเป็นเพียงลักษณะคล้ายเลข "3" บนหน้าผากศีรษะนางรำ ผมจึงนำวางไว้ตามเดิม ก่อนจะยกมือไหว้แล้วจึงขับรถต่อไปจนถึงสวน ผมก็เที่ยวเล่นในสวนอยู่นานพอสมควรจนเริ่มตกเย็นแดด พระอาทิตย์กำลังจะตก ผมจึงตัดสินใจขับรถกลับมา โดยมีรุ่นน้องซ้อนท้ายมาด้วยหนึ่งคน และน้องอีกสองคนขับรถอีกคันหนึ่ง ก็ตัดสินใจกลับเส้นทางเดิมที่ขับมากันในตอนเช้า แต่ในครั้งนี้ด้วยความที่ตกเย็นไม่ค่อยมีรถสวนมามากนัก ทำให้ผมกับน้องที่ขับรถอีกคันหนึ่งก็ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์แข่งกัน โดยทั้งสองต่างขับด้วยความเร็วอย่างมาก และหยอกล้อท้าทายกันอย่างสนุกสนาน น้องผมขับนำไปก่อน ผมซึ่งกำลังเป็นผู้ตามก็รีบเร่งความเร็วเพื่อหวังจะแซงให้ได้ ในขณะที่ผมขับผ่านศาล ผมก็ไม่ได้สนใจหยุดไหว้หรือส่งสัญญาณแตรรถอย่างที่ควรจะเป็น ผมหวังเพียงจะแซงคันข้างหน้าให้ได้
                      แสงแดดเริ่มหายไปจากท้องฟ้า ความมืดก็เข้ามาแทนที่ แต่พวกเราก็ยังคงสนุกกับการขับรถแข่งกัน รถทั้งสองคันกำลังตามประกบกันในระยะประชันชิด น้องผมก็เร่งเครื่องแซงผมไปจนถึงทางโค้งหักศอก ผมขับถามด้วยความเร็วก็หวังจะแซงทางโค้ง แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ภาพที่ผมเห็นบนพื้นในตอนที่ไฟหน้ารถส่องกระทบคือ บางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะกลมๆแต่พื้นผิวคงไม่ได้มนมากนัก ผมมองไม่ออกว่าคืออะไร แต่สังเกตว่าวิถีทิศทางของการกลิ้งไม่ได้เป็นเส้นตรงเหมือนลักษณะการกลิ้งของวัตถุรูปทรงกลมบนถนนที่เรียบ แต่การกลิ้งเป็นลักษณะที่กลิ้งไปมาไม่มีทิศทางมากนัก เหมือนทรงที่มีลักษณะเว้าโค้งและมีพื้นผิวสูงต่ำบนรูปทรงกำลังกลิ้งพุ่งตรงมาจากทางขอบถนนด้านขวามือที่ผมกำลังจะเข้าโค้งเพื่อแซงน้อง จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ผมได้หักหลบสิ่งที่กำลังพุงเข้ามาทำให้ผมหลุดโค้ง ในวินาทีที่ผมกำลังหลุดโค้งรถได้ไถลไปกับพื้นถนนอย่างแรงจนเกิดสะเก็ดไฟสว่าง    เป็นทางยาว น้องที่นั่งซ้อนท้ายผมสามารถที่จะกระโดดลงได้ทันก่อนที่ผมจะเสียการทรงตัว ส่วนร่างของผมก็ไถลติดไปกับรถที่ล้มอย่างแรง พุ่งออกไปยังข้างทางของขอบถนน และชนเข้าจังๆกับหลักกิโลที่ตั้งอยู่ ทำให้มอเตอร์ไซค์หยุดชะงักนิ่งสนิท และร่างของผมก็กระเด็นลงไปนอนอยู่ในกองหญ้าข้างทางใกล้ๆหลักกิโล
     ผมนอนจุกหน้าอกเป็นเวลาหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้น เพื่อมองดูโดยรอบ น้องที่ขับนำไปก่อนก็วนกลับมาดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เมื่อผมได้สติกลับมาเล็กน้อยก็มองดูหาสิ่งกลมที่กลิ้งมาและทำให้ผมล้ม แต่กลับไม่เห็นอะไรบนถนนเลย แต่เมื่อแสงไฟจากมอเตอร์ไซค์อีกคันของน้องส่องลงไปยังข้างทางไปบริเวณที่ก่อนผมจะล้มนั้น กลับพบว่าบริเวณนั้นเป็นจุดที่ชาวบ้านได้ดึงลวดเหล็กหนามปล่อยกระแสไฟฟ้าเอาไว้ ซึ่งหากผมล้มและไถลลงก่อนหน้านี้ ร่างของผมคงกระเด็นไปติดกับลวดเหล็กไฟฟ้าข้างทาง และคงถูกแสงของไฟฟ้าเผาไหม้ติดคารั้วอย่างแน่นอน ผมจึงนึกขอบคุณไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามที่ทำให้ผมกระเด็นลอยมาล้มตรงนี้แทน และสัญญาว่าผมจะไม่ทำอีก เมื่อสติดึงกลับมาสมบูรณ์ ผมจึงยกมอเตอร์ไซค์ที่ล้มข้างหลักกิโลขึ้นเพื่อขับกลับบ้าน แต่แล้วภาพที่เห็นขณะที่ผมติดเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ก็ทำให้ผมต้องชะงักใจ และขนลุกซู่ไปทั้งตัว ร่างกายสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกครั้ง
                         สิ่งที่ผมเห็นเมื่อผมมองกลับไปที่ผมล้ม คือ ผมสังเกตเห็นว่าพื้นผิวบนหลักกิโลได้ปรากฏเป็นเลข "3" ตัวใหญ่เด่นชัดบอกเส้นทางผมอยู่ และก็เหมือนว่าผมเคยเห็นเลข 3นี้มาก่อนหน้านี้แล้ว   

.......................เรื่องนี้จบแล้วครับ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องมากครับที่ผมเจอกับตัวเอง ยิ่งอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเจอมาหนักสุดในชีวิตครั้งหนึ่งที่ผมแทบไม่เชื่อตาตัวเองว่าผมได้เห็นสิ่งนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รถยนต์คว่ำ และพุงชนต้นไม้ขณะนั่งกับครอบครัว ฝากติดตามไว้อ่านด้วยนะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผมเจอกับตัวจริงๆ และมันก็ไม่ได้สนุกเลยที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ขณะที่คนอื่นไม่เจอ....................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่