สัพเพสังขารา อนิจจัง สัพเพธรรมาอนัตตา เป็นสภาวะสัจจะ ไม่เกิดไม่ดับ

สัพเพสังขารา อนิจจัง สัพเพธรรมาอนัตตา เป็นสภาวะสัจจะ ไม่เกิดไม่ดับ  มีอยู่ตามธรรมชาติ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าโดยรวม84000พระธรรมขันธ์  สอนอยู่อย่างเดียว  คือ  อนัตตา
คนไม่มีอัตตา เห็นอนัตตา ปฏิบัติได้ปฏิเวธ  จึงจะเห็นปริยัติสัจจะ  ปริยัติบัญญัติ ที่แท้จริง  เห็นด้วยใจ เห็นด้วยตาปัญญาไม่ได้เห็นด้วยตาเนื้อ ไม่ได้เห็นปริยัติในตำรา  เห็นปริยัติในใจ เป็นปริยัติบัญญัติของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง
คนที่เห็นอนัตตา จะเห็นธรรมะทั้งหลายของพระพุทธเจ้า  จะเห็นพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ  ไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้า ในตำรา
สัพเพสังขาราอนิจจัง ไม่เกิด ดับเป็นอย่างไร
สังขารไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ไม่เกิด ดับ  หมายถึง   อนิจจังต้องเป็นไปตามสภาวะสัจจะ  คือเสื่อมไป  เปลี่ยนแปลงไป  ไม่เที่ยงไม่ได้หมายความว่าเกิด ดับ
ไม่เที่ยงเป็นไปตามปัจจัย ที่เกิดร้อน เกิดเย็น  แล้วเปลี่ยนสภาพไป แค่ไม่ได้ดับไป  ยังมีอยู่ ในธรรมชาติ  ธรรมชาติที่เป็นไตรลักษณ์  เกิด แก่เจ็บตาย ก็เป็นสภาวะสัจจะที่เป็นธรรมชาติ ที่สังขารต้องเป็นไตรลักษณ์  ธรรมะ ไตรลักษณ์ก็มีอยู่ในโลก ไม่ได้เกิดเอง ไม่ได้ดับเอง เป็นอนัตตา ไม่มีใครไปกำหนดให้ไตรลักษณ์ เกิด ดับได้ ไม่ได้เกิด ดับที่จิต  สัพเพสังขาราอนิจจัง   สัพเพธรรมา อนัตตาติ

ธรรมะเปรียบเทียบ

เราเดินไปเห็นเหรียญสลึง  จิตไม่ไปสนใจ หยิบ เดินผ่านไป  เหรียญสลึงคือกิเลส จิตไม่สนใจ
พอเดินไป เห็นแบงค์ร้อย รีบหยิบทันทีจิตสนใจ มีอุปาทาน กิเลสก้อนใหญ่  มือกำแน่นกลัวคนอื่นเห็นแล้วบอกว่าของเขา
กิเลสมีอยู่แล้วกลางถนน เราไปเก็บมาไปยึดมาเอง ไปเห็นเองแล้วไปยึดไว้ว่าเป็นของตนเพราะตนเป็นคนเห็นคนแรก
พอเดินไปเห็นแบงค์พันปลิวอยู่ท้องถนน รีบวิ่งไปเก็บแบบลืมตายไม่สนใจรถที่วิ่งไปมา  กิเลสมีอยู่แล้วตามท้องถนน
ตนเห็นแล้วไปคิดว่าเป็นของตนวิ่งไปเก็บกำไว้แน่น  กลัวคนอื่นเห็น นี่กิเลสก้อนใหญ่ ยึดแน่น กิเลสมีอยู่แล้วไม่เกิด ไม่ดับ เราไปเห็นก็เลยเข้าใจว่าเกิดที่จิต พอไม่เห็นก็เข้าใจว่าดับที่จิต  กิเลสไม่มีเกิดไม่มีดับถ้าดับที่จิต คนนั้นก็จะถึงพระอรหันต์ คนเข้าใจผิด คิดว่ากิเลสเกิด ดับ ไม่เข้าใจสภาวะสัจจะ ที่แท้จริงของธรรมชาติ พอไม่มีคน  ก็คลายมือออกดูแบงค์พัน ที่ตนเก็บได้  พอดูเห็นเป็นแบงค์ปลอม ก็โมโห โกรธา ก็ไปยึดติดความโกรธ  ที้งแบงค์ปลอมไปความโลภไม่สนใจ  สนใจในความโกรธ กิเลสแบงค์พันก็ไม่มีที่ใจ ก็ปลิวไปตามท้องถนนไม่ได้ดับสูญไปไหน  แต่กิเลสไม่ได้มาคลุกคลีที่จิตตนเท่านั้นเอง
ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและอกุศล  ไม่เกิดไม่ดับมีอยู่ในธรรมชาติ เป็นอนัตตา ไม่ได้เกิด ดับที่จิต ในจิต  เมื่อจิตไม่มีอุปาทานในกิเลส จิตไม่ไปยึดติดกิเลส ไม่มีอัตตาในกิเลส  จิตว่างจากกิเลส  จิตว่างจากธรรมะทั้งหลาย จิตเห็นอนัตตา ไม่ไปแบกให้หนักอกหนักใจ
กายเบาใจเบา  จิตเป็นสุขที่แท้จริง

จิตคือธรรมชาติที่รับรู้อารมณ์  มีความรู้พิเศส ที่รู้จำ รู้ คิด  รู้เวทนา เปรียบเหมือนลูกโปร่ง  ในลูกโปร่งมีอากาศคือความว่างเปล่า  ในความว่างเปล่า มีความร้อน ความเย็น  มีความชื้น มีฝุ่น มีแกส สาระพัด แกส
ความว่างเปล่าคือ นาม เจตสิค คือวิญญาณ  สัญญา สังขาร เวทนา  ฝุ่นแกส  ในความว่างเปล่าก็คือธรรมทั้งหลายที่เป็นทั้งกุศล และอกุศล
เมื่อลูกโปร่งปล่อยลมออก แกสฝุ่นก็ลอยออกไปไม่เกิดไม่ดับ ออกไปอยู่ตามธรรมชาติ  ไม่มีในจิตเราเพราะตนไม่ไปยึดติดได้ปล่อยวางให้ลมออกไป  กิเลส กุซลธรรม  อกุศลธรรม ไม่มี จิตไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง จิตเห็นอนัตตา จิตไม่ไปยึดต้วตน ในธรรมทั้งหลาย จิตเห็นธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
จิตแฟบไม่มีอากาศ  วิญญาณ  สัญญา สังขาร เวทนา ไม่มีปัจัจยปรุงแต่ง  ก็ไม่มีวิญญาณ ไม่สัญญา ไม่มีสังขาร ไม่มีเวทนา  มีแต่จิตดั้งเดิมไม่มีเกิด ไม่มีดับ  เป็นไปตามธรรมชาติตามสภาวะของจิต  ตามสภาวะสัจจะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
....ไม่เที่ยงไม่ได้หมายความว่าเกิด ดับ....
----------------------------------
เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว... นี่จะมาคัดค้านพระธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าแลพระอริยเจ้าทั้งหลายหรือ? ...

สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ==> ขยายความว่า ไม่เที่ยง แปลว่า เกิดแล้วย่อมดับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่