แชร์วิธีปฏิบัติธรรมตามลำดับภพภูมิ

กระทู้สนทนา
โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ ขอบอกก่อนว่าผมได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากพ่อผมเองจากการสนทนาธรรมกับท่านอยู่บ่อยครั้ง ที่ผ่านมาผมก็คิดแล้วคิดอีกอยู่หลายรอบว่าจะบอกดีไหม เพราะนี่คือความลับจากเบื้องบนที่ท่านเหล่านั้นบอกพ่อผมมาและพ่อผมก็มาบอกกับผม  ประกอบกับเนื่องจากตัวผมยังติดภาระเรียนทางโลกอยู่ จะปฏิบัติแบบเต็มกำลังเลยก็ยังไม่ได้ คงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ถ้าเอามาแบ่งปัน โดยเฉพาะทุกท่านที่อยู่ในคลับนี้
ปล. ผมขออนุญาติโพสในนี้นะครับ เพราะคิดว่าในคลับนี้คงมีแต่ท่านที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมจริงๆ โพสต์ห้องศาสนาโดยตรงกลัวโดนพวกก่อกวน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เดิมที เราทราบกันมาว่าภพภูมิมี 31 แต่จริงๆแล้วมีมากกว่านั้น ตามด้านล่างนี้ ซึ่งการปฏิบัติธรรมตามด้านล่างนี้ต้องปฏิบัติในขณะที่มีชีวิตอยู่ พูดง่ายๆคือขณะที่ทุกท่านยังมีกายหยาบ ไม่ใช่รอให้ตายก่อนค่อยไปปฏิบัติ เริ่มเลยนะครับ
อบาย 4
มนุษย์ 1
เทวโลก 6 (ท่านเล่าว่ามีแต่ชั้นดุสิตเท่านั้นที่น่าอยู่ เพราะเป็นศูนย์รวมของเทวดาพรหมชั้นผู้ใหญ่)
พรหมโลก (มีมากกว่า 20 ชั้น)
ปฐมฌาน (พรหมกายิกา ปาริสัชชา ปุโรหิต มหาพรหม) เรียนในเรื่อง "โลภ โกรธ หลง"
ทุติยฌาน (ฤาษี ปริตตาภา อัปปมาณาภา อาภัสรา) เรียนในเรื่อง "กิเลส ตัณหา อุปาทาน"
ตติยฌาน (สองกษัตริย์ ปริตตสุภา อัปปมาณสุภา สุภกิณหา) เรียนในเรื่อง "กามสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ"
จตุตถฌาน (เวหัปผลาผล, อสัญญสัตตา)ผมขอแบ่งข้างล่างละกันครับ
โสดาปัตติมรรค (ชั้นย่อย 3 ชั้น)
- สัตตักขัตตุปรม ให้ทำตามนี้ (มรณานุสสติ ศีล 5 กรรมบถ 10 สัมมาทิฏฐิ 10 และธาตุ 18 ยกตัวอย่างเช่นเมื่อตาเห็นรูปเป็นต้น ระวังจิตไม่ให้กำหนัด ขัดเคือง มัวเมา ลุ่มหลง) *โดยเฉพาะสัมมาทิฏฐิ 10 จะลังเลสงสัยแม้ข้อใดข้อหนึ่งจากทั้งสิบข้อไม่ได้  (ชุดดำ) กำจัดกิเลสขั้น "วิติกกัมม"
- โกลังโกละ (นิวรณ์ 5 อุปกิเลส 16) (ชุดเงิน) กำจัดกิเลสขั้น "ปริยุฏฐาน"  
- เอกพีซี (อนุสัย 7 โดยเฉพาะ ทิฏฐานุสัยและวิจิกิจฉานุสัย) (ชุดทอง) กำจัดกิเลสขั้น "อนุสัย"
- ***** เรียนจบทั้ง 3 ก็เป็นพระโสดาปัตติผล (กำจัด สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส  รวมไปถึง อิจฉา มัจฉริยะ แบบสมุจเฉท) (ชุดดำ+มีประกาย) เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมคือ มรณานุสสติ พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสติ อุปสมานุสสติ มีกำลังจิตเท่าปฐมฌาน เพราะถ้าคิดเรื่องอื่นนอกจากนี้จะมีนิวรณ์
สกิทาคามี (ชั้นย่อย 3 ชั้น)
- สกิทาคามีมรรคที่ 1 ทำ โลภ โกรธ หลง ให้เบาบางลง
- สกิทาคามีมรรคที่ 2 """ กายคตาสติ
- สกิทาคามีมรรคที่ 3 """ อสุภะ
เรียนจบทั้ง 3 ก็เป็น พระสกิทาคามีผล
อนาคามี (สุทธาวาส)  *** พระอนาคามี มีสติปัฏฐานเป็นกสิณ หรือง่ายๆคือ เจริญสติปัฏฐานสี่เต็มกำลัง
- อวิหา ละความกำหนัด/ขัดเคืองใน เสียง
- อตัปปา              """        กลิ่น
- สุทัสสา           """        รส
- สุทัสสี             """        สัมผัส
- อกนิฏฐา           """      ธรรมารมณ์
อรูปฌานทั้ง 4
- อากาสานัญจายตนะ
- วิญญานัญจายตนะ
- อากิญจัญญายตนะ
- เนวสัญญานาสัญญายตนะ
เหล่านี้ ไม่ต้องไปสนใจ ให้กระโดดข้ามไป พอพ้นเนวสัญญาแล้วก็ทำอรหัตมรรค โดยละสังโยชน์ 5 อันบน (รูปฌาน อรูปฌาน มานะ อุทธัจจะ อวิชชา) ให้หมด จบแล้วก็เป็นพระอรหันต์ ส่วนจะเป็น สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ก็แล้วแต่ความปรารถนาชาติก่อนๆที่ทำมา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
- พ่อบอกว่า แต่ละชั้นใช้เวลา 8 เดือน ถึงจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ นรก ขึ้นมาจนถึง โสดา ถ้าสูงจากนี้ก็จะใช้เวลาเรียนนานขึ้น อีกอย่างถ้าจะเลื่อนระดับฌาน ข้างบนเขาก็มีการกรองคน พ่อบอก "เขาเอาน้อย ขี้เกียจเลี้ยง"
- เทวดา พรหมแต่ละชั้นสีชุดไม่เหมือนกัน อีกอย่างยิ่งชั้นสูงๆ กายทิพย์ยิ่งเล็กลง จนหมดตอนมาถึงขั้นพระอนาคามี
- ท่านเล่าว่า การไปนรก ต้องมีบัตร ถ้าไม่มีบัตร เข้าไม่ได้ ดังนั้นงานของเราก็คือกำจัดบัตรผ่านเข้านรกให้ได้ในชาตินี้
- ใครสูบบุหรี่ กินเหล้า เข้าชั้นพรหมไม่ได้ (เมื่อก่อนพ่อผมก็สูบบุหรี่อีกทั้งกินเหล้า ต้องเลิกหมด)
- เจ้าหน้าที่ในนรกมาเดินอยู่ระดับเดียวกับคน เพราะสมัยนี้คนไม่รักษาศีลกันเยอะ
- ถ้าเรียนแล้วมาไม่ถึงสัตตักหรือไปถึงแค่สุภกิณหาแต่ปรากฏว่าตายเข้าโลงเสียก่อน เกิดเป็นคนชาติใหม่ก็ต้องเรียนเริ่มตั้งแต่นรก
- ท่านบอก ควรไปให้ถึง อวิหาสุทธาวาส ถึงจะเริ่มนับว่าสุคติจริงๆ
- การตักบาตร ไม่เพียงแต่ตักบาตรให้พระฉันอย่างเดียว อาหารที่เราตักบาตรไป จะถูกเก็บไว้ที่ชั้น ปาริสัชชา ถ้าเราไม่ตักบาตร ตายแล้วไปเกิดเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่คนก็จะหิวโหย เพราะไม่มีอาหารทิพย์กิน
- การไม่ได้ฌาน 4 ก็เหมือนไม่ได้อะไรเลย
- คำว่าเกิด(ชาติ) อีกไม่เกิด 7 ครั้ง หมายถึงว่าในวันหนึ่งๆ ความทุกข์หรือจิตที่เป็นไปในอบายภูมิจะเกิดขึ้นไม่เกิน 7 ครั้ง (เพราะมีชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ โสกะ ฯลฯ อุปายาส) ซึ่งต่างกับปุถุชนที่ความทุกข์เกิดขึ้นวันนึงร้อยพันครั้ง
- ท่านเห็น ร.5 อยู่ชั้นเอกพีซี จิตบอกว่าเป็น ร.5
- การเป็นพระโสดาปัตติผล สูงกว่า ประเสริฐกว่า การเป็นพระมหากษัตริย์ หรือ การเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
- ท่านเล่าว่ายิ่งอยู่สูง ได้เป็นพระอริยะเจ้าแล้ว เวลาเจ้าหน้าที่ในนรกที่มาเดินเพ่นพ่านอยู่บนโลกแล้วเดินผ่าน เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็จะร่วงตูมลงดินไปเลย ซึ่งจะต่างกับปุถุชน เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจะเดินผ่านไปผ่านมาในแต่ละวันโดยที่ปุถุชนเหล่านั้นไม่รู้ตัวเลย
- ควรให้ได้อย่างน้อย โสดาปัตติผล เพราะไม่ต้องลำบากทนกับการเกิดตายอีกไม่มีประมาณหรือแม้แต่ 7 ชาติ 3 ชาติ 1 ชาติ ก็ตาม
- ถ้าทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะกำหนดอย่างไร ท่านบอก มองทุกอย่างในโลกให้เป็นของว่าง ว่างจากตัวตน ก็จะไม่ทุกข์ ทีวี พัดลม ต้นไม้ อย่ามองให้มันเป็นตัวตนแล้วเรียกตามสมมติบัญญัติ มองให้เป็นส่วนๆ เป็นแค่ธาตุสี่ ตัวเราก็เหมือนกัน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นของผสม ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้
- การเป็นเทวดาหรือพรหมให้เป็นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่รอให้ตายก่อนแล้วไปเป็น เพราะตอนมีชีวิตยังมีกายหยาบเป็นคนอยู่จะปฏิบัติไปได้เร็วกว่าท่านที่ตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมชั้นนั้นๆ
- ถ้าพ่อแม่ญาติพี่น้องเราตายหมดแล้ว ให้นึกถึงพระพุทธเป็นพ่อ พระธรรมเป็นแม่ พระสงฆ์เป็นพี่
- สุดท้าย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสิ่งที่เราในฐานะชาวพุทธควรยกมือกราบไหว้บูชาระลึกถึง ไม่กราบไหว้ไม่บูชาไม่ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่