เรารู้กันดีว่า ถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรง ต้องหมั่นออกกำลังกาย แต่ถ้าอยากให้จิตใจมีกำลังสู้กับกิเลสล่ะ? ต้องทำไง วันนี้ผมอยากชวนเพื่อน ๆ มาลองแลกเปลี่ยนกันครับ
การออกกำลังจิตใจ เรียกว่า
มหาสติปัฏฐาน ซึ่งแบ่งไว้ ๔ ส่วน ได้แก่
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูร่างกายของตน
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูความรู้สึกสุขทุกข์ขิงตน
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูสภาพจิตของตน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูธรรมที่เกิดขึ้นในใจของตน
พระพุทธเจ้าทรงวางแนวทางไว้อย่างครบถ้วน เพราะชีวิตเราประกอบด้วยทั้งรูปและนาม กายานุปัสสนาฝึกในส่วนรูป ที่เหลืออีกสามข้อเป็นการฝึกในส่วนของนาม ผลจากการฝึกอย่างสม่ำเสมอทำให้สติเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น
มหาสติ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นคงให้ปัญญาเกิด เมื่อปัญญาทำงานอย่างแหลมคม เราก็จะค่อย ๆ ละกิเลสได้ตามลำดับ ตั้งแต่ขั้นพระโสดาบัน จนถึงที่สุดคือพระอรหันต์
ผมจึงมองว่า เครื่องมือที่จะทำให้จิตใจมีกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับกิเลสได้คือ มหาสติปัฏฐาน ๔
นี่จึงเป็นความเข้าใจส่วนตัวของผม ท่านอื่นคิดเห็นเหมือนหรือต่างจากผม หรือมีมุมมองต่อการปฏิบัติสติปัฏฐานอย่างไรบ้างครับ
ถ้าอยากให้สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงต้องออกกำลังกาย แต่ถ้าอยากให้จิตใจแข็งแรงจนสามารถต่อสู้กับกิเลสได้ต้องทำไง
การออกกำลังจิตใจ เรียกว่า มหาสติปัฏฐาน ซึ่งแบ่งไว้ ๔ ส่วน ได้แก่
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูร่างกายของตน
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูความรู้สึกสุขทุกข์ขิงตน
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูสภาพจิตของตน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน : การตามดูธรรมที่เกิดขึ้นในใจของตน
พระพุทธเจ้าทรงวางแนวทางไว้อย่างครบถ้วน เพราะชีวิตเราประกอบด้วยทั้งรูปและนาม กายานุปัสสนาฝึกในส่วนรูป ที่เหลืออีกสามข้อเป็นการฝึกในส่วนของนาม ผลจากการฝึกอย่างสม่ำเสมอทำให้สติเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น มหาสติ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นคงให้ปัญญาเกิด เมื่อปัญญาทำงานอย่างแหลมคม เราก็จะค่อย ๆ ละกิเลสได้ตามลำดับ ตั้งแต่ขั้นพระโสดาบัน จนถึงที่สุดคือพระอรหันต์
ผมจึงมองว่า เครื่องมือที่จะทำให้จิตใจมีกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับกิเลสได้คือ มหาสติปัฏฐาน ๔
นี่จึงเป็นความเข้าใจส่วนตัวของผม ท่านอื่นคิดเห็นเหมือนหรือต่างจากผม หรือมีมุมมองต่อการปฏิบัติสติปัฏฐานอย่างไรบ้างครับ