
กี่ครั้งแล้วล่ะเนี่ยกับการหมดสติ
รวมทั้งต้องตื่นขึ้นมาแบบงงๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหน โคตรจะยอดแย่เลยวันนี้
แนะนำตัวอีกครั้งละกันนะครับ
''ผม วิคเตอร์ ฮอลันดา วิญญาณมือใหม่
เพิ่งจะตายวันนี้เป็นวันแรก''
จะว่าไปที่นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย ความทรงจำสุดท้ายที่ผมนึกได้คือเห็นยัยนั่นกำลังทำอะไรบางอย่างกับไอ้บาทหลวงนั่นเท่านั้น
ว่าแต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับไอ้บาทหลวงนั่นกันล่ะ
โอ๊ย มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจเว้ย
ณ ห้องไม้เก่าๆ ซึ่งภายในมีเพียงแค่เตียงขาดๆ สีหม่น หน้าต่างบานพับที่มีกระจกแตกๆเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
และบานประตูผุๆ ที่ดูแล้วสภาพไม่น่าใช้ปิดได้บานนั้น
กำลังถูกเปิดออก
''อ้าว ตื่นแล้วเรอะ '' เสียงพูดออกมาจากชายชราที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตู
''งั้นก็ตามลงมาข้างล่างนะ จะเรียกทุกคนมารวมให้''ชายชราพูดเสร็จก็ปิดประตูหันหลังกลับออกไป
…หลังจากความเงียบกลับมาครอบงำภายในห้องอีกครั้ง ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ นำพาร่างตนเดินตามชายชราออกไป
''ผมว่าผมคงเริ่มชินกับอะไรพวกนี้แล้วหล่ะ''
หลังจากเดินทะลุประตูห้องออกมา ผมก็รู้ทันทีว่าบ้านหลังนี้นี่มันบ้านร้างชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นใยแมงมุมที่มีอยู่ทั่ว บันไดผุพัง ข้าวของระเกะระกะอยู่ทั่วบริเวณ ผมค่อยๆเดินผ่านทางเดินและลงบันไดมาทางด้านล่าง ความรู้สึกที่เดินทะลุผ่านข้าวของต่างๆตามทางแต่เท้ายังคงติดอยุ่กับพื้นให้ความรู้สึกพิลึกแบบสุดๆ
''นึกว่าผีจะลอยได้ซะอีก''
ผมยังคงเดินมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณส่วนของหน้าของบ้าน ประตูบานนี้คงเป็นส่วนติดต่อระหว่างตัวบ้านแห่งนี้กับโลกภายนอก
ผมค่อยๆเดินไปตามเสียงพูดคุยที่ได้ยินอยู่เบาๆจากส่วนลึกภายในบ้าน ห้องนั้นคงเป็นห้องที่ชายแก่คนนั้นพูดไว้ซินะ
・กฎข้อที่ 6 พลังวิญญาณสามารถควบคุมได้
คนในห้องเงียบกันสนิทหลังผมทะลุประตูพุ่งพรวดเข้ามา จากที่มองดูมีอยู่ 4 คนที่อยู่ในห้องตอนนี้ เด็กผู้ชายที่ดูแล้วคงไม่เกินเด็กมหาลัย ชายชราคนนั้นที่ขึ้นไปเรียกเรา ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำ และเด็กผู้หญิงที่สวมชุดกิโมโนเหมือนกับยัยคนเมื่อคืน
''นายควรจะเปิดประตูเข้ามาดีๆหน่อยนะ นายทะลุเข้ามาแบบนี้มันเสียมารยาทนะเฟ้ย''ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีหัวเสีย
''นายควรจะชินได้แล้วนะริโก้ การมารับหน้าที่ดูแลเด็กใหม่มันก็แบบนี้ ''เด็กผู้หญิงพูดกลับไป
เสียงของน้องคนนี้ก็คุ้นๆอยู่นะ
''จะว่าไปก็เป็นความผิดแกนั่นแหละยัยบ้าเซเรนุย คิดยังไงถึงพาหมอนี่กลับมารังซะได้ ตอนนี้หมอนี่ต้องถูกลงทะเบียนไปแล้วแน่ๆ''ชายหนุ่มที่น่าจะชื่อริโก้ตะโกนตอบกลับไป
''ก็ฉันทำสัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะซี่ ถ้านายมีปัญหามากนัก ก็มาตัดสินกันตรงนี้เลยดีกว่า''เด็กผู้หญิงลุกขึ้นยืน มองหน้าเขม็งไปที่ชายหนุ่ม
บรรยากาศในห้องเริ่มหนักอึ้ง
สัญญา สัญญาอะไรกันผมสงสัย
''เอาน่าๆ ทั้ง2คน หยุดทะเลาะกันก่อนเถอะ''เสียงเตือนดังขึ้นจากชายชราซึ่งถ้าสังเกตุดีๆตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกที่ขาหายไปข้างนึง
''เงียบได้แล้ว พวกแกทุกคน''เสียงอันดังถูกเปล่งออกมาจากชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกลางห้อง
เซเรนุยและริโก้ยอมนั่งอย่างเสียมิได้
''ข้า โวลเทก้า หัวหน้าของสถานที่แห่งนี้ และผู้นำของ Death Parade ทัพของเหล่าคนตาย'' เขาพูดต่อ
''ก็แค่เคยล่ะนะ'' ชายชราพูด
''ข้าวิลเซอตัน ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อหนุ่ม''
ชายชราพูดอีกครั้งพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
''ชิ ข้าริโก้ ข้ายังไม่ยอมรับแกหรอกนะ''ชายหนุ่มพูดโดยไม่แม้แต่จะมองมาที่ผม
''อย่าไปใส่ใจหมอนั่นเลยนะพี่ชาย''
เสียงของเด็กผู้หญิงที่ตอนนี้ร่างกายกำลังค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นร่างที่ผมคุ้นตา
ยัยผู้หญิงคนเมื่อคืนนี้นี่หว่า
''ดูท่าว่าพี่ชายคงจะมีคำถามมากมายเลยซินะคะ เอาเป็นว่าจะทำตามสัญญาละกันเนอะ หัวหน้า!!ช่วยทีนะคะ''
เธอพูดพร้อมกับมองไปที่ชายร่างใหญ่ตรงกลางห้อง โวลเทก้า
''สัญญาตัวเองก็หัดทำด้วยตัวเองหน่อยซิฟะ ยัยนี่''เขาบ่น
''แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่า ยินดีต้อนรับสู่รังของพวกเรา Death Parade กองทัพเหล่าคนตาย กองทัพผู้เป็นนิรันดร์''เขาพูดพร้อมท่าทีโอ้อวด
''กองทัพ…'' ผมพูด
''ก็ในสมัยอดีตล่ะนะ ตอนนี้ก็มี 4 คนเท่าที่แกเห็นนี่แหละ หลังจบสงครามครั้งนั้น กองทัพที่เคยเกรียงไกร เหล่าคนตายที่เคยควบคุมโลกใบนี้ด้วยความกลัวก็ได้พ่ายแพ้ สูญหายไปตามกาลเวลา''เขาพูดขณะที่มือกำแน่น
''แกคงมีคำถามอยู่มากซินะ เอาเป็นว่าตอนนี้ฟังเรื่องที่ข้าจะเล่าก่อน ไม่เข้าใจตรงไหนก็ค่อยถามละกัน''เขาเริ่มทำท่าจะพูดต่อ
''แก คือคนที่ตายไปแล้ว ตอนนี้ที่แกกำลังอยู่นี่คือโลกหลังความตาย ที่แห่งนี้
พวกเราเรียกมันว่าโลกเบื้องหลัง
เหล่าวิญญาณจะมีชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหลัง ส่วนคนเป็นจะมีชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหน้า นี่คือกฎของธรรมชาติ''
''ความตายเป็นแค่ประตูที่พาเรามาสู่โลกแห่งนี้เท่านั้น''ชายชราเริ่มพูด
''ร่างกายของเราถูกเปลี่ยนเป็นเศษผงพวกนี้'' ชายชรายกมือขึ้นมาตรงหน้า พร้อมกับปล่อยละอองใสๆออกมาจากฝ่ามือเล็กน้อย
''เราอยู่ได้ด้วยสิ่งนี้และหายไปก็เพราะสิ่งนี้ พวกเราเรียกมันว่า พลังวิญญาณ''เขาพูดต่อ
''จากที่ฟังเซเรนุยเล่ามาเมื่อวานพ่อหนุ่มก็คงรู้สึกตัวแล้วซินะ ถึงความสำคัญของมัน''เขาถาม
ผมพยักหน้า
''ช่ายๆ เขารู้ดีเลยล่ะค่ะ เกือบตายกลางถนนตั้งแต่กลางวันแล้วนี่นา ฮ่าๆ ใช่ไหมล่ะพี่ชาย''
แม้ที่ยัยนี่พูดมาจะเป็นความจริงแต่พอฟังแล้วมันก็น่าโมโหอยู่ดี
''ใช่ แสงแดดจะทำให้เราสูญเสียพลังวิญญาณไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่เราโดนมัน ความร้อนที่นายสัมผัสนั่นแหละคือต้นเหตุ อีกอย่างการที่นายไปอยู่กลางผู้คนนั้นก็ยิ่งเป็นสาเหตุให้พลังวิญญาณของนายหมดลงเรื่อยๆ'' ชายชราพูดเสร็จก็พยักหน้าให้ชายหนุ่ม
เก้าอี้ลอยทะลุหน้าผมไป
"........"ขอถอนคำพูด ที่ผมเพิ่งพูดไปว่าเริ่มชินแล้ว
''ลองมองไปที่เก้าอี้ตัวนั้นซิ''เขาพูดพร้อมชี้ให้ผมดู
เก้าอี้ตัวนั้นที่ตอนนี้กำลังนอนอยู่ที่มุมมืดของห้อง ซึ่งถ้าลองสังเกตุดีๆจะมีละอองที่คล้ายกับสิ่งที่ออกมาจากแผลของผม - พลังวิญญาณหลงเหลืออยู่
''พวกมือใหม่ส่วนใหญ่ก็ตายกันแบบนี้แหละพี่ชาย เดินออกไปสำรวจตอนกลางวัน แล้วก็จบที่ตัวเองนอนหมดแรงอยู่กลางถนนถูกผู้คนเหยียบไปเหยียบมา''
หล่อนพูดพร้อมกับทำท่าซอยเท้า
''การทะลุนี่ จะทำให้พลังวิญญาณส่วนนึงของเราหลุดออกไปติดค้างกับสิ่งที่เราผ่านออกมา''ชายชราว่าต่อ
''เมื่อไหร่ก็ถามที่พลังวิญญาณเริ่มหมดเราก็จะเจอกับความอ่อนล้าเข้าโจมตี เริ่มหมดสติ อย่างร้ายที่สุดก็หายไป"
ถึงตรงนี้คำถามหลายอย่างของผมก็ได้คำตอบมาแล้ว ทั้งการที่ผมหมดแรงไปบนถนน หรือสาเหตุที่โซ่ของไอ้บาทหลวงนั่นตามผมมาได้อย่างแม่นยำ
''พวกเราจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอขึ้นอยุ่กับความเข้มข้นของพลังวิญญาณ''วิลเซอตันพูดต่อ
''ความมืดและธรรมชาติคือพันธมิตรของเรา พลังวิญญาณจะค่อยๆเพิ่มพูนไปเรื่อยเมื่อเราหลบอยู่ในความมืดไม่เคลื่อนไหวไปไหน''ชายแก่กล่าวพร้อมกับหันไปมองที่โวลเทก้า
"ก็ใช้เวลานานละน่ะกว่าจะแข็งแกร่งมากพอ ยิ่งพลังวิญญาณแข็งแกร่งก็จะทำให้เราทำอะไรๆ ได้มากขึ้น"ตอนนี้มือของโวลเทก้ากำลังยกโต๊ะที่อยู่ตรงกลางห้องให้ลอยอยู่
"ถ้าแกลองควบคุมพลังวิญญาณให้มันไปรวมกันที่จุดๆเดียว เท่านี้ร่างกายแกก็จะหนาแน่นพอที่จะสัมผัสวัตถุได้แล้วหละ"เขาว่าพร้อมปล่อยโต๊ะลง
"แต่กว่าแกจะควบคุมได้ขนาดนี้ก็คงต้องใช้เวลารวบรวมหลายปีล่ะนะ"
เขาพยักหน้า
"เราเรียกมันว่า สัมผัส
พ่อหนุ่มคงเคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่าคนเข้าไปในบ้านร้างแล้วรู้สึกว่ามีใครมาสัมผัสตัว หรือเห็นเงาของผีซินะ มันก็คือสิ่งนี้แหละ"
''เน่ๆๆๆ แต่เมื่อคืนพี่ชายใช้โพเตอไกลส์นอกโซนนะ หนูเห็นกับตาเลย" หญิงสาวยกมือขึ้น
"เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ผมว่ายัยนี่มันต้องปั่นหัวเราเล่นแน่"ริโก้ลุกขึ้นยืนเอนตัวมาข้างหน้า "ไอ้คนที่พึ่งจะตาย แม้แต่สัมผัสยังใช้ไม่ได้เลยแบบมัน! จะมีพลังมากมายขนาดเอามาใช้ท่านั้นนอกโซนได้ยังไงล่ะ"เขาพูดต่อ
"อะไรคือนอกโซน" ผมถามขึ้นมาขัดจังหวะความร้อนของคู่นี้
ริโก้หัวเสียหันมาตอบคำถามผม
"แกคงเคยได้ยินซินะ ไอ้พวกผีหวงที่น่ะ นั่นแหละ โซนของพวกมัน ไอ้วิญญาณพวกนี้มันจะเฝ้าอยู่แต่ในเขตของมัน สะสมพลังวิญญาณไปเรื่อย พร้อมกับกระจายวิญญาณของตัวเองออกไปจนเต็มพื้นที่
ความหนาแน่นของวิญญาณของมันนี่แหละที่เป็นตัวควบคุมสิ่งของต่างๆให้เป็นไปตามที่มันต้องการ
แม้แต่วิญญาณกระจอกๆถ้าต้องไปสู้ในถิ่นของมันล่ะก็ ถ้าไม่เตรียมตัวมาดีๆก็เอาชีวิตไม่รอดหรอกนะเว้ย แกก็จำไว้ด้วยล่ะ"เขาพูดพร้อมหันหน้าไปทางอื่นอีกครั้ง
"แต่เดี๋ยวนี้พวกวิญญาณที่แข็งแกร่งก็เริ่มจะไม่เหลือแล้ว พวกวิญญาณหน้าใหม่ก็เอาตัวรอดยากขึ้น ตั้งแต่ตอนนั้นซินะ"ชายชราวิลเซอตันถอนหายใจ
"ใช่"โวเทลก้าเริ่มพูดด้วยท่าทีโกรธแค้น
"ตั้งแต่เมื่อ100ปีหลังสงครามครั้งนั้น”แววตาโกรธแค้นเผยออกมา
ตอนต่อไป The Cross Alliance
สารบัญ
ตอนที่ 1 : Happy? Birthday >>
https://pantip.com/topic/36051517
ตอนที่ 2 : Chain Breaker >>
https://pantip.com/topic/36054730
ตอนที่ 3 : Death Parade >>
https://pantip.com/topic/36055791
ตอนที่ 4 : The Cross Alliance >>
https://pantip.com/topic/36056314
[Deathman Story] ตอนที่ 3 : Death Parade
กี่ครั้งแล้วล่ะเนี่ยกับการหมดสติ
รวมทั้งต้องตื่นขึ้นมาแบบงงๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหน โคตรจะยอดแย่เลยวันนี้
แนะนำตัวอีกครั้งละกันนะครับ
''ผม วิคเตอร์ ฮอลันดา วิญญาณมือใหม่
เพิ่งจะตายวันนี้เป็นวันแรก''
จะว่าไปที่นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย ความทรงจำสุดท้ายที่ผมนึกได้คือเห็นยัยนั่นกำลังทำอะไรบางอย่างกับไอ้บาทหลวงนั่นเท่านั้น
ว่าแต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับไอ้บาทหลวงนั่นกันล่ะ
โอ๊ย มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจเว้ย
ณ ห้องไม้เก่าๆ ซึ่งภายในมีเพียงแค่เตียงขาดๆ สีหม่น หน้าต่างบานพับที่มีกระจกแตกๆเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
และบานประตูผุๆ ที่ดูแล้วสภาพไม่น่าใช้ปิดได้บานนั้น
กำลังถูกเปิดออก
''อ้าว ตื่นแล้วเรอะ '' เสียงพูดออกมาจากชายชราที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตู
''งั้นก็ตามลงมาข้างล่างนะ จะเรียกทุกคนมารวมให้''ชายชราพูดเสร็จก็ปิดประตูหันหลังกลับออกไป
…หลังจากความเงียบกลับมาครอบงำภายในห้องอีกครั้ง ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ นำพาร่างตนเดินตามชายชราออกไป
''ผมว่าผมคงเริ่มชินกับอะไรพวกนี้แล้วหล่ะ''
หลังจากเดินทะลุประตูห้องออกมา ผมก็รู้ทันทีว่าบ้านหลังนี้นี่มันบ้านร้างชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นใยแมงมุมที่มีอยู่ทั่ว บันไดผุพัง ข้าวของระเกะระกะอยู่ทั่วบริเวณ ผมค่อยๆเดินผ่านทางเดินและลงบันไดมาทางด้านล่าง ความรู้สึกที่เดินทะลุผ่านข้าวของต่างๆตามทางแต่เท้ายังคงติดอยุ่กับพื้นให้ความรู้สึกพิลึกแบบสุดๆ
''นึกว่าผีจะลอยได้ซะอีก''
ผมยังคงเดินมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณส่วนของหน้าของบ้าน ประตูบานนี้คงเป็นส่วนติดต่อระหว่างตัวบ้านแห่งนี้กับโลกภายนอก
ผมค่อยๆเดินไปตามเสียงพูดคุยที่ได้ยินอยู่เบาๆจากส่วนลึกภายในบ้าน ห้องนั้นคงเป็นห้องที่ชายแก่คนนั้นพูดไว้ซินะ
・กฎข้อที่ 6 พลังวิญญาณสามารถควบคุมได้
คนในห้องเงียบกันสนิทหลังผมทะลุประตูพุ่งพรวดเข้ามา จากที่มองดูมีอยู่ 4 คนที่อยู่ในห้องตอนนี้ เด็กผู้ชายที่ดูแล้วคงไม่เกินเด็กมหาลัย ชายชราคนนั้นที่ขึ้นไปเรียกเรา ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำ และเด็กผู้หญิงที่สวมชุดกิโมโนเหมือนกับยัยคนเมื่อคืน
''นายควรจะเปิดประตูเข้ามาดีๆหน่อยนะ นายทะลุเข้ามาแบบนี้มันเสียมารยาทนะเฟ้ย''ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีหัวเสีย
''นายควรจะชินได้แล้วนะริโก้ การมารับหน้าที่ดูแลเด็กใหม่มันก็แบบนี้ ''เด็กผู้หญิงพูดกลับไป
เสียงของน้องคนนี้ก็คุ้นๆอยู่นะ
''จะว่าไปก็เป็นความผิดแกนั่นแหละยัยบ้าเซเรนุย คิดยังไงถึงพาหมอนี่กลับมารังซะได้ ตอนนี้หมอนี่ต้องถูกลงทะเบียนไปแล้วแน่ๆ''ชายหนุ่มที่น่าจะชื่อริโก้ตะโกนตอบกลับไป
''ก็ฉันทำสัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะซี่ ถ้านายมีปัญหามากนัก ก็มาตัดสินกันตรงนี้เลยดีกว่า''เด็กผู้หญิงลุกขึ้นยืน มองหน้าเขม็งไปที่ชายหนุ่ม
บรรยากาศในห้องเริ่มหนักอึ้ง
สัญญา สัญญาอะไรกันผมสงสัย
''เอาน่าๆ ทั้ง2คน หยุดทะเลาะกันก่อนเถอะ''เสียงเตือนดังขึ้นจากชายชราซึ่งถ้าสังเกตุดีๆตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกที่ขาหายไปข้างนึง
''เงียบได้แล้ว พวกแกทุกคน''เสียงอันดังถูกเปล่งออกมาจากชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกลางห้อง
เซเรนุยและริโก้ยอมนั่งอย่างเสียมิได้
''ข้า โวลเทก้า หัวหน้าของสถานที่แห่งนี้ และผู้นำของ Death Parade ทัพของเหล่าคนตาย'' เขาพูดต่อ
''ก็แค่เคยล่ะนะ'' ชายชราพูด
''ข้าวิลเซอตัน ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อหนุ่ม''
ชายชราพูดอีกครั้งพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
''ชิ ข้าริโก้ ข้ายังไม่ยอมรับแกหรอกนะ''ชายหนุ่มพูดโดยไม่แม้แต่จะมองมาที่ผม
''อย่าไปใส่ใจหมอนั่นเลยนะพี่ชาย''
เสียงของเด็กผู้หญิงที่ตอนนี้ร่างกายกำลังค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นร่างที่ผมคุ้นตา
ยัยผู้หญิงคนเมื่อคืนนี้นี่หว่า
''ดูท่าว่าพี่ชายคงจะมีคำถามมากมายเลยซินะคะ เอาเป็นว่าจะทำตามสัญญาละกันเนอะ หัวหน้า!!ช่วยทีนะคะ''
เธอพูดพร้อมกับมองไปที่ชายร่างใหญ่ตรงกลางห้อง โวลเทก้า
''สัญญาตัวเองก็หัดทำด้วยตัวเองหน่อยซิฟะ ยัยนี่''เขาบ่น
''แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่า ยินดีต้อนรับสู่รังของพวกเรา Death Parade กองทัพเหล่าคนตาย กองทัพผู้เป็นนิรันดร์''เขาพูดพร้อมท่าทีโอ้อวด
''กองทัพ…'' ผมพูด
''ก็ในสมัยอดีตล่ะนะ ตอนนี้ก็มี 4 คนเท่าที่แกเห็นนี่แหละ หลังจบสงครามครั้งนั้น กองทัพที่เคยเกรียงไกร เหล่าคนตายที่เคยควบคุมโลกใบนี้ด้วยความกลัวก็ได้พ่ายแพ้ สูญหายไปตามกาลเวลา''เขาพูดขณะที่มือกำแน่น
''แกคงมีคำถามอยู่มากซินะ เอาเป็นว่าตอนนี้ฟังเรื่องที่ข้าจะเล่าก่อน ไม่เข้าใจตรงไหนก็ค่อยถามละกัน''เขาเริ่มทำท่าจะพูดต่อ
''แก คือคนที่ตายไปแล้ว ตอนนี้ที่แกกำลังอยู่นี่คือโลกหลังความตาย ที่แห่งนี้
พวกเราเรียกมันว่าโลกเบื้องหลัง
เหล่าวิญญาณจะมีชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหลัง ส่วนคนเป็นจะมีชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหน้า นี่คือกฎของธรรมชาติ''
''ความตายเป็นแค่ประตูที่พาเรามาสู่โลกแห่งนี้เท่านั้น''ชายชราเริ่มพูด
''ร่างกายของเราถูกเปลี่ยนเป็นเศษผงพวกนี้'' ชายชรายกมือขึ้นมาตรงหน้า พร้อมกับปล่อยละอองใสๆออกมาจากฝ่ามือเล็กน้อย
''เราอยู่ได้ด้วยสิ่งนี้และหายไปก็เพราะสิ่งนี้ พวกเราเรียกมันว่า พลังวิญญาณ''เขาพูดต่อ
''จากที่ฟังเซเรนุยเล่ามาเมื่อวานพ่อหนุ่มก็คงรู้สึกตัวแล้วซินะ ถึงความสำคัญของมัน''เขาถาม
ผมพยักหน้า
''ช่ายๆ เขารู้ดีเลยล่ะค่ะ เกือบตายกลางถนนตั้งแต่กลางวันแล้วนี่นา ฮ่าๆ ใช่ไหมล่ะพี่ชาย''
แม้ที่ยัยนี่พูดมาจะเป็นความจริงแต่พอฟังแล้วมันก็น่าโมโหอยู่ดี
''ใช่ แสงแดดจะทำให้เราสูญเสียพลังวิญญาณไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่เราโดนมัน ความร้อนที่นายสัมผัสนั่นแหละคือต้นเหตุ อีกอย่างการที่นายไปอยู่กลางผู้คนนั้นก็ยิ่งเป็นสาเหตุให้พลังวิญญาณของนายหมดลงเรื่อยๆ'' ชายชราพูดเสร็จก็พยักหน้าให้ชายหนุ่ม
เก้าอี้ลอยทะลุหน้าผมไป
"........"ขอถอนคำพูด ที่ผมเพิ่งพูดไปว่าเริ่มชินแล้ว
''ลองมองไปที่เก้าอี้ตัวนั้นซิ''เขาพูดพร้อมชี้ให้ผมดู
เก้าอี้ตัวนั้นที่ตอนนี้กำลังนอนอยู่ที่มุมมืดของห้อง ซึ่งถ้าลองสังเกตุดีๆจะมีละอองที่คล้ายกับสิ่งที่ออกมาจากแผลของผม - พลังวิญญาณหลงเหลืออยู่
''พวกมือใหม่ส่วนใหญ่ก็ตายกันแบบนี้แหละพี่ชาย เดินออกไปสำรวจตอนกลางวัน แล้วก็จบที่ตัวเองนอนหมดแรงอยู่กลางถนนถูกผู้คนเหยียบไปเหยียบมา''
หล่อนพูดพร้อมกับทำท่าซอยเท้า
''การทะลุนี่ จะทำให้พลังวิญญาณส่วนนึงของเราหลุดออกไปติดค้างกับสิ่งที่เราผ่านออกมา''ชายชราว่าต่อ
''เมื่อไหร่ก็ถามที่พลังวิญญาณเริ่มหมดเราก็จะเจอกับความอ่อนล้าเข้าโจมตี เริ่มหมดสติ อย่างร้ายที่สุดก็หายไป"
ถึงตรงนี้คำถามหลายอย่างของผมก็ได้คำตอบมาแล้ว ทั้งการที่ผมหมดแรงไปบนถนน หรือสาเหตุที่โซ่ของไอ้บาทหลวงนั่นตามผมมาได้อย่างแม่นยำ
''พวกเราจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอขึ้นอยุ่กับความเข้มข้นของพลังวิญญาณ''วิลเซอตันพูดต่อ
''ความมืดและธรรมชาติคือพันธมิตรของเรา พลังวิญญาณจะค่อยๆเพิ่มพูนไปเรื่อยเมื่อเราหลบอยู่ในความมืดไม่เคลื่อนไหวไปไหน''ชายแก่กล่าวพร้อมกับหันไปมองที่โวลเทก้า
"ก็ใช้เวลานานละน่ะกว่าจะแข็งแกร่งมากพอ ยิ่งพลังวิญญาณแข็งแกร่งก็จะทำให้เราทำอะไรๆ ได้มากขึ้น"ตอนนี้มือของโวลเทก้ากำลังยกโต๊ะที่อยู่ตรงกลางห้องให้ลอยอยู่
"ถ้าแกลองควบคุมพลังวิญญาณให้มันไปรวมกันที่จุดๆเดียว เท่านี้ร่างกายแกก็จะหนาแน่นพอที่จะสัมผัสวัตถุได้แล้วหละ"เขาว่าพร้อมปล่อยโต๊ะลง
"แต่กว่าแกจะควบคุมได้ขนาดนี้ก็คงต้องใช้เวลารวบรวมหลายปีล่ะนะ"
เขาพยักหน้า
"เราเรียกมันว่า สัมผัส
พ่อหนุ่มคงเคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่าคนเข้าไปในบ้านร้างแล้วรู้สึกว่ามีใครมาสัมผัสตัว หรือเห็นเงาของผีซินะ มันก็คือสิ่งนี้แหละ"
''เน่ๆๆๆ แต่เมื่อคืนพี่ชายใช้โพเตอไกลส์นอกโซนนะ หนูเห็นกับตาเลย" หญิงสาวยกมือขึ้น
"เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ผมว่ายัยนี่มันต้องปั่นหัวเราเล่นแน่"ริโก้ลุกขึ้นยืนเอนตัวมาข้างหน้า "ไอ้คนที่พึ่งจะตาย แม้แต่สัมผัสยังใช้ไม่ได้เลยแบบมัน! จะมีพลังมากมายขนาดเอามาใช้ท่านั้นนอกโซนได้ยังไงล่ะ"เขาพูดต่อ
"อะไรคือนอกโซน" ผมถามขึ้นมาขัดจังหวะความร้อนของคู่นี้
ริโก้หัวเสียหันมาตอบคำถามผม
"แกคงเคยได้ยินซินะ ไอ้พวกผีหวงที่น่ะ นั่นแหละ โซนของพวกมัน ไอ้วิญญาณพวกนี้มันจะเฝ้าอยู่แต่ในเขตของมัน สะสมพลังวิญญาณไปเรื่อย พร้อมกับกระจายวิญญาณของตัวเองออกไปจนเต็มพื้นที่
ความหนาแน่นของวิญญาณของมันนี่แหละที่เป็นตัวควบคุมสิ่งของต่างๆให้เป็นไปตามที่มันต้องการ
แม้แต่วิญญาณกระจอกๆถ้าต้องไปสู้ในถิ่นของมันล่ะก็ ถ้าไม่เตรียมตัวมาดีๆก็เอาชีวิตไม่รอดหรอกนะเว้ย แกก็จำไว้ด้วยล่ะ"เขาพูดพร้อมหันหน้าไปทางอื่นอีกครั้ง
"แต่เดี๋ยวนี้พวกวิญญาณที่แข็งแกร่งก็เริ่มจะไม่เหลือแล้ว พวกวิญญาณหน้าใหม่ก็เอาตัวรอดยากขึ้น ตั้งแต่ตอนนั้นซินะ"ชายชราวิลเซอตันถอนหายใจ
"ใช่"โวเทลก้าเริ่มพูดด้วยท่าทีโกรธแค้น
"ตั้งแต่เมื่อ100ปีหลังสงครามครั้งนั้น”แววตาโกรธแค้นเผยออกมา
ตอนต่อไป The Cross Alliance
สารบัญ
ตอนที่ 1 : Happy? Birthday >> https://pantip.com/topic/36051517
ตอนที่ 2 : Chain Breaker >> https://pantip.com/topic/36054730
ตอนที่ 3 : Death Parade >> https://pantip.com/topic/36055791
ตอนที่ 4 : The Cross Alliance >> https://pantip.com/topic/36056314