
ตอนที่ 1 : Happy? Birthday
เมืองเนโครโพลิส เขต10 ณ สำนักงานนักสืบฮอลันดา
ยินดีที่ได้รู้จัก ผม วิคเตอร์ ฮอลันดา เจ้าของสำนักงานนักสืบแห่งนี้
จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ เอาเป็นว่า
วันนี้เป็นวันตายของผม
''ข้าจะให้ยืมไปก่อนละกัน…''
หลังจากลืมตาขึ้นมา 11:39 คือตัวเลขที่แสดงอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ผมคิดอะไรอยุ่ ถึงลงไปนอนอยู่บนพื้นห้องทำงานซะได้ แต่ช่างเถอะนี่มันก็เลยเวลาที่นัดลูกค้าไปจะ 10 นาทีแล้วเนี่ย…
ทำไมยังไม่มาสักทีฟะ แต่ว่าไปก็ดีแล้วแหละมาเจอตอนเรานอนอยู่กับพื้นคงอายตายห่า
・กฎข้อที่ 1 วิญญาณสามารถทะลุวัตถุได้
''อ๊ากกก'' เสียงนี้คือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายต่อจากนี้
ผมตกใจแทบตายตอนกำลูกบิดประตูเพื่อจะเปิดแต่ดันทะลุประตูออกมาแทน …คืออะไรวะ เกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา คำถามมากมายเกิดขึ้นมาในหัวทันทีที่ร่างกายทะลุผ่านประตูออกมา…
ผมยืนมองประตูไม้บานสีน้ำตาลนี้อยู่พักนึง ก่อนจะรู้ว่าคิดไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร
"เอาเป็นว่าลองลงไปชั้นล่างดูก่อนดีกว่า…"
จากนั้นผมจึงเดินออกมาทิ้งห้องทำงานรกๆของผมไว้เบื้องหลัง
・กฎข้อที่ 2 วิญญาณยังคงอยู่ภายใต้กฎแรงโน้มถ่วง
หลังจากลงบันไดมาชั้นล่างแล้ว สิ่งที่พบก็มีเพียงแค่ห้องโล่งกับประตูหน้าร้านที่ไม่ได้ล็อก
''คืออะไรวะป้า ไหนว่าวันนี้จะมาทำงาน''
ตรงนี้คือส่วนรับแขกของสำนักงานของผม โซฟาหลายตัวพร้อมชั้นหนังสือถูกวางไว้ที่มุมหนึ่งในห้องเพื่อให้บริการลูกค้า เคาเตอร์ที่อยู่หน้าประตูเมื่อลูกค้าเดินเข้ามา และพนักงานต้อนรับที่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
…
หลังจากผมพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพตอนนี้ให้มากที่สุด ผมก็พอจะได้ข้อมูลต่างๆพอสมควร
อย่างที่รู้ตั้งแต่ข้างบน ผมไม่สามารถสัมผัสวัตถุใดๆได้เลย ยกเว้นพื้นบริเวณที่ยืนอยู่
''คืออะไรกันวะเนี่ย''
ร่างกายผมตอนนี้สามารถทะลุวัตถุทุกสิ่งที่สัมผัสได้ ยกเว้นก็แต่การทะลุลงไปข้างล่างหรือลอยขึ้นด้านบน หลังจากทดลองกระโดดอยู่สักพัก ก็พบว่าความสูงที่โดดได้ไม่ต่างไปจากเดิม ก็ไม่รู้ทำไมแหละ ถ้าเกิดมันทะลุขึ้นมาได้ก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะออกมาสภาพไหน…
ตอนนี้คงจะเที่ยงวันแล้วซินะ ดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางกบาลได้ขนาดนี้
''ร้อนเว้ยยย แดดบ้านี่ปกติมันร้อนขนาดนี้เลยหรอฟะ''
หลังจากทำใจอยู่สักพัก ผมก็ยอมเดินออกมาจากตึกสำนักงาน เป้าหมายคือ จตุรัสใจกลางเขต 10 แหล่งรวมศูนย์การค้า โรงเรียน ศูนย์ราชการ อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยป่าที่ยังไม่ถูกบุกรุก
คงไม่มีที่ไหนจะผสมผสานความแตกต่างได้อย่างลงตัวเท่านี้แล้ว
''เที่ยงวันแบบนี้คงไม่มีใครบ้ามาเดินแบบเราอีกแล้วมั้งเนี่ย''
หลังจากเดินออกจากแหล่งเสื่อมโทรมที่ตั้งของสำนักงาน พื้นที่ที่อย่าหวังเลยว่าจะมีคนดีๆที่ไหนย่างกรายเข้ามา โจรกรรม อาชญากรรม ธุรกิจสีดำที่มารวมกลุ่มกันอยู่ในที่แห่งนี้ คิดยังไงเราถึงมาตั้งสำนักงานในที่แบบนี้ละเนี่ย ลูกค้ารึก็แทบจะไม่มีเลย
''ร้อนเว้ย ไกลก็ไกล รถก็ขับไม่ได้''
คุณก็คงรู้นี่ผมจะไปขับได้ยังไงล่ะ แค่จับกุญแจยังทำไม่ได้เลย…
ผมทำได้แค่เพียงค่อยๆเดินเลาะหลบแดดไปตามกันสาดของร้านค้าริมฟุตบาท
จตุรัสใจกลางเขต 10 ย่านที่คึกคักที่สุดประจำเขตนี้ ทุกครั้งที่มาทานไอซครีมร้านดังตรงหัวมุมตรงนั้นคือฝันดีของผม
แต่การมาในคราวนี้มันคือฝันร้ายสุดๆ การที่มีคนแปลกหน้าเดินทะลุตัวเราผ่านไปมา เสียงของเราที่พูดออกไปก็ไม่มีใครได้ยิน… แบบนี้มันทรมานมากไปมั้ง
ความรู้สึกอ่อนล้าเริ่มถาโถมเข้าใส่ผม
ความรู้สึกนี่มันคืออะไร
ผมพบว่าตัวเองกำลังยืนหายใจเข้าออกอย่างรุนแรงอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกอ่อนล้านี่มันดูจะมากเกินไปสำหรับการค่อยๆเดินมาแค่นี้นะ…
แม้ว่าผมจะไม่ค่อยออกกำลังกาย แต่ความจริงที่ว่าผมยังไม่แก่กลับดันเหนื่อยขนาดนี้ก็น่ากลัวเหมือนกัน
ยิ่งเวลาผ่านไปความเหนื่อยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
มันไม่ใช่ความเหนื่อยธรรมดาซะแล้ว แม้ว่าจะแค่ยืนเฉยๆมองดูคนเดินทะลุตัวไปๆมาๆแค่นี้
ความอ่อนล้าก็ไม่ได้ลดลงกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น…
ด้วยสติอันเลือนลาง ผมค่อยๆเดินฝ่าฝูงชน ข้ามถนน ทะลุรถแต่ละคันที่พุ่งใส่ …ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ผมกำลังมุ่งหน้าไปสู่ป่าที่อยุ่รอบๆสวนสาธารณะ สติผมเริ่มจะเลือนลางผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเดินมายังไง ใช้เวลาไปเท่าไหร่ แล้วในที่สุดผมก็มาสลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
สติผมค่อยๆหายไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในทะเลป่าแห่งนี้ที่ซึ่งความวุ่นวายจากในเมืองไม่อาจย่างกรายเข้ามาถึงได้
กฎข้อที่ 3 แสงแดดเป็นอันตรายต่อวิญญาณ
''นี่นายน่ะ เป็นอะไรตายมาล่ะ''
เสียงผู้หญิงคนนึงดังเข้ามาในหูของผม
…หลังจากลืมตาขึ้นมา ผมก็พบว่าท้องฟ้าตอนนี้ได้ถูกความมืดปกคลุมเสียแล้ว ดวงจันทร์เริ่มสาดแสงอ่อนๆออกมาแทนที่
ผมยันตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ที่ผมนอนอยู่เมื่อสักครู่ ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แหะ แต่ความอ่อนล้าที่เคยมีก็เริ่มหายไปจะหมดแล้ว
''นี่ๆๆๆพี่ชาย ฉันพูดกับนายอยู่นะ''
ผมพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็หาไม่เจอ ไม่ว่าจะหมุนไปทางซ้ายหรือขวา ด้านหน้าหรือด้านหลัง
''ข้างบนค่ะ ข้างบน''
ผมมองไปตามทิศที่เสียงส่งออกมา
แล้วผมก็ได้เห็นอะไรที่สุดแสนจะประหลาด จนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
''ผู้หญิง ผมแดง กิโมโน แล้วก็ดาบซามูไร อะไรกันเนี่ย''
เหมือนเจ้าหล่อนไม่ได้ใส่ใจในคำอุทานของผม กลับส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตอบกลับมา
'' นี่ๆพี่ชายคิดยังไงไปยืนอยู่กลางเมืองตอนกลางวันแบบนั้นล่ะ อยากจะหายไปแล้วหรอ แต่หนูว่ายังมีอีกหลายวิธีที่จะหายไปแบบไม่ทรมานแบบนั้นน้า เช่น การให้หนูกิน หรือ ไม่ก็ไปหาเจ้าพวกนั้น นี่ๆถ้าพี่ชายอยากจะหายไปขนาดนั้นเลยละก็ ให้หนูกินพี่ชายให้เลยไหม จะได้จบๆกันไป ตอนนี้เลยนะ''
ผมต้องตั้งสติแทบแย่เมื่อเจอคำถามชุดใหญ่ขนาดนี้เข้า พอผมเริ่มที่จะอ้าปาก ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรกลับไป
เจ้าหล่อนก็เริ่มพูดอีกครั้ง
''แต่จะว่าไปพี่ชายก็พาตัวเองมาถึงป่าตรงนี้นี่น่า เกิดอะไรขึ้นล่ะ กลัวตายอีกหรอ นี่ยังจะกลัวอะไรล่ะ ตายก็เคยตายมาแล้วนี่''
''ตาย ผมนะหรอตายไปแล้ว'' ผมพูดออกไปด้วยอาการตกใจ แม้ว่าผมจะรู้อยู่ลึกๆในใจแล้วแต่การต้องมาพบความจริงนี่ก็ชวนให้ตกใจอยู่ดี
''หาาาาาา พูดอะไรเนี่ย
ตอนฟื้นขึ้นมาเห็นศพตัวเองอยู่ข้างๆ
เป็นใครก็ต้องรู้อยู่แล้วป่ะ ว่าตัวเองตายไปแล้ว บ้ารึเปล่าพี่ชายน่ะ''
ศพตัวเอง ยัยนี่พูดถึงอะไรวะ ตื่นขึ้นมาก็เจอแต่ห้องโล่งๆ ที่ยัยนี่พูดนี่หมายถึงอะไรกันแน่ ผมต้องการข้อมูลมากกว่านี้
''เดี๋ยวก่อน ตอนผมตื่นมาก็ไม่เห็นจะมีศพ อะไรที่ …
''มีใครได้ยินผมไหมครับบบบบ''
เสียงอันดังที่เหมือนกับมาตะโกนอยู่ข้างหู ดังสอดเข้ามา
''มีใครได้ยินผมไหมครับ ผมอยู่นี่แล้ว ผมมาช่วยพวกคุณแล้วครับ''
การสนทนาถูกขัดจังหวะ
หลังจากผมถูกเสียงนั้นดึงความสนใจไป แม้ว่าผมจะยังคุยกับผู้หญิงคนนี้ไม่เสร็จ แต่ความอยากรู้อยากเห็น ก็พาผมออกไปจากจุดที่ยืนอยุ่
ฟุบ ตุ๊บ
ยัยบ้านั่นกระโดดลงมาขวางทางผมซะงั้น อะไรของเค้าเนี่ย
''พี่ชายหยุดอยู่ตรงนี้เลยนะ ถ้าไม่อยากที่จะหายไปละก็นะ
นี่มันคือกับดักของไอ้พวกนั้น ที่ใช้เรียกวิญญาณที่เพิ่งตายใหม่ๆ ซึ่งหลงทางอยู่แถวนี้ๆไปหาเท่านั้นแหละ''เธอว่า
''ไอ้พวกนั้น?''
''ก็พวกบาทหลวงไงล่ะ''
หลังจากพูดจบ ยัยนี่ก็เริ่มพึมพำๆกับตัวเองอยู่สักพัก ก่อนจะเงยหน้ากลับมามองที่ผมอีกครั้ง ''เอางี้ หนูจะเล่าทุกอย่างให้พี่ชายฟัง แลกกับการเป็นตัวล่อให้หนู โอเคนะ''
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรกลับไปได้
เสียงอะไรสักอย่างก็แหวกอากาศ พุ่งผ่านด้านข้างของผมไปตรงตำแหน่งที่ยัยนั่นเคยอยู่ พร้อมกับแขนซ้ายของผมที่กระเด็นขึ้นไปติดอยู่กับกิ่งไม้
ละอองสีใสๆพุ่งจากแผลที่แขนขาดออกไป
''อ๊ากกกกกกกก''
เจ็บ ความเจ็บนี่คือสิ่งที่เรายังรู้สึกได้อยู่แม้ว่าจะอยู่ในสภาพนี้
อันตราย ชายคนนี้คือตัวอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายตรงหน้าเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับเสียงโซ่ที่ลากกับพื้นกระทบกัน เสียงอันคุ้นเคยที่เพิ่งจะได้ยินเมื่อตะกี้ดังขึ้นมา
''จับหนูได้อีกตัวแล้วอ่ะ โอเปอเรเตอร์บันทึกกลิ่นอายวิญญาณไว้ให้ที
มา เรามาเล่นไล่จับกันเถอะ''
กฎข้อที่ 4 วิญญาณถูกทำลายได้
ตอนต่อไป Chain Breaker
สารบัญ
ตอนที่ 1 : Happy? Birthday >>
https://pantip.com/topic/36051517
ตอนที่ 2 : Chain Breaker >>
https://pantip.com/topic/36054730
ตอนที่ 3 : Death Parade >>
https://pantip.com/topic/36055791
ตอนที่ 4 : The Cross Alliance >>
https://pantip.com/topic/36056314
Deathman Story : สู่โลกเบื้องหลังของเหล่าคนตาย สู่ความกระหายของเหล่าคนเป็น บันทึกสีดำที่เก็บงำซึ่งคำตอบ
ตอนที่ 1 : Happy? Birthday
เมืองเนโครโพลิส เขต10 ณ สำนักงานนักสืบฮอลันดา
ยินดีที่ได้รู้จัก ผม วิคเตอร์ ฮอลันดา เจ้าของสำนักงานนักสืบแห่งนี้
จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ เอาเป็นว่า
วันนี้เป็นวันตายของผม
''ข้าจะให้ยืมไปก่อนละกัน…''
หลังจากลืมตาขึ้นมา 11:39 คือตัวเลขที่แสดงอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ผมคิดอะไรอยุ่ ถึงลงไปนอนอยู่บนพื้นห้องทำงานซะได้ แต่ช่างเถอะนี่มันก็เลยเวลาที่นัดลูกค้าไปจะ 10 นาทีแล้วเนี่ย…
ทำไมยังไม่มาสักทีฟะ แต่ว่าไปก็ดีแล้วแหละมาเจอตอนเรานอนอยู่กับพื้นคงอายตายห่า
・กฎข้อที่ 1 วิญญาณสามารถทะลุวัตถุได้
''อ๊ากกก'' เสียงนี้คือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายต่อจากนี้
ผมตกใจแทบตายตอนกำลูกบิดประตูเพื่อจะเปิดแต่ดันทะลุประตูออกมาแทน …คืออะไรวะ เกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา คำถามมากมายเกิดขึ้นมาในหัวทันทีที่ร่างกายทะลุผ่านประตูออกมา…
ผมยืนมองประตูไม้บานสีน้ำตาลนี้อยู่พักนึง ก่อนจะรู้ว่าคิดไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร
"เอาเป็นว่าลองลงไปชั้นล่างดูก่อนดีกว่า…"
จากนั้นผมจึงเดินออกมาทิ้งห้องทำงานรกๆของผมไว้เบื้องหลัง
・กฎข้อที่ 2 วิญญาณยังคงอยู่ภายใต้กฎแรงโน้มถ่วง
หลังจากลงบันไดมาชั้นล่างแล้ว สิ่งที่พบก็มีเพียงแค่ห้องโล่งกับประตูหน้าร้านที่ไม่ได้ล็อก
''คืออะไรวะป้า ไหนว่าวันนี้จะมาทำงาน''
ตรงนี้คือส่วนรับแขกของสำนักงานของผม โซฟาหลายตัวพร้อมชั้นหนังสือถูกวางไว้ที่มุมหนึ่งในห้องเพื่อให้บริการลูกค้า เคาเตอร์ที่อยู่หน้าประตูเมื่อลูกค้าเดินเข้ามา และพนักงานต้อนรับที่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
…
หลังจากผมพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพตอนนี้ให้มากที่สุด ผมก็พอจะได้ข้อมูลต่างๆพอสมควร
อย่างที่รู้ตั้งแต่ข้างบน ผมไม่สามารถสัมผัสวัตถุใดๆได้เลย ยกเว้นพื้นบริเวณที่ยืนอยู่
''คืออะไรกันวะเนี่ย''
ร่างกายผมตอนนี้สามารถทะลุวัตถุทุกสิ่งที่สัมผัสได้ ยกเว้นก็แต่การทะลุลงไปข้างล่างหรือลอยขึ้นด้านบน หลังจากทดลองกระโดดอยู่สักพัก ก็พบว่าความสูงที่โดดได้ไม่ต่างไปจากเดิม ก็ไม่รู้ทำไมแหละ ถ้าเกิดมันทะลุขึ้นมาได้ก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะออกมาสภาพไหน…
ตอนนี้คงจะเที่ยงวันแล้วซินะ ดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางกบาลได้ขนาดนี้
''ร้อนเว้ยยย แดดบ้านี่ปกติมันร้อนขนาดนี้เลยหรอฟะ''
หลังจากทำใจอยู่สักพัก ผมก็ยอมเดินออกมาจากตึกสำนักงาน เป้าหมายคือ จตุรัสใจกลางเขต 10 แหล่งรวมศูนย์การค้า โรงเรียน ศูนย์ราชการ อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยป่าที่ยังไม่ถูกบุกรุก
คงไม่มีที่ไหนจะผสมผสานความแตกต่างได้อย่างลงตัวเท่านี้แล้ว
''เที่ยงวันแบบนี้คงไม่มีใครบ้ามาเดินแบบเราอีกแล้วมั้งเนี่ย''
หลังจากเดินออกจากแหล่งเสื่อมโทรมที่ตั้งของสำนักงาน พื้นที่ที่อย่าหวังเลยว่าจะมีคนดีๆที่ไหนย่างกรายเข้ามา โจรกรรม อาชญากรรม ธุรกิจสีดำที่มารวมกลุ่มกันอยู่ในที่แห่งนี้ คิดยังไงเราถึงมาตั้งสำนักงานในที่แบบนี้ละเนี่ย ลูกค้ารึก็แทบจะไม่มีเลย
''ร้อนเว้ย ไกลก็ไกล รถก็ขับไม่ได้''
คุณก็คงรู้นี่ผมจะไปขับได้ยังไงล่ะ แค่จับกุญแจยังทำไม่ได้เลย…
ผมทำได้แค่เพียงค่อยๆเดินเลาะหลบแดดไปตามกันสาดของร้านค้าริมฟุตบาท
จตุรัสใจกลางเขต 10 ย่านที่คึกคักที่สุดประจำเขตนี้ ทุกครั้งที่มาทานไอซครีมร้านดังตรงหัวมุมตรงนั้นคือฝันดีของผม
แต่การมาในคราวนี้มันคือฝันร้ายสุดๆ การที่มีคนแปลกหน้าเดินทะลุตัวเราผ่านไปมา เสียงของเราที่พูดออกไปก็ไม่มีใครได้ยิน… แบบนี้มันทรมานมากไปมั้ง
ความรู้สึกอ่อนล้าเริ่มถาโถมเข้าใส่ผม
ความรู้สึกนี่มันคืออะไร
ผมพบว่าตัวเองกำลังยืนหายใจเข้าออกอย่างรุนแรงอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกอ่อนล้านี่มันดูจะมากเกินไปสำหรับการค่อยๆเดินมาแค่นี้นะ…
แม้ว่าผมจะไม่ค่อยออกกำลังกาย แต่ความจริงที่ว่าผมยังไม่แก่กลับดันเหนื่อยขนาดนี้ก็น่ากลัวเหมือนกัน
ยิ่งเวลาผ่านไปความเหนื่อยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
มันไม่ใช่ความเหนื่อยธรรมดาซะแล้ว แม้ว่าจะแค่ยืนเฉยๆมองดูคนเดินทะลุตัวไปๆมาๆแค่นี้
ความอ่อนล้าก็ไม่ได้ลดลงกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น…
ด้วยสติอันเลือนลาง ผมค่อยๆเดินฝ่าฝูงชน ข้ามถนน ทะลุรถแต่ละคันที่พุ่งใส่ …ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ผมกำลังมุ่งหน้าไปสู่ป่าที่อยุ่รอบๆสวนสาธารณะ สติผมเริ่มจะเลือนลางผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเดินมายังไง ใช้เวลาไปเท่าไหร่ แล้วในที่สุดผมก็มาสลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
สติผมค่อยๆหายไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในทะเลป่าแห่งนี้ที่ซึ่งความวุ่นวายจากในเมืองไม่อาจย่างกรายเข้ามาถึงได้
กฎข้อที่ 3 แสงแดดเป็นอันตรายต่อวิญญาณ
''นี่นายน่ะ เป็นอะไรตายมาล่ะ''
เสียงผู้หญิงคนนึงดังเข้ามาในหูของผม
…หลังจากลืมตาขึ้นมา ผมก็พบว่าท้องฟ้าตอนนี้ได้ถูกความมืดปกคลุมเสียแล้ว ดวงจันทร์เริ่มสาดแสงอ่อนๆออกมาแทนที่
ผมยันตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ที่ผมนอนอยู่เมื่อสักครู่ ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แหะ แต่ความอ่อนล้าที่เคยมีก็เริ่มหายไปจะหมดแล้ว
''นี่ๆๆๆพี่ชาย ฉันพูดกับนายอยู่นะ''
ผมพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็หาไม่เจอ ไม่ว่าจะหมุนไปทางซ้ายหรือขวา ด้านหน้าหรือด้านหลัง
''ข้างบนค่ะ ข้างบน''
ผมมองไปตามทิศที่เสียงส่งออกมา
แล้วผมก็ได้เห็นอะไรที่สุดแสนจะประหลาด จนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
''ผู้หญิง ผมแดง กิโมโน แล้วก็ดาบซามูไร อะไรกันเนี่ย''
เหมือนเจ้าหล่อนไม่ได้ใส่ใจในคำอุทานของผม กลับส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตอบกลับมา
'' นี่ๆพี่ชายคิดยังไงไปยืนอยู่กลางเมืองตอนกลางวันแบบนั้นล่ะ อยากจะหายไปแล้วหรอ แต่หนูว่ายังมีอีกหลายวิธีที่จะหายไปแบบไม่ทรมานแบบนั้นน้า เช่น การให้หนูกิน หรือ ไม่ก็ไปหาเจ้าพวกนั้น นี่ๆถ้าพี่ชายอยากจะหายไปขนาดนั้นเลยละก็ ให้หนูกินพี่ชายให้เลยไหม จะได้จบๆกันไป ตอนนี้เลยนะ''
ผมต้องตั้งสติแทบแย่เมื่อเจอคำถามชุดใหญ่ขนาดนี้เข้า พอผมเริ่มที่จะอ้าปาก ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรกลับไป
เจ้าหล่อนก็เริ่มพูดอีกครั้ง
''แต่จะว่าไปพี่ชายก็พาตัวเองมาถึงป่าตรงนี้นี่น่า เกิดอะไรขึ้นล่ะ กลัวตายอีกหรอ นี่ยังจะกลัวอะไรล่ะ ตายก็เคยตายมาแล้วนี่''
''ตาย ผมนะหรอตายไปแล้ว'' ผมพูดออกไปด้วยอาการตกใจ แม้ว่าผมจะรู้อยู่ลึกๆในใจแล้วแต่การต้องมาพบความจริงนี่ก็ชวนให้ตกใจอยู่ดี
''หาาาาาา พูดอะไรเนี่ย
ตอนฟื้นขึ้นมาเห็นศพตัวเองอยู่ข้างๆ
เป็นใครก็ต้องรู้อยู่แล้วป่ะ ว่าตัวเองตายไปแล้ว บ้ารึเปล่าพี่ชายน่ะ''
ศพตัวเอง ยัยนี่พูดถึงอะไรวะ ตื่นขึ้นมาก็เจอแต่ห้องโล่งๆ ที่ยัยนี่พูดนี่หมายถึงอะไรกันแน่ ผมต้องการข้อมูลมากกว่านี้
''เดี๋ยวก่อน ตอนผมตื่นมาก็ไม่เห็นจะมีศพ อะไรที่ …
''มีใครได้ยินผมไหมครับบบบบ''
เสียงอันดังที่เหมือนกับมาตะโกนอยู่ข้างหู ดังสอดเข้ามา
''มีใครได้ยินผมไหมครับ ผมอยู่นี่แล้ว ผมมาช่วยพวกคุณแล้วครับ''
การสนทนาถูกขัดจังหวะ
หลังจากผมถูกเสียงนั้นดึงความสนใจไป แม้ว่าผมจะยังคุยกับผู้หญิงคนนี้ไม่เสร็จ แต่ความอยากรู้อยากเห็น ก็พาผมออกไปจากจุดที่ยืนอยุ่
ฟุบ ตุ๊บ
ยัยบ้านั่นกระโดดลงมาขวางทางผมซะงั้น อะไรของเค้าเนี่ย
''พี่ชายหยุดอยู่ตรงนี้เลยนะ ถ้าไม่อยากที่จะหายไปละก็นะ
นี่มันคือกับดักของไอ้พวกนั้น ที่ใช้เรียกวิญญาณที่เพิ่งตายใหม่ๆ ซึ่งหลงทางอยู่แถวนี้ๆไปหาเท่านั้นแหละ''เธอว่า
''ไอ้พวกนั้น?''
''ก็พวกบาทหลวงไงล่ะ''
หลังจากพูดจบ ยัยนี่ก็เริ่มพึมพำๆกับตัวเองอยู่สักพัก ก่อนจะเงยหน้ากลับมามองที่ผมอีกครั้ง ''เอางี้ หนูจะเล่าทุกอย่างให้พี่ชายฟัง แลกกับการเป็นตัวล่อให้หนู โอเคนะ''
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรกลับไปได้
เสียงอะไรสักอย่างก็แหวกอากาศ พุ่งผ่านด้านข้างของผมไปตรงตำแหน่งที่ยัยนั่นเคยอยู่ พร้อมกับแขนซ้ายของผมที่กระเด็นขึ้นไปติดอยู่กับกิ่งไม้
ละอองสีใสๆพุ่งจากแผลที่แขนขาดออกไป
''อ๊ากกกกกกกก''
เจ็บ ความเจ็บนี่คือสิ่งที่เรายังรู้สึกได้อยู่แม้ว่าจะอยู่ในสภาพนี้
อันตราย ชายคนนี้คือตัวอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายตรงหน้าเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับเสียงโซ่ที่ลากกับพื้นกระทบกัน เสียงอันคุ้นเคยที่เพิ่งจะได้ยินเมื่อตะกี้ดังขึ้นมา
''จับหนูได้อีกตัวแล้วอ่ะ โอเปอเรเตอร์บันทึกกลิ่นอายวิญญาณไว้ให้ที
มา เรามาเล่นไล่จับกันเถอะ''
กฎข้อที่ 4 วิญญาณถูกทำลายได้
ตอนต่อไป Chain Breaker
สารบัญ
ตอนที่ 1 : Happy? Birthday >> https://pantip.com/topic/36051517
ตอนที่ 2 : Chain Breaker >> https://pantip.com/topic/36054730
ตอนที่ 3 : Death Parade >> https://pantip.com/topic/36055791
ตอนที่ 4 : The Cross Alliance >> https://pantip.com/topic/36056314