แก้กฏหมายแรงงานใหม่ บังคับให้คนใช้แรงงานต้องเกษียนอายุ 60 ปี ??? ท่านกำลังคุ้มครองหรือทำร้ายแรงงาน ???
ท่านผู้ทรงเกียรติที่มีหน้าที่ตรากฏหมายทั้งหลาย ท่านจะแก้กฏหมายแรงงาน บังคับให้ ลูกจ้างเอกชนต้องุเกษียนเมื่ออายุ 60 ปี ท่านทั้งหลายทำงานในส่วนราชการ ซึ่งยิ่งอายุเยอะ ตำแหน่งสูงยิ่งอยู่สบายดังคำที่ว่า เช้าชามเย็นชาม แต่สำหรับท่านข้าราชการระดับสูงทั้งหลาย อาจกล่าวได้ว่า เช้า 1 ช้อนเย็นอีกครึ่งช้อน ท่านทำงานสบายๆ กินภาษีของลูกจ้างอย่างเรา
แล้วหันมาดูลูกจ้างเอกชนที่ใช้แรงงานทั้งหลาย ท่านคิดว่า เมื่อเขาอายุสูงขึ้นเขาจะสบายเหมือนท่านหรือครับ เปล่าเลยแค่ 50 ปี เขาก็จะโดนสารพัดความกดดันที่องค์กรจะมอบให้ เพราะเขาเป็นคนใช้แรงงาน ไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูง เมื่ออายุมาขึ้น ความสามารถด้านแรงงานก็ถดถอย แล้วไหนจะบางองค์กรที่ ทำงานกับความเสื่ยงด้านสุขภาพ สารพิษ ฝุ่นละออง พอสุขภาพทรุดโทรม ก็ทำงานกันไม่ค่อยจะใหวแล้ว
ท่านเคยได้ยินคำว่า " โดนบีบออก " มั๊ยครับ ท่านได้นึกถึงความรู้สึกของเขาเหล่านั้นมั๊ย ว่ามันอึดอัดขนาดไหน โดนด่าว่า โดนโขกสับยังไงก็ต้องทนเพื่อรอให้อายุถึงเกษียน 55 เพื่อจะได้มีเงินก้อนสุดท้านในชีวิต กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพตามบ้านนอกคอกนา ซึ่งผมคิดว่าท่านไม่เคยคิด เพราะท่านเอาตัวเองเป็นบรรทักฐานว่ายิ่งอายุเยอะ ยิ่งทำงานสบาย เพราะท่านทำงานราชการ แต่เอกชนเยอะอายุเยอะยิ่งโดนบีบ
ท่านคิดว่าบังคับให้เกษียนตอนายุ 60 มันดีอย่างไรครับ ตามความรู้อันน้อยนิดของผมมีไม่กี่ข้อ คือ
1. รัฐได้เก็บภาษีเพิ่ม
2. รัฐขยายเวลาการจ่ายเงินบำนาญคืนไปได้อีก 5 ปี จากเดิมอายุ 55 ก็มาจ่ายได้ตอน 60
3. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล ตามประกันสุขภาพแห่งชาติ ( เพราะพอเขาเกษียน 60 ก็ออกมาอยู่ไม่กี่ปีก็คงตายแล้ว )
4. องค์กรยังเหลือผู้บริหารระดับสูงที่มีความสามารถใว้ เพราะคนใหม่ไม่เก่งพอ ( ซึ่งลูกจ้าง 1 พัน คงมี ซัก 1 คน )
ข้อเสียละ
1. คนอายุ 60 ออกงานมาแทบจะเริ่มต้นอะไรใหม่ไม่ได้ได้ คือหมดไฟแล้ว คือออกมาแล้วต้องเป็นภาระรัฐอย่างเดียว
2. เมื่ออายุส่งเงินสมทบมาขึ้น เงินบำนาญรายเดือนก็ต้องจ่ายมากขึ้น
3. องค์กรนายจ้างเองก็จะมีภาระกับคนสูงอายุเหล่านี้ ทำใช้แรงได้ได้ไม่มีคุณภาพ เพราะอายุเยอะ
4. ท่านกำลังส่งเสริมให้คนกระจุกตัวกันอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีการจ้างงานเยอะ เพราะเมื่อเขายังไม่เกษียน เขาก้ต้องขนเอาลูกหลานมาอยู่ด้วย
5. จะเกิดปัญหาการละถิ่นฐานของคน ที่ต้องทิ้งบ้านเกิดมาอยู่ในเมือง
6. ระบบการผลิตอาหารจากต่างจังหวัดผิดเพี้ยนไป เมื่อคนละทิ้งฐิ่นฐานหมดก็จะไม่มีแรงงานทำนาให้คนในเมืองกิน
แล้วอะไรๆอีกหลายอย่าง ท่านได้โปรดเถอะครับ พิจารณาดูสิ่งที่ท่านควรจะทำคือเขียนกฏหมายโดนเปิดช่องให้พนักงานลูกจ้างเหล่านี้สามารถ #"แจ้งเกษียน" อายุตัวเองได้ เมื่อมีอายุสูงขึ้นอาจจะเริ่มที่ อายุ 50 ปีขึ้นไป จากที่เมื่อก่อน นายจ้างเท่านั้นที่มีสิทธิ์ #"แจ้งเกษียน" ลูกจ้างทำได้แค่ <b>ลาออก</b> และจะไม่ได้รับเงินชดเชยอะไรเลย มันคือสัญญาทาส เพราะถ้านายจ้างไม่แจ้งเกษียนอายุ ลูกจ้างก็ต้องทำงานไปจนตาย
การแก้กฏหมายบังคับให้ไปเกษียนอายุตอน 60 ปีเท่ากับท่านกำลังทำร้ายผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย
Ref.
http://voicelabour.org/%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8-60-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD/
แก้กฏหมายแรงงานใหม่ บังคับให้คนใช้แรงงานต้องเกษียนอายุ 60 ปี ??? ท่านกำลังคุ้มครองหรือทำร้ายแรงงาน ???
ท่านผู้ทรงเกียรติที่มีหน้าที่ตรากฏหมายทั้งหลาย ท่านจะแก้กฏหมายแรงงาน บังคับให้ ลูกจ้างเอกชนต้องุเกษียนเมื่ออายุ 60 ปี ท่านทั้งหลายทำงานในส่วนราชการ ซึ่งยิ่งอายุเยอะ ตำแหน่งสูงยิ่งอยู่สบายดังคำที่ว่า เช้าชามเย็นชาม แต่สำหรับท่านข้าราชการระดับสูงทั้งหลาย อาจกล่าวได้ว่า เช้า 1 ช้อนเย็นอีกครึ่งช้อน ท่านทำงานสบายๆ กินภาษีของลูกจ้างอย่างเรา
แล้วหันมาดูลูกจ้างเอกชนที่ใช้แรงงานทั้งหลาย ท่านคิดว่า เมื่อเขาอายุสูงขึ้นเขาจะสบายเหมือนท่านหรือครับ เปล่าเลยแค่ 50 ปี เขาก็จะโดนสารพัดความกดดันที่องค์กรจะมอบให้ เพราะเขาเป็นคนใช้แรงงาน ไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูง เมื่ออายุมาขึ้น ความสามารถด้านแรงงานก็ถดถอย แล้วไหนจะบางองค์กรที่ ทำงานกับความเสื่ยงด้านสุขภาพ สารพิษ ฝุ่นละออง พอสุขภาพทรุดโทรม ก็ทำงานกันไม่ค่อยจะใหวแล้ว
ท่านเคยได้ยินคำว่า " โดนบีบออก " มั๊ยครับ ท่านได้นึกถึงความรู้สึกของเขาเหล่านั้นมั๊ย ว่ามันอึดอัดขนาดไหน โดนด่าว่า โดนโขกสับยังไงก็ต้องทนเพื่อรอให้อายุถึงเกษียน 55 เพื่อจะได้มีเงินก้อนสุดท้านในชีวิต กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพตามบ้านนอกคอกนา ซึ่งผมคิดว่าท่านไม่เคยคิด เพราะท่านเอาตัวเองเป็นบรรทักฐานว่ายิ่งอายุเยอะ ยิ่งทำงานสบาย เพราะท่านทำงานราชการ แต่เอกชนเยอะอายุเยอะยิ่งโดนบีบ
ท่านคิดว่าบังคับให้เกษียนตอนายุ 60 มันดีอย่างไรครับ ตามความรู้อันน้อยนิดของผมมีไม่กี่ข้อ คือ
1. รัฐได้เก็บภาษีเพิ่ม
2. รัฐขยายเวลาการจ่ายเงินบำนาญคืนไปได้อีก 5 ปี จากเดิมอายุ 55 ก็มาจ่ายได้ตอน 60
3. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล ตามประกันสุขภาพแห่งชาติ ( เพราะพอเขาเกษียน 60 ก็ออกมาอยู่ไม่กี่ปีก็คงตายแล้ว )
4. องค์กรยังเหลือผู้บริหารระดับสูงที่มีความสามารถใว้ เพราะคนใหม่ไม่เก่งพอ ( ซึ่งลูกจ้าง 1 พัน คงมี ซัก 1 คน )
ข้อเสียละ
1. คนอายุ 60 ออกงานมาแทบจะเริ่มต้นอะไรใหม่ไม่ได้ได้ คือหมดไฟแล้ว คือออกมาแล้วต้องเป็นภาระรัฐอย่างเดียว
2. เมื่ออายุส่งเงินสมทบมาขึ้น เงินบำนาญรายเดือนก็ต้องจ่ายมากขึ้น
3. องค์กรนายจ้างเองก็จะมีภาระกับคนสูงอายุเหล่านี้ ทำใช้แรงได้ได้ไม่มีคุณภาพ เพราะอายุเยอะ
4. ท่านกำลังส่งเสริมให้คนกระจุกตัวกันอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีการจ้างงานเยอะ เพราะเมื่อเขายังไม่เกษียน เขาก้ต้องขนเอาลูกหลานมาอยู่ด้วย
5. จะเกิดปัญหาการละถิ่นฐานของคน ที่ต้องทิ้งบ้านเกิดมาอยู่ในเมือง
6. ระบบการผลิตอาหารจากต่างจังหวัดผิดเพี้ยนไป เมื่อคนละทิ้งฐิ่นฐานหมดก็จะไม่มีแรงงานทำนาให้คนในเมืองกิน
แล้วอะไรๆอีกหลายอย่าง ท่านได้โปรดเถอะครับ พิจารณาดูสิ่งที่ท่านควรจะทำคือเขียนกฏหมายโดนเปิดช่องให้พนักงานลูกจ้างเหล่านี้สามารถ #"แจ้งเกษียน" อายุตัวเองได้ เมื่อมีอายุสูงขึ้นอาจจะเริ่มที่ อายุ 50 ปีขึ้นไป จากที่เมื่อก่อน นายจ้างเท่านั้นที่มีสิทธิ์ #"แจ้งเกษียน" ลูกจ้างทำได้แค่ <b>ลาออก</b> และจะไม่ได้รับเงินชดเชยอะไรเลย มันคือสัญญาทาส เพราะถ้านายจ้างไม่แจ้งเกษียนอายุ ลูกจ้างก็ต้องทำงานไปจนตาย
การแก้กฏหมายบังคับให้ไปเกษียนอายุตอน 60 ปีเท่ากับท่านกำลังทำร้ายผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย
Ref. http://voicelabour.org/%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8-60-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD/