สวัสดีปีใหม่คะทุกคน
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองที่เรามาเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่ทุกคนมองไม่เห็น แต่อาจจะสัมผัสได้ โดยก่อนหน้านี้เราเล่าถึงเรื่องแม่ของเราเองที่ถูกผีเข้าเมื่อเรายังเด็ก จนเราไม่กล้านอนกับแม่อยู่หลายวัน ผ่านมาหลายปี คิดว่าเรื่องพวกนี้คงจะไม่เกิดขึ้นอีก ที่เกี่ยวกับผีๆ วิญญาณอะไรพวกนี้ เมื่อก่อนตอนเด็กๆจะเจอและสัมผัสได้อยู่บ่อยครั้ง แต่พอโตขึ้นยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ไม่ค่อยได้เจอ คนเลยไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้กันแล้ว
เราก็เป็นอีกคนที่เริ่มจะไม่ค่อยเชื่อ ถึงแม้จะมีคุณปู่เป็นหมอผี หรือเคยเจอเหตุการณ์เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับมาก่อน ที่คิดคือ ผีคงหายไปแล้วกับพวกตึกราบ้านช่องคอนโดที่สร้างทับที่เก่ารกร้าง หรือแม้กระทั่งบ้านสวนของเรา กลับไปปีใหม่คราวนี้ ทุกอย่างถูกเผาถางเป็นบ้านเรือนกันหมดแล้ว ป่าที่เคยมี น่ากลัวๆเวลาขับรถผ่านจะมีลมพัดและเสียงแมลงได้หายไป ได้ยินแต่เสียงของผู้คนสนุกสนานในวันใกล้วันปีใหม่ กลบเสียงของธรรมชาติไปหมดสิ้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรากลับบ้านในวันขึ้นปีใหม่คะ ชีวิตเราก็เป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ เด็กต่างจังหวัด มันก็ต้องกลับบ้านไปหาพ่อแม่ เอาของไปสวัสดีปีใหม่ผู้ใหญ่ ทำบุญร่วมกัน ตามประสาครอบครัวคนไทยนี้ละ ไอ้เราก็เพิ่งได้ทำงานมาไม่นาน แต่สิ้นปีได้โบนัส ดีใจมาก ก็เลยกลับบ้านแบบยิ้มๆ สดใส กะจะพาครอบครัวไปกินข้าว มียาย แม่ พ่อ และน้า ส่วนคุณตาเราเสียไปได้ 2 ปีแล้ว น่าเสียใจที่ท่านอยู่ไม่ทันถึงวันที่เรารับปริญญา
เราเดินทางด้วยรถส่วนตัวกับแฟน ลูกพี่ลูกน้องกับแฟนน้อง รวมเป็น 4 คน ในตอน 5 ทุ่ม วันที่ 28 ธันวา น้องกับแฟนของมันก็มาหาที่คอนโด เตรียมขนของกลับบ้าน มีของฝากนิดหน่อย และที่ลืมไม่ได้คือ กระดูกของคุณตาที่เรามักจะเก็บเอาไว้ตลอด ก่อนหน้านี้แม่โทรมากำชับว่าให้เอากระดูกของคุณตากลับมาที่บ้านด้วย จะได้เอามาทำบุญด้วยกัน ซึ่งญาติๆก็จะนำกระดูกของตากลับมาด้วย
ในขณะที่เราเก็บของ "ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครคนหนึ่งมายืนจ้องอยู่ตรงขอบกำแพงกั้นคอนโดเรา" แต่พอหันกลับไปมันก็หายไป ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงเ้นเงาจากอะไรบางอย่างมั้ง มัวแต่ดีใจที่จะได้กลับบ้านสักที น้องๆเก็บของเรียบร้อย เตรียมพร้อม เลยถามลูกพี่ลูกน้องว่าจะกลับบ้านตายายพร้อมเลยมั้ย น้องบอกว่ามีธุระจะต้องไปทำที่บ้านพ่อ อาจจะไม่ได้ไปทำบุญด้วย น้องขอให้แวะส่งระหว่างทางที่จังหวัดขอนแก่นก็พอ คุยเสร็จก็ออกเดินทาง
ระหว่างออกรถไม่รู้มีอะไรดนใจให้มองกระจกหลังก็ไม่รู้ เราไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น ว่าสิ่งที่เราเห็นก่อนหน้านี้มันกลับมา ย้ายจากกำแพงมายืนกลางถนนของคอนโดเราเลย พอจะเพ็งให้มองเห็นชัดๆ ก็หายไปอีกแล้ว ขยี้ตา ตาฝาดแน่ๆ อาจเป็นเพราะทำงานหนักก่อนจะปีใหม่รีบปั่นงานให้เสร็จ นอนดึก นอนไม่พอ เลยตาฟางแน่ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะรู้สึกกลัวกับสิ่งพวกนี้มาก แต่มาอยู่ถึงกรุงเทพเมืองกรุง ก็คงไม่มีอะไรเรื่องพวกนี้หรอกมั้ง คนก็อยู่กันเยอะเยาะ แสงไฟก็สว่างขนาดนี้ แต่มันเห็นสองครั้งแล้วนะสิ มันแปลกๆ เราไม่ได้บอกคนในรถว่าเห็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น ได้แต่คิดคนเดียวระหว่างทาง
ขับรถออกมาได้สักพัก แฟนรู้สึกง่วงเลยแวะปั้มสักหน่อย ส่วนน้องๆก็หลับกันทั้งสองคน แฟนก็ของีบ เหลือแต่เราที่ยังตื่นอยู่ ยังคิดเรื่องที่คอนโดอยู่ ว่าคืออะไร ไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน วางหมอนและผ้าห่ม ไว้ที่เบาะข้างคนขับ ลงจากรถไปเข้าห้องน้ำ หาอะไรกินล้างหน้าล้างตาสักหน่อย เผื่อจะดีขึ้น เข้าเซเว่นซื้อกาแฟ ขนมไปเผื่อน้องๆ สักพักแม่โทรมาถามว่าถึงไหนกันแล้ว รถติดมั้ย ให้เดินทางกันดีๆคนกลับบ้านเยอะให้ระวัง แม่ก็ถามปกติไปตามเรื่อง แต่ที่น่าแปลกคือแม่จะถามถึงกระดูกของตาตลอด ว่าเอามาด้วยมั้ย ตอบแม่ว่าไม่ลืม เอามาด้วยอยู่แล้วน่า แม่จะอะไรเนี่ย แม่บอกก็ไม่ได้อะไรแต่กลัวลูกลืม เดี๋ยวไม่ได้ทำบุญ อุตส่าห์เป็นวันปีใหม่ เราตอบ "โอเคนะคะแม่ ใกล้ถึงบ้านแล้วจะโทรหาอีกที อาจจะช้าหน่อยต้องแวะส่งน้องก่อน" และแม่ก็วางสายไป
วางหูเสร็จเราก็เดินกลับมาที่รถ "อ้าวรถหาย หายได้ไง หายไปไหน คืองง" เดินหารอบปั้มเลยคะ จำได้ว่าจอดเยื้องๆหน้าเซเว่น จอดคันสุดท้ายที่มีต้นไม้
แต่รถหายไปเฉยเลย เอาไงละทีนี้ โทรหาแฟนทันทีเลย ว่าอยู่ที่ไหน โทรหาเท่าไรก็ไม่รับสายไม่รู้เป็นอะไร ตัดสินใจเดินรอบอีกที ถ้าไม่เจอทีนี้จะร้องไห้ละนะ คนก็เยอะๆ แย่งกันจอดแย่งกันเข้าแย่งกันใช้ ทั้งโมโหทั้งใจหาย ในใจคิดถ้าไม่อยู่จริงๆจะทำไง ถ้าเจอนะจะด่าให้หายง่วงเลยคอยดู
เอาวะเดินอีกรอบจะเป็นไรไป เดินมาเรื่อยๆจนวนถึงที่ที่แฟนเราจอดรถ เดินรอบนี้เราเจอรถแล้ว ดีใจมาก แต่ยังโมโหอยู่ที่แฟนไม่รับโทรศัพท์เลย รีบวิ่งเข้าไปที่รถ มองผ่านกระจกเห็นเงาผู้ชายคนหนึ่ง นั่งติดกับเบาะคนขับ มันคือที่นั่งของเรา สงสัยจะเปนน้องเปลี่ยนมานั่งข้างหน้าละมั้ง เลยเดินเลยเปิดประตูด้านหลังแทน แต่พอเปิดเข้าไปทุกอย่างในรถก็เงียบ น้องสองคนยังคงนอนหลับอยู่ ส่วนแฟนเรามันก็หลับเหมือนกัน งง นึกขึ้นได้ว่ามีคนนั่งอยู่เบาะมี่เรานั่งนิ
หันไปกะจะถามว่าเป็นใครมาทำไม รู้จักพวกเราหรือป่าว แต่หายไปแล้ว หายไปแล้ว ช็อค 3 วิ เมื่อกี้ใคร ตาฝาดอีกแล้วเหรอ บ้าหรือป่าว ตั้งแต่ออกจากคอนโดนมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่3 แล้วนะ ตอนนั้นเรารีบปลุกทุกคนแล้วเล่าให้ฟังว่าหารถไม่เจอ รีบเอาโทรศัพท์แฟนมาดู ไม่มีสายเรียกเข้าเลยสักสาย เอาแล้วไง
ตูกำลังเจอเรื่องตลกอะไรละเนี่ย
เรื่องน่ากลัวในครอบครัวกลับมา เมื่อยายตั้งศาลพระภูมิแต่ไม่บอกใคร
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองที่เรามาเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่ทุกคนมองไม่เห็น แต่อาจจะสัมผัสได้ โดยก่อนหน้านี้เราเล่าถึงเรื่องแม่ของเราเองที่ถูกผีเข้าเมื่อเรายังเด็ก จนเราไม่กล้านอนกับแม่อยู่หลายวัน ผ่านมาหลายปี คิดว่าเรื่องพวกนี้คงจะไม่เกิดขึ้นอีก ที่เกี่ยวกับผีๆ วิญญาณอะไรพวกนี้ เมื่อก่อนตอนเด็กๆจะเจอและสัมผัสได้อยู่บ่อยครั้ง แต่พอโตขึ้นยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ไม่ค่อยได้เจอ คนเลยไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้กันแล้ว
เราก็เป็นอีกคนที่เริ่มจะไม่ค่อยเชื่อ ถึงแม้จะมีคุณปู่เป็นหมอผี หรือเคยเจอเหตุการณ์เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับมาก่อน ที่คิดคือ ผีคงหายไปแล้วกับพวกตึกราบ้านช่องคอนโดที่สร้างทับที่เก่ารกร้าง หรือแม้กระทั่งบ้านสวนของเรา กลับไปปีใหม่คราวนี้ ทุกอย่างถูกเผาถางเป็นบ้านเรือนกันหมดแล้ว ป่าที่เคยมี น่ากลัวๆเวลาขับรถผ่านจะมีลมพัดและเสียงแมลงได้หายไป ได้ยินแต่เสียงของผู้คนสนุกสนานในวันใกล้วันปีใหม่ กลบเสียงของธรรมชาติไปหมดสิ้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรากลับบ้านในวันขึ้นปีใหม่คะ ชีวิตเราก็เป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ เด็กต่างจังหวัด มันก็ต้องกลับบ้านไปหาพ่อแม่ เอาของไปสวัสดีปีใหม่ผู้ใหญ่ ทำบุญร่วมกัน ตามประสาครอบครัวคนไทยนี้ละ ไอ้เราก็เพิ่งได้ทำงานมาไม่นาน แต่สิ้นปีได้โบนัส ดีใจมาก ก็เลยกลับบ้านแบบยิ้มๆ สดใส กะจะพาครอบครัวไปกินข้าว มียาย แม่ พ่อ และน้า ส่วนคุณตาเราเสียไปได้ 2 ปีแล้ว น่าเสียใจที่ท่านอยู่ไม่ทันถึงวันที่เรารับปริญญา
เราเดินทางด้วยรถส่วนตัวกับแฟน ลูกพี่ลูกน้องกับแฟนน้อง รวมเป็น 4 คน ในตอน 5 ทุ่ม วันที่ 28 ธันวา น้องกับแฟนของมันก็มาหาที่คอนโด เตรียมขนของกลับบ้าน มีของฝากนิดหน่อย และที่ลืมไม่ได้คือ กระดูกของคุณตาที่เรามักจะเก็บเอาไว้ตลอด ก่อนหน้านี้แม่โทรมากำชับว่าให้เอากระดูกของคุณตากลับมาที่บ้านด้วย จะได้เอามาทำบุญด้วยกัน ซึ่งญาติๆก็จะนำกระดูกของตากลับมาด้วย
ในขณะที่เราเก็บของ "ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครคนหนึ่งมายืนจ้องอยู่ตรงขอบกำแพงกั้นคอนโดเรา" แต่พอหันกลับไปมันก็หายไป ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงเ้นเงาจากอะไรบางอย่างมั้ง มัวแต่ดีใจที่จะได้กลับบ้านสักที น้องๆเก็บของเรียบร้อย เตรียมพร้อม เลยถามลูกพี่ลูกน้องว่าจะกลับบ้านตายายพร้อมเลยมั้ย น้องบอกว่ามีธุระจะต้องไปทำที่บ้านพ่อ อาจจะไม่ได้ไปทำบุญด้วย น้องขอให้แวะส่งระหว่างทางที่จังหวัดขอนแก่นก็พอ คุยเสร็จก็ออกเดินทาง
ระหว่างออกรถไม่รู้มีอะไรดนใจให้มองกระจกหลังก็ไม่รู้ เราไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น ว่าสิ่งที่เราเห็นก่อนหน้านี้มันกลับมา ย้ายจากกำแพงมายืนกลางถนนของคอนโดเราเลย พอจะเพ็งให้มองเห็นชัดๆ ก็หายไปอีกแล้ว ขยี้ตา ตาฝาดแน่ๆ อาจเป็นเพราะทำงานหนักก่อนจะปีใหม่รีบปั่นงานให้เสร็จ นอนดึก นอนไม่พอ เลยตาฟางแน่ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะรู้สึกกลัวกับสิ่งพวกนี้มาก แต่มาอยู่ถึงกรุงเทพเมืองกรุง ก็คงไม่มีอะไรเรื่องพวกนี้หรอกมั้ง คนก็อยู่กันเยอะเยาะ แสงไฟก็สว่างขนาดนี้ แต่มันเห็นสองครั้งแล้วนะสิ มันแปลกๆ เราไม่ได้บอกคนในรถว่าเห็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น ได้แต่คิดคนเดียวระหว่างทาง
ขับรถออกมาได้สักพัก แฟนรู้สึกง่วงเลยแวะปั้มสักหน่อย ส่วนน้องๆก็หลับกันทั้งสองคน แฟนก็ของีบ เหลือแต่เราที่ยังตื่นอยู่ ยังคิดเรื่องที่คอนโดอยู่ ว่าคืออะไร ไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน วางหมอนและผ้าห่ม ไว้ที่เบาะข้างคนขับ ลงจากรถไปเข้าห้องน้ำ หาอะไรกินล้างหน้าล้างตาสักหน่อย เผื่อจะดีขึ้น เข้าเซเว่นซื้อกาแฟ ขนมไปเผื่อน้องๆ สักพักแม่โทรมาถามว่าถึงไหนกันแล้ว รถติดมั้ย ให้เดินทางกันดีๆคนกลับบ้านเยอะให้ระวัง แม่ก็ถามปกติไปตามเรื่อง แต่ที่น่าแปลกคือแม่จะถามถึงกระดูกของตาตลอด ว่าเอามาด้วยมั้ย ตอบแม่ว่าไม่ลืม เอามาด้วยอยู่แล้วน่า แม่จะอะไรเนี่ย แม่บอกก็ไม่ได้อะไรแต่กลัวลูกลืม เดี๋ยวไม่ได้ทำบุญ อุตส่าห์เป็นวันปีใหม่ เราตอบ "โอเคนะคะแม่ ใกล้ถึงบ้านแล้วจะโทรหาอีกที อาจจะช้าหน่อยต้องแวะส่งน้องก่อน" และแม่ก็วางสายไป
วางหูเสร็จเราก็เดินกลับมาที่รถ "อ้าวรถหาย หายได้ไง หายไปไหน คืองง" เดินหารอบปั้มเลยคะ จำได้ว่าจอดเยื้องๆหน้าเซเว่น จอดคันสุดท้ายที่มีต้นไม้
แต่รถหายไปเฉยเลย เอาไงละทีนี้ โทรหาแฟนทันทีเลย ว่าอยู่ที่ไหน โทรหาเท่าไรก็ไม่รับสายไม่รู้เป็นอะไร ตัดสินใจเดินรอบอีกที ถ้าไม่เจอทีนี้จะร้องไห้ละนะ คนก็เยอะๆ แย่งกันจอดแย่งกันเข้าแย่งกันใช้ ทั้งโมโหทั้งใจหาย ในใจคิดถ้าไม่อยู่จริงๆจะทำไง ถ้าเจอนะจะด่าให้หายง่วงเลยคอยดู
เอาวะเดินอีกรอบจะเป็นไรไป เดินมาเรื่อยๆจนวนถึงที่ที่แฟนเราจอดรถ เดินรอบนี้เราเจอรถแล้ว ดีใจมาก แต่ยังโมโหอยู่ที่แฟนไม่รับโทรศัพท์เลย รีบวิ่งเข้าไปที่รถ มองผ่านกระจกเห็นเงาผู้ชายคนหนึ่ง นั่งติดกับเบาะคนขับ มันคือที่นั่งของเรา สงสัยจะเปนน้องเปลี่ยนมานั่งข้างหน้าละมั้ง เลยเดินเลยเปิดประตูด้านหลังแทน แต่พอเปิดเข้าไปทุกอย่างในรถก็เงียบ น้องสองคนยังคงนอนหลับอยู่ ส่วนแฟนเรามันก็หลับเหมือนกัน งง นึกขึ้นได้ว่ามีคนนั่งอยู่เบาะมี่เรานั่งนิ
หันไปกะจะถามว่าเป็นใครมาทำไม รู้จักพวกเราหรือป่าว แต่หายไปแล้ว หายไปแล้ว ช็อค 3 วิ เมื่อกี้ใคร ตาฝาดอีกแล้วเหรอ บ้าหรือป่าว ตั้งแต่ออกจากคอนโดนมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่3 แล้วนะ ตอนนั้นเรารีบปลุกทุกคนแล้วเล่าให้ฟังว่าหารถไม่เจอ รีบเอาโทรศัพท์แฟนมาดู ไม่มีสายเรียกเข้าเลยสักสาย เอาแล้วไง
ตูกำลังเจอเรื่องตลกอะไรละเนี่ย