ฉันมีเรื่องราวสิ่งที่มองไม่เห็นมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง
เป็นเรื่องราวที่ฉันเก็บความสงสัยมาหลายปี
เคยเล่าให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่ทำงานฟัง แล้วทุกคนต่างบอกให้ฉันลองไปพิสูจน์ดู ว่าตกลง
"ยายเป็นคนหรือวิญญาณกันแน่"
เรื่องมีอยู่ว่า
ฉันเป็นพนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง
ซึ่งฉันเข้างานเวลา 21.00-06.00น. กะดึก
ก่อนเข้างานฉันอาบน้ำแต่งตัวตั้งใจจะไปหาซื้ออะไรกินก่อนไปทำงาน ซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณ 18.45 น. หน้าหนาวท้องฟ้าออกส้มๆ ใกล้มืด เวลาโพล้เพล้
สถานที่ที่ฉันจะไป จะผ่านซอยโรงเรียนสตรี
ของจังหวัด (ซอยนี้มีประวัติและคนเคยเจอเยอะมาก)
ฉันขับรถมอไซส์ผ่านไปทางนั้นพอดี และมีรถมอไซส์ขับนำหน้าฉันไปประมาณ 3 คัน และจังหวะนั้น
ฉันเห็นยายคนหนึ่งยืนโบกรถที่ขับนำฉันไปแต่ไม่มีใครจอดสักคน พอฉันขับมาถึงตรงที่ยายยืนอยู่
ตรงนั้นจะมีศาลตายายที่ทำจากสังกะสีและไม้เก่าๆ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ พอฉันขับไปฉันเห็นยายยืนโบกมือและเรียกฉันให้จอด
ยาย : ไอ้หนูๆ
ฉัน : ยายจะไปไหน
ยาย : ช่วยไปส่งยายซื้อสังฆทานหน่อยลูกยายจะไปวัด
ฉัน : ยายป่านนี้ร้านปิดหมดแล้วนี่จะทุ่มแล้วนะ วัดที่ไหนเขาจะเปิด
ยาย : ช่วยไปส่งยายหน่อยนะไอ้หนูยายจะกลับบ้าน
ฉัน : อะก็ได้ยายงั้นขึ้นรถมา ขึ้นดีๆนะระวังตก
ฉันก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ในใจก็คิดอยู่ว่ายายเขาหลงหรือเปล่าจะไปซื้อสังฆทานตอนนี้ แล้ววัดที่ไหนจะเปิด
แต่ก็อาสาไปส่งแกซักหน่อย แต่มันเป็นคนละทางกับที่ฉันจะไปหาซื้ออะไรกินตอนแรกเลยนะ แต่ฉันคิดในใจว่าเออไม่เป็นไรเดี๋ยวไปส่งยายก่อนแล้วค่อยไปหากินในตลาดเอา เพราะวันนี้ออกมาเร็ว เหลือเวลาอีกนานกว่าจะเข้างาน
ระหว่างทางที่ขับรถ
ยาย : ไอ้หนูๆ ถ้าเองมีเรื่องไม่สบายใจเองนึกถึงยายนะ
ยายชื่อ พรทิพย์
ฉัน : ออ จ๊ะ
ฉันตอบยายไปแค่นั้น ยายสะกิดฉันประมาณ 4 รอบ
ยาย : ไอ้หนูๆ ถ้าเองไปทำบุญที่ไหน ยายชื่อพรทิพย์นะ
ให้นึกถึงยายด้วยนะ
ฉัน : จ๊ะ
อีกแค่ไม่ถึง 10วินาที ยายสะกิดฉันและพูดประโยคเดิม
จนมาถึงร้าน แต่ตอนนี้ร้านมันปิดไปแล้ว ยายเลยให้ฉันไปส่งแกที่ ข้างวัดนครสวรรค์ ฉันเลยแวะไปส่งแกที่นั้น
พอฉันจอดรถ และกำลังจะหันไปบอกยาย ว่าถึงแล้ว ฉันหันมาอีกที ฉันก็ไม่เจอยายแล้ว ฉันตกใจมาก ว่ายายหายไปไหนวะ ฉันจึงจอดรถและลงไปดู ทางตรงนั้นจะมีซอย เล็กๆอยู่ แต่ต่อให้เป็นวัยรุ่นหรือนักวิ่งก็ไม่สามารถวิ่งเร็วขนาดนั้นได้ ฉันลงไปดูที่ประตูวัด แต่มันมีโซ่ล็อคอยู่ซึ่งไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปได้
ฉันทั้งงงและตกใจและยังสงสัยว่ายายเป็นใครกันแน่ คนหรือผี สงสัยจนฉันต้องเดินไปถามร้านน้ำเต้าหู้ ที่อยู่ตรงข้ามประตูวัด ว่าเมื่อกี้พี่เห็นใครมากับหนูหรือเปล่า พี่เขาก็บอกว่าไม่เห็นนะ เห็นแต่ฉันขับรถมาจอด แล้วก็ลงไปเขย่าประตู ก็ยังสงสัยอยู่ว่าฉันเขย่าทำไมก็เห็นอยู่ว่ามีโซ่คล้องล็อคอยู่ เขาบอกฉันแค่นั้น
ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้
จนถึงเวลาเข้างาน ฉันไปเล่าให้เพื่อนและพี่น้องที่ทำงานฟัง เขาบอกให้ฉันไปทำบุญให้ยาย และลองไปดูตามกำแพงวัดว่ามีชื่อยายหรือเปล่า
ฉันมานั่งคิดทบทวนดู ว่ายายพูดอะไรกับฉันบ้างฉันจึงคิดว่าถ้ายายเป็นผีก็คงมาขอให้ฉันทำบุญให้เท่านั้น
เพราะ พรุ่งนี้วันหยุด ฉันจะไปไหว้พระและไปเที่ยว
วัดป่าคำโฉนดพอดี แต่ถ้ายายเป็นคน แล้วยายหายไปไหนตอนลงรถทำไมไม่บอกฉันสักคำ ....
สุดท้ายนี้ฉันไม่รู้ว่ายายเป็นใคร แต่ทุกครั้งที่ฉันทำบุญ
ฉันจะเอ่ยชื่อ ยายตลอด "ยายพรทิพย์"
ยายชื่อพรทิพย์
เป็นเรื่องราวที่ฉันเก็บความสงสัยมาหลายปี
เคยเล่าให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่ทำงานฟัง แล้วทุกคนต่างบอกให้ฉันลองไปพิสูจน์ดู ว่าตกลง
"ยายเป็นคนหรือวิญญาณกันแน่"
เรื่องมีอยู่ว่า
ฉันเป็นพนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง
ซึ่งฉันเข้างานเวลา 21.00-06.00น. กะดึก
ก่อนเข้างานฉันอาบน้ำแต่งตัวตั้งใจจะไปหาซื้ออะไรกินก่อนไปทำงาน ซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณ 18.45 น. หน้าหนาวท้องฟ้าออกส้มๆ ใกล้มืด เวลาโพล้เพล้
สถานที่ที่ฉันจะไป จะผ่านซอยโรงเรียนสตรี
ของจังหวัด (ซอยนี้มีประวัติและคนเคยเจอเยอะมาก)
ฉันขับรถมอไซส์ผ่านไปทางนั้นพอดี และมีรถมอไซส์ขับนำหน้าฉันไปประมาณ 3 คัน และจังหวะนั้น
ฉันเห็นยายคนหนึ่งยืนโบกรถที่ขับนำฉันไปแต่ไม่มีใครจอดสักคน พอฉันขับมาถึงตรงที่ยายยืนอยู่
ตรงนั้นจะมีศาลตายายที่ทำจากสังกะสีและไม้เก่าๆ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ พอฉันขับไปฉันเห็นยายยืนโบกมือและเรียกฉันให้จอด
ยาย : ไอ้หนูๆ
ฉัน : ยายจะไปไหน
ยาย : ช่วยไปส่งยายซื้อสังฆทานหน่อยลูกยายจะไปวัด
ฉัน : ยายป่านนี้ร้านปิดหมดแล้วนี่จะทุ่มแล้วนะ วัดที่ไหนเขาจะเปิด
ยาย : ช่วยไปส่งยายหน่อยนะไอ้หนูยายจะกลับบ้าน
ฉัน : อะก็ได้ยายงั้นขึ้นรถมา ขึ้นดีๆนะระวังตก
ฉันก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ในใจก็คิดอยู่ว่ายายเขาหลงหรือเปล่าจะไปซื้อสังฆทานตอนนี้ แล้ววัดที่ไหนจะเปิด
แต่ก็อาสาไปส่งแกซักหน่อย แต่มันเป็นคนละทางกับที่ฉันจะไปหาซื้ออะไรกินตอนแรกเลยนะ แต่ฉันคิดในใจว่าเออไม่เป็นไรเดี๋ยวไปส่งยายก่อนแล้วค่อยไปหากินในตลาดเอา เพราะวันนี้ออกมาเร็ว เหลือเวลาอีกนานกว่าจะเข้างาน
ระหว่างทางที่ขับรถ
ยาย : ไอ้หนูๆ ถ้าเองมีเรื่องไม่สบายใจเองนึกถึงยายนะ
ยายชื่อ พรทิพย์
ฉัน : ออ จ๊ะ
ฉันตอบยายไปแค่นั้น ยายสะกิดฉันประมาณ 4 รอบ
ยาย : ไอ้หนูๆ ถ้าเองไปทำบุญที่ไหน ยายชื่อพรทิพย์นะ
ให้นึกถึงยายด้วยนะ
ฉัน : จ๊ะ
อีกแค่ไม่ถึง 10วินาที ยายสะกิดฉันและพูดประโยคเดิม
จนมาถึงร้าน แต่ตอนนี้ร้านมันปิดไปแล้ว ยายเลยให้ฉันไปส่งแกที่ ข้างวัดนครสวรรค์ ฉันเลยแวะไปส่งแกที่นั้น
พอฉันจอดรถ และกำลังจะหันไปบอกยาย ว่าถึงแล้ว ฉันหันมาอีกที ฉันก็ไม่เจอยายแล้ว ฉันตกใจมาก ว่ายายหายไปไหนวะ ฉันจึงจอดรถและลงไปดู ทางตรงนั้นจะมีซอย เล็กๆอยู่ แต่ต่อให้เป็นวัยรุ่นหรือนักวิ่งก็ไม่สามารถวิ่งเร็วขนาดนั้นได้ ฉันลงไปดูที่ประตูวัด แต่มันมีโซ่ล็อคอยู่ซึ่งไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปได้
ฉันทั้งงงและตกใจและยังสงสัยว่ายายเป็นใครกันแน่ คนหรือผี สงสัยจนฉันต้องเดินไปถามร้านน้ำเต้าหู้ ที่อยู่ตรงข้ามประตูวัด ว่าเมื่อกี้พี่เห็นใครมากับหนูหรือเปล่า พี่เขาก็บอกว่าไม่เห็นนะ เห็นแต่ฉันขับรถมาจอด แล้วก็ลงไปเขย่าประตู ก็ยังสงสัยอยู่ว่าฉันเขย่าทำไมก็เห็นอยู่ว่ามีโซ่คล้องล็อคอยู่ เขาบอกฉันแค่นั้น
ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้
จนถึงเวลาเข้างาน ฉันไปเล่าให้เพื่อนและพี่น้องที่ทำงานฟัง เขาบอกให้ฉันไปทำบุญให้ยาย และลองไปดูตามกำแพงวัดว่ามีชื่อยายหรือเปล่า
ฉันมานั่งคิดทบทวนดู ว่ายายพูดอะไรกับฉันบ้างฉันจึงคิดว่าถ้ายายเป็นผีก็คงมาขอให้ฉันทำบุญให้เท่านั้น
เพราะ พรุ่งนี้วันหยุด ฉันจะไปไหว้พระและไปเที่ยว
วัดป่าคำโฉนดพอดี แต่ถ้ายายเป็นคน แล้วยายหายไปไหนตอนลงรถทำไมไม่บอกฉันสักคำ ....
สุดท้ายนี้ฉันไม่รู้ว่ายายเป็นใคร แต่ทุกครั้งที่ฉันทำบุญ
ฉันจะเอ่ยชื่อ ยายตลอด "ยายพรทิพย์"