ขอโทษนะครับ ผมมีปัญหาจะปรึกษาครับ กลุ้มใจมาก อยากฆ่าตัวตาย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถึง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และสมาชิกทุกๆคนในเว็บพันทิป คือผมเป็นโรคซึมเศร้า คิดมาก ฐานะยากจน เป็นกะเทย ปัจจุบันนี้ผมไม่ได้เรียนครับ อายุผม 18 ปีแล้ว ไม่ได้เรียน 2 ปีแล้ว จบแค่ ม.3 ตอนผมจบ ม.3 ใหม่ๆผมก็ต่อ ม.4 ตามปกติโรงเรียนเดิม แต่แล้วผมก็ได้ลาออกจากโรงเรียนเก่า เหตุผลที่ผมได้ลาออกคือ ตอนประมาณ ม.3 ผมได้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ตอนนั้นผมไม่มีเพื่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่า ผมเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้เข้ากับคนได้ยาก เพื่อนๆเกลียดผมหมดเลย เพื่อนๆมักบอกว่า ผมนิสัยเลวมากๆ ผมก็ยอมรับนะ คือคนเราจะให้ดีไปหมดซะทุกอย่างก็เป็นไปได้ยากครับ ผมนั้นติดโทรศัพท์อินเทอร์เน็ตมากๆ  การบ้านก็ไม่ได้ทำ (ขอยกนามสมมุติเพื่อนสนิทว่ารินนะครับ) รินคือหนึ่งในกลุ่มเด็กเรียนสุดในห้อง รินก็ให้ผมเข้าเฟซเขาไปส่องคนที่รินแอบชอบทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไม่ได้ทำการบ้าน ไม่ได้อ่านหนังสือ ผมขาดเรียนบ่อยมากๆ ไปโรงเรียนสมองเบลอทุกวันไปโรงเรียนก็ต้องให้โทรศัพท์รินเล่นจนพัง ผมอยู่หลายกลุ่มครับ ผมจึงได้รับฉายา "นกสองหัว" ตลอด รินเป็นคนพูดแรงมากๆ ผมกลัวว่ารินจะเลิกคบเป็นเพื่อน ผมเลยยอมทำตามรินทุกอย่าง จนวันหนึ่งผมทนไม่ไหวปี๊ดแตกโวยวายร้องไห้ฟูมฟายย้ายไปอีกกลุ่มนึงซึ่งเป็นกลุ่มไม่ถูกกับกลุ่มเดียวกับริน  เมื่อก่อนพวกเขาเคยเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่มาแตกแยกกัน เพราะ ผมซึ่งมีรินคอยบงการไม่ให้ผมเรียนเก่ง เพราะความอิจฉา ไม่ยอมคน ความเอาแต่ใจ ของรินนั่นเอง พอผมย้ายไปอีกกลุ่มนึง (ขอยกนามสมมุติเพื่อนสนิทอีกคนว่าดา) ผมสนิทอยู่กับดา อยู่คบได้ไม่นาน ดาเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนทำให้ดาแตกแยกกับริน ม.2 ที่ผ่านมา ดาลำบาก ทำการบ้านโครงงานคนเดียวในห้องตลอด ดาเกลียดผมมาก ดาแก้แค้นผม แกล้งพูดว่าเป็นเพื่อนผม ซึ่งความจริงมันไม่ใช่เลย ดาแก้แค้นผมเจ็บมาก จนผมเหมือนไม่มีใครในโรงเรียน ทุกๆวันผมหดหู่ จนใกล้จบ ม.3 ผมไปปรึกษาครูฝ่ายแนะแนว (ขอยกนามสมมุติครูแนะแนวว่าครูมะเฟือง) ครูมะเฟืองแนะนำให้ผมไปโรงพยาบาลจิตเวช ทีแรกครูมะเฟืองให้ผมทำใจเพราะมันเป็นกรรมแต่ชาติก่อน ครูมะเฟืองมักพูดเสมอว่าผมเป็นคนบ้า สติไม่ดี ยิ่งทำให้ผมกดดัน จนกระทั้งวันนึงมีจดหมายพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ส่งมาถึงผม ส่วนนึงผมก็ชื่นชอบศิลปินฝรั่งคนนึง (แต่ไม่รู้เรื่องภาษาอังกฤษเลย) อีกส่วนก็มาจากคุณครูสอนดนตรีที่มาสอนให้โรงเรียนชั่วคราวก็เชื่อพระเยซู จนกระทั่งวันนึงผมจึงตัดสินใจเชื่อพระเยซู ผมจึงเริ่มอธิษฐานขอให้ผมได้เพื่อนที่ดีช่วยผม เรื่องการเรียนด้วยเถิด (ที่ผมสนิทกับเพื่อนที่ดีไม่ได้นั้นก็เพราะเพื่อนที่ดีคนนั้นสนิทกับริน) ผมได้พระคัมภีร์จากครูสอนดนตรี ผมอ่านพระคัมภีร์พร้อมกับอธิษฐานสม่ำเสมอ จนกระทั่งวันนึงเพื่อนที่ดีคนนั้นสงสารผม พูดคุยกับผม แต่รินก็คอยขัดขวางตลอด ผมอธิษฐานขยันส่งงาน แก้ศูนย์หมด ก็เป็นจริงอย่างที่ผมอธิษฐาน ผมจึงศรัทธาต่อพระเยซูมากขึ้นเรื่อยๆ มันมหัศจรรย์มาก จากที่ผมไม่สนใจเรื่องการเรียน แต่ผมก็มาขยันจนเอาตัวรอดจนจบ ม.3 ได้ ช่วงปิดเทอมผมก็หาความรู้เรื่องพระเยซูจากอินเทอร์เน็ต ในเฟซบุ๊กนั้น มีคนประกาศเรื่องพระเยซูซึ่งเป็นคริสตจักรแห่งแรกที่ผมได้เป็นสมาชิก นิกายโปรแตสเตนส์ เปิดเทอมมา อยู่ ม.4 ก็เจอเรื่องศานาอีก ที่โรงเรียนผมได้มีกิจกรรมเข้าค่ายธรรมะ ม.4 ทุกรุ่น เป็นเวลา 4 คืน 5 วัน ผมปฏิเสธคุณครูฝ่ายสังคม ว่า ผมสุขภาพจิตไม่ดีนะครับ ผมศรัทธาในตัวพระเยซูคริสต์ แล้วผมเกรงว่าจะไปกระทบต่อกิจกรรมของโรงเรียน แต่ครูไม่เชื่อว่าผมศรัทธาในตัวพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง ครูเข้าใจผิดว่าผมแค่หาข้ออ้างไม่ให้ผมได้เข้าค่ายธรรมะ แต่ครูจะให้ผมไปให้ได้ จึงอ้างว่าให้ผมไปเพื่อให้ไปฝึกสติสมาธิ ผมจึงได้เดินทางไปเข้าค่ายธรรมะ  แต่ผมก็ได้อยู่ไม่ถึง 2 วัน ผมได้รับความกดดันเป็นอย่างมาก จนสติผมแตกร้องไห้เสียงดังในห้องน้ำ ครูจึงนำผมส่งกลับบ้านทันที ครูหน้าแตกและแค้นผมมาก ทุกๆวันเรียนปกติวิชา สังคมฯ ผมไม่เห็นหน้าครูคนนั้นเลย หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์แปลกๆ ผมทะเลาะกับครูที่ปรึกษาเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพื่อนมาบอกว่าที่ครูประกาศต่อหน้าเสาธงว่ามีเด็กนักเรียนคนนึงซึ่งได้รับคูปองนักเรียนทำไม่ดี เอาคูปองไปแลกเป็นเงินสดเยอะๆ โดยจ้างรุ่นน้อง นักเรียนคนๆนั้นซึ่งเป็นผมเอง  ผมได้ยินผมตกใจมาก เพิ่มความเครียด ความกดดันเข้าไปอีก ผมจึงได้รับบำบัดโดยนักจิตวิทยาที่โรงพยาบาลจิตเวช ไปรับยาทุกๆเดือน ปี 2558 ผมตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ปี 2559 ผมไปสมัครใหม่ เรียนไม่พอ 3 อาทิตย์ก็ลาออก จึงไปพักผ่อนที่บ้านพึ่งศาสนา แต่คริสตจักรที่ผมไปอยู่นั่นมีแต่รีดไถ่ถวายเงินสิบลด ผมรู้สึกไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย ต้องไปอยู่ที่โบสถ์ซึ่งเป็นตึกเช่า สนใจไปประกาศหาลูกแกะเข้าโบสถ์มากกว่าโฟกัสไปที่พระเยซู ผมจึงตัดสินใจย้ายโบสถ์ มาอยู่โบสถ์ นิกาย คาริสเมติก เป็นเวลา 3 ปี ที่ผมออกผมได้รับความกดดันจากพี่เลี้ยงว่าพระเจ้าเกลียดผมเพราะผมเป็นกะเทย ผมไม่เอาจริงเอาจังกับพระเจ้าซักที ที่ผ่านมาผมเสียเงินค่ารถค่าราไปเปล่าๆ ผมได้ฟังแล้วผมจุกมากๆ ชีวิตนี้ขอตายเลยดีกว่า ปัจจุบันผมเผลอมาเจอ คนที่เชื่อในพระคริสต์ในเฟซ เขารีบปลอบปโลมใจผม ซึ่งพี่คนนี้ก็ต่อต้านคริสเตียนดูถูกเพศที่สาม ผมมีกำลังใจในการมีชีวิตต่อไป ที่ผ่านมาผมคิดฆ่าตัวตายมาตลอด แล้วก็ เกือบตาย แต่ผมก็มีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างมหัศจรรย์หลายครั้ง มีอยู่ครั้งนึงผมไปสมัครเรียนอีกโรงเรียนนึง ครูซึ่งอ้างเป็นเพื่อนสนิทกับครูโรงเรียนที่ผมจบ ม.ต้น พอครูโทรไปถามที่โรงเรียนเก่าผมด้วยความแปลกใจว่าทำไมไม่ต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเก่า ที่นั่นก็มี ม.4 ให้ต่อจะได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย พอครูเปิดลำโพงโทรศัพท์โทรไปหาโรงเรียนที่ผมจบ ม.ต้น ครูกลับตอบมาว่า อย่าเอามันเข้าเรียนเลย มันเป็นโรคทางสมอง เสียเงินค่าเทอมมันเปล่าๆ ผมจีงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมไม่ได้เรียนต่อสักที แต่มันก็นานมาซักพักแล้ว ทุกวันนี้ผมปั่นจักยานไปเล่นร้านเน็ตแถวๆโรงเรียนทุกๆวัน ผมยกมือไหว้ครูทุกคนด้วยความเคารพจากใจถึงแม้จะมีเหตุหมาดหมางใจต่อกันก็ตาม แต่ครูกลับไม่รับไหว้ผม หันหน้าหนี ทำเหมือนผมเป็นอากาศ ไม่มีตัวตน แต่พระเยซูก็สอนผมว่า ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ ความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด (1คร. 13:13)

ต่อจากนี้ผมอยากตั้งใจเรียนจริงๆ ผมอยากมีทุนการศึกษา อยากต่อ ม.4 สาย ศิลป์-ภาษา ผมอยากเข้ากับสังคมคริสเตียนได้ ครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
70% ของคนอายุวัยนี้ คือวัยเรียนค่ะ ชีวิตส่วนใหญ่ คือ เรียน เพื่อน เที่ยว และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในรั้วโรงเรียน ส่วน 30% ที่ไม่ได้เรียน คือ มีปัญหา เช่น ปัญหาครอบครัว การเงิน ปัญหาสุขภาพ ติดยา ท้องวัยเรียน เกเร พิการ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ฯลฯ เหตุผลที่คุณลาออก ก็คือ ปัญหาสุขภาพ(จิต) แต่เท่าที่อ่านมา จขกท.ก็ไม่น่าจะถึงขั้นป่วยทางจิตน่ะค่ะ เพียงแต่เป็นเด็กเก็บกด อารมณ์รุนแรง หรือกลัวการไม่ยอมรับของเพื่อน และความเป็นเพศที่สาม ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยนี้นะค่ะ ที่กลัวเพื่อนไม่ยอมรับ ทำนองนั้น

ซึ่งการที่คุณลาออกมา มันทำให้คุณเคว้งคว้าง ไม่มีเพื่อนไม่มีสังคม ไม่มีหน้าที่คือ "เรียน" จึงไร้ที่ยึดเหนี่ยวเข้าไปอีก ช่วงนี้ใครชักจูงไปในทางที่ไม่ดีอย่าไปค่ะ ถ้าไปชีวิตที่คุณมองว่าตอนนี้แย่จนอยากตายอยู่แล้ว อาจจะแย่กว่านี้จนถึงไม่มีโอกาสกลับตัวได้เลย ถ้าไม่อยากเสียเวลาก็หาอะไรทำให้เป็นเรื่องเป็นราว หรือไปลงเรียน กศน.เอาวุฒิ ม.6 ควบคู่กันไปก่อน หรือไม่ก็รอสิ้นปีการศึกษา ค่อยเตรียมตัวไปสมัครเรียนน่ะ ช่วงรับสมัคร ประมาณ กุมภา-มีนาคม ไปหาเพื่อนใหม่ โรงเรียนใหม่ค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่