นิกายคาทอลิกเชื่อในเรื่องการถูกรับขึ้นไป (Rapture) หรือไม่?



     หากจะพูดกันตามจริงแล้ว คริสตชนคาทอลิกเชื่อในรูปแบบของ “การถูกรับขึ้นไป (Rapture)” ซึ่งก็คือ การรับสัตบุรุษทุกคน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และล่วงหลับไปแล้ว ขึ้นสู่สวรรค์ ณ การเสด็จมา , การพิพากษาครั้งที่สอง และครั้งสุดท้ายของพระเยซู ก่อนหน้านั้นจะมีการปรากฏของผู้ต่อต้านพระคริสต์ (Antichrist) และช่วงเวลาแห่งการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “การทนทุกข์ทรมาน (Tribulation)“

     แต่มีแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการถูกรับขึ้นไป ซึ่งมักจะเป็นแนวคิดต่อต้านนิกายคาทอลิกอย่างมาก กำลังแผ่อิทธิพลไปทั่วนิกายโปรเตสแตนต์สายอีแวนเจลิคัลและสายมูลฐานนิยมหลายคณะ แนวคิดนี้แปลกแยกอย่างสิ้นเชิงจากคริสตศาสนาในช่วง 17 ศตวรรษแรก และยิ่งได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากหนังสือและภาพยนตร์ยุคหลังๆอย่าง ซีรีส์ อุบัติการณ์สวรรค์สั่ง - Left Behind (2014) ที่โด่งดัง

     แม้ว่าแนวคิดใหม่เรื่องการถูกรับขึ้นไปนี้จะมีหลายรูปแบบ แต่โดยทั่วไปแล้วแนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับการแบ่งประวัติศาสตร์ทางพระคัมภีร์ออกเป็นชุดของ “การกระจาย (dispensations)” หรือ ยุคสมัย จากนั้นจึงเพิ่มการเสด็จมาครั้งที่สองอย่างลับๆของพระเยซู (ก่อนการเสด็จมาครั้งสุดท้าย) ซึ่งพระองค์จะทรงรับสัตบุรุษขึ้นไป ทิ้งผู้อื่นไว้เบื้องหลังเพื่อการทนทุกข์ทรมาน 7 ปีซึ่งเริ่มต้นโดยผู้ต่อต้านพระคริสต์ หลังจากนั้นจะมีการเสด็จกลับมาและการพิพากษาครั้งที่สาม ซึ่ง ณ จุดนั้นพระเยซูจะสถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์บนโลกเป็นระยะเวลา 1,000 ปี เมื่อสิ้นสุดการปกครองบนโลกนี้ จะมีการพิพากษาครั้งสุดท้าย และในที่สุดก็ถึงยุคสุดท้ายอย่างที่เรารู้จักกัน

     มาดูข้อความในพระคัมภีร์เกี่ยวกับคำสอนอันน่ากังวลนี้กันให้ละเอียดยิ่งขึ้น

พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้ว!

     ผู้เชื่อในแนวคิดการถูกรับขึ้นไปอ้างว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกยังไม่เริ่มต้นในรูปแบบใดๆ” โดยอ้างอิงจากการตีความของพวกเขาเกี่ยวกับยุคสมัยพันปีของพระคริสต์ที่อธิบายไว้ใน วิวรณ์ 20:4 พวกเขาเชื่อว่า “พระเยซูจะทรงเริ่มต้นยุคสมัยพระอาณาจักรพันปีอย่างแท้จริงในการเสด็จกลับมาครั้งที่สาม หลังจาก ‘การถูกรับขึ้นไป’”

+ ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้รับอำนาจที่จะพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผู้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำพยานถึงพระเยซูเจ้า และเพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผู้ที่ไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือที่มือ เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิต และเข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี - วิวรณ์ 20:4 

     แต่การอ่านพระคัมภีร์แบบผิวเผินก็เผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พระเยซูได้สถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์แล้วเมื่อพระองค์ประทับอยู่บนโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดน่าจะมาจาก ลูกา 17:20-21 เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” กล่าวอีกนัยหนึ่ง พระอาณาจักรนั้นอยู่ที่นี่แล้ว!

+ เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” - ลูกา 17:20-21 พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง

     ในทำนองเดียวกัน ใน มัทธิว 6:30-33 พระเยซูตรัสกับบรรดาผู้ติดตามของพระองค์ว่า อย่ากังวลเกี่ยวกับความต้องการทางโลกในชีวิตประจำวัน แต่ให้ “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้”

+ แม้แต่หญ้าในทุ่งนา ซึ่งมีชีวิตอยู่วันนี้ รุ่งขึ้นจะถูกโยนทิ้งในเตาไฟ พระเจ้ายังทรงตกแต่งให้งดงามเช่นนี้ พระองค์จะไม่สนพระทัยท่านมากกว่านั้นหรือ ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง ดังนั้น อย่ากังวลและกล่าวว่า ‘เราจะกินอะไร หรือจะดื่มอะไร หรือเราจะนุ่งห่มอะไร’
เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้คนต่างศาสนาแสวงหา พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการทุกสิ่งเหล่านี้ จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” - มัทธิว 6:30-33 ความวางใจในพระเจ้า

     และใน มัทธิว 16:28 พระเยซูทรงเปิดเผยว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์” ในที่นี้ พระเยซูไม่ได้ทรงหมายถึง การสถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์เฉพาะในสวรรค์เท่านั้น ดังที่ผู้เชื่อในแนวคิดการถูกรับขึ้นไปบางคนพยายามอ้าง “เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์” จะเกิดขึ้นบนโลกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และในขณะที่บางท่านที่พระองค์กำลังตรัสด้วยยังมีชีวิตอยู่!

+ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์ - มัทธิว 16:28 เงื่อนไขในการติดตามพระคริสตเจ้า

     พวกเราไม่ได้รอคอยการเสด็จกลับมาอย่างลับๆของพระเยซูในการรับขึ้นไป แล้วตามด้วยการเสด็จกลับมาครั้งที่สามเพื่อเริ่มต้นการสถาปนาของพระอาณาจักร เพราะพระอาณาจักรมาถึงแล้ว!

การปกครองหนึ่งพันปี?

     แล้วยุคพันปีของพระเยซูที่กล่าวถึงใน วิวรณ์ 20:4 ? พวกที่เชื่อในการแนวคิดการถูกรับขึ้นไปโต้แย้งว่า “หากพระเยซูได้สถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์บนโลกจริงๆ” เมื่อพระองค์เสด็จมาครั้งแรกเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน พระอาณาจักรก็น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขายืนยันว่า “ช่วงเวลานี้ต้องยาวนานถึงพันปีจริงๆ”

+ ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้รับอำนาจที่จะพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผู้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำพยานถึงพระเยซูเจ้า และเพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผู้ที่ไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือที่มือ เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิต และเข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี - วิวรณ์ 20:4 การปกครองหนึ่งพันปีของพระคริสตเจ้า

     พระศาสนจักรจะตอบว่า หนังสือวิวรณ์ (Revelation) เป็นหนังสือที่มีสัญลักษณ์มากมาย และใช้ตัวเลขและช่วงเวลาอย่างเป็นสัญลักษณ์ตลอดทั้งเล่ม ตัวเลขของสัตว์ร้าย คือ 666 ใน วิวรณ์ 13:18 เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับ 144,000 ใน วิวรณ์ 14:3-5 (ลองนึกถึง 12 เผ่าที่เป็นตัวแทนของพันธสัญญาเดิม คูณด้วย อัครสาวก 12 คน ที่เป็นตัวแทนของพันธสัญญาใหม่ คูณด้วย 1,000) หนึ่งพันเป็นตัวเลขในพระคัมภีร์ ซึ่งโดยทั่วไป หมายถึง จำนวนหรือช่วงเวลาจำนวนมากที่ไม่ได้ระบุ

+ ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้ เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือหกร้อยหกสิบหก - วิวรณ์ 13:18 ประกาศกเทียมเป็นผู้รับใช้ของสัตว์ร้าย

+ เขาเหล่านั้นร้องเพลงบทใหม่หน้าพระบัลลังก์ ต่อหน้าผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนและต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโส ไม่มีใครเรียนรู้บทเพลงนี้ได้ นอกจากคนบนแผ่นดินจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนผู้ได้รับการไถ่กู้ เขาบริสุทธิ์เหมือนพรหมจารี เพราะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เขาติดตามลูกแกะไปทุกแห่งที่พระองค์เสด็จ ในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย คนเหล่านั้นเป็นผู้ได้รับการไถ่กู้ เป็นเหมือนผลแรกถวายแด่พระเจ้าและลูกแกะ ปากของเขาไม่เคยกล่าวคำเท็จ เขาไม่มีมลทิน - วิวรณ์ 14:3-5 ผู้ติดตามลูกแกะของพระเจ้า

     คริสตชนทั่วไปเข้าใจการปกครองหนึ่งพันปีของพระเยซูใน วิวรณ์ บทที่ 20 ว่า “เป็นช่วงเวลาอันยาวนานเชิงสัญลักษณ์ที่พระเยซูทรงสถาปนาเมื่อพระองค์เสด็จมาครั้งแรกและกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้”

+ ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ถือกุญแจแห่งบาดาลและโซ่ใหญ่เส้นหนึ่ง เขาจับมังกรหรืองูดึกดำบรรพ์ คือปีศาจและซาตาน แล้วล่ามมันไว้เป็นเวลาหนึ่งพันปี โยนมันลงไปในบาดาล ปิดกุญแจทางเข้าและประทับตราไว้ข้างบน เพื่อมิให้มันหลอกลวงนานาชาติให้หลงผิดได้อีกจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งพันปี หลังจากนั้น มันจะต้องถูกปล่อยออกมาชั่วระยะเวลาสั้นๆ

     ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้รับอำนาจที่จะพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผู้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำพยานถึงพระเยซูเจ้า และเพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผู้ที่ไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือที่มือ เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิต และเข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี ผู้ตายคนอื่นไม่ได้กลับมีชีวิตจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งพันปี นี่คือการกลับคืนชีพครั้งแรก ผู้ที่มีส่วนในการกลับคืนชีพครั้งแรกย่อมเป็นสุขและเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ความตายที่สองไม่มีอำนาจเหนือเขาเหล่านี้เลย แต่เขาจะเป็นสมณะของพระเจ้าและของพระคริสตเจ้า และจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์เป็นเวลาหนึ่งพันปี

     เมื่อครบกำหนดหนึ่งพันปีแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยจากที่คุมขัง มันจะออกไปหลอกลวงนานาชาติทั้งสี่มุมของแผ่นดินให้หลงผิดไป ทั้งโกกและมาโกก มันจะรวบรวมกำลังพลจำนวนมากเหมือนเม็ดทรายชายทะเลเพื่อทำสงคราม กำลังพลเหล่านี้กระจายไปทั่วแผ่นดิน ล้อมค่ายของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และนครซึ่งเป็นที่รักของพระเจ้าไว้ แต่ไฟตกจากสวรรค์เผาผลาญเขาเหล่านี้ ส่วนปีศาจที่หลอกลวงพวกเขาให้หลงผิดถูกโยนลงไปในทะเลไฟและกำมะถัน ที่นั่นมีทั้งสัตว์ร้ายและประกาศกเทียมอยู่ด้วย ปีศาจ สัตว์ร้าย และประกาศกเทียมจะถูกทรมานทั้งกลางวันกลางคืนตลอดนิรันดร

     ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์ใหญ่สีขาวและเห็นพระองค์ผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์ ท้องฟ้าและแผ่นดินสูญหายไปเฉพาะพระพักตร์พระองค์ แล้วข้าพเจ้าเห็นบรรดาผู้ตายทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์ หนังสือหลายม้วนถูกคลี่ออก หนังสืออีกม้วนหนึ่งคือม้วนหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกคลี่ออกด้วย บรรดาผู้ตายถูกพิพากษาตามข้อความที่บันทึกไว้ในหนังสือเหล่านั้นตามกิจการของเขา

     ทะเลคืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนผู้ตายก็คืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในแดนผู้ตาย ทุกคนถูกพิพากษาตามกิจการของตน ความตายและแดนผู้ตายถูกโยนลงไปในทะเลไฟ ทะเลไฟนี้คือความตายครั้งที่สอง ผู้ใดไม่มีชื่อบันทึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกโยนลงในทะเลไฟ - วิวรณ์ 20:1-15 การปกครองหนึ่งพันปีของพระคริสตเจ้า / การพิพากษาครั้งสุดท้าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่