SOTUS the series (กึ่งแต่งเรื่อง) : มินิซีรีส์ ..... There is no love like the first. (ต่อ)

ตอนที่ 18 : On the way to ม่อนแจ่ม 1


ปลายปี .... วุ่นวายถวายชีวิตมาก เกดแก้วนี่แทบอยากจะทึ้งหัวตัวเอง

" ช่วยไม่ได้จะลาปลายปีก็ต้องเคลียร์งานเซ่ "

พี่มินต์นี่แก้วเอง นี่แก้วไง ทำไมน้ำเสียงเหมือนสะใจยังไงพิกลคะ

อีกสามวันจะขึ้นม่อนแจ่ม งานยังกองอีกพะเนินเทินทึกโอทีกระหน่ำล่ะค่ะ จริง ๆ ตั้งแต่ตั้งใจแน่ ๆ ว่าจะขึ้นม่อนแจ่มก็ทำโอเกือบทุกวันละนะ หลายครั้งกลับตีสองมั่งตีสามมั่งโต้รุ่งก็มี  แต่บางทีก็ไม่ไหวต้องพักบ้าง หากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นมาก็พารันทดจิตอีกรอบ วันนี้อย่างต่ำก็สี่ทุ่มละวะ

ครืดครืด เสียงมางี้ รู้เลย ... หกโมงเย็นแล้วแน่นอน

หญิงสาวมองหน้าจอแล้วสไลด์โดยอัตโนมัติ

" ว่า "

เดี๋ยวนี้รับสายกันแบบนี้ล่ะ ไม่ต้องมากความ

" ยังทำงานอยู่รึเปล่า "

" เยสสึ "

เคลียร์งานอยู่สิคะพ่อคุณ

แต่วันนี้มาแปลกแฮะปกติไม่เห็นเคยถาม

" แล้วจะเลิกงานกี่โมงครับ คุณผู้หญิง "

นี่ก็แปลกอีกถามทำไม

" แปลกใจละสิ ไม่มีอะไร ผมเป็นห่วง ทำงานดึก ๆ หลายอาทิตย์แล้วนี่ "

" สรุปเลิกงานกี่โมงครับวันนี้ "

เออ สงสัยจะโทรมาคุยด้วยแหง

" วันนี้ก็คงซักสี่ทุ่มมั้งคิดว่านะ "

เกดแก้วคาดคะเน

" เมื่อวานตีสาม วันนี้สี่ทุ่ม จะดีเหรอคุณแก้ว "

" เป็นไมเกรนไม่ใช่เหรอ "

เดาได้ว่าอีกฝ่ายคงขมวดคิ้วอยู่แน่นอน ผู้ชายบ้านนี้นี่คล้าย ๆ กันเลยนะ พี่อุ่นของเจ้าก้องก็แนวนี้

ถ้าเป็นแต่ก่อนคงได้โต้วาที แต่หลัง ๆ มานี้แยกออกแล้วอันไหนห่วงจริงอันไหนจิกแซว

อย่างเสียงโทนนี้ล่ะเป็นห่วง

" เราเคลียร์งานเดี๋ยวจะไม่ทันไง อีกสามวันลาหยุดแล้วด้วย "

" วันนี้สองทุ่มก็ได้อ่ะ "

แต่พรุ่งนี้ก็คงต้องดึกเหมือนเดิม ... ละไว้ในฐานที่เข้าใจ

" ดีมาก แล้วสองทุ่มโทรไปใหม่นะ "

ปกติถ้าโทรมาเจอตอนทำงานทางนี้ก็ไม่กวนอยู่แล้วเป็นนิสัย แล้วจะกลับมาคุยใหม่วันรุ่งขึ้น แต่ถ้าบอกว่าจะโทรกลับมาเลย ... ก็คงมีอะไรละมั้ง แต่อาจจะไม่ด่วน เพราะรอได้นี่นา เกดแก้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่ออย่างสดชื่นขึ้นนิดหน่อย

เงยหน้ามาอีกทีด้วยความเมื่อยล้า .... ในความทุ่มสี่สิบห้านั้น ไม่ไหวจริง ๆ ด้วย เมื่อคืนดึกวันนี้ก็ค่ำ ... สวัสดีไมเกรน เธอตามกลับมาหาฉันอีกแล้ว กลับบ้านดีกว่า แต่ .... คงต้องทิ้งรถไว้นี่ ขับรถตอนเป็นไมเกรนเป็นไปได้ว่าอาจโกอินเตอร์ก่อนวัยอันควร โชคดีที่สำนักงานของเธอมีที่จอดรถให้กับลอเยอร์โดยเฉพาะอยู่แล้ว บางครั้งก็ต้องจอดค้างคืนกันเวลางานเร่ง เธอยังจำได้เมื่อเข้ามาทำงานใหม่ ๆ  พี่ขิงสิงที่สำนักงานเจ็ดวันเจ็ดคืนเพื่อปิดดีลบริษัทยักษ์ใหญ่รายหนึ่ง ถึงขนาดท่านเจ้าสัวเจ้าของกิจการให้เลขาหิ้วไก่ดำมาฝากวันละตัวทีเดียว

เกดแก้วลงลิฟท์ไป อาคารพาณิชย์ที่ตั้งของสำนักงานยังสว่างไสว คนยังพลุกพล่านหนาตาอยู่ ... ณ บัดนาวใคร ๆ ก็ทำโอทีสินะ ใกล้ปิดปีใหม่ก็งี้ ต้องกระทืบคันเร่งเคลียร์ให้งานให้เสร็จ แต่ก่อนอื่นต้องไปบอกพี่ยามก่อนว่าวันนี้ขอจอดค้างคืนนะจ๊ะ ไม่ได้ตายคาที่อยู่ในสนง.แต่อย่างใด

เอ๊ะ .... สายตาของเกดแก้วพลันไปหยุดอยู่ที่ร่างสูง ๆ ที่กำลังเล่นมือถือไป คุยกับพี่ยามไปอย่างออกรสออกชาติ

คนที่ควรจะอยู่เชียงใหม่ไหงมาอยู่กทม.ละนั่น

ในขณะที่เกดแก้วกำลังหยุดยืนมองอย่างแปลกใจ ใครคนนั้นก็หันมาแล้วส่งยิ้มสว่างไสวให้

รู้สึกดี ... จริง ๆ นะ หญิงสาวยอมรับ

" สองทุ่มเป๊ะ รักษาคำพูดดีมาก "

ชายหนุ่มชม

" แล้วนี่งงหรืออะไรครับ เดินผ่านรถตัวเองมาเฉย "

ทำเอาเกดแก้วรู้สึกอยากจะอ้อนขึ้นมาทันที อร๊ายยยยย รู้สึกติงต๊องยังไงพิกล แต่ก็อยากทำง่ะ

" เราปวดหัว "

" เลยจะมาบอกพี่ยามว่าเดี๋ยวจะกลับแท็กซี่ทิ้งรถไว้นี่ "

มืออุ่น ๆ แนบลงมาที่หน้าผากทันทีทันควัน

" ตัวไม่ร้อน ... ไมเกรนอีกสิ "

" บอกแล้วว่าพักผ่อนเยอะ ๆ หน่อย "

คนพูดแบมือ

" ปวดหัวก็ไม่ต้องขับ "

" เอ้าเร็วสิ กุญแจรถไง "

เอ้า จะทำไร

" เฮ่ย จะขับไปไหน พักไหนเนี่ยวันนี้ "

เกดแก้วถาม

" อยู่โรงแรมแถว ๆ ที่ทำงานนี่แหละ "

" ช่วงนี้เทียวขึ้นเทียวลงอย่างบ่อย "

" ว่าจะซื้อบ้านอยู่แถวนี้ซักหลังแล้ว "

" อาจจะย้ายมาอยู่สำนักงานใหญ่ "

คนพูดทำท่ามีเลศนัยจนคนฟังรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาบอกไม่ถูก

คนพูดแบมือขอกุญแจอยู่นั่นแหละ

" เอามาสิจะพาไปส่งบ้าน "

หือออออ ? หื้อออออออออ

ขอเข้าบ้านเค้าแบบนี้ก็ได้เหรอ

" ทำไมละ ก็บอกแล้วตั้งแต่ต้นว่าจะเข้าตามตรอกออกตามประตู "

" ก็นี่ไง ... จะไปบอกคุณพ่อคุณแม่คุณว่าจะพาลูกสาวเขาขึ้นดอย ไม่ดีหรือไง "

กวินท์ขยิบตา ... ผมสุภาพบุรุษพอน่า

" คุณกวินท์ !!! "

" เรียกผมอาร์ทนะ ผมก็จะเรียกคุณว่าแก้วเหมือนกัน "

คนพูดทำท่าไม่รู้ไม่ชี้

" เอ้า ยืนไรอยู่เดี๋ยวยุงก็หามหรอกแก้ว "

เจ้าตัวเดินนำไปที่รถแล้วกวักมือเรียกหยอย ๆ

อีตาคนนี้นี่มัน ...

" เออ ไปเถอะ ม่อนแจ่มก็สวยดี แม่เคยไปตอนสาว ๆ ญาติโกโหตุสายเรานี่ปีใหม่เขาก็ไปเค้าดาวน์เมืองนอกกัน "

" ชั้นก็ขี้เกียจ "

" แต่หลังปีใหม่เขารวมญาติกัน ตอนนั้นต้องอยู่นะก้อง "

คุณกิ่งกานต์ว่า ปีใหม่เป็นช่วงเวลาอันสมควรแก่การพักผ่อน ครอบครัวอื่น ๆ ที่ได้ข่าวก็โน่น โตเกียว ปารีส ฯลฯ ไม่รู้จะแย่งที่กินที่เที่ยวกับชาวบ้านชาวช่องช่วงเทศกาลทำไม อยากอยู่เงียบ ๆ มากกว่า เธอไม่อินังขังขอบกับแนวคิดที่ว่าปีใหม่ต้องอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอะไรนัก เพราะเข้าใจชีวิตคนทำงานและช่องว่างระหว่างวัย

เธอเองก็จับเรื่องโรงงานก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่ยังสาว ๆ กว่าจะมีลูกชายกับเขาซักคนก็ถือว่าอายุมากเอาการอยู่ งานกำลังหนักหนามาก ไม่มีเวลาจะวิ่งไล่ตามเด็กเล็ก ๆ อีกต่อไป เธอและคุณอลงกรณ์จึงทอดธุระหลายประการให้กับลูกสาวคนโตที่เป็นแม่ศรีเรือนอยู่ในโอวาท ซึ่งเธอก็พอใจอย่างที่สุดที่ยัยกุลมันปั้นเจ้าก้องมาได้ขนาดนี้

จะว่าไปหากจะเทียบว่าใครเป็นแม่ ... ดีไม่ดีกุลมันเป็นแม่เจ้าก้องมากกว่าเราเสียอีก ... กุลจะมาห่างไปหน่อยก็ช่วงที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วนั่นแหละ เธอจึงกลับเข้ามาดูเจ้าก้องบ้าง ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมายนัก เขาก็ไปได้ดีของเขาอยู่แล้ว แถมยังมีแม่แก้วเป็นไม้สองคอยช่วยเหลืออยู่เงียบ ๆ ข้อนี้นับว่าเป็นความโชคดีของเธอด้วย ที่ลูกกับเธอไม่มีปัญหาขาดความอบอุ่น กุลคอยบอกก้องให้เข้าใจอยู่เสมอ และ มันก็ไม่เหงามากนักเพราะยัยแก้วก็พาซนได้ตลอด เธอเองก็พยายามเอาใจใส่ตามสมควร ไม่ได้ทดแทนความรักด้วยสิ่งของ สอบถามการเรียน การใช้ชีวิต เพื่อนฝูง เสมอ ๆ ไม่ให้รู้สึกว่าห่างเหินเกินไป

" ขอบคุณครับคุณแม่ "

" ก้องมีอีกเรื่องจะเรียนให้คุณแม่ทราบด้วย "

ผู้เป็นแม่เลิกคิ้ว

" อ้าว คุณ "

คุณอลงกรณ์ที่เพิ่งกลับจากงานข้างนอกทักทาย

" แม่ลูกคุยอะไรกัน "

" เจ้าก้องมาขออนุญาตไปม่อนแจ่มค่ะ "

" ปีใหม่นี้นะหรือ "

ผู้เป็นพ่อถาม

" ครับ "

" เออ ก็ไปสิ ทำงานงก ๆ ไม่เห็นได้พัก วันก่อนก็เห็นว่าไม่สบาย "

" เมื่อกี๊ก้องจะบอกอะไรแม่นะ "

คุณกิ่งกานต์กลับมาเรื่องเดิม

" ก้องจะเรียนคุณแม่ว่า ... ก้องได้ทุนไปเรียนต่อเยอรมันครับ ทุนได้เปล่าด้วย "

" มันเร็วมากเลย ก้องเลยไม่ได้เรียนคุณพ่อคุณแม่ก่อนว่าก้องสมัคร "

แม้จะงง ๆ ถึงความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้ ทั้งสองคนก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร เข้าใจได้อยู่ เดือนนี้ทั้งเดือนแทบจะไม่ได้อยู่ติดบ้าน ออกงานเป็นประจำ กลางวันก็วุ่นที่โรงงาน กลางคืนก็รับรองลูกค้าบ้าง งานภาษีสังคมทั้งหลายบ้าง แถมลูก .. ลูกชายก็โตแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้

คุณอลงกรณ์นี้ยิ้มหน้าบาน

" พ่อกับแม่ดีใจด้วยนะลูก "

" แล้วเราจะไปยังไงเมื่อไหร่ "

" กว่าจะไปก็อีกนานละครับ ประมาณพฤษภาหน้า "

ตอนแรกอาจารย์บอกว่าจะส่งชื่อหลังปีใหม่ หากระยะเวลาที่ทางฝ่ายเยอรมันบอกให้ร่นเข้ามาเลยประกาศปิดรับสมัครหลังวันที่คุยกับอาจารย์ไม่เท่าไหร่ และเมื่อเขายืนยันว่าจะไปก็เลยส่งชื่อไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นทุนปิดเฉพาะทางของมหาวิทยาลัยด้วย บวกกับโปรไฟล์เขาที่ดีงามอยู่ เมื่อเรียกสัมภาษณ์ไปเมื่อสองสามวันก่อน ผลทุนเลยออกมาเมื่อเย็นนี้นี่เอง อาจารย์ภาคดีใจเหมือนได้ทุนเสียเองแบบนั้น

" ไปกี่ปีไหนเล่าให้พ่อฟังซิ "

" สามปีครับ เรียนสองปี ฝึกงานหนึ่งปี "

" แล้วได้ป.เอกไหม "

คนเป็นพ่อซักด้วยความสนใจ

" ยังครับแต่ถ้าผมทำวิจัยเพิ่มก็ได้ Ph.D นะครับ "

" โอ๊ย ถ้างั้นอยู่ไปเลยลูก ทำไปเลย เอาให้ถึงเอกแล้วค่อยกลับก็ได้ "

ตัวคนได้ทุนอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นความกระตือรือร้นแบบนั้น

ส่วนคนเป็นแม่ถึงจะเคยตั้งแง่อย่างนั้นอย่างนี้ แต่เมื่อได้ยินว่าลูกชายได้ทุนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นใจ

" คุณ ... มันง่ายขนาดนั้นที่ไหน "

จากที่ตะขิดตะขวงใจบ้าง คุณกิ่งกานต์กลับลำ 360 องศา

" แต่ถ้าเรียนได้ก็เอาเลยลูก เงินทองเท่าไหร่ แม่กับพ่อเต็มที่ เราไม่ลำบากอยู่แล้ว "

เสียงหัวเราะสดชื่นที่ดังจากโถงกลางทำให้เกดแก้วคลายกังวลไปได้หน่อย พาผู้ชายมาถึงบ้านตอนสามทุ่มมันก๋ากั่นไปรึเปล่า แต่เอาเหอะ ... เธอสามสิบกว่าแล้วนี่ ทำแบบนี้เข้าตามตรอกออกตามประตูไงอย่างที่ตาอาร์ทนางว่า

เกดแก้วอัดลมหายใจเข้าปอด ก่อนหันไปหาคนข้างตัวเรียกความมั่นใจ

สบาย ๆ น่า เกดแก้ว ชิล ๆ เอาล่ะ

หญิงสาวก้าวขาเข้าไปในห้องโถง

" สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ "

" อ้าว ก้องอยู่ด้วยเหรอ "

คุณกิ่งกานต์และคุณอลงกรณ์พร้อมทั้งก้องภพหันมาทางต้นเสียง เพื่อที่จะเห็นว่าข้างกายลูกสาวและพี่สาวคนรองมีคนแปลกหน้ายืนอยู่ ... จับมือเกดแก้วอยู่อีกต่างหาก

" ใคร !!!! "

ทุกสายตาไถ่ถามมาแบบนั้นจนหญิงสาวรู้สึกว่าลิ้นปากทำงานไม่เร็วเหมือนเคย

" สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่ สวัสดีน้องก้องด้วยครับผม "

" ผมชื่อกวินท์ครับ "

" ผมเจอคุณแก้วตอนที่คุณแก้วไปทำงานที่เชียงใหม่ "

" ตอนนี้ผมจีบคุณแก้วอยู่ครับ "

ห่านนนนนจิก ผีสางเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา การแนะนำตัวครั้งแรกมันคืออย่างงี้เหรอ แบบนี้ก็ได้เหรอออออออออออออออ

To be continued



ตอนก่อน ๆ  อยู่ตรงนี้ : https://pantip.com/topic/35946525

ตอนแรกกะจบให้พร้อม ดันจบไม่พร้อมเสียแล้ว แต่อีกไม่นาน เราพาท่านไปเกือบถึงปลายทางแล้วฮ่ะ

ใครที่สงสัยว่ามันคืออะไร มันคือ Fanfic นะจ๊ะ นะจ๊ะ (คุณพลอยใจดีมากให้แต่งแฟนฟิคได้)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่