ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ผมเริ่มมาหัดถ่ายภาพวิวทิวทัศน์
พอเริ่มถ่ายภาพ ก็เริ่มเห็นสถานที่สวยๆจากที่คนอื่นถ่ายมา ก็ทำให้เริ่มอยากไปบ้าง
พอเริ่มออกเดินทาง มันก็ทำให้ผมพบกับโลกใหม่ และผมก็หลงรักมัน ผมจึงต้องคอยออกเดินทางอยู่เรื่อยๆ
ในกระทู้นี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์การเดินทางผ่านภาพถ่าย โดยส่วนมากแล้วจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่ผมชอบ
ปล.ภาพจะเยอะหน่อยนะครับ
ขอเริ่มจากต้นปี เดือนมกราคม เป็นหน้าหนาวของประเทศไทย ถ้านึกถึงที่หนาวๆ ก็ต้องเป็นภูเขา
ภูเขาลูกแรกที่จะพาไปเที่ยวคือ
ภูกระดึง
ภูกระดึง เป็นภูเขาลูกแรกที่ผมเดินขึ้น และนี่ก็เป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ผมไป
ถามว่าติดใจอะไรนักหนา ทำไมต้องไปตั้ง 5 ครั้ง เอาจริงๆผมก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะความงดงาม และความเงียบสงบบนภูกระดึง
การเดินขึ้นภูกระดึงนั้นจะมีจุดพักตลอดทาง และที่สำคัญจะมีร้านค้าคอยบริการตลอดทาง ทำให้การเดินขึ้นภูดูไม่ยากเย็นนัก
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะสบายนัก เนื่องเพราะความชันและระยะทาง ถ้าคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมา ก็อาจจะเหนื่อยล้าและปวดขากันเลยทีเดียว
เรียกได้ว่าปวดตั้งแต่ ซำแรกเลย หรือที่เรียกว่า ซำแฮก และก็ยังมีอีกหลายๆซำ รอคุณไปสัมผัสอยู่ ส่วนด้านบนภูนั้น จุดแรกก็จะพบกับหลังแปก่อน จากนั้นก็ต้องเดินทางราบต่อไปยังที่พักของอุทยาน สถานที่ท่องเที่ยวบนภูกระดึงนั้น มีทั้งหน้าผา ป่าไม้ และน้ำตก ไฮไลท์ของที่นี่อย่างหนึ่งเลยคือ ใบเมเปิล ไม่ต้องไปถึงเมืองนอกก็มีให้ชมกัน ถ้ามีเวลาแนะนำให้ลองมาเดินดูครับแล้วจะติดใจ
ดอยหลวงเชียงดาว
พี่ๆที่รักในการถ่ายภาพเหมือนกัน ได้เอ่ยปากชวน ไม่รู้ว่าชวนตามมารยาท หรืออะไร แต่ผมก็ตอบตกลงไป เพราะผมอยากจะไปนั่นเอง
ดอยหลวงเชียงดาว อยู่ไม่ไกลจากเมืองเชียงใหม่นัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
จำได้ว่าพวกเรานั่ง taxi จากตัวเมืองเชียงใหม่กันออกไปแต่เช้ามืด ถึงจุดนัดพบตอนเช้า ก่อนจะเดินขึ้นเขา พวกเราก็ไปหาข้าวกินและเตรียมเสบียงบางส่วน แต่เสบียงหลักทางไกด์กับลูกหาบจะเตรียมไปให้ครับ
จากบ้านไกด์ไปที่ทางขึ้น นั่งรถกันไปไกลเหมือนกัน ทางขึ้นมีสองทาง คือทางที่ผมขึ้น กับทางปางวัว ทางปางวัวจะใกล้กว่าแต่ชันกว่า ทางที่ผมเดินขึ้นนั้นค่อนข้างสบายครับไม่ค่อยชัน แต่จะมีเดินขึ้นๆลงๆเขาบ้าง เรียกได้ว่า เหมาะสำหรับคนที่จะเดินเขามือใหม่เลย ไม่เหนื่อยเกินไป จะมีชันก็ตอนก่อนเดินขึ้นที่พักแต่ก็ไม่มาก จุดที่ชันและเหนื่อยคือ จุดเดินขึ้นยอดดอย กับ จุดไปกิ่วลมต่างๆครับ
วิวบนยอดดอยนั้นก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยที่เราได้เดินขึ้นมาครับ บรรยากาศก็ดี วิวก็สวย เรียกได้ว่าฟินสุดๆเลยครับ
และที่ขาดไม่ได้เมื่อขึ้นมาเราต้องถ่ายภาพกับเจ้าป้ายนี้ครับ ถ่ายออกมาแล้วดูดีทุกคน
ตอนเช้าก็มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่สวยงามไม่แพ้ดอยอื่นๆเลย ที่กิ่วลมใต้
การเดินทางครั้งนี้ ได้ให้บทเรียนกับเราอย่างหนึ่ง ธรรมชาติไม่อาจคาดเดาได้ พวกเราเจอฝน ฝนที่ตกตั้งแต่เย็นวันหนึ่งจนเที่ยงของอีกวันก็ไม่หยุดตก และนั่นทำให้
ผมตกเครื่องบิน ครั้งแรกเพราะทางลื่นมาก ขากลับเรากลับทางปางวัวที่ชันกว่าทางขามา และยังลื่นอีก
และนี่ก็เป็นภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป
พอเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเริ่มเข้าสู่ฤดูล่าช้าง ช้างที่ว่านั่น ไม่ใช่ช้างที่เดินอยู่บนถนนนะครับ
แต่เป็นช้างที่อยู่บนฟ้า หรือทางช้างเผือกนั่นเอง
หลายๆคนถามผมว่า ทางช้างเผือก ตาเปล่ามองเห็นไหม ? จากประสบการณ์ที่ออกไปถ่ายทางช้างเผือกมาบ้าง
ขอตอบว่า มองเห็นครับ แต่ไม่ใช่ว่ามองเห็นชัดแบบในภาพถ่าย สำหรับผม แค่มองดวงดาว ในคืนที่มืดสนิทนั้น
ก็งดงามไม่แพ้ทางช้างเผือกแน่นอน
สำหรับคนที่อยากจะออกไปถ่ายภาพทางช้างเผือก หรืออยากจะไปดูด้วยตา แนะนำให้ไปดูในที่ที่ค่อนข้างมืดและเห็นดวงดาวชัดเจน
และไม่ใช่ทุกวันจะถ่ายภาพทางช้างเผือกได้ ต้องเช็คคร่าวๆก่อนไปด้วยว่า คืนนั้น พระจันทร์ขึ้นหรือตกกี่โมง เพราะพระจันทร์จะรบกวนการมองเห็นได้ครับ และอีกอย่างที่สำคัญมากคือ ฟ้าต้องเปิดครับ
ช้างช่วงต้นปีจะเป็นช้างในลักษณะแนวนอนอย่าง 3 ภาพด้านบนนั้นครับ และช่วงปลายๆปีช้างก็จะอยู่ในแนวตั้ง

ภาพซ้าย เป็นช่วงใกล้เช้าของต้นปี ภาพขวาเป็นช่วงกลางคืนของปลายปี จะสังเกตว่าไม่เหมือนกันครับ
หลังจากเที่ยวในไทยกันแล้วผมจะพาออกนอกประเทศกันบ้าง เริ่มจากใกล้ๆ กันก่อน
สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าทึ่ง เป็นประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆมีแผ่นดินไม่มาก
แต่กลับมีเศรษฐกิจที่ดี มีการศึกษา มีระบบขนส่งที่ดี และเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัย ในการไปเที่ยว
โดยส่วนใหญ่แล้ว แหล่งท่องเที่ยวในสิงคโปร์ จะเป็น สิ่งปลูกสร้าง ที่สร้างขึ้นมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดี
จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวได้ หลายๆคนมาเพื่อเล่นคาสิโน บางคนมาเล่นสวนสนุก
บางคนมาดื่ม มาเที่ยว หรือบางคนก็มาเพื่อกิน สำหรับผมนั้น คงจะเป็นอย่างหลังครับ
มีการแสดงเลเซอร์โชว์ ในแต่ละวัน สามารถเช็ครอบการแสดงได้ในเว็บไซส์ของสิงคโปร์นะครับ
วิวจากข้างบนมาริน่า ก็งดงามครับ ยิ่งเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินด้วยแล้ว
ถ้าใครมีเวลาไม่กี่วัน ชอบท่องเที่ยวเมือง แนะนำเลยครับประเทศนี้
ถึงแม้ค่าครองชีพจะแพงกว่าบ้านเราแต่ก็น่าไปเที่ยวครับ
แล้วก็มีมุมที่น่าไปถ่ายรูปโปรไฟล์เก็บไว้ครับไปไม่ยาก ลองค้นหาวิธีไปในกระทู้ของท่านอื่นๆได้เลยครับ
หรือสวนสวยๆที่เปิดไฟตอนกลางคืนอย่าง Garden by the bay
ทิเบต
การเดินทางครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่ตั้วแห่ง ทริปชิลๆ ที่ได้ชักชวนผมไปสัมผัสมนเสน่ห์แห่งทิเบต
ทิเบต นั้นเป็นเขตปกครองตนเอง ที่อยู่ภายในประเทศจีน นับถือศาสนาพุทธ และมีพระเป็นผู้นำทางการปกครอง
ถึงแม้ว่าจะนับถือศาสตร์พุทธเหมือนคนไทยแต่ศาสนาพุทธในทิเบตนั้น นับถือคนละนิกายกับประเทศไทย
เมื่อเราเข้าสู่เขตทิเบต เราจะพบกับธงมนต์ ที่พลิ้วไหวตามสายลม คอยอวยพรให้ผู้ผ่านไปผ่านมาโชคดี
ทริปนี้น่าจะเป็นทริปที่ผมนั่งรถยาวนานที่สุดแล้วสามพันกว่ากิโลเมตร บนที่สูง
แต่ถามว่าคุ้มไหม ตอบเลยว่าคุ้มมาก ทำให้เราได้ไปเห็นสถานที่สวยๆ อากาศเย็นๆ จนบางครั้งก็หนาวเกินไป
ถ้ามีโอกาสไปเถอะครับ ครั้งหนึ่งในชีวิตกับดินแดนทิเบตแห่งนี้
ที่นี่นิยมเลี้ยงสัตว์กัน ได้ยินมาว่าเนื้อจามรีแพง ยิ่งใครมีจามรีเยอะ ยิ่งรวย
เป็นโชคดีของผมที่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสสถาบันสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ Larung Gar
แต่ตอนนี้รู้สึกว่าทางการจีนจะห้ามชาวต่างชาติเข้าไปแล้วครับ เสียดายจริงๆ
กลางคืนก็งดงามเช่นกัน
มาที่นี่เราเจอช้างกันด้วยตัวใหญ่มากครับ
และแล้วก็ต้องลาจากจาก Larung gar และไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปอีกไหม
ออกมาจาก Larung gar ก็มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านทิเบต ที่มีความงดงาม อีกทั้งเค้าบอกว่าสาวที่หมู่บ้านนี้งดงามที่สุดอีกด้วยครับ
หลังจากออกจากหมู่บ้านก็ไปยังซื่อกูเหนียงซาน หรือ เขาสี่ดรุณี ที่นี่นั้นมีความงดงามทางธรรมชาติมาก
มากจนผมอยากจะหาโอกาสกลับไปอีกสักครั้ง
ปิดท้ายภาพจากทิเบตกับพี่ชายสุดหล่อพี่ตั้ว ท่านผู้นำจากทริปชิลๆ กำลังเดินหอบแฮกๆขึ้นมาจากบันได แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม ชิลๆ ไม่เหนื่อยครับ
เขาคินาบาลู
ผมกับเพื่อนชวนกันไปสองคนไปปีนเขาคินาบาลูกัน โดยนัดกันไปเจอที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์
ผมกับเพื่อนไม่ได้เจอกันมาปีกว่าได้ เจอกันอีกทีก็ชวนกันไปปีนเขา ผมจองไกด์กับที่พักผ่าน Amazing Borneo
ก่อนจะบินจาก กัวลาลัมเปอร์ไป โคตา คินาบาลู ทาง Amazing Borneo ได้ติดต่อมาว่า คุณต้องการ รถไปรับที่สนามบินไปส่งโรงแรมหรือเปล่าด้วยความที่ผมก็ไปแบบไม่ค่อยมีข้อมูลอะไรมากนักเลยตอบตกลงไป แต่หลังจากนั้นเราถึงรู้ว่า มีรถบัสเข้าเมือง ซึ่งถูกกว่ารถจากบริษัทที่มารับเรามาก
ขากลับเราจึงเลือกใช้บริการรถบัส
คืนแรกที่มาถึงหลังจากเช็คอินที่โรงแรมแล้ว เราออกไปหาอาหารกินกัน เดินไปเจอแหล่งขายอาหารซีฟู้ด แต่ราคาไม่ถูกเลย (เมื่อเทียบกับเมืองไทย) แต่พวกเราก็กินกัน ส่วนมื้อหลังๆ เราฝากท้องไว้กับ KFC แถวโรงแรม เพราะเปิด 24 ชั่วโมง
[Landscape] My Journey 2016
พอเริ่มถ่ายภาพ ก็เริ่มเห็นสถานที่สวยๆจากที่คนอื่นถ่ายมา ก็ทำให้เริ่มอยากไปบ้าง
พอเริ่มออกเดินทาง มันก็ทำให้ผมพบกับโลกใหม่ และผมก็หลงรักมัน ผมจึงต้องคอยออกเดินทางอยู่เรื่อยๆ
ในกระทู้นี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์การเดินทางผ่านภาพถ่าย โดยส่วนมากแล้วจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่ผมชอบ
ปล.ภาพจะเยอะหน่อยนะครับ
ขอเริ่มจากต้นปี เดือนมกราคม เป็นหน้าหนาวของประเทศไทย ถ้านึกถึงที่หนาวๆ ก็ต้องเป็นภูเขา
ภูเขาลูกแรกที่จะพาไปเที่ยวคือ
ภูกระดึง
ภูกระดึง เป็นภูเขาลูกแรกที่ผมเดินขึ้น และนี่ก็เป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ผมไป
ถามว่าติดใจอะไรนักหนา ทำไมต้องไปตั้ง 5 ครั้ง เอาจริงๆผมก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะความงดงาม และความเงียบสงบบนภูกระดึง
การเดินขึ้นภูกระดึงนั้นจะมีจุดพักตลอดทาง และที่สำคัญจะมีร้านค้าคอยบริการตลอดทาง ทำให้การเดินขึ้นภูดูไม่ยากเย็นนัก
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะสบายนัก เนื่องเพราะความชันและระยะทาง ถ้าคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมา ก็อาจจะเหนื่อยล้าและปวดขากันเลยทีเดียว
เรียกได้ว่าปวดตั้งแต่ ซำแรกเลย หรือที่เรียกว่า ซำแฮก และก็ยังมีอีกหลายๆซำ รอคุณไปสัมผัสอยู่ ส่วนด้านบนภูนั้น จุดแรกก็จะพบกับหลังแปก่อน จากนั้นก็ต้องเดินทางราบต่อไปยังที่พักของอุทยาน สถานที่ท่องเที่ยวบนภูกระดึงนั้น มีทั้งหน้าผา ป่าไม้ และน้ำตก ไฮไลท์ของที่นี่อย่างหนึ่งเลยคือ ใบเมเปิล ไม่ต้องไปถึงเมืองนอกก็มีให้ชมกัน ถ้ามีเวลาแนะนำให้ลองมาเดินดูครับแล้วจะติดใจ
ดอยหลวงเชียงดาว
พี่ๆที่รักในการถ่ายภาพเหมือนกัน ได้เอ่ยปากชวน ไม่รู้ว่าชวนตามมารยาท หรืออะไร แต่ผมก็ตอบตกลงไป เพราะผมอยากจะไปนั่นเอง
ดอยหลวงเชียงดาว อยู่ไม่ไกลจากเมืองเชียงใหม่นัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
จำได้ว่าพวกเรานั่ง taxi จากตัวเมืองเชียงใหม่กันออกไปแต่เช้ามืด ถึงจุดนัดพบตอนเช้า ก่อนจะเดินขึ้นเขา พวกเราก็ไปหาข้าวกินและเตรียมเสบียงบางส่วน แต่เสบียงหลักทางไกด์กับลูกหาบจะเตรียมไปให้ครับ
จากบ้านไกด์ไปที่ทางขึ้น นั่งรถกันไปไกลเหมือนกัน ทางขึ้นมีสองทาง คือทางที่ผมขึ้น กับทางปางวัว ทางปางวัวจะใกล้กว่าแต่ชันกว่า ทางที่ผมเดินขึ้นนั้นค่อนข้างสบายครับไม่ค่อยชัน แต่จะมีเดินขึ้นๆลงๆเขาบ้าง เรียกได้ว่า เหมาะสำหรับคนที่จะเดินเขามือใหม่เลย ไม่เหนื่อยเกินไป จะมีชันก็ตอนก่อนเดินขึ้นที่พักแต่ก็ไม่มาก จุดที่ชันและเหนื่อยคือ จุดเดินขึ้นยอดดอย กับ จุดไปกิ่วลมต่างๆครับ
วิวบนยอดดอยนั้นก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยที่เราได้เดินขึ้นมาครับ บรรยากาศก็ดี วิวก็สวย เรียกได้ว่าฟินสุดๆเลยครับ
และที่ขาดไม่ได้เมื่อขึ้นมาเราต้องถ่ายภาพกับเจ้าป้ายนี้ครับ ถ่ายออกมาแล้วดูดีทุกคน
ตอนเช้าก็มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่สวยงามไม่แพ้ดอยอื่นๆเลย ที่กิ่วลมใต้
การเดินทางครั้งนี้ ได้ให้บทเรียนกับเราอย่างหนึ่ง ธรรมชาติไม่อาจคาดเดาได้ พวกเราเจอฝน ฝนที่ตกตั้งแต่เย็นวันหนึ่งจนเที่ยงของอีกวันก็ไม่หยุดตก และนั่นทำให้
ผมตกเครื่องบิน ครั้งแรกเพราะทางลื่นมาก ขากลับเรากลับทางปางวัวที่ชันกว่าทางขามา และยังลื่นอีก
และนี่ก็เป็นภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป
พอเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเริ่มเข้าสู่ฤดูล่าช้าง ช้างที่ว่านั่น ไม่ใช่ช้างที่เดินอยู่บนถนนนะครับ
แต่เป็นช้างที่อยู่บนฟ้า หรือทางช้างเผือกนั่นเอง
หลายๆคนถามผมว่า ทางช้างเผือก ตาเปล่ามองเห็นไหม ? จากประสบการณ์ที่ออกไปถ่ายทางช้างเผือกมาบ้าง
ขอตอบว่า มองเห็นครับ แต่ไม่ใช่ว่ามองเห็นชัดแบบในภาพถ่าย สำหรับผม แค่มองดวงดาว ในคืนที่มืดสนิทนั้น
ก็งดงามไม่แพ้ทางช้างเผือกแน่นอน
สำหรับคนที่อยากจะออกไปถ่ายภาพทางช้างเผือก หรืออยากจะไปดูด้วยตา แนะนำให้ไปดูในที่ที่ค่อนข้างมืดและเห็นดวงดาวชัดเจน
และไม่ใช่ทุกวันจะถ่ายภาพทางช้างเผือกได้ ต้องเช็คคร่าวๆก่อนไปด้วยว่า คืนนั้น พระจันทร์ขึ้นหรือตกกี่โมง เพราะพระจันทร์จะรบกวนการมองเห็นได้ครับ และอีกอย่างที่สำคัญมากคือ ฟ้าต้องเปิดครับ
ช้างช่วงต้นปีจะเป็นช้างในลักษณะแนวนอนอย่าง 3 ภาพด้านบนนั้นครับ และช่วงปลายๆปีช้างก็จะอยู่ในแนวตั้ง
ภาพซ้าย เป็นช่วงใกล้เช้าของต้นปี ภาพขวาเป็นช่วงกลางคืนของปลายปี จะสังเกตว่าไม่เหมือนกันครับ
หลังจากเที่ยวในไทยกันแล้วผมจะพาออกนอกประเทศกันบ้าง เริ่มจากใกล้ๆ กันก่อน
สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าทึ่ง เป็นประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆมีแผ่นดินไม่มาก
แต่กลับมีเศรษฐกิจที่ดี มีการศึกษา มีระบบขนส่งที่ดี และเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัย ในการไปเที่ยว
โดยส่วนใหญ่แล้ว แหล่งท่องเที่ยวในสิงคโปร์ จะเป็น สิ่งปลูกสร้าง ที่สร้างขึ้นมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดี
จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวได้ หลายๆคนมาเพื่อเล่นคาสิโน บางคนมาเล่นสวนสนุก
บางคนมาดื่ม มาเที่ยว หรือบางคนก็มาเพื่อกิน สำหรับผมนั้น คงจะเป็นอย่างหลังครับ
มีการแสดงเลเซอร์โชว์ ในแต่ละวัน สามารถเช็ครอบการแสดงได้ในเว็บไซส์ของสิงคโปร์นะครับ
วิวจากข้างบนมาริน่า ก็งดงามครับ ยิ่งเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินด้วยแล้ว
ถ้าใครมีเวลาไม่กี่วัน ชอบท่องเที่ยวเมือง แนะนำเลยครับประเทศนี้
ถึงแม้ค่าครองชีพจะแพงกว่าบ้านเราแต่ก็น่าไปเที่ยวครับ
แล้วก็มีมุมที่น่าไปถ่ายรูปโปรไฟล์เก็บไว้ครับไปไม่ยาก ลองค้นหาวิธีไปในกระทู้ของท่านอื่นๆได้เลยครับ
หรือสวนสวยๆที่เปิดไฟตอนกลางคืนอย่าง Garden by the bay
ทิเบต
การเดินทางครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่ตั้วแห่ง ทริปชิลๆ ที่ได้ชักชวนผมไปสัมผัสมนเสน่ห์แห่งทิเบต
ทิเบต นั้นเป็นเขตปกครองตนเอง ที่อยู่ภายในประเทศจีน นับถือศาสนาพุทธ และมีพระเป็นผู้นำทางการปกครอง
ถึงแม้ว่าจะนับถือศาสตร์พุทธเหมือนคนไทยแต่ศาสนาพุทธในทิเบตนั้น นับถือคนละนิกายกับประเทศไทย
เมื่อเราเข้าสู่เขตทิเบต เราจะพบกับธงมนต์ ที่พลิ้วไหวตามสายลม คอยอวยพรให้ผู้ผ่านไปผ่านมาโชคดี
ทริปนี้น่าจะเป็นทริปที่ผมนั่งรถยาวนานที่สุดแล้วสามพันกว่ากิโลเมตร บนที่สูง
แต่ถามว่าคุ้มไหม ตอบเลยว่าคุ้มมาก ทำให้เราได้ไปเห็นสถานที่สวยๆ อากาศเย็นๆ จนบางครั้งก็หนาวเกินไป
ถ้ามีโอกาสไปเถอะครับ ครั้งหนึ่งในชีวิตกับดินแดนทิเบตแห่งนี้
ที่นี่นิยมเลี้ยงสัตว์กัน ได้ยินมาว่าเนื้อจามรีแพง ยิ่งใครมีจามรีเยอะ ยิ่งรวย
เป็นโชคดีของผมที่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสสถาบันสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ Larung Gar
แต่ตอนนี้รู้สึกว่าทางการจีนจะห้ามชาวต่างชาติเข้าไปแล้วครับ เสียดายจริงๆ
กลางคืนก็งดงามเช่นกัน
มาที่นี่เราเจอช้างกันด้วยตัวใหญ่มากครับ
และแล้วก็ต้องลาจากจาก Larung gar และไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปอีกไหม
ออกมาจาก Larung gar ก็มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านทิเบต ที่มีความงดงาม อีกทั้งเค้าบอกว่าสาวที่หมู่บ้านนี้งดงามที่สุดอีกด้วยครับ
หลังจากออกจากหมู่บ้านก็ไปยังซื่อกูเหนียงซาน หรือ เขาสี่ดรุณี ที่นี่นั้นมีความงดงามทางธรรมชาติมาก
มากจนผมอยากจะหาโอกาสกลับไปอีกสักครั้ง
ปิดท้ายภาพจากทิเบตกับพี่ชายสุดหล่อพี่ตั้ว ท่านผู้นำจากทริปชิลๆ กำลังเดินหอบแฮกๆขึ้นมาจากบันได แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม ชิลๆ ไม่เหนื่อยครับ
เขาคินาบาลู
ผมกับเพื่อนชวนกันไปสองคนไปปีนเขาคินาบาลูกัน โดยนัดกันไปเจอที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์
ผมกับเพื่อนไม่ได้เจอกันมาปีกว่าได้ เจอกันอีกทีก็ชวนกันไปปีนเขา ผมจองไกด์กับที่พักผ่าน Amazing Borneo
ก่อนจะบินจาก กัวลาลัมเปอร์ไป โคตา คินาบาลู ทาง Amazing Borneo ได้ติดต่อมาว่า คุณต้องการ รถไปรับที่สนามบินไปส่งโรงแรมหรือเปล่าด้วยความที่ผมก็ไปแบบไม่ค่อยมีข้อมูลอะไรมากนักเลยตอบตกลงไป แต่หลังจากนั้นเราถึงรู้ว่า มีรถบัสเข้าเมือง ซึ่งถูกกว่ารถจากบริษัทที่มารับเรามาก
ขากลับเราจึงเลือกใช้บริการรถบัส
คืนแรกที่มาถึงหลังจากเช็คอินที่โรงแรมแล้ว เราออกไปหาอาหารกินกัน เดินไปเจอแหล่งขายอาหารซีฟู้ด แต่ราคาไม่ถูกเลย (เมื่อเทียบกับเมืองไทย) แต่พวกเราก็กินกัน ส่วนมื้อหลังๆ เราฝากท้องไว้กับ KFC แถวโรงแรม เพราะเปิด 24 ชั่วโมง