นั่งว่าง ๆ เลยอยากจะลองเล่าเรื่องราวสักเรื่องดู เคยเล่าไปแล้วแต่ยังไม่จบ วันนี้...ได้เวลา "จบ" ล่ะ
เช้านี้ต้นไผ่ที่บ้านชายคลอง ยังหยอกล้อกับแรงลมเหมือนเคย หากแต่วันนี้มันดูมีชีวิตชีวา สดชื่นกว่าที่ผ่านมา หรือนี่คือการต้อนรับการกลับอีกครั้งของชายชรา ชายผู้อยู่อย่างโดดเดี่ยวมากว่าค่อนชีวิต เขามีเพียงต้นไม้ สายน้ำ และสรรพสิ่งรอบข้างคอย เป็นเพื่อนยามเหงา เขาไม่เคยคิดเลยว่าครั้งหนึ่งจะต้องจากบ้าน บ้านที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความสุข ร้อยยิ้ม และเสียงหัวเราะ แล้วใครจะรู้ว่าการจากบ้านไปครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ของเขา ด้วยสังขารที่ร่วงโรย เขาไม่อาจใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเคย แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ในแววตาที่พร่ามัว ชายผู้นี้ไม่เคยท้อ ไม่เคยน้อยใจในโชคชะตาเลยสักนิด แต่ในใจลึก ๆ แล้ว เขาหวังเป็นที่สุดว่าวันหนึ่ง จะได้กลับมาที่ที่เรียกว่า "บ้าน" อีกครั้ง บ้านที่จะเป็นที่พักพิงยามลมหายใจสุดท้ายของชีวิต แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนลงทุกที อากาศเย็นเริ่มเข้ามาแทนที่ ทำให้เขาตื่นจากพวังเบื้องหน้าของเขารายล้อมลูกสาว ที่คอยดูแลปรนิบัติไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับหลาน ๆ ที่นั่งเล่นส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่ขาดระยะ ด้วยน้ำทิพย์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาพองโต พร้อมที่จะยิ้มรับกับสภาพที่จะเกิดขึ้นในวันต่อไป เย็นวันนี้ทุกคนทานข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกคนมีความสุขกับครอบครัวเล็ก ๆ ของพวกเรา ไม่นานนักนาฬิกาบอกเวลา 23.15 น. ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าในวันต่อไป
( ตึงงงงง.....!!!!!!!!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวและแรงสนั่นสะเทือนของวัตถุขนาดมหึมา ปลุกฉันตื่นจากภวังค์
ฉันลุกขึ้นมองหาที่มาของเสียงนั้นด้วยความตกใจ สายตากวาดไปรอบ ๆ บ้าน ในทีสุดสายตาของฉันก็ต้องหันไปหยุดมอง ณ มุมหนึ่งของบ้าน ทำไม?? แม่ฉันร้องไห้ ทำไม?? เสียงดังที่ตามหาเมื่อครู่หายไปจากการรับรู้ของฉันในทันที ความเงียบงันเข้ามาแทนที่ เวลานี้ ฉันได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้น มันเต้นแรงและเร็วผิดปกติ รึฉันเริ่มรู้สึกกลัวกับบางสิ่งที่คิดและมันอาจกำลังเกิดขึ้น ฉันรวบรวมสติที่เหลืออยู่ก้าวเข้าไปยังเตียงนอนของชายชรา ยิ่งเข้าไปใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ มันทำให้ฉันรับรู้ได้ว่า ลมหายใจของชายชราผู้เป็นที่รัก ได้หยุดลงแล้วจริง ๆ วันนี้....ลมหายใจของเขา ลมหายใจที่แสนจะเหนื่อยล้า ได้หยุดลงแล้ว หยุดไปพร้อม ๆ กับต้นไผ่ต้นใหญ่ข้างบ้านที่ล้มลงเมื่อครู่)
เรื่องเล่าที่บ้านชายคลอง
เช้านี้ต้นไผ่ที่บ้านชายคลอง ยังหยอกล้อกับแรงลมเหมือนเคย หากแต่วันนี้มันดูมีชีวิตชีวา สดชื่นกว่าที่ผ่านมา หรือนี่คือการต้อนรับการกลับอีกครั้งของชายชรา ชายผู้อยู่อย่างโดดเดี่ยวมากว่าค่อนชีวิต เขามีเพียงต้นไม้ สายน้ำ และสรรพสิ่งรอบข้างคอย เป็นเพื่อนยามเหงา เขาไม่เคยคิดเลยว่าครั้งหนึ่งจะต้องจากบ้าน บ้านที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความสุข ร้อยยิ้ม และเสียงหัวเราะ แล้วใครจะรู้ว่าการจากบ้านไปครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ของเขา ด้วยสังขารที่ร่วงโรย เขาไม่อาจใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเคย แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ในแววตาที่พร่ามัว ชายผู้นี้ไม่เคยท้อ ไม่เคยน้อยใจในโชคชะตาเลยสักนิด แต่ในใจลึก ๆ แล้ว เขาหวังเป็นที่สุดว่าวันหนึ่ง จะได้กลับมาที่ที่เรียกว่า "บ้าน" อีกครั้ง บ้านที่จะเป็นที่พักพิงยามลมหายใจสุดท้ายของชีวิต แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนลงทุกที อากาศเย็นเริ่มเข้ามาแทนที่ ทำให้เขาตื่นจากพวังเบื้องหน้าของเขารายล้อมลูกสาว ที่คอยดูแลปรนิบัติไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับหลาน ๆ ที่นั่งเล่นส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่ขาดระยะ ด้วยน้ำทิพย์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาพองโต พร้อมที่จะยิ้มรับกับสภาพที่จะเกิดขึ้นในวันต่อไป เย็นวันนี้ทุกคนทานข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกคนมีความสุขกับครอบครัวเล็ก ๆ ของพวกเรา ไม่นานนักนาฬิกาบอกเวลา 23.15 น. ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าในวันต่อไป
( ตึงงงงง.....!!!!!!!!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวและแรงสนั่นสะเทือนของวัตถุขนาดมหึมา ปลุกฉันตื่นจากภวังค์
ฉันลุกขึ้นมองหาที่มาของเสียงนั้นด้วยความตกใจ สายตากวาดไปรอบ ๆ บ้าน ในทีสุดสายตาของฉันก็ต้องหันไปหยุดมอง ณ มุมหนึ่งของบ้าน ทำไม?? แม่ฉันร้องไห้ ทำไม?? เสียงดังที่ตามหาเมื่อครู่หายไปจากการรับรู้ของฉันในทันที ความเงียบงันเข้ามาแทนที่ เวลานี้ ฉันได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้น มันเต้นแรงและเร็วผิดปกติ รึฉันเริ่มรู้สึกกลัวกับบางสิ่งที่คิดและมันอาจกำลังเกิดขึ้น ฉันรวบรวมสติที่เหลืออยู่ก้าวเข้าไปยังเตียงนอนของชายชรา ยิ่งเข้าไปใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ มันทำให้ฉันรับรู้ได้ว่า ลมหายใจของชายชราผู้เป็นที่รัก ได้หยุดลงแล้วจริง ๆ วันนี้....ลมหายใจของเขา ลมหายใจที่แสนจะเหนื่อยล้า ได้หยุดลงแล้ว หยุดไปพร้อม ๆ กับต้นไผ่ต้นใหญ่ข้างบ้านที่ล้มลงเมื่อครู่)