เปลือกหอยน้อยใหญ่ ถูกแขวนไว้ริมระเบียง ส่งเสียงเกรียวกราว ยามสายลมทะเลพัดโชยมา
หญิงสาวตาคม ผิวสีน้ำผึ้ง เอนตัวลงบนเก้าอี้โยกไม้สนสีเหลืองทองสะอาดตา สายตาเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีคราม ท้องทะเลสีเขียว เกลียวคลื่นซัดเข้าสู่หาดทราย เกิดเป็นฟองละเอียดสีขาว
แล้วสายน้ำสีเขียวก็ไหลกลับลงทะเลต้นกำเนิด พร้อมพาเหล่าเม็ดทรายละเอียดเม็ดแล้วเม็ดเล่ากลับไปนอนก้นใต้ท้องทะเลกว้าง
"ฉันคือทราย เขาคือทะเล"
เสียงแผ่วเบาถูกส่งออกมาจากริมฝีปากบางของหญิงสาว
ในมือเล็กๆ มีเปลือกหอยและเส้นเอ็นที่หญิงสาวใช้เรียงร้อยเปลือกหอยหลากสี เข้าไว้ด้วยกันเป็นพวงใหญ่ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีตะกร้าขนาดใหญ่ใส่เปลือกหอยมากมายนอนรอให้หญิงสาวเลือกใช้
โมไบล์เปลือกหอยคือตัวแทนของวันเวลาที่ผันผ่าน หนึ่งพวงคือหนึ่งวัน หญิงสาวบรรจงร้อยเข้าไว้อย่างสวยงาม แขวนไว้ที่ริมระเบียง "กระท่อมเปลือกหอย" ชื่อที่เขาและเธอตั้งชื่อบ้านน้อยหลังนี้
คลื่นซัด...สาดมา
น้ำตา..ไหลริน
ชีวิตคือสิ่งใด
"ฉันยังไม่หมดกำลังใจที่จะรอ"
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ มองออกไปยังท้องทะเล
หลายปีก่อนเขาและเธอพบกัน ผูกสัมพันธ์ความรักจนสุกงอม
เขาพาเธอมายังหมู่บ้านชายทะเลแห่งนี้ สร้างกระท่อมเปลือกหอย ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนแสนไกล ดุจดั่งทะเลที่พัดพาทรายเม็ดงามเข้ามาสู่ฝั่ง แล้วปล่อยทรายนั้นให้ตกตะกอนนิ่งอยู่ในส่วนลึกของท้องทะเลกว้าง
จากนั้น เขาพาตัวเองออกไปกับเรือประมงลำหนึ่ง ออกเดินทางรอนแรมเพื่อเลี้ยงชีพ
เธอได้แต่นับวันคอย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี
เวลาผ่านนานแค่ไหนดูจาก โมไบล์เปลือกหอยละลานตา ไม่สามารถนับจำนวนได้ ที่หญิงสาวแขวนไว้ริมระเบียงเป็นสัญญาณของการรอคอย
ทุกครั้งที่มีเรือประมงกลับเข้าฝั่ง หญิงสาวจะรีบวิ่งไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยม กวาดสายตาไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์บนเรือ หวังที่จะเห็นร่างคุ้นตา ย่างเท้ากลับมาเหยียบผืนดิน
แต่ทุกครั้ง หญิงสาวเดินกลับกระท่อมด้วยความผิดหวัง หัวใจห่อเหี่ยว กลับมาร้อยเรียงเปลือกหอยหลากสีต่อไป
แต่เธอยังไม่หมดกำลังใจ แม้เวลาจะนานแค่ไหน ตราบใดที่ยังไม่มีเรื่องราวที่บอกถึงการจากลาชั่วนิรันดร์ของเขา เธอก็จะรอต่อไป...
.................
หญิงชราถือไม้เท้าเดินมาที่ท่าเรือ แม้แข้งขาจะอ่อนแรง ดวงตาจะฝ้าฟาง แต่เธอยังมีจิตใจที่มุ่งมั่นว่าสักวันเขาจะกลับมา
คุณยายเขม้นสายตามองไปที่เรือลำใหญ่ที่เข้ามาจอดเทียบท่า
บัดนี้ท่าเรือเล็กๆ ของหมู่บ้านแสนห่างไกลกลายเป็นท่าเรือใหญ่ที่อ้าแขนรับนักท่องเที่ยว ผู้คนแปลกหน้ามากมายผ่านเข้าสู่คลองจักษุของคุณยายแต่ไม่มีดวงหน้าไหนคุ้นเคย
แต่แล้ว...หัวใจอันอ่อนล้าของคุณยายก็เต้นแรง ราวกับจะโลดแล่นออกมานอกอก
ดวงหน้านั้น เขา... เขาที่เธอรอคอยมาเนิ่นนาน
ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก เขายังหนุ่มแน่นเหมือนกับเขาคนเดิมที่ขึ้นเรือประมงจากหญิงสาวไปเมื่อหลายปีก่อน ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด มีเพียงเครื่องแต่งกายที่ดูภูมิฐาน
หญิงชราค่อยๆ เคลื่อนกายอย่างยากลำบาก ตรงเข้าหาเขาคนนั้น พร้อมโบกมือด้วยความยินดี หวังว่าการขยับร่างกายแบบนั้นจะช่วยเรียกความสนใจจากเขาได้ และเป็นจริงดังคาด
เขาเบือนหน้ามามอง คุณยายส่งยิ้มให้ เขาส่งยิ้มรับแล้วเดินตรงมาหา ท่าทางยินดียิ่ง
"สวัสดีครับคุณยาย คุณยายรู้จักคุณพ่อของผมหรือครับ?"
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมก้มลงที่เก้าอี้ วีลล์แชร์ ที่เขาเข็นมา หญิงชรามองตามสายตาของชายหนุ่ม พบกับร่างชายชรานั่งอยู่ที่นั่น ดวงหน้าคลับคล้ายคลับคลากับชายหนุ่มผู้เป็นลูก แต่ดวงตาชายชราว่างเปล่าไร้อารมณ์ความรู้สึก
"พ่อผมป่วยเป็นอัลไซเมอร์ครับ จำอะไรไม่ได้แล้ว แต่พ่อละเมอพูดถึงหมู่บ้านนี้ กับกระท่อมเปลือกหอยบ่อยๆ ในตอนที่ท่านหลับ ผม... ผมก็เลยลองพามาดู เผื่อมีความหลังที่นี่ อาจช่วยกระตุ้นสมองท่านได้บ้าง"
แล้วชายหนุ่มพูดต่ออย่างรวดเร็ว
"คุณยายรู้จักคุณพ่อ หรือกระท่อมเปลือกหอยไหมครับ?"
หญิงชรามอง ชายสองคนตรงหน้าสลับกันไปมา เม้มปากราวกับพยายามเค้นคำพูดให้หลุดออกจากปาก
"ไม่จ้ะ...ไม่รู้จัก ขอโทษทีนะจ๊ะ"
เมื่อคุณยายพูดจบก็รีบหันหลัง พาร่างอันสั่นเทาออกจากท่าเรือนั้น อย่างเร็วที่สุดเท่าที่สังขารจะเอื้ออำนวย ความรู้สึกเขม็งเกลียวในจิตใจ ได้คลายออก
เมื่อกลับมาถึงบ้านริมทะเล ระเบียงที่อัดแน่นไปด้วยโมไบล์เปลือกหอยที่ไม่ส่งเสียง เพราะไม่มีที่ว่างแม้เพียงกระเบียดให้โมไบล์ได้ขยับปลิวล้อสายลม
คุณยายพาร่างสั่นเทิ้มไปที่เตียงนอน เอนกายลง หลับตา ด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า บ่วงพันธนาการได้สิ้นสุดลงแล้ว คุณยายสูดลมหายใจสุดท้ายเข้าปอด และหลับไปชั่วนิรันดร์...
เรื่องสั้นวันละเรื่อง : กระท่อมเปลือกหอย
หญิงสาวตาคม ผิวสีน้ำผึ้ง เอนตัวลงบนเก้าอี้โยกไม้สนสีเหลืองทองสะอาดตา สายตาเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีคราม ท้องทะเลสีเขียว เกลียวคลื่นซัดเข้าสู่หาดทราย เกิดเป็นฟองละเอียดสีขาว
แล้วสายน้ำสีเขียวก็ไหลกลับลงทะเลต้นกำเนิด พร้อมพาเหล่าเม็ดทรายละเอียดเม็ดแล้วเม็ดเล่ากลับไปนอนก้นใต้ท้องทะเลกว้าง
"ฉันคือทราย เขาคือทะเล"
เสียงแผ่วเบาถูกส่งออกมาจากริมฝีปากบางของหญิงสาว
ในมือเล็กๆ มีเปลือกหอยและเส้นเอ็นที่หญิงสาวใช้เรียงร้อยเปลือกหอยหลากสี เข้าไว้ด้วยกันเป็นพวงใหญ่ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีตะกร้าขนาดใหญ่ใส่เปลือกหอยมากมายนอนรอให้หญิงสาวเลือกใช้
โมไบล์เปลือกหอยคือตัวแทนของวันเวลาที่ผันผ่าน หนึ่งพวงคือหนึ่งวัน หญิงสาวบรรจงร้อยเข้าไว้อย่างสวยงาม แขวนไว้ที่ริมระเบียง "กระท่อมเปลือกหอย" ชื่อที่เขาและเธอตั้งชื่อบ้านน้อยหลังนี้
คลื่นซัด...สาดมา
น้ำตา..ไหลริน
ชีวิตคือสิ่งใด
"ฉันยังไม่หมดกำลังใจที่จะรอ"
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ มองออกไปยังท้องทะเล
หลายปีก่อนเขาและเธอพบกัน ผูกสัมพันธ์ความรักจนสุกงอม
เขาพาเธอมายังหมู่บ้านชายทะเลแห่งนี้ สร้างกระท่อมเปลือกหอย ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนแสนไกล ดุจดั่งทะเลที่พัดพาทรายเม็ดงามเข้ามาสู่ฝั่ง แล้วปล่อยทรายนั้นให้ตกตะกอนนิ่งอยู่ในส่วนลึกของท้องทะเลกว้าง
จากนั้น เขาพาตัวเองออกไปกับเรือประมงลำหนึ่ง ออกเดินทางรอนแรมเพื่อเลี้ยงชีพ
เธอได้แต่นับวันคอย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี
เวลาผ่านนานแค่ไหนดูจาก โมไบล์เปลือกหอยละลานตา ไม่สามารถนับจำนวนได้ ที่หญิงสาวแขวนไว้ริมระเบียงเป็นสัญญาณของการรอคอย
ทุกครั้งที่มีเรือประมงกลับเข้าฝั่ง หญิงสาวจะรีบวิ่งไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยม กวาดสายตาไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์บนเรือ หวังที่จะเห็นร่างคุ้นตา ย่างเท้ากลับมาเหยียบผืนดิน
แต่ทุกครั้ง หญิงสาวเดินกลับกระท่อมด้วยความผิดหวัง หัวใจห่อเหี่ยว กลับมาร้อยเรียงเปลือกหอยหลากสีต่อไป
แต่เธอยังไม่หมดกำลังใจ แม้เวลาจะนานแค่ไหน ตราบใดที่ยังไม่มีเรื่องราวที่บอกถึงการจากลาชั่วนิรันดร์ของเขา เธอก็จะรอต่อไป...
.................
หญิงชราถือไม้เท้าเดินมาที่ท่าเรือ แม้แข้งขาจะอ่อนแรง ดวงตาจะฝ้าฟาง แต่เธอยังมีจิตใจที่มุ่งมั่นว่าสักวันเขาจะกลับมา
คุณยายเขม้นสายตามองไปที่เรือลำใหญ่ที่เข้ามาจอดเทียบท่า
บัดนี้ท่าเรือเล็กๆ ของหมู่บ้านแสนห่างไกลกลายเป็นท่าเรือใหญ่ที่อ้าแขนรับนักท่องเที่ยว ผู้คนแปลกหน้ามากมายผ่านเข้าสู่คลองจักษุของคุณยายแต่ไม่มีดวงหน้าไหนคุ้นเคย
แต่แล้ว...หัวใจอันอ่อนล้าของคุณยายก็เต้นแรง ราวกับจะโลดแล่นออกมานอกอก
ดวงหน้านั้น เขา... เขาที่เธอรอคอยมาเนิ่นนาน
ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก เขายังหนุ่มแน่นเหมือนกับเขาคนเดิมที่ขึ้นเรือประมงจากหญิงสาวไปเมื่อหลายปีก่อน ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด มีเพียงเครื่องแต่งกายที่ดูภูมิฐาน
หญิงชราค่อยๆ เคลื่อนกายอย่างยากลำบาก ตรงเข้าหาเขาคนนั้น พร้อมโบกมือด้วยความยินดี หวังว่าการขยับร่างกายแบบนั้นจะช่วยเรียกความสนใจจากเขาได้ และเป็นจริงดังคาด
เขาเบือนหน้ามามอง คุณยายส่งยิ้มให้ เขาส่งยิ้มรับแล้วเดินตรงมาหา ท่าทางยินดียิ่ง
"สวัสดีครับคุณยาย คุณยายรู้จักคุณพ่อของผมหรือครับ?"
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมก้มลงที่เก้าอี้ วีลล์แชร์ ที่เขาเข็นมา หญิงชรามองตามสายตาของชายหนุ่ม พบกับร่างชายชรานั่งอยู่ที่นั่น ดวงหน้าคลับคล้ายคลับคลากับชายหนุ่มผู้เป็นลูก แต่ดวงตาชายชราว่างเปล่าไร้อารมณ์ความรู้สึก
"พ่อผมป่วยเป็นอัลไซเมอร์ครับ จำอะไรไม่ได้แล้ว แต่พ่อละเมอพูดถึงหมู่บ้านนี้ กับกระท่อมเปลือกหอยบ่อยๆ ในตอนที่ท่านหลับ ผม... ผมก็เลยลองพามาดู เผื่อมีความหลังที่นี่ อาจช่วยกระตุ้นสมองท่านได้บ้าง"
แล้วชายหนุ่มพูดต่ออย่างรวดเร็ว
"คุณยายรู้จักคุณพ่อ หรือกระท่อมเปลือกหอยไหมครับ?"
หญิงชรามอง ชายสองคนตรงหน้าสลับกันไปมา เม้มปากราวกับพยายามเค้นคำพูดให้หลุดออกจากปาก
"ไม่จ้ะ...ไม่รู้จัก ขอโทษทีนะจ๊ะ"
เมื่อคุณยายพูดจบก็รีบหันหลัง พาร่างอันสั่นเทาออกจากท่าเรือนั้น อย่างเร็วที่สุดเท่าที่สังขารจะเอื้ออำนวย ความรู้สึกเขม็งเกลียวในจิตใจ ได้คลายออก
เมื่อกลับมาถึงบ้านริมทะเล ระเบียงที่อัดแน่นไปด้วยโมไบล์เปลือกหอยที่ไม่ส่งเสียง เพราะไม่มีที่ว่างแม้เพียงกระเบียดให้โมไบล์ได้ขยับปลิวล้อสายลม
คุณยายพาร่างสั่นเทิ้มไปที่เตียงนอน เอนกายลง หลับตา ด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า บ่วงพันธนาการได้สิ้นสุดลงแล้ว คุณยายสูดลมหายใจสุดท้ายเข้าปอด และหลับไปชั่วนิรันดร์...