มนุษย์เราช่างเสาะแสวงหานวัตกรรมการเมาแบบใหม่ๆอยู่เสมอ ล่าสุดขอเชิญพบกับการดมผงโกโก้จ้ะ
เชื่อไหมว่า snorting, sniffing chocolate หรือ การสูดหายใจเอาช็อกโกแลตผงเข้าไป เแล้ว get high กำลังเป็นเทรนใหม่ตามไนท์คลับและงานปาร์ตี้ต่างๆในยุโรป โดยเริ่มมีให้เห็นออกสื่อครั้งแรกที่งานปาร์ตี้ Rolling Stone ในปี 2007 แล้วมันก็ลามต่อไปเรื่อยๆ จากปาร์ตี้ในBerlin ไปถึงร้านอาหารในBelgian แต่ไม่ใช่แค่การวางผงโกโก้ทั่วๆไปไว้บนโต๊ะแล้วหายใจสูดดมเข้าไปเฉยๆ แต่มันยังต้องใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาพิเศษกับผงโกโก้ที่ทำมาเฉพาะอีกด้วย
การ snort chocolate ได้ผ่านกระบวนการคิดทดลองกันเป็นปีๆ ทั้งตัวอุปกรณ์ chocolate shooting และผงโกโก้ เพื่อให้มีขนาดเล็กและพกพาได้สะดวก เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลตชาวเบลเยี่ยม Dominique Parsoone เป็นคนคิดริเริ่ม โดยได้ไอเดียมาจาก ยานัตถุ์ (snuff, dry nasal tobacco)ของคุณปู่ โดยเชฟParsooneได้ใช้โกโก้ผง single originจาก Peru และ Dominican Republic อีกทั้งยังลองผสมกลิ่นต่างๆเข้าไปด้วย เช่น ขิง ราสเบอรี่ หรือ กลิ่นมิ้นท์ เพื่อประสบการณ์ความน่าสนใจและความแปลกใหม่ นอกจากนี้ผงโกโก้ยังได้ถูกพัฒนาสูตรขึ้นมาพิเศษเผื่อลดการระคายเคืองของจมูก แน่นอนว่าเป็นคนละชนิดกับผงโกโก้ที่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านเบเกอรี่
ในส่วนของเครื่อง chocolate shooting มีหลักการง่ายๆคือการดีดผงโกโก้ให้ลอยเข้าไปในจมูก ใช้แค่ 2 ช้อนเล็กๆต่อครั้ง โดยบริเวณเครื่องจะมีคันโยกตรงปลายช้อน พอกดคันโยกแล้วปล่อย ผงโกโก้ถูกดีดให้ลอยขึ้นมา ง่ายต่อการสูดหายใจเข้าไป เนื่องจากวิธีการนี้เป็นการเสพย์โกโก้ทางจมูก ทำให้คุณสมบัติหรือปฎิกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นไปแบบรวดเร็วและชัดเจนกว่าการกินเข้าไปเฉยๆ โดยถึงแม้จะยังไม่มีบทสรุปทางการแพทย์ที่ชัดเจน แต่ในกลุ่มผู้เสพย์เชื่อว่าเมื่อโกโก้ได้เข้าสู่กระแสเลือดแล้วจะเกิดการเพิ่มขึ้นของเอ็นโดรฟินอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่าเริงเบิกบาน เนื่องจากโกโก้อุดมไปด้วย magnesium จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และผลของสาร epicatechin ในโกโก้ยังช่วยทำให้หลอดเลือดขยาย เพิ่มโอกาสในการรับส่งออกซิเจนของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ช่วยให้เต้นได้ทั้งคืนแบบไม่เหนื่อย คล้ายกับแนวคิดที่ทหารในยุคAztec ที่เดินทางเป็นวันได้เพียงแค่มีช็อกโกแลตติดตัวเอาไว้ดื่ม นอกจากนี้จากการศึกษาของ London Kingston University กับนักปั่นจักรยาน พบว่าการกินช็อกโกแลตมีส่วนทำให้เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมสุดยอดสร้างสรรค์นี้ยังไม่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์ถึงข้อดีข้อเสีย รวมถึงอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้นะคะ จขกท. ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยังบริโภคช็อกโกแลตด้วยวิธีการกินเหมือนเดิมดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าเพื่อนๆสนใจเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับช็อกโกแลตก็แวะมาเยี่ยมชมblogของ จขกท.ได้ที่นี่นะคะ https://beanblahblah.goat.me
Cocoa is the New Ecstasy: มาทำความรู้จักเทรนด์การสูดผงโกโก้เข้าจมูกกัน
เชื่อไหมว่า snorting, sniffing chocolate หรือ การสูดหายใจเอาช็อกโกแลตผงเข้าไป เแล้ว get high กำลังเป็นเทรนใหม่ตามไนท์คลับและงานปาร์ตี้ต่างๆในยุโรป โดยเริ่มมีให้เห็นออกสื่อครั้งแรกที่งานปาร์ตี้ Rolling Stone ในปี 2007 แล้วมันก็ลามต่อไปเรื่อยๆ จากปาร์ตี้ในBerlin ไปถึงร้านอาหารในBelgian แต่ไม่ใช่แค่การวางผงโกโก้ทั่วๆไปไว้บนโต๊ะแล้วหายใจสูดดมเข้าไปเฉยๆ แต่มันยังต้องใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาพิเศษกับผงโกโก้ที่ทำมาเฉพาะอีกด้วย
การ snort chocolate ได้ผ่านกระบวนการคิดทดลองกันเป็นปีๆ ทั้งตัวอุปกรณ์ chocolate shooting และผงโกโก้ เพื่อให้มีขนาดเล็กและพกพาได้สะดวก เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลตชาวเบลเยี่ยม Dominique Parsoone เป็นคนคิดริเริ่ม โดยได้ไอเดียมาจาก ยานัตถุ์ (snuff, dry nasal tobacco)ของคุณปู่ โดยเชฟParsooneได้ใช้โกโก้ผง single originจาก Peru และ Dominican Republic อีกทั้งยังลองผสมกลิ่นต่างๆเข้าไปด้วย เช่น ขิง ราสเบอรี่ หรือ กลิ่นมิ้นท์ เพื่อประสบการณ์ความน่าสนใจและความแปลกใหม่ นอกจากนี้ผงโกโก้ยังได้ถูกพัฒนาสูตรขึ้นมาพิเศษเผื่อลดการระคายเคืองของจมูก แน่นอนว่าเป็นคนละชนิดกับผงโกโก้ที่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านเบเกอรี่
ในส่วนของเครื่อง chocolate shooting มีหลักการง่ายๆคือการดีดผงโกโก้ให้ลอยเข้าไปในจมูก ใช้แค่ 2 ช้อนเล็กๆต่อครั้ง โดยบริเวณเครื่องจะมีคันโยกตรงปลายช้อน พอกดคันโยกแล้วปล่อย ผงโกโก้ถูกดีดให้ลอยขึ้นมา ง่ายต่อการสูดหายใจเข้าไป เนื่องจากวิธีการนี้เป็นการเสพย์โกโก้ทางจมูก ทำให้คุณสมบัติหรือปฎิกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นไปแบบรวดเร็วและชัดเจนกว่าการกินเข้าไปเฉยๆ โดยถึงแม้จะยังไม่มีบทสรุปทางการแพทย์ที่ชัดเจน แต่ในกลุ่มผู้เสพย์เชื่อว่าเมื่อโกโก้ได้เข้าสู่กระแสเลือดแล้วจะเกิดการเพิ่มขึ้นของเอ็นโดรฟินอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่าเริงเบิกบาน เนื่องจากโกโก้อุดมไปด้วย magnesium จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และผลของสาร epicatechin ในโกโก้ยังช่วยทำให้หลอดเลือดขยาย เพิ่มโอกาสในการรับส่งออกซิเจนของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ช่วยให้เต้นได้ทั้งคืนแบบไม่เหนื่อย คล้ายกับแนวคิดที่ทหารในยุคAztec ที่เดินทางเป็นวันได้เพียงแค่มีช็อกโกแลตติดตัวเอาไว้ดื่ม นอกจากนี้จากการศึกษาของ London Kingston University กับนักปั่นจักรยาน พบว่าการกินช็อกโกแลตมีส่วนทำให้เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมสุดยอดสร้างสรรค์นี้ยังไม่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์ถึงข้อดีข้อเสีย รวมถึงอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้นะคะ จขกท. ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยังบริโภคช็อกโกแลตด้วยวิธีการกินเหมือนเดิมดีกว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้