จากที่เคยเล่าไว้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/35825939
ห่างจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วประมาณ 1 ปี เราเข้าสู่ช่วงเบญจเพสค่ะ อายุ 25 ปีเต็ม ก่อนหน้านั้นแม่เราก็มีการเอาดวงเราไปดูกับหมอดูบ้าง พระที่นับถือบ้าง ท่านก็แนะนำว่าให้เราทำบุญมากๆ เพราะช่วงนี้กราฟชีวิตตกเลขไม่ดี แล้วยิ่งเบญจเพศแล้วโบราณว่าไว้ว่าจะมีเหตุ ถ้าดีก็ดีไปเลย ถ้าร้ายก็จะมีเคราะห์กรรมอันนี้หมอดูบอกไว้นะคะ แล้วให้เรามารับขันธ์เพราะเทพประจำตัวเราใหญ่มาก ท่านจะได้ปกป้องคุ้มครองและสื่อสารกับเราได้ อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราเองก็ไม่แน่ใจ และไม่เข้าใจ เลยไม่ได้สนใจไปดำเนินการอะไร เราก็เที่ยวเล่น ทำงาน สนุกสนานตามปกติค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่คนที่ทำบุญเข้าวัดบ่อยๆ และไม่ได้เชื่อเรื่องแนวๆนี้มากนัก เราไม่ได้ทำอะไรค่ะ ไม่ได้ทำบุญอะไรเลย เราแค่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนที่เก่ง และโชคดีมากตลอด คงไม่มีเรื่องอะไรร้ายๆเกิดขึ้นกับเราง่ายๆ ฮ่าๆ
และแล้ว... เราก็เจออุบัติเหตุหนักในช่วงเบญจเพสนี่เองค่ะ
เราทำงานเสร็จเลิกงานเราไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนซึ่งกลับที่พักไม่ดึกนักเพราะเช้าอีกวันจะต้องขับกลับบ้านต่างจังหวัด
เราออกจากกรุงเทพช่วงประมาณตีสี่ค่ะ ปกติแล้วเราชอบขับรถทางไกลช่วงกลางคืนอยู่แล้วเลยไม่ได้กังวลอะไร แต่ด้วยความพักผ่อนน้อยทำให้เราหลับในไปชนต้นไม้ข้างทางก่อนเข้าตัวเมืองแค่ 10 กิโลเองค่ะ ซึ่งจุดนั้นเป็นคอสะพานที่ช่วงน้ำท่วมกัดเซาะทำให้ถนนตรงนั้นไม่เรียบ ทราบทีหลังว่าเกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตมาหลายรายแล้ว
ช่วงที่รักษาตัวที่ รพ. นี่เองเป็นช่วงที่หลอนจับใจเลยค่ะ เคยได้ยินใช่มั๊ยคะที่ว่าเจ้ากรรมนายเวรจะมาเวลาที่เราดวงตก ช่วงอาการโคม่าเรารู้ตัวนะคะ รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและตัวเองอยู่ที่ไหน พอฟื้นจากผ่าตัด เราพักอยู่ห้องพิเศษค่ะ เราต่นเห็นเงาคนสูงใหญ่มายืนล้อมเตียงเราแต่ละคนพยายามดึงแขนดึงขาเรา เหมือนพยายามรุมทึ้งเราค่ะ น่ากลัวมาก เราร้องไห้ พยายามถีบหนี ร้องว่าเจ็บๆ จนคนที่เฝ้าเราตกใจเรียกพยาบาลมาดู แล้วเราก็โดนยาแล้วนอนหลับไปจ้า อันนี้คืนแรกนะ...
ห้องพิเศษที่เราอยู่ฝั่งด้านหลังจะติดภูเขาค่ะ และระเบียงห้องเราเป็นฝั่งตีนเขาพอดี ดูเหมือนบรรยากาศดีมีต้นไม้แต่ไม่เลยค่ะ คืนที่สองคนที่เราจ้างมาเฝ้ามาช้า พยาบาลที่เข้าเวรมาบอกเราว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือพิเศษอะไร อย่างเช่น ต้องการห้องน้ำให้กดเรียก เราก็ดูหนังไปเรื่อยๆค่ะ พอเริ่มง่วง เราได้ยินเสียงเคาะกระจกเบาๆจากระเบียงก็ไม่ได้สนใจคิดว่าเสียงลมพัดแล้วกระจกมันสะเทือน พอเริ่มรู้สึกง่วงใกล้จะหลับเสียงเคาะยังอยู่นะคะ แต่เริ่มดังขึ้นค่ะ เป็นเสียงเคาะเหมือนคนเคาะประตูน่ะค่ะ
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" ซ้ำเป็นจังหวะแบบนี้เลยนะคะ เราเริ่มตกใจล่ะเพราะเสียงลมมันไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ และห้องเราอยู่ชั้นหกไม่ไม่น่าจะมีคนเล่นอะไรพิเรนท์ ตอนนั้นกลัวมากๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อค่ะ ข่มตาพยายามนอนหลับ แต่ก็ไม่ปิดโทรทัศน์นะคะ เพราะมันเป็นแสงอย่างเดียวในห้อง สวิชท์ไฟอยู่ไกลค่ะ ตอนนั้นเราขาหักสองข้างต้องผ่าตัดและเข้าเผือกอ่อนอยู่ทำให้เดินไม่ได้ แขนก็ซ้ายหัก เลือดคั่งในช่องท้องต้องต่อสายยางดูดเลือดออก คือได้แต่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง เสียงเคาะยังดังอยู่แล้วมันก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนทุบกระจก เราเริ่มกลัวจึงกดเรียกพยาบาลเวร บอกว่ามีคนมาทุบห้อง พอพยาบาลเข้ามาเท่านั้นเสียงทุบกลายเป็นเสียงกึกๆๆ เหมือนลมพัดเฉยเลย พยาบาลก็ไปดูตรงระเบียงเปิดไฟเปิดม่าน แต่ก็ไม่มีอะไรตรงระเบียง แล้วเสียงที่เราได้ยินมันคืออะไร ?
พยาบาลให้ยาคลายเคลียดค่ะเราเม็ดนึงค่ะแล้วบอกว่าไม่มีอะไรคงเป็นเสียงลมพัดกระทบประตูมั้งที่ทำเราตกใจ คนเฝ้าเราก็ยังไม่มาค่ะ ตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่ม เรากินยาเผลอหลับไปตอนไหนไม่แน่ใจ ตื่นมาเพราะรู้สึกปวกตุ๊บๆที่ข้อเท้า และหิวน้ำมาก มองไปเห็นพี่คนเฝ้าที่จ้างมา นอนอยู่ตรงโซฟาเลยร้องเรียกเค้า แต่เค้าไม่ได้ยินค่ะ พอเรามองไปตรงขาข้างที่เข้าเฝือกข้อเท้าแทบช็อก เรามองเห็นหน้าผู้หญิงแก่นั่งยิ้มอยู่ตรงปลายเท้าค่ะ แล้วเค้ากำลังเอามือทุบเผือกเราอยู่ค่ะ นึกภาพตามนะผู้หญิงดูแก่มากๆ หลังค่อมๆ นั่งทับขาเราข้างนึง มองหน้าเราแล้วแสยะยิ้ม ส่วนมือก็กำลังทุบๆเผือกเราคะ ตอนนั้นนึกว่าจะหัวใจวายตายซะแล้ว หลอนแค่ไหนถามใจดู
แล้วก็เหมือนสติหลุดเราก็กรี๊ดขึ้นมาเลยค่ะ หลับหูหลับตาพยายามสะบัดขาเอายายออกไป แต่ทำไม่ได้ขาไม่มีแรงค่ะ ดื้นๆ จนตัวตกมาจากเตียงผู้ป่วย รู้ตัวอีกทีคือพยาบาลกับพี่ที่เฝ้าไข้มารุมเขย่าเรียกเราค่ะ สภาพนั้นคือเรานอนอยู่บนฟื้นจริงๆ สายน้ำเกลือหลุด ร้องไห้ น้ำตาไหลพราก พี่ที่จ้างมาเฝ้าไข้เล่าว่าเราเหมือนฝันร้าย แล้วอยู่ดีๆ ก็ดิ้นตกจากเตียงเรียกไม่รู้เรื่อง เลยกดเรียกพยาบาลมา สักพักเราก็ตื่นมาอย่างที่เล่าไปค่ะทุกคนถามว่าเราฝันอะไร ตอนนั้นเล่าไม่ไหว เลยได้แค่บอกว่าฝันร้ายและปวดขามาก พยาบาลเลยให้มอร์ฟีน 1 เข็ม เราก็หลับไปค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอเคลียร์งานก่อนใกล้จะเวลาเลิกงานล่ะ
กลับถึงบ้านแล้วจะมาต่อค่ะ
เล่าประสบการณ์ดวงตกช่วงเบญจเพส เจ้ากรรมนายเวรแทบจะรุมทึ้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ห่างจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วประมาณ 1 ปี เราเข้าสู่ช่วงเบญจเพสค่ะ อายุ 25 ปีเต็ม ก่อนหน้านั้นแม่เราก็มีการเอาดวงเราไปดูกับหมอดูบ้าง พระที่นับถือบ้าง ท่านก็แนะนำว่าให้เราทำบุญมากๆ เพราะช่วงนี้กราฟชีวิตตกเลขไม่ดี แล้วยิ่งเบญจเพศแล้วโบราณว่าไว้ว่าจะมีเหตุ ถ้าดีก็ดีไปเลย ถ้าร้ายก็จะมีเคราะห์กรรมอันนี้หมอดูบอกไว้นะคะ แล้วให้เรามารับขันธ์เพราะเทพประจำตัวเราใหญ่มาก ท่านจะได้ปกป้องคุ้มครองและสื่อสารกับเราได้ อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราเองก็ไม่แน่ใจ และไม่เข้าใจ เลยไม่ได้สนใจไปดำเนินการอะไร เราก็เที่ยวเล่น ทำงาน สนุกสนานตามปกติค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่คนที่ทำบุญเข้าวัดบ่อยๆ และไม่ได้เชื่อเรื่องแนวๆนี้มากนัก เราไม่ได้ทำอะไรค่ะ ไม่ได้ทำบุญอะไรเลย เราแค่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนที่เก่ง และโชคดีมากตลอด คงไม่มีเรื่องอะไรร้ายๆเกิดขึ้นกับเราง่ายๆ ฮ่าๆ
และแล้ว... เราก็เจออุบัติเหตุหนักในช่วงเบญจเพสนี่เองค่ะ
เราทำงานเสร็จเลิกงานเราไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนซึ่งกลับที่พักไม่ดึกนักเพราะเช้าอีกวันจะต้องขับกลับบ้านต่างจังหวัด
เราออกจากกรุงเทพช่วงประมาณตีสี่ค่ะ ปกติแล้วเราชอบขับรถทางไกลช่วงกลางคืนอยู่แล้วเลยไม่ได้กังวลอะไร แต่ด้วยความพักผ่อนน้อยทำให้เราหลับในไปชนต้นไม้ข้างทางก่อนเข้าตัวเมืองแค่ 10 กิโลเองค่ะ ซึ่งจุดนั้นเป็นคอสะพานที่ช่วงน้ำท่วมกัดเซาะทำให้ถนนตรงนั้นไม่เรียบ ทราบทีหลังว่าเกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตมาหลายรายแล้ว
ช่วงที่รักษาตัวที่ รพ. นี่เองเป็นช่วงที่หลอนจับใจเลยค่ะ เคยได้ยินใช่มั๊ยคะที่ว่าเจ้ากรรมนายเวรจะมาเวลาที่เราดวงตก ช่วงอาการโคม่าเรารู้ตัวนะคะ รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและตัวเองอยู่ที่ไหน พอฟื้นจากผ่าตัด เราพักอยู่ห้องพิเศษค่ะ เราต่นเห็นเงาคนสูงใหญ่มายืนล้อมเตียงเราแต่ละคนพยายามดึงแขนดึงขาเรา เหมือนพยายามรุมทึ้งเราค่ะ น่ากลัวมาก เราร้องไห้ พยายามถีบหนี ร้องว่าเจ็บๆ จนคนที่เฝ้าเราตกใจเรียกพยาบาลมาดู แล้วเราก็โดนยาแล้วนอนหลับไปจ้า อันนี้คืนแรกนะ...
ห้องพิเศษที่เราอยู่ฝั่งด้านหลังจะติดภูเขาค่ะ และระเบียงห้องเราเป็นฝั่งตีนเขาพอดี ดูเหมือนบรรยากาศดีมีต้นไม้แต่ไม่เลยค่ะ คืนที่สองคนที่เราจ้างมาเฝ้ามาช้า พยาบาลที่เข้าเวรมาบอกเราว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือพิเศษอะไร อย่างเช่น ต้องการห้องน้ำให้กดเรียก เราก็ดูหนังไปเรื่อยๆค่ะ พอเริ่มง่วง เราได้ยินเสียงเคาะกระจกเบาๆจากระเบียงก็ไม่ได้สนใจคิดว่าเสียงลมพัดแล้วกระจกมันสะเทือน พอเริ่มรู้สึกง่วงใกล้จะหลับเสียงเคาะยังอยู่นะคะ แต่เริ่มดังขึ้นค่ะ เป็นเสียงเคาะเหมือนคนเคาะประตูน่ะค่ะ "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" ซ้ำเป็นจังหวะแบบนี้เลยนะคะ เราเริ่มตกใจล่ะเพราะเสียงลมมันไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ และห้องเราอยู่ชั้นหกไม่ไม่น่าจะมีคนเล่นอะไรพิเรนท์ ตอนนั้นกลัวมากๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อค่ะ ข่มตาพยายามนอนหลับ แต่ก็ไม่ปิดโทรทัศน์นะคะ เพราะมันเป็นแสงอย่างเดียวในห้อง สวิชท์ไฟอยู่ไกลค่ะ ตอนนั้นเราขาหักสองข้างต้องผ่าตัดและเข้าเผือกอ่อนอยู่ทำให้เดินไม่ได้ แขนก็ซ้ายหัก เลือดคั่งในช่องท้องต้องต่อสายยางดูดเลือดออก คือได้แต่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง เสียงเคาะยังดังอยู่แล้วมันก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนทุบกระจก เราเริ่มกลัวจึงกดเรียกพยาบาลเวร บอกว่ามีคนมาทุบห้อง พอพยาบาลเข้ามาเท่านั้นเสียงทุบกลายเป็นเสียงกึกๆๆ เหมือนลมพัดเฉยเลย พยาบาลก็ไปดูตรงระเบียงเปิดไฟเปิดม่าน แต่ก็ไม่มีอะไรตรงระเบียง แล้วเสียงที่เราได้ยินมันคืออะไร ?
พยาบาลให้ยาคลายเคลียดค่ะเราเม็ดนึงค่ะแล้วบอกว่าไม่มีอะไรคงเป็นเสียงลมพัดกระทบประตูมั้งที่ทำเราตกใจ คนเฝ้าเราก็ยังไม่มาค่ะ ตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่ม เรากินยาเผลอหลับไปตอนไหนไม่แน่ใจ ตื่นมาเพราะรู้สึกปวกตุ๊บๆที่ข้อเท้า และหิวน้ำมาก มองไปเห็นพี่คนเฝ้าที่จ้างมา นอนอยู่ตรงโซฟาเลยร้องเรียกเค้า แต่เค้าไม่ได้ยินค่ะ พอเรามองไปตรงขาข้างที่เข้าเฝือกข้อเท้าแทบช็อก เรามองเห็นหน้าผู้หญิงแก่นั่งยิ้มอยู่ตรงปลายเท้าค่ะ แล้วเค้ากำลังเอามือทุบเผือกเราอยู่ค่ะ นึกภาพตามนะผู้หญิงดูแก่มากๆ หลังค่อมๆ นั่งทับขาเราข้างนึง มองหน้าเราแล้วแสยะยิ้ม ส่วนมือก็กำลังทุบๆเผือกเราคะ ตอนนั้นนึกว่าจะหัวใจวายตายซะแล้ว หลอนแค่ไหนถามใจดู
แล้วก็เหมือนสติหลุดเราก็กรี๊ดขึ้นมาเลยค่ะ หลับหูหลับตาพยายามสะบัดขาเอายายออกไป แต่ทำไม่ได้ขาไม่มีแรงค่ะ ดื้นๆ จนตัวตกมาจากเตียงผู้ป่วย รู้ตัวอีกทีคือพยาบาลกับพี่ที่เฝ้าไข้มารุมเขย่าเรียกเราค่ะ สภาพนั้นคือเรานอนอยู่บนฟื้นจริงๆ สายน้ำเกลือหลุด ร้องไห้ น้ำตาไหลพราก พี่ที่จ้างมาเฝ้าไข้เล่าว่าเราเหมือนฝันร้าย แล้วอยู่ดีๆ ก็ดิ้นตกจากเตียงเรียกไม่รู้เรื่อง เลยกดเรียกพยาบาลมา สักพักเราก็ตื่นมาอย่างที่เล่าไปค่ะทุกคนถามว่าเราฝันอะไร ตอนนั้นเล่าไม่ไหว เลยได้แค่บอกว่าฝันร้ายและปวดขามาก พยาบาลเลยให้มอร์ฟีน 1 เข็ม เราก็หลับไปค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอเคลียร์งานก่อนใกล้จะเวลาเลิกงานล่ะ
กลับถึงบ้านแล้วจะมาต่อค่ะ