ไขข้อข้องใจ ปัญหาเสมหะเยอะ



     ญาติผู้ป่วยหลายท่าน สอบถามหมอมาเรื่องผู้ใหญ่ที่บ้าน มีเสมหะเยอะ ไอกระแอมตลอดเวลา จึงใคร่สงสัยว่าเกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ และจะจัดการกับปัญหาเสมหะนี้อย่างไร วันนี้หมอมาตอบคำถามไขความสงสัยให้ฟังค่ะ

เสมหะหรือเสลด เป็นของเสียที่ถูกสร้างขึ้นในปอดและถูกขับออกมาผ่านทางปาก มักเกิดจากการติดเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไประคายเคืองที่หลอดลม


🍀 ผู้ป่วยมีเสมหะเยอะ เกิดจากอะไร ?

1. ความเสื่อมถอยของร่างกาย
     ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พาร์กินสัน อัมพฤกษ์ อัมพาต สมองเสื่อม และผู้ป่วยติดเตียง มักพบปัญหาการขับเสมหะ อันเกิดจากการสั่งการของสมองในระหว่างการไอขับเสมหะ การควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการไอ ได้แก่ กระบังลม หน้าอก คอ ลิ้นนั้นเสื่อมถอยลง
ทำให้ไอได้ไม่แรงพอ จึงไม่สามารถไอขับเสมหะจากหลอดลม ไปยังคอ ไปยังปากออกมาได้

2. มีปัญหาการกลืนแล้วสำลักบ่อย
     ผู้ป่วยที่มีปัญหาการเคี้ยวกลืน จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการสำลักอาหาร เนื่องจากผู้ป่วยมักเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด หรือมีการกลืนที่ไม่สัมพันธ์กับการหายใจ ทำให้กลืนอาหารเกิดขึ้นในช่วงที่หายใจเข้า ซึ่งเป็นระยะที่ฝาปิดกล่องเสียงยังเปิดอยู่ อาหารจึงไหลตกเข้าไปสู่หลอดลม แทนที่จะไหลลงหลอดอาหารตามปกติ เศษอาหารที่ตกเข้าสู่หลอดลมนั้น จะทำให้เกิดการไอสำลัก เกิดเป็นเสลดเสมหะออกมานั่นเองค่ะ

3. ผู้ป่วยมีภาวะปอดอักเสบติดเชื้อ
หากผู้ป่วยมีไข้ ตัวร้อน ร่วมกับไอเสมหะเยอะ เสมหะเปลี่ยนสี ขุ่น เหลืองเขียว หรือมีอาการเหนื่อย ต้องใช้ออกซิเจนเสริม หรือใช้ระดับลิตรออกซิเจนที่สูงขึ้น ควรรีบพาไปพบแพทย์

🍀 จะเห็นว่า ปัญหาเสมหะเยอะมักสัมพันธ์กับปัญหาการควบคุมอวัยวะในการเคี้ยวกลืนเช่นกัน 🍀
" ผู้ป่วยบางรายหลังกลับจากโรงพยาบาลไป ยังจำเป็นต้องได้รับการดูดเสมหะอยู่บ่อยๆ ทุก 4-6 ชั่วโมง ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้ หมอจึงมักแนะนำให้รักษาปัญหาเรื่องเสมหะให้ดีก่อน จึงเริ่มทำการฝึกกลืนทางปาก เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนคือการสำลักอาหารลงหลอดลมและปอดนั่นเอง"


ผู้ป่วยมีเสมหะเยอะ อันตรายหรือไม่ ?
     เสมหะที่ค้างอยู่ในปอดเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดเป็นปอดอักเสบ หรือหากเสมหะคั่งค้างตามหลอดลม ก็จะเกิดหลอดลมอักเสบได้
จึงเป็นเรื่องเร่งด่วยที่ต้องจัดการ โดยพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของเสมหะก่อน
        - อาจมีการเอกซเรย์ปอดเพื่อดูว่ามีปอดอักเสบหรือไม่
        - ต้องได้ยาฆ่าเชื้อ ยาลดเสมหะหรือไม่

รวมไปถึงการหาสาเหตุที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดโรคปอดอักเสบ/หลอดลมอักเสบจากการสำลักอาหารตามมาค่ะ


การดูแลผู้ป่วยที่มีเสมหะเยอะ
     ในผู้ป่วยที่มีปัญหาในการขับเสมหะ นอกเหนือจากการฟื้นฟูสมรรถภาพการหายใจ วิธีการพื้นฐานในการระบายเสมหะ ที่สามารถทำได้โดยตัวเองหรือโดยผู้ดูแล ได้แก่
     - การจัดท่าระบายเสมหะ
     - การเคาะปอด
     - การสั่นปอดด้วยอุ้งมือหรือด้วยเครื่อง
     - การฝึกไอ

1. การจัดท่าระบายเสมหะ (postural drainage)
     เป็นการจัดท่าของผู้ป่วย เพื่อใช้แรงโน้มถ่วงของโลกในการระบายเสมหะออกมา มักทำร่วมกับการเคาะปอดและการสั่นปอด
การจัดท่าการระบายเสมหะในปอดมีหลายท่า ขึ้นกับตำแหน่งของเสมหะที่ค้างอยู่ในกลีบปอดแต่ละส่วน การเลือกท่าระบายเสมหะที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย จึงควรสอบถามหมอประจำตัวผู้ป่วยก่อน เพื่อเลือกท่าการระบายเสมหะที่เหมาะสม

     " อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น สำหรับผู้ป่วยติดเตียงซึ่งมักจะนอนอยู่ในท่านอนหงาย มักพบเสมหะคั่งค้างที่กลีบปอดส่วนหลัง และส่วนยอดของปอดกลีบล่างได้บ่อย การจัดท่าระบายเสมหะจึงมักจัดเป็นท่านอนคว่ำ "

เริ่มจากจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ
     - จัดให้ศีรษะตะแคงข้าง
     - จากนั้นยกลำตัวขึ้นใช้หมอนรองใต้ท้อง และรองใต้ขาผู้ป่วย
     - จัดให้อยู่ในท่านี้ 15-20 นาที


2. การเคาะปอด
     เป็นเทคนิคที่ช่วยระบายเสมหะที่ติดอยู่ตามเนื้อปอด และหลอดลมให้หลุดร่อน และระบายออกได้ง่ายขึ้น

วิธีการเคาะปอด
     - ใช้ผ้าขนหนูรองบริเวณที่จะเคาะปอด จากนั้นให้ทำมือเป็นอุ้งเหมือนรูปถ้วยเพื่อทำให้เกิดลมในอุ้งมือ
     - ใช้มือ 2 ข้างเคาะสลับกัน โดยขยับข้อมือเคาะให้จังหวะสม่ำเสมอ ความถี่ประมาณ 2-3 ครั้งต่อวินาที ทำติดต่อกันประมาณ 3-5 นาที


3. การสั่นปอด
     เป็นเทคนิคที่ช่วยระบายเสมหะที่ติดอยู่ตามเนื้อปอด และหลอดลมให้หลุดร่อน และระบายออกได้ง่ายขึ้น มักทำร่วมกับการเคาะปอด โดยอาจใช้อุ้งมือของผู้ดูแล หรือโดยใช้เครื่องสั่นปอดก็ได้
🍀 ในบทความนี้ หมอจะขอแนะนำการสั่นปอดโดยไม่ใช้เครื่อง เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้จริงที่บ้านนะคะ 🍀


วิธีการสั่นปอด
     - เหยียดแขนทั้งสองข้างให้ตรง มือทั้งสองข้างทาบกับบริเวณที่ต้องการสั่นปอด รอผู้ป่วยเริ่มหายใจออก จากนั้นเกร็งแขนทั้งสองข้างให้เกิดการสั่นผ่านไปยังฝ่ามือ แล้วลงไปที่ทรวงอกของผู้ป่วย
    - สั่นปอดประมาณ 3-5 นาที จึงเปลี่ยนท่า หรือเปลี่ยนบริเวณที่สั่นปอด
    - หลังจากเคาะปอด หรือสั่นปอดแล้ว ควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยไอขับเสมหะ เพื่อป้องกันเสมหะอุดกั้นบริเวณท่อหายใจส่วนต้นด้วย


4. การฝึกไอ
     - ก่อนไอควรเริ่มด้วยการหายใจออกแบบพ่นลม ซึ่งเป็นการขับเสมหะที่อยู่ลึกๆ ให้ขึ้นมาอยู่ในคอ
     - เริ่มต้นจากท่านั่งโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยหายใจเข้าทางจมูกแล้วอ้าปาก
     - พ่นลมหายใจทางปากอย่างรวดเร็ว 2 ครั้ง คล้ายการพูด ฮ่ะ ฮ่ะ!
     - ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง จากนั้นหายใจเข้าลึกและเร็ว
     - ไอออกทางปาก 2 ครั้ง
     - แนะนำให้หายใจออกแบบพ่นลมหลายๆครั้ง ก่อนที่จะไอขับเสมหะออกมา เพื่อลดอาการเหนื่อยเนื่องจากไอติดต่อกัน

เสมหะที่ค้างอยู่ในปอดเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดเป็นปอดอักเสบ หรือหากเสมหะคั่งค้างตามหลอดลม ก็จะเกิดหลอดลมอักเสบได้ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วยที่ต้องจัดการ ไม่ควรละเลยการหาสาเหตุและการแก้ไข เนื่องจากอาจนำมาสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดจากโรคปอดอักเสบ อันตรายถึงเสียชีวิตได้

- - - - - - - - - - - - - - - -
ด้วยความห่วงใยจากทีมแพทย์ VivaWellness 🍀

โดยพญ. วรัชยา วลัยลักษณาภรณ์
แพทย์เฉพาะทางด้านสมองและระบบประสาท เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดสมอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่