Demon สัตว์อสูรจอมราชันย์ บทที่ 6 - 9

กระทู้สนทนา
http://pantip.com/topic/35715435 บทที่ 1-2
http://pantip.com/topic/35754147 บทที่ 3
http://pantip.com/topic/35758481 บทที่ 4
http://pantip.com/topic/35761594 บทที่ 5




บทที่ 6

Search (2) --  ค้นหา (2)

Philip :  คนที่ทำความดีย่อมได้รับผลของการทำความดีนั้นเสมอ แล้วนายล่ะ...ริชาร์ด

นาตาลีพอจะจำได้ ว่าก่อนที่จะหมดสติลง ได้มีคนมาช่วยเธอไว้...แต่เธอกลับจำไม่ได้ว่าคนที่มาช่วยเธอไว้นั้นเป็นใคร

"แล้วคนอื่นๆ ล่ะคะ" นาตาลีถามพลางมองไปบนศีรษะที่พันผ้าพันแผลไว้ของตำรวจหนุ่ม
"คนอื่นสบายดี มีแต่คุณนั่นแหละที่สลบไปสองวันเต็มๆ"
"หัวของคุณ ไม่เป็นไรมากใช่มั้ยคะ"
"ก็ยังปวดๆ อยู่นิดหน่อยครับ" ฟิลิป อดเอามือลูบแผลบนหัวของเขาไม่ได้
นาตาลีมองตำรวจหนุ่มเดินไปเปิดผ้าม่านหน้าต่างระเบียง แล้วถามคำถามที่ยังค้างคาใจเธออยู่
"...แล้ว พวกเรารอดมาได้ยังไงคะ"
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสอง ฟิลิปมีสีหน้าปั้นยากคล้ายกับพยายามคิดหาเหตุผลมาอธิบายแต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมจำนน
"ผมไม่รู้"

…………………………………………………………

แพทริกอาจจะรู้...เขาอาจเห็นทุกอย่าง  ทุกเหตุการณ์ในวันนั้น  และก็อาจจะเป็นเพราะเหตุนั้นหรือไม่เขาถึงได้หายตัวไป

อาเธอร์...เหมือนกับความทรงจำของเขาในวันนั้นได้ถูกลบทิ้งไปโดยสิ้นเชิง จนในที่สุดนาตาลีก็ต้องล้มเลิกการฟื้นความจำของเขาไป

และ สุดท้ายจูดี้...หลังจากวันที่เกิดเหตุการณ์ เธอก็ได้ยื่นใบลาหยุดหนึ่งสัปดาห์พร้อมกับใบรับรองแพทย์ให้ทางโรงเรียน มันยิ่งทำให้นาตาลีรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

"นาตาลี...นาตาลี"  เสียงหนึ่งเรียกเธอ  ปลุกนาตาลีให้ตื่นจากโลกแห่งความคิด

เมื่อนาตาลีหันไปมองตามเสียงก็ได้พบกับชายหนุ่มหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง  ผมสีน้ำตาลอ่อนของเขาดูเข้ากันได้ดีกับดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น  เขาดูสูงกว่านาตาลีนิดหน่อย

"ทำไมเหรอบัดดี้?"

บัดดี้ ดูโอ ทวิน คือเพื่อนนักเรียนร่วมห้องของเธอ ซึ่งนาตาลีคิดว่าเขามีนิสัยแปลกประหลาด

บัดดี้ยื่นซองสีขาวมาให้เธอ พร้อมกับยิ้มน้อยๆ  ซึ่งนั่นทำให้นาตาลีรู้ทันทีว่ากระเป๋าเงินใบน้อย ของเธอคงจะต้องเบาลงไปอีกแล้ว...นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้นาตาลีคิดว่าเขามีนิสัยที่ประหลาด

"……ซองรับบริจาค"

"ไงล่ะไม่สนใจทำบุญหน่อยเหรอ เห็นนั่งทำหน้าเหมือนเป็ดตั้งนานละ" บัดดี้พูดแซวนาตาลี คนถูกแซวทำหน้าเป็ดโมโหใส่คนแซว แล้วจึงค่อยๆ บรรจงวางธนบัตรลงไปยัง ซองรับบริจาค  

"หึหึ ขอยินดีและชื่นชมในผลบุญอันยิ่งใหญ่ที่ท่านนาตาลีได้กระทำไป...เพี๊ยง"

"ยิ่งหย่ง ยิ่งใหญ่ อะไรกันแค่ยี่สิบบาทเนี่ยนะ"  

"จะสิบบาทหรือล้านบาทมันก็คงไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก มันขึ้นอยู่กับใจเธอตอนวางเงินลงไปในซองต่างหาก ไปละ เก็บคนอื่นต่อ" บัดดี้ เดินจากไปพร้อมกับทิ้งความงุนงงสงสัยอย่างยิ่งยวดไว้ให้เธอ

นาตาลียังคงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนเดิม  เรื่องเกี่ยวกับศาสนาความเชื่อพวกนี้ แต่ก็ดีที่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอลืมเรื่องที่คิดก่อนหน้านี้ไป
นาตาลีมองบัดดี้ ยืนถือซองขาวอยู่หน้าโต๊ะเรียนของอาเธอร์ที่กำลังวางเหรียญห้าสิบสตางค์ลงไปในซอง

การเรียนในวันนี้ดำเนินไปอย่างน่าเบื่อหน่าย จวบจนมาถึงคาบสุดท้ายก็ยังน่าเบื่อหน่ายอยู่ดี ระหว่างที่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ นาตาลีเดินไปพลางคิดพลางว่าเธอควรจะทำอะไรต่อหลังโรงเรียนเลิก

แต่เธอก็ต้องมาหยุดยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ เมื่อระบบสั่นเตือนสายโทรเข้าของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากระโปรงทำหน้าที่ของมัน
"สวัสดีค่ะ" นาตาลีพูดขึ้นหลังกดรับสายโทรศัพท์

"คุณนาตาลีรึเปล่าครับ"

"ค่ะ นาตาลีพูดอยู่ค่ะ...ไม่ทราบว่าใครคะนั่น"

"ฟิลิปครับ...ไม่ทราบว่าเย็นวันนี้ว่างไหมครับ พอดีผมต้องการที่จะคุยเรื่องบางอย่างกับคุณ"

"ว่างค่ะ" นาตาลีตอบรับไปอย่างรวดเร็ว

"ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้ห้าโมงเจอกันที่สวนสาธารณะยิ้มแฉ่งนะครับ" พูดจบก็วางสายไปทันที

พอนึกถึงหน้าฟิลิป ก็ทำให้นาตาลีคิดไปถึงหน้าของชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าคล้ายกันกับเขา...ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็น

...ริชาร์ด นายไปอยู่ที่ไหนกันนะ…

แกร๊ก!
เสียงของลูกปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับประตูห้องน้ำหญิงที่ค่อยๆ เปิดออกมา

…………………………………………………………

ริว!!!!!
นาตาลีอุทานขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเดินออกมาจากในห้องน้ำ

ริวยะ สุซากุเพื่อนร่วมชั้นของนาตาลี เขาเป็นคนผิวสีคล้ำถึงคล้ำมาก ริวมีเชื้อชาติญี่ปุ่นเขาสูงกว่าบัดดี้นิดหน่อย  แปลว่าต้องสูงกว่านาตาลีด้วย...ที่สำคัญ เขาเป็นผู้ชาย

"นี่นายเข้าไปทำอะไรในนั้นน่ะ!"

"ก็นี่มันห้องน้ำ...เธอจะให้ฉันเข้าไปกินข้าวเรอะ"

นาตาลีรู้สึกอึ้งกับคำตอบที่ได้รับมา "ไม่ใช่! ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"

"ฉันหมายความว่า นาย-มา-ทำ-อะ-ไร-ใน-ห้องน้ำหญิง!"

ริว ยิ้มแฉ่ง แสดงออกซึ่งพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะพูดแก้ตัวกับนาตาลี

"เอ่อ  จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอก........."  เขาทำท่าทางเหมือนพยายามจะหาทางหนีเอาตัวรอด นั่นเป็นสิ่งที่นาตาลีรู้สึกได้

"น..นั่น! UFO" เด็กหนุ่มทำหน้าตกใจคล้ายเห็นผีตอนกลางวัน

นาตาลีเผลอหันหลังไปมองตามที่เขาชี้...แต่กลับพบเพียงแค่แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ส่องผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามาเท่านั้น  เมื่อเธอหันกลับไปอีกครั้ง...ริวยะก็ได้หายตัวไปแล้ว

…………………………………………………………

สวนสาธารณะยิ้มแฉ่ง

สวนสาธารณะยิ้มแฉ่ง ได้ก่อสร้างขึ้นมาแล้วเป็นเวลาสิบกว่าปี สวนสาธารณะแห่งนี้นับว่าเป็นสุดยอดผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ เพียงแค่การวางเครื่องตกแต่ง และการจัดตั้งผังสวน ก็ได้ถูกออกแบบได้อย่างลงตัวแทบจะหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว

ฟิลิป โซอาร์ นั่งมองรูปปั้นปลาประหลาดสีเขียวอ่อนกลางบ่อซึ่งกำลังพ่นน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นเส้นสายอย่างสวยงาม เขานั่งบนม้านั่งหินขัดที่จัดทำไว้อย่างประณีตโดยสุดยอดช่างทำเก้าอี้แห่งยุค ในมือถือมวนบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดอยู่ เขายังลังเลใจที่จะจุดมัน อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะได้รับการตำหนิจากหญิงสาวที่เขานัดมาในเย็นวันนี้ก็ว่าได้

4:41 PM
ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลบ่งบอกเวลาไว้อย่างนั้น

ตามนัด...เขาได้นัดหญิงสาวไว้ในเวลาห้าโมงเย็น แต่ตัวเขามานั่งรอก่อนเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

ฟิลิปมองไปยังกลุ่มเด็กเล็กที่ไกลตาออกไป ซึ่งกำลังเล่นก่อปราสาททรายกันอย่างสนุกสนาน แล้วย้อนมองกลับมาที่ตัวเองในตอนนี้ ฟิลิปคิดว่าคงดีไม่น้อยถ้าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง

เด็กที่แสนจะบริสุทธิ์ กลับไปเป็นเด็กที่น่ารัก เด็กที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนาน เด็กที่ไม่ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ เด็กที่ไม่ใช่อย่างที่เขาเคยเป็น...เพราะในวัยเด็ก เขาไม่เคยได้เล่นสนุกเหมือนดังภาพที่เห็นตรงหน้านี้เลย

"ขอโทษค่ะ ฉันมาช้าไปรึเปล่าคะ?" เด็กสาวในชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายประจำเมืองปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ฟิลิปสังเกตได้ถึงความรู้สึกบางอย่างในแววตาของหล่อน เป็นความรู้สึกที่ขัดกับใบหน้ายิ้มแย้มนั้น

"ไม่หรอกครับเป็นผมเองที่มาเร็วเกินไป" ชายหนุ่มตอบกลับอย่างสุภาพ แว่นตากันแดดสีดำของเขาสะท้อนประกายแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ยามเย็นได้เป็นอย่างดี

"มีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันหรือคะ" เด็กสาวถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆ

ผมสีทองของเธอยาวสยายลงมาประบ่า รอยยิ้มที่จริงใจ ใบหน้าที่งดงามหมดจด และตัวเธอซึ่งหันหลังให้แก่แสงอาทิตย์ ทำให้ฟิลิปถึงกับอึ้งไปพักนึงกว่าจะตอบได้

"ผม...อยากจะขอความร่วมมือจากคุณในการตามหาคนร้ายในคดีที่โรงเรียนของคุณน่ะครับ" เขาเอ่ยพลางจ้องมองดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั้น

ปิ๊ป  ปิ๊ป
นาตาลีหันไปมองรอบๆ หาที่มาของเสียงแล้วจึงถามกับฟิลิป

"คุณได้ยินเสียงอะไรรึเปล่าคะ?" นาตาลีถามพร้อทั้งเลื่อนมือไปแตะเครื่องDCที่คาดไว้บนศีรษะ

ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธก่อนที่จะวกกลับมาพูดต่อ

"คือ...ผมอยากทราบเกี่ยวกับประวัติ นิสัย และกิจวัตรประจำวันของเพื่อนในกลุ่มคุณที่ได้หายตัวไป ซึ่งทางเราคิดว่า...เอ่อ...ซึ่งในตอนนี้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้อยู่น่ะครับ" ฟิลิปพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ฟังดูดีขึ้น

"คุณคิดว่าแพทริกเป็นฆาตกร?" หัวคิ้วทั้งสองของนาตาลีขมวดเข้าหากัน

"จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ ในเมื่อวันนั้น แพทริกไม่สบาย และ อีกอย่างเขาก็มีโรคประจำตัวด้วย!" นาตาลีค้านเสียงแข็ง

"ช่วงเวลาที่เราคลาดสายตาไปจากเพื่อนของคุณมัน..อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดีน่ะครับ" พอได้ฟังหญิงสาวเริ่มแสดงอารมณ์ของเธอออกมาชัดเจนขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ

“เราก็แค่สงสัยเท่านั้นเองยังไม่อาจระบุได้ว่าเขาเป็นฆาตกร”

"แพทริกเขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยน เขาไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นได้หรอกค่ะ" หญิงสาวจ้องฟิลิปเขม็งคล้ายกับว่าจะมองทะลุแว่นกันแดดของเขาเข้ามาได้
"เอ่อ...ทางเรา...ทางตำรวจก็แค่สันนิษฐานนะครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่คิดว่าเป็นเพื่อนคุณหรอกนะครับ  เพราะ..."

ชายหนุ่มอดหยุดคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ เหตุการณ์สยองขวัญ คนที่โดนยิงแล้วไม่ตาย คนไม่มีใบหน้า มันไม่น่าใช่ฝีมือของมนุษย์ด้วยซ้ำ!

ปิ๊ป  ปิ๊ป  ปิ๊ป
เสียงอะไรบางสิ่งดังขึ้น แต่ครั้งนี้นาตาลีไม่มีอารมณ์พอที่จะไปใส่ใจกับมันอีก เมื่อตอนนี้หัวสมองของเธอกำลังคิดถึงแต่เรื่องแพทริก เธอคิดถึงความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ในโรงเรียน กับเหตุการณ์ในโรงพยาบาลร้าง ใช่ละ มันต้องเกี่ยวข้องกันแน่!

"มันต้องใช่แน่! เด็กปีศาจนั่น!" นาตาลีอุทานพร้อมกับลุกยืนขึ้น สร้างความประหลาดใจให้แก่ชายหนุ่มอย่างมากมาย

"อย่างไรก็ตามผมจะต้องตามจับฆาตกรรายนี้ให้ได้...มันร้ายกาจจริงๆ เพียงแค่วันเดียวกลับมีคนเสียชีวิตถึงสามราย"  ฟิลิปพูดอย่างเคร่งเครียด

"สาม?"

"ครับ  นักเรียนสองคน  ผู้อำนวยการอีกหนึ่ง  รวมสามราย"

รายที่สาม นักเรียนที่เสียชีวิตเป็นรายที่สามนั้น คือใครกัน  เพียงแค่นึกสงสัยแต่ยังไม่ทันที่จะได้ถาม นาตาลีก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติภายในบริเวณของสวนสาธารณะ  หญิงสาวสังเกตหมู่นกที่แตกตื่นพากันบินออกจากคาคบไม้ราวกับกำลังตกใจกับสิ่งอันตรายบางอย่าง

...สิ่งที่เป็นอันตรายบางอย่าง  มันคืออะไรกัน?...

ปิ๊ป  ปิ๊ป  ปิ๊ป  ปิ๊ป
เสียงประหลาดในความถี่ระดับเดิมดังแว่วเข้าสู่โสตประสาทของเธออีกครั้ง และคราวนี้ไม่ได้มีเพียงแต่นาตาลีคนเดียวที่ได้ยิน

"นาตาลี! คุณได้ยินเสียงอะไรมั้ย!!?"  ฟิลิปโพล่งขึ้นมา พร้อมกับลุกขึ้นพยายามมองหาต้นเสียง

"ไม่ใช่...ไม่ใช่สิ เสียงนั่นไม่ได้เป็นต้นเหตุ!" นาตาลีเริ่มรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา เสียงร้องไห้ของเด็กๆ ที่ดังมาจากทางสนามเด็กเล่น เสียงหวีดร้องจากพ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นทำให้เธอต้องหันไปมอง

ทันทีที่ฟิลิปได้เห็นสีหน้าของนาตาลี เขาก็ไม่รอช้าที่จะควักปืนพกคู่ใจออกมาจากซองปืนข้างลำตัว แล้วเล็งลำกล้องไปทางบ่อทราย

นั่นทำให้เขาถึงกับไม่กล้าขยับเลยเมื่อได้เห็น......มัน


To  be  continued…
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่