อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์นํ้าผวา นโยบาย “ทรัมป์” กีดกันการค้าซํ้าเติมส่งออกไทยอ่วม อุตสาหกรรมปลากระป๋อง-กุ้ง ระนอง-มหาชัย กุมขมับ เบนเข็มเจาะตลาดจีน-ประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมชง “บิ๊กตู่” เจรจาเผยคนสหรัฐฯนำเข้ากุ้งจำนวนมาก
นาย ปรีชา ศิริแสงอารำพี ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าสืบเนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งส่วนใหญ่ ประกอบอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ อาทิปลากระป๋อง กุ้ง ฯลฯต่างเกรงว่า จะเกิดการกีดกันทางการค้า เพราะ 80-90 % อาหารทะเลแปรรูปจะอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่สามารถส่งออกไปสหรัฐอเมริกามากที่สุด เนื่องจากความนิยมในคุณภาพสินค้าและราคาค่อนข้างถูก
สำหรับทางออก จะมุ่งเจาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่และตลาดประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะต้องรวดเร็วในการเจรจากับผู้นำสหรัฐฯคนดังกล่าวรวมถึงการส่งการให้ทูตไทยประจำสหรัฐฯเจรจาในเบื้องต้นก่อน
เช่นเดียวกับ นางสุดาพร ยอดพินิจ ประธานหอการค้า จังหวัดระนอง และเจ้าของกิจการบ่อเลี้ยงกุ้ง,ปูนิ่ม เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการในส่วนของภาคอุตสาหกรรมที่ส่งสินค้าประเภทสัตว์น้ำและแปรรูปสัตว์น้ำไปยังอเมริกา มีความวิตกว่าจากนโยบายของทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศชัดเจนว่าจะปฏิเสธข้อตกลงทางการค้าต่างๆ รวมทั้งสนธิสัญญาทางการค้า เพราะต้องการดูแลคนของตนเองก่อนนั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างแน่นอน เพราะภาคส่งออกของไทยหลายกลุ่มต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจจะถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเร่งหาตลาดใหม่รองรับ ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกาให้น้อยลง ส่วนการปรับตัวของผู้ประกอบการในขณะนี้ยังต้องรอดูท่าทีที่ชัดเจนของสหรัฐอเมริกาภายใต้ผู้นำคนใหม่อีกครั้งว่าความชัดเจนเรื่องการค้าจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดี จากการที่ รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาการเมืองการปกครองสหรัฐอเมริกา วิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ หลังทราบผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯเมื่อถามถึงเรื่อง ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯในยุคสมัยทรัมป์กับการเมืองไทย จะเปลี่ยนไปอย่างไรนั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดย รศ.ดร.สิริพรรณ วิเคราะห์ว่า เรื่องนี้แบ่งได้เป็น4 มิติ คือ ในเชิงกองทัพ เชื่อว่ายังคงมีการรักษาความสัมพันธ์และช่วยเหลือทางการทหารต่อไป เพราะไม่ได้มีมูลค่ามากอะไร 2.คือเรื่องเศรษฐกิจ จะเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะทรัมป์จะปฎิเสธข้อตกและสนธิสัญญาทางการค้า โดยเฉพาะ TPP ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จะถูกตั้งภาษีสูงขึ้น คนที่ส่งออกอาจจะกระทบ แต่เรื่องนี้ทรัมป์ไม่แคร์ เพราะทรัมป์ต้องการสร้างงานในสหรัฐฯ และตลาดการค้าของไทยและประเทศต่างๆ ที่ไปสหรัฐฯ ก็จะถูกกีดกัน ได้รับผลกระทบใหญ่สุด 3.คือเรื่องสิทธิมนุษยชน อันนี้สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะบีบไทยน้อยลง เพราะจุดยืนทรัมป์ไม้ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก ส่วนเรื่องวีซ่า หรือการเข้าไปทำงาน เรียน ก็อาจจะถูกกีดกัน รวมถึงนโยบายเรื่องการให้สัญชาติอาจจะเข้มงวดหรือยกเลิกไปเลย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 – 16 พฤศจิกายน 2559
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thansettakij.com/2016/11/14/113051
แปรรูปสัตว์น้ำผวา ‘ทรัมป์’ เบนเข็มตลาดจีน ‘ระนอง-มหาชัย’ กระอักชงบิ๊กตู่เจรจา
นาย ปรีชา ศิริแสงอารำพี ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าสืบเนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งส่วนใหญ่ ประกอบอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ อาทิปลากระป๋อง กุ้ง ฯลฯต่างเกรงว่า จะเกิดการกีดกันทางการค้า เพราะ 80-90 % อาหารทะเลแปรรูปจะอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่สามารถส่งออกไปสหรัฐอเมริกามากที่สุด เนื่องจากความนิยมในคุณภาพสินค้าและราคาค่อนข้างถูก
สำหรับทางออก จะมุ่งเจาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่และตลาดประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะต้องรวดเร็วในการเจรจากับผู้นำสหรัฐฯคนดังกล่าวรวมถึงการส่งการให้ทูตไทยประจำสหรัฐฯเจรจาในเบื้องต้นก่อน
เช่นเดียวกับ นางสุดาพร ยอดพินิจ ประธานหอการค้า จังหวัดระนอง และเจ้าของกิจการบ่อเลี้ยงกุ้ง,ปูนิ่ม เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการในส่วนของภาคอุตสาหกรรมที่ส่งสินค้าประเภทสัตว์น้ำและแปรรูปสัตว์น้ำไปยังอเมริกา มีความวิตกว่าจากนโยบายของทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศชัดเจนว่าจะปฏิเสธข้อตกลงทางการค้าต่างๆ รวมทั้งสนธิสัญญาทางการค้า เพราะต้องการดูแลคนของตนเองก่อนนั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างแน่นอน เพราะภาคส่งออกของไทยหลายกลุ่มต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจจะถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเร่งหาตลาดใหม่รองรับ ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกาให้น้อยลง ส่วนการปรับตัวของผู้ประกอบการในขณะนี้ยังต้องรอดูท่าทีที่ชัดเจนของสหรัฐอเมริกาภายใต้ผู้นำคนใหม่อีกครั้งว่าความชัดเจนเรื่องการค้าจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดี จากการที่ รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาการเมืองการปกครองสหรัฐอเมริกา วิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ หลังทราบผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯเมื่อถามถึงเรื่อง ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯในยุคสมัยทรัมป์กับการเมืองไทย จะเปลี่ยนไปอย่างไรนั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดย รศ.ดร.สิริพรรณ วิเคราะห์ว่า เรื่องนี้แบ่งได้เป็น4 มิติ คือ ในเชิงกองทัพ เชื่อว่ายังคงมีการรักษาความสัมพันธ์และช่วยเหลือทางการทหารต่อไป เพราะไม่ได้มีมูลค่ามากอะไร 2.คือเรื่องเศรษฐกิจ จะเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะทรัมป์จะปฎิเสธข้อตกและสนธิสัญญาทางการค้า โดยเฉพาะ TPP ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จะถูกตั้งภาษีสูงขึ้น คนที่ส่งออกอาจจะกระทบ แต่เรื่องนี้ทรัมป์ไม่แคร์ เพราะทรัมป์ต้องการสร้างงานในสหรัฐฯ และตลาดการค้าของไทยและประเทศต่างๆ ที่ไปสหรัฐฯ ก็จะถูกกีดกัน ได้รับผลกระทบใหญ่สุด 3.คือเรื่องสิทธิมนุษยชน อันนี้สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะบีบไทยน้อยลง เพราะจุดยืนทรัมป์ไม้ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก ส่วนเรื่องวีซ่า หรือการเข้าไปทำงาน เรียน ก็อาจจะถูกกีดกัน รวมถึงนโยบายเรื่องการให้สัญชาติอาจจะเข้มงวดหรือยกเลิกไปเลย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 – 16 พฤศจิกายน 2559 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้