บันทึกของคนเดินเท้า
มหาชัยก็ไปฟรี
เทพารักษ์
เมื่อรถประจำทางสีครีมแดงสาย ๓ ที่มีป้ายว่า รถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน ได้แล่นเข้ามาจอดที่ป้ายหน้าซอยสวนอ้อย และมีผู้โดยสารก้าวลงมาสองสามคน ผู้ที่รออยู่ก็กรูกันเบียดบันไดรถขึ้นไปแทนอีกห้าหกคนรวมทั้งตัวผมเองด้วย
เวลานี้รถเมล์ฟรีไม่ได้แน่นอย่างธรรมดาแล้ว แต่แน่นมากขึ้น เพราะไม่ใช่วันหยุดราชการ และเป็นเวลาที่คนโดยสารกำลังจะไปทำงาน เด็ก ๆ จะไปโรงเรียน และทุกคนต่างพากันคอยรถเมล์ฟรี เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ที่ตั้งใจจะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเป็นส่วนใหญ่
รถสายนี้ออกจากสถานีขนส่งกรุงเทพสายเหนือ หลังสวนจตุจักรไปปลายทางวงเวียนใหญ่ เมื่อมาถึงหน้าโรงพยาบาลวชิระแล้วก็ไปสนามหลวง ข้ามสะพานพระปกเกล้า คู่ขนานกับสะพานพระพุทธยอดฟ้า ผ่านวงเวียนเล็กไปวงเวียนใหญ่ แล้วก็อ้อมไปจอดที่ถนนเจริญนคร
ผมยืนเบียดกับผู้โดยสารทั้งหลาย ที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นลงตลอดระยะทาง โดยไม่สามารถจะหาเก้าอี้นั่งได้ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เพราะรู้ตัวว่าเป็นผู้ที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือในระดับสาม ถัดจากเด็กและสตรี จนถึงป้ายวงเวียนใหญ่ผมจึงลงจากรถเมล์ แล้วเดินขึ้นสะพานลอยสำหรับคนข้ามไปทางฝั่งตรงข้าม เมื่อลงจากสะพานลอยก็ถึงสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่พอดี
สถานีรถไฟนี้เป็นสาขาของสถานีรถไฟกรุงเทพ เพียงแต่ไม่มีรางทอดจากหัวลำโพง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาเท่านั้น เป็นสถานีซึ่งเปิดใช้มาเก่าแก่มาก จากวงเวียนใหญ่ปลายทางคือจังหวัดสมุทรสาคร หรือมหาชัย ซึ่งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำแม่กลอง กับสถานีบ้านแหลม หรือท่าฉลอม ดังที่มีเนื้อร้องอยู่ในเพลงอมตะที่ทุกคนรู้จักนั่นเอง
จากสถานีบ้านแหลม ปลายทางก็คือจังหวัดสมุทรสงคราม ที่มีตลาดน้ำอัมพวาอันมีชื่อเสียงโด่งดัง และมีหิ่งห้อยเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักค้างคืน กันไม่ขาดสาย แทบทุกฤดูกาล
หน้าสถานีรถไฟมีป้ายผ้าผืนใหญ่แขวนประกาศมีความว่า รัฐช่วยคนไทย ขึ้นรถไฟฟรี
และที่หน้าห้องขายตั๋ว ก็มีประกาศติดไว้ว่า รถไฟฟรีเพื่อประชาชน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ขายตั๋วอยู่ข้างใน
กับมีใบปลิวที่เหมือนกับสถานีหัวลำโพง คือมีข้อความว่า
รถไฟฟรีเพื่อประชาชน สนองนโยบายรัฐบาล ๖ มาตรการ ๖ เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน
การรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม เปิดให้ประชาชนใช้บริการรถไฟเชิงสังคม (PSO) ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยรายได้ มีวันละ ๑๖๔ ขบวน ประกอบด้วย รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น และรถรวม ซึ่งพ่วงตู้โดยสารชั้นสามล้วน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๒
แสดงว่าฟรีทั้งขบวน เพราะรถไฟขบวนนี้เป็นรถชั้นสามล้วน เป็นรถดีเซลมีสี่โบกี้ เป็นชั้นสามสามโบกี้ มีชั้นสองโบกี้เดียว เมื่อยังไม่ฟรีก็ไม่มีใครตีตั๋วชั้นสองเลยสักเที่ยวเดียว คราวนี้เลยฟรีหมดทั้งสี่โบกี้
ขณะที่ผมไปถึงนั้นเป็นเวลาที่รถจากมหาชัยเข้าเทียบชานชลาพอดี เที่ยวนี้มีคนพอสมควร ขบวนที่เช้ากว่านี้น่าจะแน่นมากกว่านี้ก็ได้ เพราะมีคนที่เดินทางมาเช้าเย็นกลับเพื่อทำงาน หรือเรียนหนังสือในกรุงเทพใช้บริการกันอย่างมากมายทุกวัน ความช่วยเหลือของทางการในครั้งนี้ คงเป็นที่โมทนาสาธุการ จากประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างมาก แล้วเมื่อหมดกำหนดเวลาแล้ว อาจจะมีขบวนการเรียกร้องให้ต่อเวลาอีกก็ได้
ผมเองก็เคยเดินทางไปเที่ยวมหาชัย หรือสมุทรสงครามกับเพื่อน หลายครั้งหลายหน ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ตั้งแต่ค่าโดยสารสามบาทเจ็ดบาท จนถึงปัจจุบันขึ้นเป็นสิบบาท ในระยะทางที่ยาวไกล จนผมกระดากที่จะใช้บัตรข้าราชการลดครึ่งราคา แต่มาคราวนี้จะได้ขึ้นฟรี ก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเสียด้วย เพราะเพียงแต่อยากทราบข้อมูล หลังจากที่ได้ไปดูที่สถานีสามเสนและบางซื่อ ตามที่เคยเล่ามาแล้วเท่านั้น
ก็เลยอาฆาตไว้ว่าจะต้องชวนเพื่อนไปสุดอากาศเค็ม ๆ ที่มหาชัยให้ได้ในเร็ว วัน นี้
รถขบวนนี้จอดอยู่ประมาณยี่สิบนาที ก็จะออกจากวงเวียนใหญ่ กลับไปมหาชัยอีก ระยะทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงสถานีมหาชัยจะยาวเท่าไรไม่ทราบ แต่มีสถานีรายทางถึง ๑๖ สถานี ใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ผมเคยจดชื่อสถานีมาเขียนเป็นบทกลอนไว้ด้วย
ออกจาก วงเวียนใหญ่ ไป ตลาดพลู
วัดจอมทอง ได้รู้ จักแห่งหน
ผ่าน วัดไทร ใกล้ วัดสิงห์ ไม่วิ่งวน
เลยไปจน บางบอน การเคหะ
จาก รางโพธิ์ โผล่ สามแยก ไป พรมแดน
เข้าสู่แคว้น ทุ่งสีทอง มองเปะปะ
กลายเป็นทุ่งหญ้าเขียวหมดไม่ลดละ
เห็นแล้วจ้ะ บางน้ำจืด วืดไปเลย
ผ่าน คอกควาย วัดโคกขาม ถึง บ้านขอม
กลิ่นพยอมโชยมาใกล้ใช่ไหมเอ่ย
ถึง บางจาก ไม่เยี่ยมเยือนเหมือนอย่างเคย
นั่งเฉยเฉย ถึง มหาชัย ดูใกล้จัง
ชั่วโมงเดียวได้มาชิดติดทะเล
ลมถ่ายเททิ้งความทุกข์สุขสมหวัง
ได้คลายร้อนผ่อนพักเพียงลำพัง
คนเคยนั่งรถไฟเก่าหายเหงาเอย.
และคงจะได้มีโอกาสมาทบทวนความหลังอีก ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน.
#############
จากคุณ : เจียวต้าย - [ 21 ส.ค. 51 07:56:49 ]
มหาชัยก็ไปฟรี
มหาชัยก็ไปฟรี
เทพารักษ์
เมื่อรถประจำทางสีครีมแดงสาย ๓ ที่มีป้ายว่า รถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน ได้แล่นเข้ามาจอดที่ป้ายหน้าซอยสวนอ้อย และมีผู้โดยสารก้าวลงมาสองสามคน ผู้ที่รออยู่ก็กรูกันเบียดบันไดรถขึ้นไปแทนอีกห้าหกคนรวมทั้งตัวผมเองด้วย
เวลานี้รถเมล์ฟรีไม่ได้แน่นอย่างธรรมดาแล้ว แต่แน่นมากขึ้น เพราะไม่ใช่วันหยุดราชการ และเป็นเวลาที่คนโดยสารกำลังจะไปทำงาน เด็ก ๆ จะไปโรงเรียน และทุกคนต่างพากันคอยรถเมล์ฟรี เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ที่ตั้งใจจะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเป็นส่วนใหญ่
รถสายนี้ออกจากสถานีขนส่งกรุงเทพสายเหนือ หลังสวนจตุจักรไปปลายทางวงเวียนใหญ่ เมื่อมาถึงหน้าโรงพยาบาลวชิระแล้วก็ไปสนามหลวง ข้ามสะพานพระปกเกล้า คู่ขนานกับสะพานพระพุทธยอดฟ้า ผ่านวงเวียนเล็กไปวงเวียนใหญ่ แล้วก็อ้อมไปจอดที่ถนนเจริญนคร
ผมยืนเบียดกับผู้โดยสารทั้งหลาย ที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นลงตลอดระยะทาง โดยไม่สามารถจะหาเก้าอี้นั่งได้ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เพราะรู้ตัวว่าเป็นผู้ที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือในระดับสาม ถัดจากเด็กและสตรี จนถึงป้ายวงเวียนใหญ่ผมจึงลงจากรถเมล์ แล้วเดินขึ้นสะพานลอยสำหรับคนข้ามไปทางฝั่งตรงข้าม เมื่อลงจากสะพานลอยก็ถึงสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่พอดี
สถานีรถไฟนี้เป็นสาขาของสถานีรถไฟกรุงเทพ เพียงแต่ไม่มีรางทอดจากหัวลำโพง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาเท่านั้น เป็นสถานีซึ่งเปิดใช้มาเก่าแก่มาก จากวงเวียนใหญ่ปลายทางคือจังหวัดสมุทรสาคร หรือมหาชัย ซึ่งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำแม่กลอง กับสถานีบ้านแหลม หรือท่าฉลอม ดังที่มีเนื้อร้องอยู่ในเพลงอมตะที่ทุกคนรู้จักนั่นเอง
จากสถานีบ้านแหลม ปลายทางก็คือจังหวัดสมุทรสงคราม ที่มีตลาดน้ำอัมพวาอันมีชื่อเสียงโด่งดัง และมีหิ่งห้อยเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักค้างคืน กันไม่ขาดสาย แทบทุกฤดูกาล
หน้าสถานีรถไฟมีป้ายผ้าผืนใหญ่แขวนประกาศมีความว่า รัฐช่วยคนไทย ขึ้นรถไฟฟรี
และที่หน้าห้องขายตั๋ว ก็มีประกาศติดไว้ว่า รถไฟฟรีเพื่อประชาชน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ขายตั๋วอยู่ข้างใน
กับมีใบปลิวที่เหมือนกับสถานีหัวลำโพง คือมีข้อความว่า
รถไฟฟรีเพื่อประชาชน สนองนโยบายรัฐบาล ๖ มาตรการ ๖ เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน
การรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม เปิดให้ประชาชนใช้บริการรถไฟเชิงสังคม (PSO) ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยรายได้ มีวันละ ๑๖๔ ขบวน ประกอบด้วย รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น และรถรวม ซึ่งพ่วงตู้โดยสารชั้นสามล้วน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๒
แสดงว่าฟรีทั้งขบวน เพราะรถไฟขบวนนี้เป็นรถชั้นสามล้วน เป็นรถดีเซลมีสี่โบกี้ เป็นชั้นสามสามโบกี้ มีชั้นสองโบกี้เดียว เมื่อยังไม่ฟรีก็ไม่มีใครตีตั๋วชั้นสองเลยสักเที่ยวเดียว คราวนี้เลยฟรีหมดทั้งสี่โบกี้
ขณะที่ผมไปถึงนั้นเป็นเวลาที่รถจากมหาชัยเข้าเทียบชานชลาพอดี เที่ยวนี้มีคนพอสมควร ขบวนที่เช้ากว่านี้น่าจะแน่นมากกว่านี้ก็ได้ เพราะมีคนที่เดินทางมาเช้าเย็นกลับเพื่อทำงาน หรือเรียนหนังสือในกรุงเทพใช้บริการกันอย่างมากมายทุกวัน ความช่วยเหลือของทางการในครั้งนี้ คงเป็นที่โมทนาสาธุการ จากประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างมาก แล้วเมื่อหมดกำหนดเวลาแล้ว อาจจะมีขบวนการเรียกร้องให้ต่อเวลาอีกก็ได้
ผมเองก็เคยเดินทางไปเที่ยวมหาชัย หรือสมุทรสงครามกับเพื่อน หลายครั้งหลายหน ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ตั้งแต่ค่าโดยสารสามบาทเจ็ดบาท จนถึงปัจจุบันขึ้นเป็นสิบบาท ในระยะทางที่ยาวไกล จนผมกระดากที่จะใช้บัตรข้าราชการลดครึ่งราคา แต่มาคราวนี้จะได้ขึ้นฟรี ก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเสียด้วย เพราะเพียงแต่อยากทราบข้อมูล หลังจากที่ได้ไปดูที่สถานีสามเสนและบางซื่อ ตามที่เคยเล่ามาแล้วเท่านั้น
ก็เลยอาฆาตไว้ว่าจะต้องชวนเพื่อนไปสุดอากาศเค็ม ๆ ที่มหาชัยให้ได้ในเร็ว วัน นี้
รถขบวนนี้จอดอยู่ประมาณยี่สิบนาที ก็จะออกจากวงเวียนใหญ่ กลับไปมหาชัยอีก ระยะทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงสถานีมหาชัยจะยาวเท่าไรไม่ทราบ แต่มีสถานีรายทางถึง ๑๖ สถานี ใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ผมเคยจดชื่อสถานีมาเขียนเป็นบทกลอนไว้ด้วย
ออกจาก วงเวียนใหญ่ ไป ตลาดพลู
วัดจอมทอง ได้รู้ จักแห่งหน
ผ่าน วัดไทร ใกล้ วัดสิงห์ ไม่วิ่งวน
เลยไปจน บางบอน การเคหะ
จาก รางโพธิ์ โผล่ สามแยก ไป พรมแดน
เข้าสู่แคว้น ทุ่งสีทอง มองเปะปะ
กลายเป็นทุ่งหญ้าเขียวหมดไม่ลดละ
เห็นแล้วจ้ะ บางน้ำจืด วืดไปเลย
ผ่าน คอกควาย วัดโคกขาม ถึง บ้านขอม
กลิ่นพยอมโชยมาใกล้ใช่ไหมเอ่ย
ถึง บางจาก ไม่เยี่ยมเยือนเหมือนอย่างเคย
นั่งเฉยเฉย ถึง มหาชัย ดูใกล้จัง
ชั่วโมงเดียวได้มาชิดติดทะเล
ลมถ่ายเททิ้งความทุกข์สุขสมหวัง
ได้คลายร้อนผ่อนพักเพียงลำพัง
คนเคยนั่งรถไฟเก่าหายเหงาเอย.
และคงจะได้มีโอกาสมาทบทวนความหลังอีก ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน.
#############
จากคุณ : เจียวต้าย - [ 21 ส.ค. 51 07:56:49 ]