เรามีปัญหาครอบครัว+ที่ทำงาน เคยปรึกษาคนใกล้ตัวแล้ว แต่เหมือนเขาไม่เข้าใจ
เราขอระบายปัญหานิดนึงนะ
พ่อกับแม่ไม่เชื่อในตัวเรา สิ่งที่เราอยากทำคิดว่าเราทำไม่ได้ จำกัดความคิดเรา พยายามให้แป็นในสิ่งที่เขาอยากให้เป็น อย่างเรื่องงาน ก็ให้เราทำงานที่พ่อหาให้ ให้ทำงานใกล้บ้าน จะได้ช่วยทำงานบ้าน ช่วยกิจการครอบครัว กลัวเราไปทำงานที่อื่นแล้วเราไปไม่รอด ส่วนเราอยากเรียนต่อไปตรี (เราจบปวส.) ทีแรกพ่อกับแม่ไม่ให้เราเรียน อยากให้เราทำงาน เราเลยยอมทำงานก่อน โดยให้พ่อเก็บเงินไว้ให้เราเรียนต่อ เราใช้แต่เดือนละ1,000บาท (ค่ากินรวมกับที่บ้าน) พอเราคิดว่าเรามีเงินเก็บไว้เรียนแล้ว เลยไปสมัครเรียนภาคเสาร์-อาทิตย์ (พ่อไม่ยอมให้ออกจากงานเพราะเสียดายงาน) แต่เราต้องขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้ากับยืมเงินยายมาจ่ายค่าเทอม เงินที่เราทำงานให้พ่อเก็บเราต้องยกให้พ่อกับแม่ เราต้องเริ่มเก็บตังใหม่ เงินเดือนของเราต้องจ่ายค่าเรียน ค่ากินค่าอยู่ของตัวเอง ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองทั้งหมด แต่เราก็แบ่งให้พ่อกับแม่ใช้บ้างนะ ตามโอกาศ แต่ไม่มากเพราะเงินเดือนเราน้อย (เรายังพักอยู่กับพ่อกับแม่นะ) เรามีปัญหากับทางบ้านบ่อยขึ้น เนื่องจากเราไม่มีเวลาช่วยกิจการของที่บ้าน (เราไม่มีเวลาเพราะต้องทำงานด้วยเรียนด้วย การบ้านเราะเยอะมากกกก) เรากับแม่ความคิดแตกต่างกัน ทำให้ทะเลาะกันบ่อย เวลาเรามีโดยนินทา มีข่าวไม่ดีกับเรา ไม่จะเลือกเชื่อคนอื่นก่อน ทั้งที่เรามีเหตุผลอธิบายมีหลักฐานยืนยันตัวเอง แต่ก็ถูกมองว่าเถียง เวลามีปัญหาที่ทำงานเราปรึกษาครอบครัวแต่เหมือนแค่รับฟัง พูดคุยภาษาเดียวกันแต่คนละความหมาย ทำให้เราไม่ค่อยปรึกษาอะไรกับที่บ้าน กลายเป็นเราโลกส่วนตัวสูง เป็นคนคิดมาก คิดได้แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่าง
สำหรับเรื่องที่ทำงานเรา ปัญหาเยอะมาก วุ่นวายสุดๆ งานไม่มีระเบียบเลย ชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ตอนทำงานแรกๆเราทำงานเกือบทุกอย่าง ทำแทนหัวหน้าด้วย ไม่มีวันหยุดเลย เรามีปัญหากับหัวหน้า หน.ชอบทำงานพลาดแล้วให้เรามาแก้ แล้วพูดให้คนอืนเข้าใจเราผิดว่า เราเป็นทำคนพลาด ยิ่งเราทำงานกับคนนี้เรายิ่งเห็นด้านมืดในการทำงานของเขามากขึ้น เราทำเกี่ยวกับบัญชี ทำให้เราเครียดมาก เกี่ยวกับเงินเกี่ยวกับตัวเลขเราต้องมีหลักฐานยืนตัวเองเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดปัญหา
ถึงแม้บางคนจะคิดว่าปัญหาของเรานิดเดียว แต่เรารู้สึกเครียดมาก อึดอัด บางครั้งอยากลาออกจากงาน ย้ายออกจากบ้าน แต่เพราะเราอยากเรียนมาก ทำงานที่หยุดเสาร์-อาทิตย์ สำหรับเรามันหายาก ถ้าเราออกจากบ้านเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก เราก็กลัวว่าจะไม่มีเงินเรียน เรากลายเป็นคนคิดมาก คิดเยอะ เก็บเอาทุกอย่างมาคิด ซึ่งเราเคยพยายามปรับตัวแล้วนะ อยากอยู่อย่างเข้าใจ ไม่อยากอยู่อย่างอดทน แต่เหมือนว่ายิ่งพยายามยิ่งทำให้กำแพงโลกส่วนตัวของเราสูงขึ้น ไม่ค่อยคุยกับใครไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงาน รู้สึกว่ามันวุ่นวาย เราเหนื่อย เหมือนเราเข้ากับพวกเขาไม่ได้ เราขาดความมั่นใจในตัวเอง เมื่อออกไปเจอโลกภายนอก เหมือนเป็นคนไม่รู้อะไรไร ไม่มีสังคม (มีเพื่อนนะ แต่ไม่ค่อยสนิทกันเหมือนก่อน)
ความหวังเราตอนนี้คือ ตั้งใจเรียนให้จบ แล้วออกไปหางานที่เราคิดว่าเราทำได้ อยู่ห่างจากครอบครัวเพื่อให้มีที่ว่างให้คิดถึงกัน (แต่ก่อนเราพักที่หอกับเพื่อน แล้วเรารู้สึกว่าเรามีพ่อมีแม่ให้คิดถึง แต่พอกลับมาอยู่บ้าน กลับรู้สึกโดดเดี่ยว) ซึ่งมันอาจจะแค่เปลี่ยนที่ทุกข์ แต่เราอยากเลือกเอง
แต่ปัญหา คือ ตอนนี้เรายังเรียนไม่จบ เรายังต้องทำงาน เรายังต้องอยุ่บ้าน เราควรจะทำยังไง ไม่ให้ตัวเองเครียด คิดมาก แต่ก่อนเราเป็นคนร่าเริ่ง ยิ้มง่าย เพื่อนเยอะ (แต่เพื่อนสนิทน้อย) เดี่ยวนี้เราร้องให้บ่อยขึ้น เรากลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคเครียดเข้าสักวัน




เปลี่ยนไป กลายเป็นคนขาดความมั่นใจ กลายเป็นคนคิดมาก กลายเป็นกบในกะลา ไม่มีสังคม
เราขอระบายปัญหานิดนึงนะ
พ่อกับแม่ไม่เชื่อในตัวเรา สิ่งที่เราอยากทำคิดว่าเราทำไม่ได้ จำกัดความคิดเรา พยายามให้แป็นในสิ่งที่เขาอยากให้เป็น อย่างเรื่องงาน ก็ให้เราทำงานที่พ่อหาให้ ให้ทำงานใกล้บ้าน จะได้ช่วยทำงานบ้าน ช่วยกิจการครอบครัว กลัวเราไปทำงานที่อื่นแล้วเราไปไม่รอด ส่วนเราอยากเรียนต่อไปตรี (เราจบปวส.) ทีแรกพ่อกับแม่ไม่ให้เราเรียน อยากให้เราทำงาน เราเลยยอมทำงานก่อน โดยให้พ่อเก็บเงินไว้ให้เราเรียนต่อ เราใช้แต่เดือนละ1,000บาท (ค่ากินรวมกับที่บ้าน) พอเราคิดว่าเรามีเงินเก็บไว้เรียนแล้ว เลยไปสมัครเรียนภาคเสาร์-อาทิตย์ (พ่อไม่ยอมให้ออกจากงานเพราะเสียดายงาน) แต่เราต้องขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้ากับยืมเงินยายมาจ่ายค่าเทอม เงินที่เราทำงานให้พ่อเก็บเราต้องยกให้พ่อกับแม่ เราต้องเริ่มเก็บตังใหม่ เงินเดือนของเราต้องจ่ายค่าเรียน ค่ากินค่าอยู่ของตัวเอง ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองทั้งหมด แต่เราก็แบ่งให้พ่อกับแม่ใช้บ้างนะ ตามโอกาศ แต่ไม่มากเพราะเงินเดือนเราน้อย (เรายังพักอยู่กับพ่อกับแม่นะ) เรามีปัญหากับทางบ้านบ่อยขึ้น เนื่องจากเราไม่มีเวลาช่วยกิจการของที่บ้าน (เราไม่มีเวลาเพราะต้องทำงานด้วยเรียนด้วย การบ้านเราะเยอะมากกกก) เรากับแม่ความคิดแตกต่างกัน ทำให้ทะเลาะกันบ่อย เวลาเรามีโดยนินทา มีข่าวไม่ดีกับเรา ไม่จะเลือกเชื่อคนอื่นก่อน ทั้งที่เรามีเหตุผลอธิบายมีหลักฐานยืนยันตัวเอง แต่ก็ถูกมองว่าเถียง เวลามีปัญหาที่ทำงานเราปรึกษาครอบครัวแต่เหมือนแค่รับฟัง พูดคุยภาษาเดียวกันแต่คนละความหมาย ทำให้เราไม่ค่อยปรึกษาอะไรกับที่บ้าน กลายเป็นเราโลกส่วนตัวสูง เป็นคนคิดมาก คิดได้แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่าง
สำหรับเรื่องที่ทำงานเรา ปัญหาเยอะมาก วุ่นวายสุดๆ งานไม่มีระเบียบเลย ชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ตอนทำงานแรกๆเราทำงานเกือบทุกอย่าง ทำแทนหัวหน้าด้วย ไม่มีวันหยุดเลย เรามีปัญหากับหัวหน้า หน.ชอบทำงานพลาดแล้วให้เรามาแก้ แล้วพูดให้คนอืนเข้าใจเราผิดว่า เราเป็นทำคนพลาด ยิ่งเราทำงานกับคนนี้เรายิ่งเห็นด้านมืดในการทำงานของเขามากขึ้น เราทำเกี่ยวกับบัญชี ทำให้เราเครียดมาก เกี่ยวกับเงินเกี่ยวกับตัวเลขเราต้องมีหลักฐานยืนตัวเองเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดปัญหา
ถึงแม้บางคนจะคิดว่าปัญหาของเรานิดเดียว แต่เรารู้สึกเครียดมาก อึดอัด บางครั้งอยากลาออกจากงาน ย้ายออกจากบ้าน แต่เพราะเราอยากเรียนมาก ทำงานที่หยุดเสาร์-อาทิตย์ สำหรับเรามันหายาก ถ้าเราออกจากบ้านเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก เราก็กลัวว่าจะไม่มีเงินเรียน เรากลายเป็นคนคิดมาก คิดเยอะ เก็บเอาทุกอย่างมาคิด ซึ่งเราเคยพยายามปรับตัวแล้วนะ อยากอยู่อย่างเข้าใจ ไม่อยากอยู่อย่างอดทน แต่เหมือนว่ายิ่งพยายามยิ่งทำให้กำแพงโลกส่วนตัวของเราสูงขึ้น ไม่ค่อยคุยกับใครไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงาน รู้สึกว่ามันวุ่นวาย เราเหนื่อย เหมือนเราเข้ากับพวกเขาไม่ได้ เราขาดความมั่นใจในตัวเอง เมื่อออกไปเจอโลกภายนอก เหมือนเป็นคนไม่รู้อะไรไร ไม่มีสังคม (มีเพื่อนนะ แต่ไม่ค่อยสนิทกันเหมือนก่อน)
ความหวังเราตอนนี้คือ ตั้งใจเรียนให้จบ แล้วออกไปหางานที่เราคิดว่าเราทำได้ อยู่ห่างจากครอบครัวเพื่อให้มีที่ว่างให้คิดถึงกัน (แต่ก่อนเราพักที่หอกับเพื่อน แล้วเรารู้สึกว่าเรามีพ่อมีแม่ให้คิดถึง แต่พอกลับมาอยู่บ้าน กลับรู้สึกโดดเดี่ยว) ซึ่งมันอาจจะแค่เปลี่ยนที่ทุกข์ แต่เราอยากเลือกเอง
แต่ปัญหา คือ ตอนนี้เรายังเรียนไม่จบ เรายังต้องทำงาน เรายังต้องอยุ่บ้าน เราควรจะทำยังไง ไม่ให้ตัวเองเครียด คิดมาก แต่ก่อนเราเป็นคนร่าเริ่ง ยิ้มง่าย เพื่อนเยอะ (แต่เพื่อนสนิทน้อย) เดี่ยวนี้เราร้องให้บ่อยขึ้น เรากลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคเครียดเข้าสักวัน