กาลครั้งหนึ่งเมื่อฉันไปเที่ยวบ้านนอกของจีน

ขอออกตัวก่อนว่าชื่อกระทู้ไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหรือกล่าวว่าคุนหมิงแต่อย่างใดนะคะ(อย่าด่าเค้านะ)
กระทู้แรกผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ

"คุนหมิง"เมืองเอกในมณฑลยูนนาน
เมืองที่มีสมญานามว่า"เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ (Eternal Spring City)
จริงๆแล้วต้องขอเล่าถึงที่มาที่ไปก่อนว่าทำไมเจ้าของกระทู้ถึงได้ไป(ต้องเล่านิดนึง ไม่เอ่ยถึง เดี๋ยวไม่ได้คะแนน อิอิ)
คืองี้...เรื่องมีอยู่ว่าเจ้าของกระทู้อ่ะได้มีโอกาสไปเข้าร่วมโครงการ2ปริญญาของมหาวิทยาลัย เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยรังสิตกับYunnan University of Finaance and Economics (YUFE)ก็เลยมีโอกาสได้มีชื่อเป็นนักศึกษาของที่จีนด้วย(เกร๋ป้ะล่ะ?)

เอาล่ะ ด้วยประการฉะนี้ ก็เลยได้ไปเที่ยวจีนค๊าาาา เอ้ย ไปเรียน 5555 โอเค อารามภบทมาซะยืดยาว ได้เวลาเล่าถึงเรื่องราวชีวิตตอนไปคุนหมิงแลัวล่ะ

12 สิงหาคม 2559 ก็ได้ฤกษ์บินลัดฟ้าไปเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิกันซะที(แอบกระซิบว่าทั้งค่ากิน ค่าที่พัก รวมถึงค่าเดินทาง ฟรีนะจ้ะ คิคิ)

นี่ภาพของสมาชิก"BBS Summer Camp2016"
เราเดินทางกันด้วยเครื่องบินของสายการบินchina eastern ใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชม.50นาที

อาหารบนเครื่องจ้า นั่งสายการบินของจีน ทำไมขนมแอบเป็นกล่องม่วงของบ้านเราล่ะอมยิ้ม19

ถึงสนามบินนานาชาติฉางสุ่ย คุนหมิงแล้ววววววหัวเราะ

เอ้ย!!! ตอนอยู่ไทยไป4ล้อ ไหงมาถึงจีนเหลือแค่3 ร้องไห้ สภาพกระเป๋าของเพื่อนร่วมทริป

มาถึงคุนหมิงก็ค่อนข้างดึกมากแล้วประมาณ5ทุ่มกว่าๆ(เวลาท้องถิ่น) ก็นั่งรถไปยังที่พัก ระหว่างนั้น คร่อก~~~ คร๊อก~~~~เสียงท้องของเจ้าของกระทู้กับเพื่อนๆข้างๆเองล่ะ แข่งกันร้องประสานเสียงเป็นโอเปร่าเลย5555 ก็ร้องเรียกหาของกินสิคะ จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น แล้วสวรรค์ก็มาโปรด บนรถแจกขนมค๊าาา หลังจากที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานได้เวลาเจอตัวจริงสักที "เปี๊ยะไส้กุหลาบ" นั่นเองจ้า เขาว่ากันว่ามาแล้วไม่กินถือว่ายังไม่ถึงคุนหมิงนะเออ

เหมือนกินขนมเปี๊ยะบ้านเรานั่นแหละ ต่างกันแค่ไส้ อันนี้กินแล้วให้อารมณ์แบบเหมือนเดินอยู่ในสวนกุหลาบ กัดเข้าไปคำแรก หวานนิดๆหวานอ่อนๆเหมือนกินกลีบกุหลาบเข้าไปจริงๆอ่ะ แป้งข้างนอกเหมือนบ้านเราเลย อร่อยยยยย ว่าแล้วก็หันไปถามไถ่ชาวบ้านเค้าหน่อยซิว่าเค้ากินแล้วเป็นไงบ้าง

เจ้าของกระทู้ : เอ้ยแก อร่....(กำลังจะพูดว่าอร่อยเนอะ)
เพื่อน1: ทำหน้าหยี้yuck
เพื่อน2 : ไม่อร่อยเลยอ๊าาา ไม่มีความเป็นขนมเลย มันไม่หวาน ไม่มีความเป็นนม เนย ไข่
เจ้ของกระทู้ : เงิบมันก็อร่อยดีนะแก
เพื่อน3 : งั้นแกเอาไปเลยคนเดียวยกกล่อง

อันที่จริงรสชาติของมันก็ไม่ได้เลวร้ายนะ แต่อาจจะเพราะรสชาติที่ไม่ค่อยคุ้นลิ้นของคนไทยนัก ก็อาจจะทำให้บางคนบอกว่าไม่อร่อย  ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวอยากจะให้ลองชิมด้วยตัวเองนะคะ อาจจะชอบเหมือนเจ้าของกระทู้ก็ได้

และแล้วก็ถึงที่พักจ้า เป็นหอพักนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยYUFE





อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใส ยิ้มรับวันใหม่ยิ้มให้แก่กัน
เช้าวันแรก ณ คุนหมิง
สดชื่นมากกกก ก.ไก่ล้านตัวเลย ทั้งที่แดดก็ออกนะแต่ไม่ร้อนเลย มีลมหนาวพัดมาให้หัวใจได้ชุ่มชื่น กรี๊ดดด อากาศที่แสนปลื้ม

ตื่นปุ้บก็นะ หาของกินสิคะคุณ จะรออะไร ว่าแต่เช้านี้กินอะไรดีล่ะ มาจีนทั้งทีก็วาดฝันถึงติ่มซำสิ เอ้อ ใช่มั้ยล่ะ แต่!!! สิ่งที่ได้กินคือ

What!!! ก๋วยเตี๋ยว อินี่เห็นปุ้บ ก็ชี้นิ้วไปที่ถ้วย ทำหน้างง เหล่าชือก็ใจดีจ้า ตอบให้ว่า "เมี่ยนเถียว"ร้องไห้面条, miàn tiáo, เมี่ยนเถียว) โอเคจ้า เมี่ยนเถียวก็เมี่ยนเถียว ร้องไห้ ส่วนรสชาติของมันน้านนนน ก็ดี อร่อยดี เส้นเหมือนขนมจีน น้ำซุปใส ใส่แกงคล้ายน้ำแกงข้าวซอย ใส่ผักกาดดองด้วย โอเค มีความมันไสตค์อาหารจีน55555

มาต่างแดนทั้งที ก็ต้องลองซึบซับรสชาติของบ้านเค้าเมืองเค้าซะหน่อย เอาล่ะเริ่มกันที่อย่างแรกเลยก็แล้วกัน ตามธรรมเนียมของคนไทย(รึเปล่า?)
นั่นคือ...ของกินนั่นเองจ้าา และจะกินอะไรก่อนดี คิดสิ คิด คิด ปิ๊ง!!!!

บะหมี่กึ่งสำเสร็จรูปนั่นเองจ้าาาา เห็นกระป๋องใหญ่แบบนี้ราคาแค่3.5หยวนเองค๊าาา(คิดเป็นเงินไทยประมาณ3.5*5=17.5บาท) ขุ่นพระ!!! ถูกกว่ามาม่าของพี่ไทยอีกจ้า มีหลากหลายรสมาก เผ็ดนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ มีผักกาดดองให้ด้วยนะจ้ะ เอ้อ ก็อร่อยแบบจีนๆอ่ะ จัดว่าผ่านนนน

มาถึงอันนี้ จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันมีชื่อว่าอะไร(ใครรู้คอมเม้นมาบอกหน่อย อยากรู้จริงๆ) รสชาติมันเหมือนลาบอ่ะ เหมือนเอามันฝรั่งมาลวกแล้วเอามาลาบแบบบ้านเราอ่ะ เออ อร่อยแฮ๊ะ อร่อยอีกแล้ว นี่ตั้งแต่มาถึงจีน ยังไม่มีอะไรที่บอกไม่อร่อยเลยนะ(เสียงเพื่อนแอบแซวมาแต่ไกล)


ประหนึ่งเป็นร้านไก่ย่าง5ดาว ไปไหนก็เจอแต่ร้านแบบนี้ แล้วจะไม่ลองได้ไงล๊าาาา

หู้วววว น่ากินใช่มั้ยล่ะ มันคือบาร์บีคิวสไตล์จีน (โรยผงหมาล่า)
ที่เป็นเนื้ออ่ะ 3ไม้10หยวน(ตกไม้ละ16กว่าบาทไทย) ส่วนปลาหมึก2ไม้ 10หยวน(ไม้ละ25บาทไทย แอบแพงเบาๆ)

รสชาติเผ็ดๆเค็มๆ มีความชาลิ้นหน่อยๆ คงจะเพราะใส่หมาล่า เอ๊ะ หมาล่าคืออะไร

หมาล่าไม่ใช่เนื้อหมานะ ถึงจะออกเสียงคล้ายๆแต่ไม่ใช่ หมาล่า มาจากภาษาจีนว่า 麻辣 /má là/ อ่านเป็นเสียงภาษาไทยว่า หมา-ล่า ซึ่งคำว่า “หมา” หมายถึง อาการที่จะรู้สึกชาที่ปลายลิ้น และ “ล่า” หมายถึง รสชาติเผ็ด เมื่อรวมกันแล้วจึงหมายความว่ารสชาติแบบเผ็ด ๆ ชา ๆ ที่ปลายลิ้น โดยรสชาติแบบนี้มาจากเครื่องเทศอย่างหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เรียกว่า ฮวาเจียว (花椒 /huā jiāo/) รูปร่างหน้าตาคล้ายเม็ดพริกไทยดำ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Sichuan pepper (พริกไทยเสฉวน) มาจีนแล้วบอกเลยว่าหลายๆเมนูจะเจอเจ้าหมาล่าได้บ่อยมากกกก
(แอบไปดึงรูปจากอินเตอร์เน็ตมาให้ดูประกอบ เผื่อใครอยากเห็นหน้าตาก่อนเอามาใส่ในอาหาร)



(ขอปิดหน้าละกันเนอะ)จะให้ดูผักริมขอบรูป เพราะรีบเลยลืมถ่ายรูปก่อนที่มันจะลงไปอยู่ในถ้วยแบบนี้

ก๋วยเตี๋ยวกั้วเฉียวหมี่เซี่ยน (过桥米线) หรือก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของมณฑลยูนนาน มีส่วนประกอบที่สำคัญอย่าง น้ำซุป เนื้อสัตว์ ผัก และเส้นขนมจีน  มีคนกล่าวว่า ถ้ามาถึงมณฑลยูนนานแล้วไม่ได้ลิ้มลอง “ขนมจีนข้ามสะพาน” ก็เท่ากับยังมาไม่ถึงยูนนาน (แอบกระซิบว่าถ้วยใหญ่กินคนเดียวไม่หมดแบบนี้ ถ้วยละ12หยวนหรือ60บาทไทยเอง)

ไหนๆก็พูดถึงก๋วยเตี๋ยวกั้วเฉียวหมี่เซี่ยน (过桥米线) หรือก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพานก็คงจะมีคนสงสัยว่า เอ...ทำไมต้องชื่อนี้ เดินข้ามสะพานไปกินเหรอ?

ป่าวจ้า ไม่ได้ข้ามสะพานไปกิน ร้านอยู่ใกล้ห้างปกติๆนี่แหละ แต่เค้าเล่าให้ฟังว่าเมนูนี้มีตำนานมากว่า200ปี😱 เรื่องประมาณว่ามีนักปราชญ์อยู่คนนึงต้องไปท่องตำราอยู่ที่ศาลากลางเกาะ ภรรยาของเค้าก็ต้องนำอาหารไปส่งให้ทุกมื้อ แต่เพราะบ้านอยู่ห่างไกลต้องข้ามสะพานไปจึงจะถึงเกาะ กว่าจะถึงรสชาติของอาหารก็เย็นชืดไม่อร่อย วันหนึ่งภรรยาของเค้าก็ได้ต้มซุปไก่ใส่ชามไว้ แล้วเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาจับถ้วยดู ก็เอ๊ะ!  ยังร้อนอยู่เลย เค้าก็เอาซุปใส่ถ้วยนั้นแล้วก็ถือผัก เส้น และเนื้อสัตว์ไปหาสามี แล้วใส่ทุกอย่างลงไปในซุปปรากฎว่าทุกอย่างสุกและอร่อยกำลังดี ก็บังเกิดเป็นเมนูนี้นั่นเอง จนตอนนี้เวลาเสิร์ฟจริงๆเค้าก็ยังเสิร์ฟแบบนั้นนะ คือมีน้ำซุปร้อนๆมาถ้วยนึง แล้วก็พวกผักเส้นแล้วก็เนื้อสัตว์แยกใส่จานมา อ้อ มีไข่นกกระทามาให้ด้วย เค้าบอกว่าวิธีจะกินให้อร่อยขั้นตอนแรก ควรใส่ไข่นกกระทาลงไปก่อน จากนั้นคนช้าๆแล้วจึงใส่แผ่นเนื้อสดลงไปทีละแผ่น และคนช้าๆจนเนื้อกลายเป็น สีขาว ซึ่งก็แสดงว่าเนื้อสุกแล้ว ต่อจากนั้น จึงใส่ผัก แล้วตามด้วยเส้นขนมจีน พร้อมปรุงรสตามต้องการ แค่นี้ก็อิ่มอร่อยแล้วววว

กินอาหารคาวมาหลายเมนูแล้ว ก็ต้องล้างคาวปากตามธรรมเนียมแบบจีนซะหน่อย

มาคุนหมิงทั้งทีก็ต้องลอง ชาผู่เอ่อร์ หรือที่มีใครให้สมญานามว่า "เครื่องดื่มอายุวัฒนะ หรือโบราณวัตถุดื่มได้ของชาวจีน"

เกร็ดความรู้กันนิดนึง ชาผู่เอ่อร์มีสองแบบ คือ

1.แบบสด (puerh raw tea) น้ำชาจะมีสีอ่อน มีกลิ่นหอมเจือจาง มีสรรพคุณคือกระตุ้นประสาท ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า(เจ้าของร้านแอบกระซิบว่าถ้ากินเกิน10แก้วมีโอกาสเมาได้ ไม่ได้เมาแบบกินเหล้านะ แต่จะเมาแบบเคลิ้มๆล่องลอยๆ นี่ก็บ้าจี้ทำตาม ไม่เมานะ แค่ตาปรือๆ เหมือนจะหลับอ่ะ)
2.แบบหมัก(puerh done tea) น้ำชาจะมีสีน้ำตาลเข้ม ออกไปทางแดงหน่อยๆ เค้าบอกว่าตัวนี้ช่วยในเรื่องของละลายไขมัน ลดคลอเลสเตอรอลได้ดี

ใครไปคุนหมิงแล้วอยากซื้อของฝากญาติผู้ใหญ่ก็แนะนำชาผู่เอ่อร์เลย แพคเกตนางสวยมาก แลดูล้ำค่า(เสียดายไม่ได้ถ่ายไว้ เพราะไม่ได้ซื้อกลับมา)

นี่ไปจีนตั้ง10วัน ไปแค่กินเหรอ? ป๊าววว นี่ไงกำลังจะเล่าเรื่องออกไปข้างนอกให้ฟังอยู่ ใจเย็นเซ้เจ้าคิกคัก

วันแรกๆไม่ได้ไปไหนหรอก ก็ไปเดินสำรวจแถวมหาลัยYUFEแหละ ใครบอกว่าเมืองจีนสกปรก นี่เถียงแทนคนจีนเลย ไปมา10วันยังไม่เจอเลยว่าข้างทางหรือบนถนนเค้าจะมีขยะ บ้านเรายังเห็นเยอะกว่าบ้านเค้าเลย ถึงรถที่นี่จะขับได้แบบปวดหัวพอๆกับบ้านเราก็เถอะ 555 ปวดหัวยังไงน่ะเหรอ คือรถมอไซต์ของที่นี่นางเป็นรถไฟฟ้าไง ไม่มีเสียง แล้วเวลานางขับนะ นางชอบขับมาจี้ตูด 5555 ไม่มีหรอกบีบแตร่เป็นสัญญาณมาไกลๆอ่ะ ชอบมาบีบใกล้ๆให้สะดุ้งด่าพ่อล่อแม่ทุกที55555 แล้วพูดถึงแตร่ไม่ว่าจะรถมอไซต์หรือรถยนต์ นางก็บีบแตร่ได้พร่ำเพรื่อมาก บีบเหมือนเก็บกดอ่ะ เหมือนต้องการจะบอกว่า เอ้ย รถตูมีแตรนะเฟ้ย ปวดหัวกับพี่แกจริงๆ แต่รถเมย์บ้านเค้าดีนะ ขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลัง ไม่มีกระเป๋ารถเมย์ เวลาขึ้นก็หยอนเงินลงไปในกล่องข้างๆคนขับ ตลอดสายราคาเท่ากัน แถมถูกด้วยนะ 1-2หยวนเอง(5-10บาท) บางคันมี2ชั้น ก็โอเค สะอาดกว่าบ้านเราอ่ะ อ้อ แต่อย่าถามถึงแอร์นะ เพราะไม่ใช่แค่บนรถแต่รวมไปถึงในบ้านด้วย ที่นี่เค้าไม่มีแอร์กัน เค้าบอกแอร์ขายไม่ได้เลยสำหรับเมืองนี้ เพราะอากาศเค้าดีจนไม่ต้องใช้แอร์หรือฮีตเตอร์เลย หู้วว สุดยอด
มาถึงอีกเรื่องที่มาจีนแล้วไม่พูดถึงคงไม่ได้ ห้องน้ำนั่นเองค๊าา แอบได้ยินเสียงร้องเพลงแว่วมาว่า"มีอยู่จริงรึเปล่า มีให้เจอบ้างมั้ย"ห้องน้ำในตำนานที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงในหมู่นักท่องเที่ยว ตอบตรงๆเลยว่ามีจ้าาา คืองี้ ไปเดินเที่ยวห้างมาอารมณ์เหมือนแพตตินัมบ้านเราอ่ะ เดินๆอยู่เพื่อนก็บ่นว่าอยากเข้าห้องน้ำ เราก็แบบ โอเค แกจะไปจริงๆใช่มั้ย ที่ต้องถามแบบนี้ก็เพราะ(ดูรูปค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่