#74 $$$$$ โต๊ะน้ำชาแฟนโรงพยาบาล ฿฿฿฿฿ SEP. 28 2016
ขอเชิญเพื่อนๆนักลงทุนและผู้ที่สนใจการลงทุนหุ้นในกลุ่มร.พ.มาสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะ แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเล่าประสบการณ์การลงทุนสู่กันฟังครับ

(โดยปกติจะ update วันพุธเช้า สัปดาห์ละครั้ง)
สถานการณ์ทั่วไป :
วานนี้หุ้นไทย ปิดลบ 0.05% ยังไม่สามารถทะลุ 1500 จุดกลับขึ้นไปได้ง่ายนัก มีแรงกดดันจากความวิตกกังวลต่อหุ้นธนาคารในยโรป Deutsche Bank ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งปรับกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ กรณีที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ซึ่งผลในระยะสั้น ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่ในระยะยาว น่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะเนื่องจาก Deutsche Bank เป็นธนาคารใหญ่สุดของเยอรมนี ซึ่งหากต้องจ่ายเงินค่าปรับจำนวนดังกล่าวจริง จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Deutsche Bank และส่งผลต่อเนื่องไปถึงเศรษฐกิจของยูโรโซนมากขึ้นไปอีก ปัจจุบันเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่ฟื้นตัวมาก(ดอยซ์แบงก์ โดนเรียกร้องค่าปรับจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในกรณีการขายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ส่งผลให้ล่าสุดหุ้นของ"ดอยซ์แบงก์"ร่วงลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และกระทบต่อกลุ่มสถาบันการเงินในยุโรปด้วย : ดอยช์แบงค์ ยูนิเครดิต และลอยด์แบงกิ้ง)
ข่าวบวกภายในประเทศ ได้แก่ ADB หรือธนาคารพัฒนาเอเชีย ปรับประมาณการ GDP ของไทยปีนี้จาก 3.0 เป็น 3.2% ส่วนปี 2560 คงคาดการณ์เดิมที่ 3.5% จากอานิสงส์ของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และแนวโน้มการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ดัชนีการส่งออกของไทย สค. 59 +6.5%y-y (ดีกว่าที่ Consensus คาดที่ -1%y-y )
กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือนส.ค. 59 การส่งออกมีมูลค่า18,825 ล้านเหรียญสหรัฐฯขยายตัว 6.5% ขณะที่ตลาดคาดส่งออกหดตัว-1.4% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 16,697 ล้านเหรีญสหรัฐฯ หดตัว -1.5% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนส.ค. 59 เกินดุล2,128 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยภาพรวมการส่งออกในเดือนส.ค. 59 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรยังคงหดตัวต่อเนื่องตามการลดลงของทั้งปริมาณการส่งออก และราคาสินค้าเกษตรสำคัญ เนื่องจากภาวะภัยแล้ง การชะลอตัวของอุปสงค์โลก และ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำตามทิศทางราคาน้ำมัน ในตลาดโลก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ลดลง-4.1% )
สินค้าสำคัญที่ลดลงได้แก่ยางพารา น้ำตาลทราย ข้าว และอาหารทะเลแช่แข็งกระป๋องและแปรรูปไม่รวมกุ้ง(ลดลง 31.9% 21.4% 8.0% และ1.9%
ตามลำดับ)แต่มีสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง (ส่งออกไปตลาดฮ่องกง อินโดนิเซีย และสหรัฐอเมริกา)
กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง (ส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และแคนาดา) เครื่องดื่ม (ส่งออกไปตลาดเวียดนาม พม่าและกัมพูชา)
ไก่แปรรูป (ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และ เนเธอรแลนด์) และ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (ส่งออกไปตลาดจีน ญี่ปุ่น และ อินโดนิเซีย)
รวม 8 เดือนแรก การส่งออกสินค้าเกษตร และ อุตสาหกรรมเกษตรหดตัว -5.9%
ส่วนภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้ง โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกยานยนต์ที่ขยายตัวในระดับสูง รวมทั้งการขยายตัวของภาคการก่อสร้าง และภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่โดยเฉพาะ CLMV โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 9.0% สินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้แก่ รถยนต์ และส่วนประกอบ ขยายตัว 40.4% (ส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และ อินโดนิเซีย)
เหล็ก เหล็กกล้า และ ผลิตภัณฑ์ ขยายตัว 44.5% (ส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น)
เครื่องปรับอากาศ และ ส่วนประกอบขยายตัว 25.0% (ส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย อินโดนิเซีย และ ญี่ปุ่น)
อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ ไดโอด ขยายตัว102.6% (ส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และ ญี่ปุ่น)
และผลิตภัณฑ์ยางขยายตัว 11.0% (ส่งออกไปสหรัฐอเมริกา จีน และ ญี่ปุ่น)
ในขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัวต่อเนื่อง ได้แก่ ทองคำ น้ำมันสำเร็จรูป โทรทัศน์ และ ส่วนประกอบเม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ และส่วนประกอบ
(หดตัว -45.6% -21.6% -18.7% -6.8% และ-1.3% ตามลำดับ)
รวม 8 เดือนแรก การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว1.0%
สำหรับการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค. - สค. 59) มีมูลค่ารวม 141,007 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -1.2%
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม125,624 ล้านเหรียญสหรัฐฯหดตัว -8.8% โดยการค้าเกินดุลทั้งสิ้น 15,384 ล้านเหรียญสหรัฐ
ี
BOJ มีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบายสู่ -0.2%จาก -0.1% ช่วง มค.2017
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)ได้กล่าวคำมั่นสัญญาว่า BOJจะเดินหน้าผ่อนคลายการเงินต่อไป “โดยไม่ลังเล” หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น และยังกล่าวว่าจะยังคงทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับร้อยละ 2.0
IfO ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนกันยายน โดยอยู่ที่ระดับ 109.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2014 จากระดับ 106.3 ในเดือนสิงหาคม ( ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนกันยายน อยู่ที่ระดับ 106.4)
วานนี้ ตลาดหุ้นจีน บวก 0.59% ตลาดหุ้นอินเดีย ลบ 0.25%
ตลาดหุ้นอเมริกาเฉลี่ยบวกเกือบ0.8 %
ตลาดหุ้นเยอรมันลบ 0.31 % S&P500 VIX ลบ 9.66%
Global Healthcare - 0.11% (- 9.08 % จากต้นปี )
หุ้นในกลุ่มร.พ:
(update ราคาทุกเย็นวันอังคาร)
สัปดาห์นี้ ราคาหุ้นในกลุ่มร.พ.หลายตัว มีภาพการฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจน หลังจากที่โดนขายออกมาอย่างหนักเมื่อต้นเดือนก.ย.นี้
AHC 37.75
BCH 12.4
BDMS 22
BH 177.5
CHG 2.70
CMR 5.25
EKH 6.1
KDH 100.50
LPH 9.20
M-CHAI 278
NEW 58
NTV 49
RAM 3250
RJH 22.4
SKR 53
SVH 359
TNH 39.75
VIBHA 2.86
VIH 9.15
*ข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาอัตราค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เกิดความยุติธรรมกับผู้บริโภคและช่วยให้การบริหารจัดการของ ร.พ.เป็นระบบระเบียบ มีธรรมภิบาลและจริยธรรมเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อทั้งผู้ใช้บริการและต่อร.พ.เอง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
(การลงทุนมีความเสี่ยง ข้อมูลที่สนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะกันไม่ถือว่าเป็นการชี้นำ ควรศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจโดยใช้วิจารณญาณของตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน )
*Link เพลงในยูทูป เป็นไปเพื่อความบันเทิง เพื่อเผยแพร่ยกย่องในเกียรติคุณและคุณภาพของเพลง มิได้เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้าหรือผลประโยชน์อื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
* โต๊ะน้ำชาฯไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ราคาค่ารักษาพยาบาลและราคาหุ้นแพงเกินจริง มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แต่มุ่งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารประสบการณ์ลงทุน เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซื้อและขายถูกจังหวะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
$$$$$ โต๊ะน้ำชาแฟนโรงพยาบาล ฿฿฿฿฿ SEP. 28 2016
ขอเชิญเพื่อนๆนักลงทุนและผู้ที่สนใจการลงทุนหุ้นในกลุ่มร.พ.มาสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะ แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเล่าประสบการณ์การลงทุนสู่กันฟังครับ
สถานการณ์ทั่วไป :
วานนี้หุ้นไทย ปิดลบ 0.05% ยังไม่สามารถทะลุ 1500 จุดกลับขึ้นไปได้ง่ายนัก มีแรงกดดันจากความวิตกกังวลต่อหุ้นธนาคารในยโรป Deutsche Bank ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งปรับกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ กรณีที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ซึ่งผลในระยะสั้น ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่ในระยะยาว น่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะเนื่องจาก Deutsche Bank เป็นธนาคารใหญ่สุดของเยอรมนี ซึ่งหากต้องจ่ายเงินค่าปรับจำนวนดังกล่าวจริง จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Deutsche Bank และส่งผลต่อเนื่องไปถึงเศรษฐกิจของยูโรโซนมากขึ้นไปอีก ปัจจุบันเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่ฟื้นตัวมาก(ดอยซ์แบงก์ โดนเรียกร้องค่าปรับจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในกรณีการขายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ส่งผลให้ล่าสุดหุ้นของ"ดอยซ์แบงก์"ร่วงลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และกระทบต่อกลุ่มสถาบันการเงินในยุโรปด้วย : ดอยช์แบงค์ ยูนิเครดิต และลอยด์แบงกิ้ง)
ข่าวบวกภายในประเทศ ได้แก่ ADB หรือธนาคารพัฒนาเอเชีย ปรับประมาณการ GDP ของไทยปีนี้จาก 3.0 เป็น 3.2% ส่วนปี 2560 คงคาดการณ์เดิมที่ 3.5% จากอานิสงส์ของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และแนวโน้มการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ดัชนีการส่งออกของไทย สค. 59 +6.5%y-y (ดีกว่าที่ Consensus คาดที่ -1%y-y )
กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือนส.ค. 59 การส่งออกมีมูลค่า18,825 ล้านเหรียญสหรัฐฯขยายตัว 6.5% ขณะที่ตลาดคาดส่งออกหดตัว-1.4% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 16,697 ล้านเหรีญสหรัฐฯ หดตัว -1.5% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนส.ค. 59 เกินดุล2,128 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยภาพรวมการส่งออกในเดือนส.ค. 59 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรยังคงหดตัวต่อเนื่องตามการลดลงของทั้งปริมาณการส่งออก และราคาสินค้าเกษตรสำคัญ เนื่องจากภาวะภัยแล้ง การชะลอตัวของอุปสงค์โลก และ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำตามทิศทางราคาน้ำมัน ในตลาดโลก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ลดลง-4.1% )
สินค้าสำคัญที่ลดลงได้แก่ยางพารา น้ำตาลทราย ข้าว และอาหารทะเลแช่แข็งกระป๋องและแปรรูปไม่รวมกุ้ง(ลดลง 31.9% 21.4% 8.0% และ1.9%
ตามลำดับ)แต่มีสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง (ส่งออกไปตลาดฮ่องกง อินโดนิเซีย และสหรัฐอเมริกา)
กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง (ส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และแคนาดา) เครื่องดื่ม (ส่งออกไปตลาดเวียดนาม พม่าและกัมพูชา)
ไก่แปรรูป (ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และ เนเธอรแลนด์) และ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (ส่งออกไปตลาดจีน ญี่ปุ่น และ อินโดนิเซีย)
รวม 8 เดือนแรก การส่งออกสินค้าเกษตร และ อุตสาหกรรมเกษตรหดตัว -5.9%
ส่วนภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้ง โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกยานยนต์ที่ขยายตัวในระดับสูง รวมทั้งการขยายตัวของภาคการก่อสร้าง และภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่โดยเฉพาะ CLMV โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 9.0% สินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้แก่ รถยนต์ และส่วนประกอบ ขยายตัว 40.4% (ส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และ อินโดนิเซีย)
เหล็ก เหล็กกล้า และ ผลิตภัณฑ์ ขยายตัว 44.5% (ส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น)
เครื่องปรับอากาศ และ ส่วนประกอบขยายตัว 25.0% (ส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย อินโดนิเซีย และ ญี่ปุ่น)
อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ ไดโอด ขยายตัว102.6% (ส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และ ญี่ปุ่น)
และผลิตภัณฑ์ยางขยายตัว 11.0% (ส่งออกไปสหรัฐอเมริกา จีน และ ญี่ปุ่น)
ในขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัวต่อเนื่อง ได้แก่ ทองคำ น้ำมันสำเร็จรูป โทรทัศน์ และ ส่วนประกอบเม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ และส่วนประกอบ
(หดตัว -45.6% -21.6% -18.7% -6.8% และ-1.3% ตามลำดับ)
รวม 8 เดือนแรก การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว1.0%
สำหรับการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค. - สค. 59) มีมูลค่ารวม 141,007 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -1.2%
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม125,624 ล้านเหรียญสหรัฐฯหดตัว -8.8% โดยการค้าเกินดุลทั้งสิ้น 15,384 ล้านเหรียญสหรัฐ
ี
BOJ มีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบายสู่ -0.2%จาก -0.1% ช่วง มค.2017
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)ได้กล่าวคำมั่นสัญญาว่า BOJจะเดินหน้าผ่อนคลายการเงินต่อไป “โดยไม่ลังเล” หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น และยังกล่าวว่าจะยังคงทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับร้อยละ 2.0
IfO ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนกันยายน โดยอยู่ที่ระดับ 109.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2014 จากระดับ 106.3 ในเดือนสิงหาคม ( ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนกันยายน อยู่ที่ระดับ 106.4)
วานนี้ ตลาดหุ้นจีน บวก 0.59% ตลาดหุ้นอินเดีย ลบ 0.25%
ตลาดหุ้นอเมริกาเฉลี่ยบวกเกือบ0.8 %
ตลาดหุ้นเยอรมันลบ 0.31 % S&P500 VIX ลบ 9.66%
Global Healthcare - 0.11% (- 9.08 % จากต้นปี )
หุ้นในกลุ่มร.พ:
(update ราคาทุกเย็นวันอังคาร)
สัปดาห์นี้ ราคาหุ้นในกลุ่มร.พ.หลายตัว มีภาพการฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจน หลังจากที่โดนขายออกมาอย่างหนักเมื่อต้นเดือนก.ย.นี้
AHC 37.75
BCH 12.4
BDMS 22
BH 177.5
CHG 2.70
CMR 5.25
EKH 6.1
KDH 100.50
LPH 9.20
M-CHAI 278
NEW 58
NTV 49
RAM 3250
RJH 22.4
SKR 53
SVH 359
TNH 39.75
VIBHA 2.86
VIH 9.15
*ข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาอัตราค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เกิดความยุติธรรมกับผู้บริโภคและช่วยให้การบริหารจัดการของ ร.พ.เป็นระบบระเบียบ มีธรรมภิบาลและจริยธรรมเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อทั้งผู้ใช้บริการและต่อร.พ.เอง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
(การลงทุนมีความเสี่ยง ข้อมูลที่สนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะกันไม่ถือว่าเป็นการชี้นำ ควรศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจโดยใช้วิจารณญาณของตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน )
*Link เพลงในยูทูป เป็นไปเพื่อความบันเทิง เพื่อเผยแพร่ยกย่องในเกียรติคุณและคุณภาพของเพลง มิได้เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้าหรือผลประโยชน์อื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
* โต๊ะน้ำชาฯไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ราคาค่ารักษาพยาบาลและราคาหุ้นแพงเกินจริง มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แต่มุ่งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารประสบการณ์ลงทุน เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซื้อและขายถูกจังหวะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา