อุทธาหรณ์ก่อนทำประกันสุขภาพกับ บ.สีบานเย็น ...กับโรคที่... ผมอาจไม่มีโอกาสกลับมาตอบความเห็นอีก

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกในพันทิพย์ทุกท่านครับ ผมเป็นสมาชิก และส่วนใหญ่ได้อ่านประสบการณ์ที่แย่มากเกี่ยวกับการทำประกันชีวิต แต่ด้วยความคิดที่ว่า มันคงไม่เจอกับตัวเรา หรือ... บางที คนทำประกันชีวิต ... อาจให้ร้าย บ.ประกันไปเอง จนวันนี้...

ผม....

เจอกับตัวเองครับ...

และมันหนักมาก มากเสียจน ผมจำเป็นต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมาทั้งน้ำตา ทุกตัวอักษรแปดเปื้อนไปด้วยร่องรอยบาดแผลแห่งความเจ็บใจ เสียใจ และแทบทรุดลงกับพื้นครับ

ผมไม่รู้ว่าการเขียนบทความนี้ จะได้รับการปัดหมุดไหม หรือว่าใครผิด หรือจะต้องได้รับความนิยม หรือแชร์หรือไม่ แต่ผมเขียนขึ้นเพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคแบบเดียวกับผม ซึ่งต้องอ่านเงื่อนไข และพิจารณาการทำประกันชีวิตให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นคุณอาจผิดพลาดเหมือนผมครับ

ณ ตอนเย็นวันหนึ่ง ของคืนวันที่ 19 ส.ค. ในระหว่างผมกำลังอาบน้ำด้วยความสุข หลังจากการออกกำลังกาย

สักพักหนึ่ง หัวใจของผมที่ปกติ อยู่ ก็เริ่มมีอาการเต้นรัวขึ้นมา มันเริ่มรัวและเร็วมากขึ้นจนผมประหลาดใจ

1.หัวใจขึ้น 200 กว่า รัวและเร็วมาก
2.แน่นหน้าอกและเจ็บหน้าอกขวาร้าวไปถึงไหล่

ตอนแรกนึกว่าจะหายเอง ปรากฎว่าไม่หายครับ รีบบอกคุณแม่พาส่ง รพ. และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ไม่หายจนถึงมือคุณหมอและทีม

ตอนนั้นมีความรู้สึกหวิว ในใจนึกแต่พระ แต่ไม่กังวลแม้ร่างกายเจ็บปวด เพราะคิดว่าเราเตรียมตัวเองไว้ดีแล้ว ทำพินัยกรรมแล้ว มีรายได้แบบ PI ไว้ให้ครอบครัวแล้วและเราเชื่อมั่นในทีมหมอ รพ.สิริกิติ์

ตอนถึงจุดแยกคน ผมปวดร้าวอกมาก และแอบคิดลึกๆนิดๆว่าอาจไม่ไหว ซึ่งไม่รู้ว่า มันจะไปจบตรงไหน ยอมรับว่าปวดจนร้องออกมา

ทีมคัดกรองมาดูอาการแล้ว รีบพาเข้าห้องฉุกเฉิน ได้ไปอยู่จุด CPR ด้วยแหล่ะ ^^

สักพักทั้งหมอพยาบาล 5-6 คนมารุมเต็มเลย หมอพยายามพูดว่าอย่าหลับน้า บก.บอกเลย ไม่หลับ ไม่รู้สึกว่าจะต้องหลับอะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่า มันวูบๆ แต่สติยังมั่น คิดอะไรได้ปกติ และรู้ตัวเองเสมอ

หมอตรวจคลื่นไฟฟ้า ทันทีพบว่า

1.หัวใจเต้นเร็วมาก และสูงกว่า 200 ครั้งต่อนาที (วัดได้ 241 ครั้งต่อนาทีแบบคงที่ ซึ่งเป็นอาการของโรค SVT)

สักพักคุณหมอตัดสินใจอะไรบางอย่าง โดยบอกว่าจะต้องฉีด (อะไรสักอย่าง) บก.ได้ยินหมอพูดว่า ต้องทำแล้ว! เดี๋ยวไม่ทัน!

ตอนนั้นผมรีบหันมาถามคุณพยาบาล ด้วยเสียงที่แทบจะพูดไม่ได้แล้วว่า ผมจะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม พยาบาลจับมือผมและบอกว่า ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวจะดีขึ้น

ตอนนั้นผมแอบน้ำตาซึมเหมือนกัน คือคิดว่าถ้าอีกสักพัก ผมอาจจะไม่ไหว ใจคิดว่าอยากให้แม่อยู่ใกล้ๆ กับพ่ออยู่ใกล้ๆ คือไม่ได้กลัวความตายนะ แต่แค่ให้อยากอยู่ใกล้ๆพอ

ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว พยายาลจับแขนบก. และบอกว่าเดี๋ยวจะฉีดยานะ ยานี้จะทำให้ใจหวิวมาก แตแป้บเดียวไม่เกิน 1 นาที ผมบอก พยักหน้า ในใจบอก (จัดเต็มไปเลย 555+)

พอฉีดปุ้บ พยาบาลยกแขนสูงเลย ตอนแรกไม่รู้สึกอะไร แต่พอสัก 5 วินาทีเท่านั้น ความรู้สึกเหมือนตกลงจากที่สูง แล้วมันทรมานมาก แต่พูดไม่ออก

วินาทีนั้น ผมได้ยินเสียงของ เครื่องวัดหัวใจหยุดทำงานไปประมาณ 3 วิ คงหมายถึงหัวใจหยุดเต้นไป

จากนั้น!

กลับมาใหม่ แต่ไม่หาย...

หมอๅกระซิบกันแต่ผมได้ยิน "เอาไงวะ! ไม่หาย" ผมสบตาพยาบาลอีกครั้ง แกกุมมือผมแน่นเลย บอก ไม่เป็นไรๆ

สักพัก ผมโดนอีกเข็ม คราวนี้พยาบาลบอกว่า จะแรงกว่าครั้งที่แล้วนะ กัดฟันอดทนไว้

ผมพร้อม ตอนนี้พร้อมทุกอย่าง จัดมาเลย!

ปึ้ดดดด ฉีดครั้งที่สอง คราวนี้มาจริง ความรู้สึกว่าคนเราใกล้จะตายน่าจะเหมือนเข็มที่สอง คือมันวาบไปทั้งตัว คือถ้าคุณอาจเรี่ยราดตอนนั้นได้เลย

ยอมรับว่าทรมานมากๆ

เสียงเครื่องวัดหัวใจ หายไปประมาณ 4-5 วินาที ตอนนั้นผมเหมือนจะหมดสติเลย รู้เลยว่ามันเหมือนมาก เหมือนตกจากตึกสูงยาวนาน

สักพักหัวใจดังขึ้นอีกครั้ง

ได้ยินเสียงพยาบาลพูดว่า มาแล้ว! กลับมาแล้ว ปกติแล้ว! ไม่เป็นไรแล้ว และผมก็ได้ยินเสียงหัวใจดังเช่นนั้นเหมือนกัน

ผมกลับมาแล้วครับ

การยื้อกันระหว่างทีมมัจจุราชและทีมคุณหมอ ครั้งนี้ทีมคุณหมอชนะ ^^

เมื่ออาการกลับมา ครั้งแรกคือหนาวมมาก เหมือนอยู่ในหิมะเลย พยาบาลนำผ้ามาคลุม พร้อมกับให้นอน ระหว่างนั้นมีคุณหมอ คอยเรียกว่า อย่าหลับนะ เสมอๆ

ที่สุดผลตรวจ ต้องให้ผมรอพัก อ.หมอด้านหัวใจวันจันทร์ และหากมีอาการอีกครั้งให้รีบมาทันที ไม่ต้องรอ (เหมือนครั้งนี้)(ตรงนี้ขอชื่นชมกับทีมหมอ รพ.สิริกิติ์ มากๆครับ เป็นมืออาชีพและช่วยผมไว้ได้ด้วยหัวใจของแพทย์และพยาบาล)

และนั่นคือ คืนวันที่ 19 ส.ค. และผมแอบเห็นหมอเขียนลงในผลตรวจว่า SVT ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คุณหมอเริ่มต้นวินิจฉัย หลังจากนั้น 3 วัน ผมเข้าตรวจที่ รพ.กxxx  เพื่อวินิจฉัยอาการอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 22 ส.ค.

และใช้เวลาเพียงไม่เกิน 30 นาที คุณหมอฟันธง ณ ตอนนั้น คือผมเป็นโรค SVT ซึ่งต้องรีบทำการรักษา หากปล่อยไว้จะเป็นอันตราย โดย คชจ.ประเมินคือ 380,000 บาท!

แน่นอนครับ 380,000 บาท!!! มันเยอะมาก สำหรับคนชนชั้นรากหญ้าอย่างผม! แต่... ผมมีประกันสุขภาพนี่ ไม่เป็นไรยังไม่เคยใช้ เราสามารถใช้ได้ ในกรมธรรม์ และตัวแทนแจ้งว่า หากเราเจ็บป่วยหลังจากประกัน 30 วัน ก็สามารถรักษาได้เลย

ผมจึงเริ่มใช่สิทธิ์ และทุกอย่าง ควรราบรื่น?

แต่...

"เดี๋ยว ทาง รพ. ขอส่งทำเรื่องประเมินการเคลมก่อนนะคะ" เสีย จนท.การเงินดังขึ้น เนื่องจากผมไม่เคยป่วยหนักมาก่อน เลยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ก็เลยคิดว่ารออย่างเดียวคงจบ

แต่เดี๋ยวก่อน!..

"ต้องรออีก 1-2 วันนะคะ ถึงจะทราบผล" จนท.แจ้งแต่ ผมรอได้ครับ ไม่มีปัญหา... แต่หลังจากนั้นเกิดปัญหามากมาย ทั้งการติดต่อส่งเรื่องจาก รพ.และ การรับเรื่องจากทาง บ.สีบานเย็น

ผมเหมือนโดนเตะถ่วง

ผมเหมือนโดนลอยแพ

เพราผมต้องตาม โทรถาม ทวง และอื่นๆ กับทั้ง รพ.กxxxx และ บ.สีบานเย็น เพื่อขอทราบผล ทั้งสองต่างโยนเรื่องให้กันและกัน จนถึงวันที่ 6 ก.ย.!!! ถึงทราบผล

เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ากลางอก! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง และ จนท. รพ.โทรมาแจ้งว่า "ประกันของคุณไม่คุ้มครองนะคะ เนื่องจากโรคเป็นมาแล้วก่อนการทำประกัน!"

เป็นมาก่อนทำประกัน?

เป็นอะไรครับ เป็นโรค SVT หรือครับ ผมเนี่ยนะครับเป็นโรค SVT ก่อนทำประกัน

ผมยอมรับว่าผมให้เอกสารทุกตัวไป ตอนที่ทางประกันสอบถาม เพราะตลอดตั้งแต่ปี 2013 ผมเข้า รพ.มา ผมเคยมารักษาอาการ น๊อกกาแฟ ใจสั่น เพราะผมแพ้กาแฟ อยู่เนืองๆ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับโรค SVT นะครับ ทำไม ประกันสามารถวินิจฉัยได้ว่าผมเป็นโรคได้

เธอวางสายลงพร้อมกับ ความมึน งง ของผม

ผมใช้สิทธิ์ไม่ได้ ผมทำประกันกับ บ.สีบานเย็น แต่ใช้สิทธิ์ไม่ได้! แล้วผมทำประกันไปทำไม! ผมเหมือนโดนหลอก โดนลวง โดนทุกอย่าง บางทีอาจเป็นโรคที่ได้รับการยกเว้น ว่าต้องไม่เป็นใน 2 ปีแรก

แต่...

ผมอายุ 33 ปี ทำงานเป็น freelance และไม่เคยตรวจเจอว่าเป็นโรค svt แถม เวลาไปรักษาโรค หมอยังแจ้งว่าผมสุขภาพดี หัวใจผมอัลตร้าซาวยืนยันว่าสุขภาพดีมาตั้งแต่ก่อนทำประกันสุขภาพ

แต่ตอนนี้ มันจบแล้วครับ! บ.สีบานเย็นเอาเท้าถีบหัวผมออกมา จากสิทธิ์ทุกประการ แกมันคนชั้นนอก แกมันแค่ลูกค้ากระจอก ออกไปจาก บ.ชั้นซะ! แกมันซวยเอง เป็นโรค SVT

ผม"

แพ้ครับ! แพ้หมดรูป! ผมจึงได้มาเขียนบทความนี้ และขอสรุปสิ่งที่น่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลที่ผมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กับโรคที่ บ.สีบานเย็นฟันธงให้ว่า เป็นมาตลอดชีวิต!

ขอบคุณกับ การถีบลูกค้าที่เคยรักและภักดีกับคุณมากเลยครับ บ.สีบานเย็น

สิ่งที่ผมสรุป และคิดว่ามันอาจเป็นข้อมูลที่ดีของผู้อ่านบทความผม
1.ถ้าผมรู้ว่าตนเองเป็นโรค SVT มาก่อนทำประกันสุขภาพ ผมคงไม่ทำประกันสุขภาพ และผมคงไม่รอมาอีก 1 ปีกว่าเพื่อทำการรักษาแน่นอน
2.อาการป่วยที่เกิดขึ้น ไม่มีตรงไหนระบุว่าเป็น SVT ทั้งจาก โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา หรือ โรงพยาบาลสิริกิติ์ จนถึงวันที่ 19 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ผมตรวจและหมอเขียนบันทึกลงไปในเอกสารว่า ผมเป็น SVT
3.ผมคิดว่า ผมอาจผิดพลาด ที่ไม่ฟังคำทัดทานของ คนรอบข้างว่าห้ามทำประกันชีวิตกับ บ.สีบานเย็น
4.ผมมันผิดเองครับ และเป็นผู้บริโภคโง่ๆคนหนึ่ง ที่ต้องจ่ายเงินให้คุณไปฟรีๆ โดยไม่สามารถเคลมอะไรได้เลย
5.ผมทำประกันก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปี ซึ่งอาจจะไม่เข้าข่ายการรักษาเพราะต้องรอ 2 ปี ซึ่งต่อให้ถึงสองปีแล้วตรวจเจอโรค บ.สีบานเย็นก็จะแจ้งว่าโรคของคุณเป็นมาก่อนเช่นเดิม

ผมหวังว่า ใครที่เป็นโรคแบบผม คือ SVT หรือกำลังจะเป็นโรคแบบผม คุณต้องสุ่มและแจ้งทาง บ.ประกันด้วยนะครับ โดยเฉพาะบ.ประกันสีบานเย็น ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเจอเคสแบบเดียวกับผม

ตอนนี้ผมขอเก็บเงินให้มากที่สุด ขายทุกสิ่ง จำนำทุกอย่างเพื่อรักษาโรค SVT ครับ... T T

ผมไม่แน่ใจว่า จะได้กลับมาเขียนตอบไหม และหวังว่าการรักษาผมคงทันท่วงที

ขอบคุณ

ขอบคุณ...
และ ขอบคุณ ทุกคนที่ฟังความในใจผมนะครับ สำหรับท่านที่ไม่เห็นด้วยและอาจท้วงติงผม ผมขอน้อบรับนำไปแก้ไขข้อผิดพลาด แต่สำหรับท่านที่กำลังจะเป็นเหมือนผม จงระวังนะครับ

ขอให้ได้พบกัน และมีโอกาสมาตอบกระทู้นี้อีกครั้ง...
จิตคารวะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่