รสชาติความลำบากในชีวิตน่ะเหรอ ที่ผ่านมาน่ะ เบบี๋เลยจ้ะ
เราเป็นนักเรียนภาษา เพื่อนชวนมาเรียน ชีวิตไม่คิดมากเพื่อนชวนก็ไป เหมือนชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวปากซอย
เฮ้ยไปก็ไปดิ
ก่อนมาถึงญี่ปุ่น เพื่อนที่ชวนบอกว่า ฝากงานไว้ให้แล้ว อยู่โรงงานทำเบนโตะ ฮันล่ะ โก้เก๋
คนทำกับข้าวได้ ก็ต้องทำงานแบบนี้ล่ะ ไอเราก็มโนไปถึงเซตเบนโตะฟูจิ ยาโยอิ กล่องข้าวหลายๆช่อง มีกับข้าว มีเครื่องเคียง น่ารักจุ๋งจิ๋ง ผัดๆ ทอดๆ ย่างๆ หวานๆเลยงานนี้ สบายล่ะ
พอมาถึง เข้าช่วงหน้าหนาวพอดี คนญี่ปุ่นไม่ค่อยกินข้าวนอกบ้านกัน เบนโตะจะขายดีช่วงเข้าใบไม้ผลิ ถึงฤดูร้อน ซื้อไปกินใต้ต้นซากุระ กลีบดอกปลิวไหวๆ ทำนองนั้น
หน้าหนาวยอดขายเลยน้อย เราก็ยังคงตั้งตารอวันที่ได้ทำเบนโตะ!!! งานที่เรารัก ประเทศนี้ต้องการยอดฝีมืออย่างเราเป็นแน่แท้ วะฮร่ะๆ
ผ่านลมหนาวอันแสนโหดร้าย เข้าช่วงใบไม้ผลิ ชีวิตแสนดี อยากจะไปวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฮอกไกโดเหลือเกิน แต่ช้าก่อน!! โอกาสดีๆแห่งชีวิตมาถึงแล้ว
โรงงานเบนโตะอันเป็นที่รักของเรา อ้าแขนรออย่างอบอุ่นอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องดิ้นรน นายหน้ามาหาถึงโรงเรียน จอดรถรอพร้อมยื่นใบสมัครให้อย่างเต็มใจ แหม่ คนคุณภาพอะเนอะ ว่าไงได้
จากค่าแรงชั่วโมงละ850เยน ที่ได้รับจากงานที่แรกของเรา ที่นี่จัดให้เลย ชั่วโมงละ1000เยน ทำ10ชั่วโมงรับเลย 10000เยน หรือ 3500บาท 10วัน35000บาท 20วัน70000บาท เอาล่ะเหวยๆ 10เดือน700000 บร๊ะ!! ไม่ต้องกดเครื่องคิดเลขเลย วิ้งๆๆ ชีวิตดีๆหาได้ที่ญี่ปุ่นนี่เอง
ก่อนทำงานมีจัดทริปเล็กๆ เพื่อเข้าชมภายใน เพื่อให้เห็นส่วนต่างๆของโรงงาน
ทุกคนสวมเครื่องแบบเหมือนกันหมด ชุดจะปิดทุกส่วนของร่างกาย เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมลงไปในอาหาร เห็นกันแต่ลูกกะตา แต่ทุกคนเก่งมาก เพราะเห็นแต่ลูกกะตาก็จำกันได้ว่าใครเป็นใคร เรานี่ตึ้บเลย ไม่เท่านั้น เห็นแต่ลูกกะตา แต่แต่งหน้ากันจัดเต็ม ไม่ว่าสาวหรือแก่ ทำให้เรายิ่งงงหนักเลย สวยเฉพาะลูกกะตา ก็ได้เหรอ?
เรามาเข้าใจเอาช่วงท้ายๆของการทำงานแล้ว ว่าที่ทุกคนแต่งหน้าจัดเต็มทุกวันนั้น ก็เพราะว่าชีวิตเกือบทั้งหมดของพนักงานมันอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ กลับบ้านไปเหนื่อย นอนหลับ เอาแรง กลับมาสู้ใหม่วันรุ่งขึ้น ถ้าไม่แต่งหน้ามาทำงาน ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเองสวยๆเลย
กลับมาที่เบนโตะของเราค่ะ คุณผู้โชมม
ภาพเบนโตะ ในมโน กับ เบนโตะ ของจริงที่อยู่ตรงหน้าช่างแตกต่าง ถ้วยนับร้อยนับพันไหลตามราง คนที่ยืนข้างรางจับวัตถุดิบโยนใส่อย่างว่องไวเป็นจังหวะ ราวกับหุ่นยนต์ ถ้าเปิดEDM คงตรงจังหวะพอดี
โรงงานนี้ คือโรงงานผลิตอาหารกล่องเมนูเส้นแบบญี่ปุ่น ยิ่งใหญ่อลังการ เอาวะ มาถึงจุดนี้ จะข้าวจะเส้นก็ลุยล่ะวะ ใจสู้เหรอ? เปล่าาา ค่าเทอมมันแพง 555555
เราถูกบรรจุเข้าแผนก Topping ญี่ปุ่นเค้าเรียก ท็อปปิ้งกุ คือแผนกจัดหน้าอาหารนี่แหละ มีไลน์ผลิตทั้งหมด8ไลน์ นึกภาพสายพาน8เส้น เรียงๆกัน แล้วมีคนยืนตามสายพานนั่นแหละ
ต้นรางนู่นส่งถ้วย คนถัดมาโยนเส้นใส่เข้าไป คนต่อไปราดซุป เอ้าไอนั่นโยนหมูเข้าไปแล้ว เห้ยต้นหอมอยู่นี่ หมุบหมับๆๆ ปลายรางได้ราเม็ง1ถ้วย 1รางจะมีคนยืนประมาณ20คนได้ หน้าที่แตกต่างกันไป แต่ละคนจะมีชื่อติดอยู่ที่บอร์ดกำกับว่าอยู่ไลน์ไหน ทำหน้าที่อะไร ก่อนทำจะมีรูปไหลมาตามรางให้ทุกคนได้ดูหน้าตาอาหาร ว่าต้องใส่อะไรตรงไหน ปริมาณเท่าไหร่ เช่น คิมเบอร์รี่ ไลน์B2 ไข่ คิมเบอร์รี่ก็ต้องไปหาไข่มาเตรียมยืนรอประจำที่ พอรูปไหลมา ไข่วางเฉียงเหนือหมูชาชูไป45องศา มิยาบิ C1 ใส่ไส้กรอก มิยาบิไปหาไส้กรอกที่เค้าเตรียมไว้มารอ ไส้กรอกอยู่ข้างหอย ล่างไข่เยื้องๆไป ไรงี้
ดูเหมือนงานง่ายๆ แค่จัดของลงถ้วย แต่เราทำเมนูหนึ่งเฉลี่ย 5000-6000ถ้วย อาจมีน้อยกว่านั้น หรือมากกว่านั้นในบางรายการ เพราะฉะนั้น คิมเบอร์รี่ยืนขว้างไข่ไป6000ครั้ง อาจกินเวลาถึง2ชั่วโมงในการยืนนิ่งๆ พร้อมสเตปควักไข่ ขว้างไข่ไป ใส่ไม่ทัน ใส่ไม่สวย ต้องกลับมาทำใหม่ ซึ่งต้องทำทั้งทีมเสียเวลา อาจต้องพักกินข้าวช้าไปอีก กลับบ้านช้าไปอีก งานที่แผนกนี้ ไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้านนะคะ
เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า เหมือนประหนึ่งโรงงานอยู่ข้างหลุมดำ ที่ทำให้เวลาช้ากว่าส่วนอื่นๆบนโลก เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแต่ละที บางครั้งก็ผ่านไปแค่15นาที บางครั้งผ่านไป5นาที แต่เรารู้สึกเหมือนเนิ่นนานกว่านั้น
เราร้องเพลง คุยกับตัวเองเพื่อลดความตึงเครียด พอช่วยได้บ้าง หนักๆเข้าถึงกับถามตัวเองว่า "นี่กูมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย" คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ เฮ้ยร่างกายคนเราไม่เหมือนกันปะวะ เฮ้ยป้าคนนั้นจะ60แล้วนะ อย่าอ้างเลย คือถามตอบอยู่คนเดียวอยู่แบบนั้น รางเตี้ย เราสูง จึงต้องอยู่ในท่าก้มตลอดเวลา
เคยยืนต่อเนื่องกันนานที่สุดกี่ชั่วโมง? เราเคยยืนทำอีเว้นท์3-4ชั่วโมง รู้สึกว่านานมากกก ปวดขาและเมื่อยมาก ลืมจุดๆนั้นไปเลยค่ะ ณ ที่นี่ แทบไม่ได้เดินด้วยซ้ำ เท้าจะระบม น่องจะปวดร้าว ขาจะตรึงเปรี๊ยะ ไหนจะคออีก สวัสดี ชีวิตดีๆที่ญี่ปุ่น ฮายยย...
เราทำได้2วัน สิริรวม 16 ชั่วโมง ก็ถอดใจ ออกคือออก สภาพร่างกาย จิตใจ พังทั้งหมด ทำ2วัน แต่อยากจะนอนนิ่งๆอีกเป็นอาทิตย์ ปวดร้าวทั้งตัว ไม่อยากไปเรียน ไม่อยากทำงาน อยากเป็นผักเท่านั้น นอนนิ่งๆเป็นผักเท่านั้น!!!
สวรรค์มีตาค่ะคุณขา นายหน้าเปลี่ยนแผนกให้ แทนที่จะให้ออกตามที่ขอ ชีวิตของนักย่างหมูในตำนานจึงกำเนิดขึ้น
เราไปย่างหมูฉ่ำซอสที่ไว้แปะหน้าโซบะแบบแห้ง งานไม่มีอะไรยุ่งยาก หมูเค้าสไลด์มาบางเฉียบ แต่มันติดกันเป็นปึกๆเพราะแช่แข็ง เราต้องมาคลี่มันออกทีละแผ่น พร้อมขึงใส่ถาด ราดซอส ก่อนเข้าเตาอบ เราชอบเตาอบมาก อยากเอาไปเล่นที่บ้าน แค่เอาถาดวาง มันก็จะค่อยๆไหลไปช้าๆ เข้าส่วนให้ความร้อน 2นาทีได้ ถาดก็จะไปถึงทางออก หมูชุ่มซอสหอมกรุ่นก็สุกพอดี ชีวิตดีๆที่เตาย่างหมู
เวลาของที่นี่ผ่านไปไวมาก เหมือนเราออกห่างจากหลุมดำได้แล้ว กิจกรรมมีให้ทำเยอะกว่าท็อปปิ้งกุ ได้ล้างถาด เดินล้างพื้น ล้างโต๊ะ หั่นหมูที่ย่างสุกแล้ว ใส่ซอสลงไปคลุกอีกรอบ ร่างกายได้เคลื่อนไหวแบบคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ ถึงจะร้อนหน่อย แต่ก็เอาวะ ท่องดิ ค่าเทอมๆๆ
ทว่า ไม่นานนัก แผนกย่างหมูมีเจ้าที่ประจำ คือเด็กเวียดนาม ด้วยงานสบายไม่หนักมาก เรามาทำได้ก็ต่อเมื่อเค้าลางานเท่านั้น โถ่ หมูของพี่ o(╯□╰)o
ย้ายอีกแล้วค่ะ ไปแผนกผัก แผนกนี้เย็นสบาย แหม่ เหมาะเหม็ง คนทำกับข้าวกับงานผัก ของกล้วยๆ แผนกผักมีทั้งล้าง หั่น ตัดแต่ง บด คัดเลือก งานล้างสบายที่สุด แต่การอยู่กับน้ำเป็น10ชั่วโมง ในอุณภูมิห้อง20องศาก็หนาวเย็นไม่หยอก งานตัดแต่ง เหมือนจะง่าย แต่ลังผักน้ำหนัก10-15กิโลที่ซ้อนกัน5-6ชั้น เราต้องยกลงมาทำเอง ไม่แข็งแกร่งจริงต้องยอมนะ แต่อย่างว่าไง เราไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ยกก็ยกวะ เค้าเสียเงินเล่นเวทกัน นี่ฉันไงยกเวทได้เงิน ว่ออออ
ส่วนงานที่น่าเบื่อมากกกก คืองานคัดเลือก กระหล่ำปลีที่ผ่านเครื่องหั่นพร้อมล้างเสร็จแล้วต้องนำมาเลือกเอาใบไม่สวยและแกนแข็งๆออก แหม่ 500กิโล มีเวลา2-3ชั่วโมงงี้ เราถึงขั้นเลิกกินกะหล่ำปลีไปพักใหญ่เลย กลิ่นที่ต้องดมตลอด10ชั่วโมง คิดดูละกัน
กลับมานอนกลิ่นกะหล่ำปลียังติดจมูกอยู่เลยยคุณขาา
แผนกผักฝึกให้เรามีเทคนิคในการเลือกผัก การใช้มีด การหั่นผักแบบต่างๆ ผู้คนใจดี ลุงบราซิลคอยช่วยเรายกลังผักบ่อยๆค่าแรงเท่ากัน เค้าทำงานหนักขึ้น แต่ยอมช่วยเราทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยหัวหน้าสาวหั่นผักมือไวแบบมองแทบไม่ทัน ซอยหอมแบบกลัวนิ้วก้อยจะหลุดเข้าไปด้วย เทพมาก เราจำเค้าได้เพราะกรีดไลน์เนอร์หนาแทบกลบลูกกะตา หนา8เมตร หนาชนิดที่อยู่ไกลกัน10เมตรก็รู้ว่าใคร โดยไม่ต้องเปิดหน้า ที่แซ่บกว่านั้นคือ เจอกันตอนเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน นางคือสาวผมบลอนด์เจาะหูข้างละ5รู แต่งตัวแบบพังค์ร็อค โอ้ววว หัวหน้าของฉัน แซ่บเฟร่อออ...
ถ้าถามถึงคนที่ย้ายไปทำนู่นนี่บ่อยๆ ก็ต้องมีเราติดโผแน่นอน ไม่ใช่แค่ผัก เรายังเคยไปทอดเทมปุระ ไปช่วยเก็บผักทอดลงถาด ทอดแป้งกรอบ พวกตระกูลทอดนี่เราบอกเลย นี่คือสถานที่ซ้อมตกนรก ก็คิดดูว่า เครื่องทอดใส่น้ำมันเป็นร้อยลิตร อุณหภูมิรอบๆจะขนาดไหน เครื่องทอดคล้ายเครื่องอบหมูเรายืนอยู่ส่วนแรกของเครื่อง โยนของใส่ลงไปในน้ำมัน รางจะพาของทอดลอยตุ๊บป่องไปท้ายรางสะเด็ดน้ำมันเอง หล่นตุ๊บใส่กล่องรวมกัน
มีครั้งหนึ่งได้ไปตอกไข่ออนเซ็น ที่เผลอหลุดปากไปว่า งานง่ายแบบนี้ ตอกทั้งคืนยังไหว เอ้า แค่ตอกไข่ คุณขาาา ตอกไข่ชั่วโมง350บาท นักเรียนก็ปลื้มสิคะเลยโดนไป คืนนั้น10000ฟอง ตอกไปด่าไป เมื่อไหร่จะหมดซักที ทำไข่เค้าพังไป500ฟอง เค้าเลยไม่ให้กลับไปตอกอีกเลย55555 จบ!!!
แผนกสุดท้าย เราไปอยู่แผนกอนามัย งานง่ายมาก แค่กลิ้งฝุ่นให้ทุกคนที่เข้าทำงาน อาวุธคู่กายคือลูกกลิ้งกาว กลิ้งไปตามเสื้อผ้าของทุกคน งานแผนกนี้ทำให้เรารู้จักคนเยอะขึ้นมาก ได้คุยกับคนหลากหลายสัญชาติ บราซิล ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ อินโด อินเดีย พม่า เวียดนาม ญี่ปุ่น แล้วต้องลงไปกลิ้งขณะเพื่อนทำงานด้วย เท่ากับว่าทุกตารางนิ้วของที่นี่เราไปชมมาหมดแล้ว
แผนกที่เราชอบมากที่สุดคือแผนกโซเม็ง คือแผนกทำเส้น โรงงานนี้ผลิตเส้นเองเกือบทุกชนิด ทั้งโซบะ ราเม็งแบบต่างๆ อุด้ง มันตื่นตามาก
ส่วนนี้จะแบ่งเป็น3ชั้น ชั้นบนสุด จะชั่งแป้งเทแป้งใส่เครื่อง ส่วนผสมทั้งหมดจะไหลลงมาที่เครื่องผสม เครื่องจะตีๆๆๆทุกอย่างให้เข้ากัน ลงมาที่ชั้น2 แล้วมานวดๆๆๆๆ เครื่องนวดๆๆๆไปพอเข้ากัน แป้งจะไหลมาที่เครื่องรีดเส้น แป้งจะถูกรีดให้บางลงๆๆ 4-5สเตป บางลงเรื่อยๆ สุดท้ายรีดผ่านใบมีด ตัดออกมาเป็นเส้น ล่งปุ๊ไปชั้นล่างสุด ชั้นสุดท้ายเป็นเครื่องต้มเส้น ลวกเส้น เส้นที่ได้จากชั้นบน จะมาที่เครื่องนี้ เมื่อสุกตามเวลาจะไหลตามรางไปที่แผนกtopping ซึ่งจะมีคนถือถ้วยรอรับเส้นอยู่ที่ปลายทาง พร้อมใส่หมูใส่ผักใส่ไรต่อไป
มิตรภาพที่ผ่านความยากลำบากด้วยกัน ทำให้ เกิดความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ป้าที่ทอดเทมปุระด้วยกันเล่าว่า 3ปีก่อน หอบเงินเยนไปแลกเงินบาทไป3ล้านกว่าๆ ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน เงินยังเหลือเก็บ นี่คือเหตุผลที่ทุกคนทนทำงานที่นี่ แม้ว่าจะโคตรสาหัส ทุกคนบ่น แต่พอผ่านไป ก็ยังมาทำงานในวันรุ่งขึ้น บางคนเวลาไปกลิ้งฝุ่นให้ ชอบบอกให้กลิ้งแรงๆ นานๆ คือเหมือนการนวดไหล่ไปในตัว เราเลยแถมบีบนวดให้หลายครั้ง เราเข้าใจดีว่ามันปวดขนาดไหน เข้าใจลึกซึ้งเลยแหละ
ที่นี่มันเหมือนโรงละครแห่งความฝัน ใครมาใหม่ๆพูดภาษาไม่ได้ก็มุ่งหน้าเข้าโรงงาน ต่อให้หลายคนพูดคล่องก็ยังไม่ไปไหน ด้วยชั่วโมงงานที่ยาวนานกว่าที่อื่น
ชีวิตมันไม่ง่ายเลย แต่ไม่ใช่แค่เราที่ต้องสู้ คนอื่นก็สู้เหมือนกัน ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือหลังตี3 เราเลิกงาน ปั่นจักรยานกลับบ้านภายใต้ความมืด บางคืนมีแสงจากพระจันทร์จากดาวให้คอยมอง เราสูดหายใจลึกๆแล้วคิด เอาวะ อย่างน้อยก็ยังมีลมหายใจอยู่ คิดมาตลอด มาเข้าคอสลดน้ำหนักแบบได้เงิน ทำไปสิ!!!
เพลงมา บนทางเดิน แห่งความฝันนี้ อาจไม่มีพรมแดงปูทางง~ #ชีวิตสาวโรงงานครั้งแรก
#ญี่ปุ่นครั้งแรก
www.facebook.com/nihonfirstime
ชีวิตติดเส้น เรื่องราวครั้งแรกของการท่องโลกโรงงานในญี่ปุ่น!!!
เราเป็นนักเรียนภาษา เพื่อนชวนมาเรียน ชีวิตไม่คิดมากเพื่อนชวนก็ไป เหมือนชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวปากซอย
เฮ้ยไปก็ไปดิ
ก่อนมาถึงญี่ปุ่น เพื่อนที่ชวนบอกว่า ฝากงานไว้ให้แล้ว อยู่โรงงานทำเบนโตะ ฮันล่ะ โก้เก๋
คนทำกับข้าวได้ ก็ต้องทำงานแบบนี้ล่ะ ไอเราก็มโนไปถึงเซตเบนโตะฟูจิ ยาโยอิ กล่องข้าวหลายๆช่อง มีกับข้าว มีเครื่องเคียง น่ารักจุ๋งจิ๋ง ผัดๆ ทอดๆ ย่างๆ หวานๆเลยงานนี้ สบายล่ะ
พอมาถึง เข้าช่วงหน้าหนาวพอดี คนญี่ปุ่นไม่ค่อยกินข้าวนอกบ้านกัน เบนโตะจะขายดีช่วงเข้าใบไม้ผลิ ถึงฤดูร้อน ซื้อไปกินใต้ต้นซากุระ กลีบดอกปลิวไหวๆ ทำนองนั้น
หน้าหนาวยอดขายเลยน้อย เราก็ยังคงตั้งตารอวันที่ได้ทำเบนโตะ!!! งานที่เรารัก ประเทศนี้ต้องการยอดฝีมืออย่างเราเป็นแน่แท้ วะฮร่ะๆ
ผ่านลมหนาวอันแสนโหดร้าย เข้าช่วงใบไม้ผลิ ชีวิตแสนดี อยากจะไปวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฮอกไกโดเหลือเกิน แต่ช้าก่อน!! โอกาสดีๆแห่งชีวิตมาถึงแล้ว
โรงงานเบนโตะอันเป็นที่รักของเรา อ้าแขนรออย่างอบอุ่นอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องดิ้นรน นายหน้ามาหาถึงโรงเรียน จอดรถรอพร้อมยื่นใบสมัครให้อย่างเต็มใจ แหม่ คนคุณภาพอะเนอะ ว่าไงได้
จากค่าแรงชั่วโมงละ850เยน ที่ได้รับจากงานที่แรกของเรา ที่นี่จัดให้เลย ชั่วโมงละ1000เยน ทำ10ชั่วโมงรับเลย 10000เยน หรือ 3500บาท 10วัน35000บาท 20วัน70000บาท เอาล่ะเหวยๆ 10เดือน700000 บร๊ะ!! ไม่ต้องกดเครื่องคิดเลขเลย วิ้งๆๆ ชีวิตดีๆหาได้ที่ญี่ปุ่นนี่เอง
ก่อนทำงานมีจัดทริปเล็กๆ เพื่อเข้าชมภายใน เพื่อให้เห็นส่วนต่างๆของโรงงาน
ทุกคนสวมเครื่องแบบเหมือนกันหมด ชุดจะปิดทุกส่วนของร่างกาย เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมลงไปในอาหาร เห็นกันแต่ลูกกะตา แต่ทุกคนเก่งมาก เพราะเห็นแต่ลูกกะตาก็จำกันได้ว่าใครเป็นใคร เรานี่ตึ้บเลย ไม่เท่านั้น เห็นแต่ลูกกะตา แต่แต่งหน้ากันจัดเต็ม ไม่ว่าสาวหรือแก่ ทำให้เรายิ่งงงหนักเลย สวยเฉพาะลูกกะตา ก็ได้เหรอ?
เรามาเข้าใจเอาช่วงท้ายๆของการทำงานแล้ว ว่าที่ทุกคนแต่งหน้าจัดเต็มทุกวันนั้น ก็เพราะว่าชีวิตเกือบทั้งหมดของพนักงานมันอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ กลับบ้านไปเหนื่อย นอนหลับ เอาแรง กลับมาสู้ใหม่วันรุ่งขึ้น ถ้าไม่แต่งหน้ามาทำงาน ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเองสวยๆเลย
กลับมาที่เบนโตะของเราค่ะ คุณผู้โชมม
ภาพเบนโตะ ในมโน กับ เบนโตะ ของจริงที่อยู่ตรงหน้าช่างแตกต่าง ถ้วยนับร้อยนับพันไหลตามราง คนที่ยืนข้างรางจับวัตถุดิบโยนใส่อย่างว่องไวเป็นจังหวะ ราวกับหุ่นยนต์ ถ้าเปิดEDM คงตรงจังหวะพอดี
โรงงานนี้ คือโรงงานผลิตอาหารกล่องเมนูเส้นแบบญี่ปุ่น ยิ่งใหญ่อลังการ เอาวะ มาถึงจุดนี้ จะข้าวจะเส้นก็ลุยล่ะวะ ใจสู้เหรอ? เปล่าาา ค่าเทอมมันแพง 555555
เราถูกบรรจุเข้าแผนก Topping ญี่ปุ่นเค้าเรียก ท็อปปิ้งกุ คือแผนกจัดหน้าอาหารนี่แหละ มีไลน์ผลิตทั้งหมด8ไลน์ นึกภาพสายพาน8เส้น เรียงๆกัน แล้วมีคนยืนตามสายพานนั่นแหละ
ต้นรางนู่นส่งถ้วย คนถัดมาโยนเส้นใส่เข้าไป คนต่อไปราดซุป เอ้าไอนั่นโยนหมูเข้าไปแล้ว เห้ยต้นหอมอยู่นี่ หมุบหมับๆๆ ปลายรางได้ราเม็ง1ถ้วย 1รางจะมีคนยืนประมาณ20คนได้ หน้าที่แตกต่างกันไป แต่ละคนจะมีชื่อติดอยู่ที่บอร์ดกำกับว่าอยู่ไลน์ไหน ทำหน้าที่อะไร ก่อนทำจะมีรูปไหลมาตามรางให้ทุกคนได้ดูหน้าตาอาหาร ว่าต้องใส่อะไรตรงไหน ปริมาณเท่าไหร่ เช่น คิมเบอร์รี่ ไลน์B2 ไข่ คิมเบอร์รี่ก็ต้องไปหาไข่มาเตรียมยืนรอประจำที่ พอรูปไหลมา ไข่วางเฉียงเหนือหมูชาชูไป45องศา มิยาบิ C1 ใส่ไส้กรอก มิยาบิไปหาไส้กรอกที่เค้าเตรียมไว้มารอ ไส้กรอกอยู่ข้างหอย ล่างไข่เยื้องๆไป ไรงี้
ดูเหมือนงานง่ายๆ แค่จัดของลงถ้วย แต่เราทำเมนูหนึ่งเฉลี่ย 5000-6000ถ้วย อาจมีน้อยกว่านั้น หรือมากกว่านั้นในบางรายการ เพราะฉะนั้น คิมเบอร์รี่ยืนขว้างไข่ไป6000ครั้ง อาจกินเวลาถึง2ชั่วโมงในการยืนนิ่งๆ พร้อมสเตปควักไข่ ขว้างไข่ไป ใส่ไม่ทัน ใส่ไม่สวย ต้องกลับมาทำใหม่ ซึ่งต้องทำทั้งทีมเสียเวลา อาจต้องพักกินข้าวช้าไปอีก กลับบ้านช้าไปอีก งานที่แผนกนี้ ไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้านนะคะ
เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า เหมือนประหนึ่งโรงงานอยู่ข้างหลุมดำ ที่ทำให้เวลาช้ากว่าส่วนอื่นๆบนโลก เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแต่ละที บางครั้งก็ผ่านไปแค่15นาที บางครั้งผ่านไป5นาที แต่เรารู้สึกเหมือนเนิ่นนานกว่านั้น
เราร้องเพลง คุยกับตัวเองเพื่อลดความตึงเครียด พอช่วยได้บ้าง หนักๆเข้าถึงกับถามตัวเองว่า "นี่กูมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย" คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ เฮ้ยร่างกายคนเราไม่เหมือนกันปะวะ เฮ้ยป้าคนนั้นจะ60แล้วนะ อย่าอ้างเลย คือถามตอบอยู่คนเดียวอยู่แบบนั้น รางเตี้ย เราสูง จึงต้องอยู่ในท่าก้มตลอดเวลา
เคยยืนต่อเนื่องกันนานที่สุดกี่ชั่วโมง? เราเคยยืนทำอีเว้นท์3-4ชั่วโมง รู้สึกว่านานมากกก ปวดขาและเมื่อยมาก ลืมจุดๆนั้นไปเลยค่ะ ณ ที่นี่ แทบไม่ได้เดินด้วยซ้ำ เท้าจะระบม น่องจะปวดร้าว ขาจะตรึงเปรี๊ยะ ไหนจะคออีก สวัสดี ชีวิตดีๆที่ญี่ปุ่น ฮายยย...
เราทำได้2วัน สิริรวม 16 ชั่วโมง ก็ถอดใจ ออกคือออก สภาพร่างกาย จิตใจ พังทั้งหมด ทำ2วัน แต่อยากจะนอนนิ่งๆอีกเป็นอาทิตย์ ปวดร้าวทั้งตัว ไม่อยากไปเรียน ไม่อยากทำงาน อยากเป็นผักเท่านั้น นอนนิ่งๆเป็นผักเท่านั้น!!!
สวรรค์มีตาค่ะคุณขา นายหน้าเปลี่ยนแผนกให้ แทนที่จะให้ออกตามที่ขอ ชีวิตของนักย่างหมูในตำนานจึงกำเนิดขึ้น
เราไปย่างหมูฉ่ำซอสที่ไว้แปะหน้าโซบะแบบแห้ง งานไม่มีอะไรยุ่งยาก หมูเค้าสไลด์มาบางเฉียบ แต่มันติดกันเป็นปึกๆเพราะแช่แข็ง เราต้องมาคลี่มันออกทีละแผ่น พร้อมขึงใส่ถาด ราดซอส ก่อนเข้าเตาอบ เราชอบเตาอบมาก อยากเอาไปเล่นที่บ้าน แค่เอาถาดวาง มันก็จะค่อยๆไหลไปช้าๆ เข้าส่วนให้ความร้อน 2นาทีได้ ถาดก็จะไปถึงทางออก หมูชุ่มซอสหอมกรุ่นก็สุกพอดี ชีวิตดีๆที่เตาย่างหมู
เวลาของที่นี่ผ่านไปไวมาก เหมือนเราออกห่างจากหลุมดำได้แล้ว กิจกรรมมีให้ทำเยอะกว่าท็อปปิ้งกุ ได้ล้างถาด เดินล้างพื้น ล้างโต๊ะ หั่นหมูที่ย่างสุกแล้ว ใส่ซอสลงไปคลุกอีกรอบ ร่างกายได้เคลื่อนไหวแบบคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ ถึงจะร้อนหน่อย แต่ก็เอาวะ ท่องดิ ค่าเทอมๆๆ
ทว่า ไม่นานนัก แผนกย่างหมูมีเจ้าที่ประจำ คือเด็กเวียดนาม ด้วยงานสบายไม่หนักมาก เรามาทำได้ก็ต่อเมื่อเค้าลางานเท่านั้น โถ่ หมูของพี่ o(╯□╰)o
ย้ายอีกแล้วค่ะ ไปแผนกผัก แผนกนี้เย็นสบาย แหม่ เหมาะเหม็ง คนทำกับข้าวกับงานผัก ของกล้วยๆ แผนกผักมีทั้งล้าง หั่น ตัดแต่ง บด คัดเลือก งานล้างสบายที่สุด แต่การอยู่กับน้ำเป็น10ชั่วโมง ในอุณภูมิห้อง20องศาก็หนาวเย็นไม่หยอก งานตัดแต่ง เหมือนจะง่าย แต่ลังผักน้ำหนัก10-15กิโลที่ซ้อนกัน5-6ชั้น เราต้องยกลงมาทำเอง ไม่แข็งแกร่งจริงต้องยอมนะ แต่อย่างว่าไง เราไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ยกก็ยกวะ เค้าเสียเงินเล่นเวทกัน นี่ฉันไงยกเวทได้เงิน ว่ออออ
ส่วนงานที่น่าเบื่อมากกกก คืองานคัดเลือก กระหล่ำปลีที่ผ่านเครื่องหั่นพร้อมล้างเสร็จแล้วต้องนำมาเลือกเอาใบไม่สวยและแกนแข็งๆออก แหม่ 500กิโล มีเวลา2-3ชั่วโมงงี้ เราถึงขั้นเลิกกินกะหล่ำปลีไปพักใหญ่เลย กลิ่นที่ต้องดมตลอด10ชั่วโมง คิดดูละกัน
กลับมานอนกลิ่นกะหล่ำปลียังติดจมูกอยู่เลยยคุณขาา
แผนกผักฝึกให้เรามีเทคนิคในการเลือกผัก การใช้มีด การหั่นผักแบบต่างๆ ผู้คนใจดี ลุงบราซิลคอยช่วยเรายกลังผักบ่อยๆค่าแรงเท่ากัน เค้าทำงานหนักขึ้น แต่ยอมช่วยเราทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยหัวหน้าสาวหั่นผักมือไวแบบมองแทบไม่ทัน ซอยหอมแบบกลัวนิ้วก้อยจะหลุดเข้าไปด้วย เทพมาก เราจำเค้าได้เพราะกรีดไลน์เนอร์หนาแทบกลบลูกกะตา หนา8เมตร หนาชนิดที่อยู่ไกลกัน10เมตรก็รู้ว่าใคร โดยไม่ต้องเปิดหน้า ที่แซ่บกว่านั้นคือ เจอกันตอนเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน นางคือสาวผมบลอนด์เจาะหูข้างละ5รู แต่งตัวแบบพังค์ร็อค โอ้ววว หัวหน้าของฉัน แซ่บเฟร่อออ...
ถ้าถามถึงคนที่ย้ายไปทำนู่นนี่บ่อยๆ ก็ต้องมีเราติดโผแน่นอน ไม่ใช่แค่ผัก เรายังเคยไปทอดเทมปุระ ไปช่วยเก็บผักทอดลงถาด ทอดแป้งกรอบ พวกตระกูลทอดนี่เราบอกเลย นี่คือสถานที่ซ้อมตกนรก ก็คิดดูว่า เครื่องทอดใส่น้ำมันเป็นร้อยลิตร อุณหภูมิรอบๆจะขนาดไหน เครื่องทอดคล้ายเครื่องอบหมูเรายืนอยู่ส่วนแรกของเครื่อง โยนของใส่ลงไปในน้ำมัน รางจะพาของทอดลอยตุ๊บป่องไปท้ายรางสะเด็ดน้ำมันเอง หล่นตุ๊บใส่กล่องรวมกัน
มีครั้งหนึ่งได้ไปตอกไข่ออนเซ็น ที่เผลอหลุดปากไปว่า งานง่ายแบบนี้ ตอกทั้งคืนยังไหว เอ้า แค่ตอกไข่ คุณขาาา ตอกไข่ชั่วโมง350บาท นักเรียนก็ปลื้มสิคะเลยโดนไป คืนนั้น10000ฟอง ตอกไปด่าไป เมื่อไหร่จะหมดซักที ทำไข่เค้าพังไป500ฟอง เค้าเลยไม่ให้กลับไปตอกอีกเลย55555 จบ!!!
แผนกสุดท้าย เราไปอยู่แผนกอนามัย งานง่ายมาก แค่กลิ้งฝุ่นให้ทุกคนที่เข้าทำงาน อาวุธคู่กายคือลูกกลิ้งกาว กลิ้งไปตามเสื้อผ้าของทุกคน งานแผนกนี้ทำให้เรารู้จักคนเยอะขึ้นมาก ได้คุยกับคนหลากหลายสัญชาติ บราซิล ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ อินโด อินเดีย พม่า เวียดนาม ญี่ปุ่น แล้วต้องลงไปกลิ้งขณะเพื่อนทำงานด้วย เท่ากับว่าทุกตารางนิ้วของที่นี่เราไปชมมาหมดแล้ว
แผนกที่เราชอบมากที่สุดคือแผนกโซเม็ง คือแผนกทำเส้น โรงงานนี้ผลิตเส้นเองเกือบทุกชนิด ทั้งโซบะ ราเม็งแบบต่างๆ อุด้ง มันตื่นตามาก
ส่วนนี้จะแบ่งเป็น3ชั้น ชั้นบนสุด จะชั่งแป้งเทแป้งใส่เครื่อง ส่วนผสมทั้งหมดจะไหลลงมาที่เครื่องผสม เครื่องจะตีๆๆๆทุกอย่างให้เข้ากัน ลงมาที่ชั้น2 แล้วมานวดๆๆๆๆ เครื่องนวดๆๆๆไปพอเข้ากัน แป้งจะไหลมาที่เครื่องรีดเส้น แป้งจะถูกรีดให้บางลงๆๆ 4-5สเตป บางลงเรื่อยๆ สุดท้ายรีดผ่านใบมีด ตัดออกมาเป็นเส้น ล่งปุ๊ไปชั้นล่างสุด ชั้นสุดท้ายเป็นเครื่องต้มเส้น ลวกเส้น เส้นที่ได้จากชั้นบน จะมาที่เครื่องนี้ เมื่อสุกตามเวลาจะไหลตามรางไปที่แผนกtopping ซึ่งจะมีคนถือถ้วยรอรับเส้นอยู่ที่ปลายทาง พร้อมใส่หมูใส่ผักใส่ไรต่อไป
มิตรภาพที่ผ่านความยากลำบากด้วยกัน ทำให้ เกิดความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ป้าที่ทอดเทมปุระด้วยกันเล่าว่า 3ปีก่อน หอบเงินเยนไปแลกเงินบาทไป3ล้านกว่าๆ ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน เงินยังเหลือเก็บ นี่คือเหตุผลที่ทุกคนทนทำงานที่นี่ แม้ว่าจะโคตรสาหัส ทุกคนบ่น แต่พอผ่านไป ก็ยังมาทำงานในวันรุ่งขึ้น บางคนเวลาไปกลิ้งฝุ่นให้ ชอบบอกให้กลิ้งแรงๆ นานๆ คือเหมือนการนวดไหล่ไปในตัว เราเลยแถมบีบนวดให้หลายครั้ง เราเข้าใจดีว่ามันปวดขนาดไหน เข้าใจลึกซึ้งเลยแหละ
ที่นี่มันเหมือนโรงละครแห่งความฝัน ใครมาใหม่ๆพูดภาษาไม่ได้ก็มุ่งหน้าเข้าโรงงาน ต่อให้หลายคนพูดคล่องก็ยังไม่ไปไหน ด้วยชั่วโมงงานที่ยาวนานกว่าที่อื่น
ชีวิตมันไม่ง่ายเลย แต่ไม่ใช่แค่เราที่ต้องสู้ คนอื่นก็สู้เหมือนกัน ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือหลังตี3 เราเลิกงาน ปั่นจักรยานกลับบ้านภายใต้ความมืด บางคืนมีแสงจากพระจันทร์จากดาวให้คอยมอง เราสูดหายใจลึกๆแล้วคิด เอาวะ อย่างน้อยก็ยังมีลมหายใจอยู่ คิดมาตลอด มาเข้าคอสลดน้ำหนักแบบได้เงิน ทำไปสิ!!!
เพลงมา บนทางเดิน แห่งความฝันนี้ อาจไม่มีพรมแดงปูทางง~ #ชีวิตสาวโรงงานครั้งแรก
#ญี่ปุ่นครั้งแรก
www.facebook.com/nihonfirstime