“เราถูกฝึกมาให้รู้จักเข้าสู่ภาวะหลับสนิทในทันทีขณะที่ดวงตาเรายังเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ” จเรนทรเล่าต่อ แล้วทำใจกล้าสบตากับดวงตาใส่แจ๋วของวานรินทร์ “มันมีประโยชน์ เมื่อเราอยู่ในภาวะสงคราม หรือปฏิบัติการลับ ซึ่งเราอาจมีเวลาพักผ่อนได้แค่ครู่เดียว ซึ่งมันช่วยให้พวกเราในหน่วยรบพิเศษ รอดชีวิตมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว”
“แล้วหน่วยรบพิเศษเรียนอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่าฮะ” วานรินทร์ถาม
หนุ่มน้อย... คุณไม่รู้อะไรเสียแล้ว...
“คุณลองเอ่ยมาสิที่รัก” เขาว่า “พวกเราทำได้ทั้งนั้นละ”
“ชื่อของผม...” หนุ่มรูปร่างบอบบางบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะยืดตัวตรงแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตานิ่งๆ “คือ... วานรินทร์ สุโขจร ไม่ใช่ที่รัก กรุณางดใช้คำพูดที่คุณขี้ตู่ไปฝ่ายเดียวอย่างนั้นด้วยนะฮะ ผมไม่อยากจะได้ยิน”
วานรินทร์พยายามทำท่าเย็นชาเหมือนถ้อยคำที่ใช้ แต่จเรนทรมองเห็นแววร้อนแรงในดวงตานั่น ทั้งๆ ที่เจ้าตัวพยายามปกปิดเอาไว้ แต่มันก็ยังปรากฏชัดอยู่ที่นั่น เขาแน่ใจ ว่าถ้าได้มีอะไรกัน มันจะต้องเป็นประสบการณ์ที่สุดแสนวิเศษ
ไม่ใช่
‘ถ้า’ สิ ต้องเป็น
‘เมื่อ’ ต่างหากเพราะมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“มันเป็นนิสัยเคยตัวที่ยากจะแก้แล้ว” จเรนทรว่า
วานรินทร์ลุกขึ้นยืนพร้อมกระเป๋าเอกสารในมือ “ผมแน่ใจว่า คุณมีนิสัยอีกมากมายหลายอย่างที่ท้าทายให้แก้ไข” ที่ปรึกษาด้านการแสดงออกต่อสาธารณะตอบโต้ “ผมว่าเราอย่าปล่อยให้ช่างเสื้อรอนานจะดีกว่า เรายังมีงานต้องทำอีกเยอะ ก่อนที่จะได้เข้านอนกันเสียที”
แต่จเรนทรไม่ยอมขยับตัว “ถ้างั้นผมควรจะเรียกคุณว่าอย่างไรดี” เขาถาม “วาว่างั้นหรือ?”
วานรินทร์เงยหน้าขึ้น ได้เห็นแววตาซุกซนในดวงตาพราวเสน่ห์ของอีกฝ่าย รู้ดีเชียวว่าการเรียกชื่อเขาว่า
‘วาว่า’ นั้นไม่เหมาะสมเอาเสียเลย
แล้วเจ้าชายปลอมๆ ก็ยิ้มออกมา ฟันขาวของเขาสะดุดตาอย่างแรง แม้ว่าซี่หนึ่งจะเคยบิ่น แต่ซี่อื่นๆ นั้นตรงและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
“ผมคิดว่าเรียก
‘คุณว่าน’ จะเหมาะสมกว่าฮะ... และขอบคุณล่วงหน้า” วานรินทร์ตอบ “นั่นเป็นชื่อที่เจ้าชายทรงใช้เรียกผม... ต่อหน้าสาธารณะชน”
“อ้อ...” จเรนทรพึมพำด้วยท่าทางขบขันอย่างเห็นได้ชัด
“พร้อมหรือยังฮะ” คนไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ออกปากเร่ง
“อ๋อ... ได้เลย พร้อมสิ พร้อมเสมอแหละ” จเรนทรตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริงเกินเหตุ ก่อนจะทำท่าคล้ายผิดหวัง “อ้าว... คุณหมายถึงว่า เราพร้อมจะไปกันหรือยังใช่ไหมเนี่ย ไอ้ผมก็ดันคิดไปว่าคุณหมายถึง...”
วานรินทร์รู้ เขาแกล้งทำเป็นตีความหมายคำพูดอีกฝ่ายผิดไปอย่างนั้นเอง เพราะคนแกล้งเข้าใจผิด กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ
วานรินทร์ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “สองวันนะฮะผู้กอง” เขาดุ “เรามีเวลาแค่สองวันเท่านั้น ที่จะสร้างปาฏิหาริย์ แต่เรากำลังมัวเสียเวลาไปกับเรื่องตลกไร้สาระ”
จเรนทรยืนขึ้น แล้วเหยียดแขนขึ้นเหนือศีรษะ เท้าและท่อนขาเปลือยอยู่ใต้เสื้อคลุม เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ในร่างกาย แต่วานรินทร์ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะไม่คิดถึงเจ้าส่วนที่อาจโผล่ลอดสาบเสื้อคลุมตัวสั้นนั่นออกมาได้ทุกเวลา
“ผมคิดว่า คุณจะเรียกผมว่า ‘ใต้ฝ่าพระบาท’ เสียอีก”
“เหลือแค่... สองวัน ใต้ฝ่าประบาท” วานรินทร์ย้ำ
“สองวันแห่งความตื่นเต้นเร้าใจต่างหาก วาว่า” เขาบอก “ผมตัดสินใจแล้วว่า ในฐานะเจ้าชาย ผมจะเรียกคุณว่าอะไรก็ได้ ตามที่ผมต้องการ และผมจะเรียกคุณว่า วาว่า...”
“ไม่ได้นะฮะ คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้”
“ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ ผมเป็นเจ้าชายนะ” จเรนทรแย้ง “เลือกเอาเองก็แล้วกัน จะเอาที่รักหรือวาว่า ผมเรียกได้ทั้งนั้น”
“พุธโธ่ คุณพระ! คุณนี่ดื้อด้านเหมือนธีคราไม่มีผิด!” วานรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายอยากจะตะโกนด่าให้ดังสุดๆ มากกว่า
“คุณพระ…” อีกฝ่ายพึมพำ “ฮื่อ... คุณจะเรียกผมอย่างนั้นก็ได้ แต่ผมชอบให้เรียกคุณเจนมากกว่า เออนี่! ระหว่างที่ผมต้องลงพระปรมาภิไธย ทำไมคุณไม่ปล่อยให้พวกข้าราชบริพารหยุดงานสักวันหนึ่งละ”
เขากำลังหัวเราะเยาะ ล้อเลียนและสนุกสนานกับการได้เห็นอีกฝ่ายหงุดหงิด
“คุณรู้อะไรมั้ย งานนี้ก็เหมือนพักร้อนสำหรับผมแหละ วาว่า” เขาเสริมอีก “สองวันสำหรับการเตรียมตัวน่ะ ง่ายเหมือนฝึกรำลาวกระทบไม้นั่นละ”
วานรินทร์หัวเราะอย่างไม่เชื่อหู เขากล้าดียังไง...
“สองวัน” หนุ่มหน้าสวยบอก “ที่คุณจะต้องหัดเรียนรู้ในการเดิน พูด ยืนและนั่ง หรือกิน ใหม่อีกหน นี่ยังไม่ได้พูดถึงการที่จะต้องจดจำชื่อและใบหน้าของเหล่าองครักษ์กับบรรดานักการทูตทั้งหลาย หรือพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เจ้าชายทรงคุ้นเคย แล้วอย่าลืมเรื่องกฎระเบียบ หรือพิธีการทูตที่คุณจะต้องเรียนรู้…
“รวมไปถึงขนบธรรมเนียมประเพณีของบรูนาดารูส...”
จเรนทรผายมือแล้วยักไหล่ “จะยากสักแค่ไหนกันเชียว ถึงอย่างไรผมก็ยังเป็นผมคนเดิมอยู่นี่นะ” เขาบอก “ผมเคยทำงานที่ยากหนักหนาสาหัสกว่านี้มาแล้ว งานที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ สองวัน...สี่สิบแปดชั่วโมง... นับว่ามากเกินพอแล้ว ที่รัก”
วานรินทร์ยิ่งเคือง พูดได้ยังไง ในขณะตนเครียดจะตายกับเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน มันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ในเวลานี้
“น้อยกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง” คนรับภาระหนักต้องย้ำด้วยเสียงห้วนๆ “เพราะในช่วงเวลานั้น มันต้องมีเวลานอนหลับของคุณด้วยไงล่ะ”
“นอนหลับ” จเรนทรยิ้ม “ผมเพิ่งหลังไปเมื่อกี้นี้เอง”
(มีต่อ)
นิยาย : เจ้าชายในฝัน (Y-story) : บทที่ 7
ขอบคุณพิเศษสำหรับคุณจีทีดับเบิ้ลยูด้วยค่ะ
ติดตาม กันต่อเลยดีกว่า...
บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
..........................................
เจ้าชายในฝัน บทที่ 7
“เราถูกฝึกมาให้รู้จักเข้าสู่ภาวะหลับสนิทในทันทีขณะที่ดวงตาเรายังเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ” จเรนทรเล่าต่อ แล้วทำใจกล้าสบตากับดวงตาใส่แจ๋วของวานรินทร์ “มันมีประโยชน์ เมื่อเราอยู่ในภาวะสงคราม หรือปฏิบัติการลับ ซึ่งเราอาจมีเวลาพักผ่อนได้แค่ครู่เดียว ซึ่งมันช่วยให้พวกเราในหน่วยรบพิเศษ รอดชีวิตมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว”
“แล้วหน่วยรบพิเศษเรียนอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่าฮะ” วานรินทร์ถาม
หนุ่มน้อย... คุณไม่รู้อะไรเสียแล้ว...
“คุณลองเอ่ยมาสิที่รัก” เขาว่า “พวกเราทำได้ทั้งนั้นละ”
“ชื่อของผม...” หนุ่มรูปร่างบอบบางบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะยืดตัวตรงแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตานิ่งๆ “คือ... วานรินทร์ สุโขจร ไม่ใช่ที่รัก กรุณางดใช้คำพูดที่คุณขี้ตู่ไปฝ่ายเดียวอย่างนั้นด้วยนะฮะ ผมไม่อยากจะได้ยิน”
วานรินทร์พยายามทำท่าเย็นชาเหมือนถ้อยคำที่ใช้ แต่จเรนทรมองเห็นแววร้อนแรงในดวงตานั่น ทั้งๆ ที่เจ้าตัวพยายามปกปิดเอาไว้ แต่มันก็ยังปรากฏชัดอยู่ที่นั่น เขาแน่ใจ ว่าถ้าได้มีอะไรกัน มันจะต้องเป็นประสบการณ์ที่สุดแสนวิเศษ
ไม่ใช่ ‘ถ้า’ สิ ต้องเป็น ‘เมื่อ’ ต่างหากเพราะมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“มันเป็นนิสัยเคยตัวที่ยากจะแก้แล้ว” จเรนทรว่า
วานรินทร์ลุกขึ้นยืนพร้อมกระเป๋าเอกสารในมือ “ผมแน่ใจว่า คุณมีนิสัยอีกมากมายหลายอย่างที่ท้าทายให้แก้ไข” ที่ปรึกษาด้านการแสดงออกต่อสาธารณะตอบโต้ “ผมว่าเราอย่าปล่อยให้ช่างเสื้อรอนานจะดีกว่า เรายังมีงานต้องทำอีกเยอะ ก่อนที่จะได้เข้านอนกันเสียที”
แต่จเรนทรไม่ยอมขยับตัว “ถ้างั้นผมควรจะเรียกคุณว่าอย่างไรดี” เขาถาม “วาว่างั้นหรือ?”
วานรินทร์เงยหน้าขึ้น ได้เห็นแววตาซุกซนในดวงตาพราวเสน่ห์ของอีกฝ่าย รู้ดีเชียวว่าการเรียกชื่อเขาว่า ‘วาว่า’ นั้นไม่เหมาะสมเอาเสียเลย
แล้วเจ้าชายปลอมๆ ก็ยิ้มออกมา ฟันขาวของเขาสะดุดตาอย่างแรง แม้ว่าซี่หนึ่งจะเคยบิ่น แต่ซี่อื่นๆ นั้นตรงและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
“ผมคิดว่าเรียก ‘คุณว่าน’ จะเหมาะสมกว่าฮะ... และขอบคุณล่วงหน้า” วานรินทร์ตอบ “นั่นเป็นชื่อที่เจ้าชายทรงใช้เรียกผม... ต่อหน้าสาธารณะชน”
“อ้อ...” จเรนทรพึมพำด้วยท่าทางขบขันอย่างเห็นได้ชัด
“พร้อมหรือยังฮะ” คนไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ออกปากเร่ง
“อ๋อ... ได้เลย พร้อมสิ พร้อมเสมอแหละ” จเรนทรตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริงเกินเหตุ ก่อนจะทำท่าคล้ายผิดหวัง “อ้าว... คุณหมายถึงว่า เราพร้อมจะไปกันหรือยังใช่ไหมเนี่ย ไอ้ผมก็ดันคิดไปว่าคุณหมายถึง...”
วานรินทร์รู้ เขาแกล้งทำเป็นตีความหมายคำพูดอีกฝ่ายผิดไปอย่างนั้นเอง เพราะคนแกล้งเข้าใจผิด กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ
วานรินทร์ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “สองวันนะฮะผู้กอง” เขาดุ “เรามีเวลาแค่สองวันเท่านั้น ที่จะสร้างปาฏิหาริย์ แต่เรากำลังมัวเสียเวลาไปกับเรื่องตลกไร้สาระ”
จเรนทรยืนขึ้น แล้วเหยียดแขนขึ้นเหนือศีรษะ เท้าและท่อนขาเปลือยอยู่ใต้เสื้อคลุม เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ในร่างกาย แต่วานรินทร์ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะไม่คิดถึงเจ้าส่วนที่อาจโผล่ลอดสาบเสื้อคลุมตัวสั้นนั่นออกมาได้ทุกเวลา
“ผมคิดว่า คุณจะเรียกผมว่า ‘ใต้ฝ่าพระบาท’ เสียอีก”
“เหลือแค่... สองวัน ใต้ฝ่าประบาท” วานรินทร์ย้ำ
“สองวันแห่งความตื่นเต้นเร้าใจต่างหาก วาว่า” เขาบอก “ผมตัดสินใจแล้วว่า ในฐานะเจ้าชาย ผมจะเรียกคุณว่าอะไรก็ได้ ตามที่ผมต้องการ และผมจะเรียกคุณว่า วาว่า...”
“ไม่ได้นะฮะ คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้”
“ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ ผมเป็นเจ้าชายนะ” จเรนทรแย้ง “เลือกเอาเองก็แล้วกัน จะเอาที่รักหรือวาว่า ผมเรียกได้ทั้งนั้น”
“พุธโธ่ คุณพระ! คุณนี่ดื้อด้านเหมือนธีคราไม่มีผิด!” วานรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายอยากจะตะโกนด่าให้ดังสุดๆ มากกว่า
“คุณพระ…” อีกฝ่ายพึมพำ “ฮื่อ... คุณจะเรียกผมอย่างนั้นก็ได้ แต่ผมชอบให้เรียกคุณเจนมากกว่า เออนี่! ระหว่างที่ผมต้องลงพระปรมาภิไธย ทำไมคุณไม่ปล่อยให้พวกข้าราชบริพารหยุดงานสักวันหนึ่งละ”
เขากำลังหัวเราะเยาะ ล้อเลียนและสนุกสนานกับการได้เห็นอีกฝ่ายหงุดหงิด
“คุณรู้อะไรมั้ย งานนี้ก็เหมือนพักร้อนสำหรับผมแหละ วาว่า” เขาเสริมอีก “สองวันสำหรับการเตรียมตัวน่ะ ง่ายเหมือนฝึกรำลาวกระทบไม้นั่นละ”
วานรินทร์หัวเราะอย่างไม่เชื่อหู เขากล้าดียังไง...
“สองวัน” หนุ่มหน้าสวยบอก “ที่คุณจะต้องหัดเรียนรู้ในการเดิน พูด ยืนและนั่ง หรือกิน ใหม่อีกหน นี่ยังไม่ได้พูดถึงการที่จะต้องจดจำชื่อและใบหน้าของเหล่าองครักษ์กับบรรดานักการทูตทั้งหลาย หรือพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เจ้าชายทรงคุ้นเคย แล้วอย่าลืมเรื่องกฎระเบียบ หรือพิธีการทูตที่คุณจะต้องเรียนรู้…
“รวมไปถึงขนบธรรมเนียมประเพณีของบรูนาดารูส...”
จเรนทรผายมือแล้วยักไหล่ “จะยากสักแค่ไหนกันเชียว ถึงอย่างไรผมก็ยังเป็นผมคนเดิมอยู่นี่นะ” เขาบอก “ผมเคยทำงานที่ยากหนักหนาสาหัสกว่านี้มาแล้ว งานที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ สองวัน...สี่สิบแปดชั่วโมง... นับว่ามากเกินพอแล้ว ที่รัก”
วานรินทร์ยิ่งเคือง พูดได้ยังไง ในขณะตนเครียดจะตายกับเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน มันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ในเวลานี้
“น้อยกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง” คนรับภาระหนักต้องย้ำด้วยเสียงห้วนๆ “เพราะในช่วงเวลานั้น มันต้องมีเวลานอนหลับของคุณด้วยไงล่ะ”
“นอนหลับ” จเรนทรยิ้ม “ผมเพิ่งหลังไปเมื่อกี้นี้เอง”
(มีต่อ)