นิยาย : เจ้าชายในฝัน (Y-story) : บทที่ 6

ปกเรื่องนี้ที่ผ่านมาคล้ายจืดชืด มีคนช่วยทำอีกปกมาให้ หน้าตายียวนๆ ดีค่ะ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม โหวต ไลค์ ให้เช่นเคย
ขอบคุณคุณออมอำพัน ขอบคุณคุณจีทีดับเบิ้ลยู ที่ยังคอยติดตามให้กำลังใจ

***********************************


บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

*********************************************************



เจ้าชายในฝัน บทที่ 6





จเรนทรนั่งอยู่บนเก้าอี้แบบพับได้ของช่างแต่งผม มองดูภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่


เขาดู... ไม่เหมือนเดิม

หมอฟันเข้ามาจัดการครอบฟัน ที่เคยบิ่นตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนตอนเข้ารับการฝึก ซึ่งจนก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ได้จัดการมันให้เรียบร้อย เนื่องด้วยหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกพักหนึ่ง เขาก็ชินกับมัน จนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ นอกจากเพียงจัดการให้หมอลบคมของมันลง ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ จากนั้นก็ไม่มีเวลาหรือไม่เคยตั้งใจจริงจัง ที่จะจัดการครอบมันให้ดีดังเดิมสักที

แต่ฟันที่ได้รับการครอบ ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาดูแปลกไป ผมดำเส้นหนาของเขาถูกต่อให้ยาวลงมาอีกมาก... ทำให้มันไม่เหลือสภาพความเป็นผมสั้นทรงสุภาพอีกต่อไป ต้องขอบคุณปลายผมยื่นยาวที่ยังไม่มีเวลาไปตัด ที่ช่างผมผู้มีท่าทางอ่อนล้า ต่อให้จนเกือบจะเสร็จทั้งหมดแล้วในตอนนี้

จเรนทรเคยไว้ผมยาวมาก่อนเหมือนกัน เมื่อต้องเข้าปฏิบัติการลับ แต่เขาชอบไว้ผมสั้นมากกว่า มันไม่ใช่ผมสั้นเกรียนแบบทหารทั่วไป แต่มีความยาวกำลังเหมาะและดูแลได้ง่าย

เพราะผมยาวนั้นน่ารำคาญ มันชอบปลิวเข้าปาก หรือไม่ก็หล่นลงมาปรกหน้าปรกตา หรือคอยแยงตาในช่วงเวลาที่ไม่ถูกกาลเทศะเสียทุกทีไป

และมันทำให้เขาดูเหมือน... นาธีครา... ไอ้คนหน้าโง่ขี้ขลาดตาขาวนั่น

ซึ่ง... นั่นละ จุดสำคัญที่สุดของการแปลงโฉมครั้งนี้

คุณพระคุณเจ้าโปรดช่วยดลบันดาลคนพวกนั้นด้วย...

ชายหนุ่มภาวนาขออย่าให้คนพวกนั้น บังคับให้เขาแต่งตัวด้วยสูทผ้าซาติน ที่มีกุ๊นหรือระบายชายขอบเลย รวมทั้งแหวนวูบวาบบาดตาพวกนั้นด้วย

ไม่สิ... ต้องขอให้คุณพระคุณเจ้า ช่วยเขาต่างหากล่ะ

เพราะนี่มันเป็นงาน ถ้ามีคำสั่งให้เขาแต่งตัวเหมือนคนปัญญาอ่อน เขาก็ต้องแต่งตัวแบบคนปัญญาอ่อน ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม

จเรนทรมองดูของตกแต่งหรูหราในห้องผ่านกระจกเงา สถานที่แห่งนี้ทำให้เขาขนลุกขนพอง ประสาทหวาดผวาเสียจนเกรงว่า จะปัดอะไรตกแตก หรือไม่ก็เผลอไปแตะต้องของบางอย่างที่ไม่ควรไปสัมผัส

และไอ้ความกังวลนี้ละ ที่ทำให้เขาไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย...

ทำไมเขาต้องขวัญผวาด้วย ทำไมเขาจะต้องรู้สึกเหมือนถูกข่มขู่ด้วย มันก็แค่ห้องพักในโรงแรมธรรมดาๆ เท่านั้น สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างห้องหรูแห่งนี้กับห้องเล็กๆ ในโรงแรมริมทางถูกๆ ที่เขาเคยพักเวลาเดินทางก็คือ เครื่องรับโทรทัศน์ที่ไม่ได้ถูกล่ามโซ่เอาไว้ และที่นี่มีโทรศัพท์ในห้องน้ำ ผ้าขนหนูก็หนานุ่มและมีให้ใช้มากมายเหลือเฟือ

ส่วนพรมปูพื้นก็สะอาดนุ่มฟู กระดาษปิดผนังไร้รอยขีดข่วน กับผ้าม่านที่รูดปิดได้จนตลอดบาน และเครื่องเรือนเข้าชุดกันทั้งหมดแบบที่ขาไม่เกหรือโยกเยก

อ้อ... อีกอย่างหนึ่งที่ต่างกันก็คือ ราคาค่าห้องพักสำหรับหนึ่งคืนอีกด้วย

ให้ตายสิ ที่นี่ช่างต่างไปจากสถานที่ที่เขาเคยพัก เหมือนกลางวันกับกลางคืนก็ไม่ปาน จเรนทรพึมพำบอกตัวเอง

แต่ความจริงก็คือ เขาอยากให้ตัวเองพักอยู่ในห้องตามโรงแรมถูกๆ มากกว่า อย่างน้อยเขาก็สามารถล้มตัวลงนอน บนเตียงแล้ววางเท้าได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ผ้าปูที่นอนเปื้อน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดที่ผิดทาง มากขนาดนี้

เขาต้องมาติดอยู่ที่นี่ จนกว่าจะมีการพยายามลอบสังหารเกิดขึ้นอีกครั้ง หรือจนกว่ากำหนดการเยือนไทยของเจ้าชายจะสิ้นสุดลง ในอีกห้าสัปดาห์ข้างหน้า

ห้าสัปดาห์!

ห้าสัปดาห์สำหรับการอยู่แปลกที่ อยู่กับความหวาดระแวงที่จะแตะต้องอะไรต่อมิอะไร

“อย่าจับนะ!” จิตใต้สำนึกแทบได้ยินคำที่แม่ชอบพูดอยู่บ่อยๆ ตอนเขายังเล็ก เวลาตามแม่ไปที่คฤหาสน์ บ้านที่แม่รับจ้างทำความสะอาด ซึ่งใหญ่กว่าอพารท์เม้นต์หลังเล็กในเมืองกรุงที่เขาอาศัยอยู่หลายเท่า “ห้ามแตะต้อง ไม่งั้นตอนกลับไปถึงบ้าน แกจะโดนพ่อแกสั่งสอนแน่ๆ”

แต่เผอิญว่าเขาไม่มีพ่อ เขามีแต่พ่อเลี้ยงกับคนที่แม่ให้เรียกว่า ลุง หรือ อา อีกเป็นโขยง ทว่าไม่มี ‘พ่อ’ แต่ก็นั่นละ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีโอกาสได้เล่นบทคุณพ่อยอดรักชั่วคราวของเขา เป็นต้องจ้องหาโอกาสเตะก้นอวดดีของเขาไม่หยุด

แล้วนี่เขาเป็นอะไรไป ก็จเรนทรไม่เคยคิดถึงช่วงเวลาอัน ‘แสนสุข’ มานานหลายปีแล้วนี่นา

ประตูห้องพักถูกเปิดออกเบาๆ แทบไม่มีเสียงให้ได้ยิน แต่ตัวคนกำลังถูกแปลงโฉม ก็เกร็งเครียดขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเอี้ยวคอไปมอง ทำให้ช่างผมถอนหายใจเฮือก เสียงดังเกินความจำเป็น

แต่จเรนทรถูกฝึกมาอย่างดีเกินกว่าจะปล่อยให้ใครสักคน เข้ามาในห้องโดยไม่หันไปมองให้แน่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เขาดูเหมือนชายที่เป็นเป้าสังหารเมื่อเช้านี้ มากเข้าไปทุกที

ก็แค่ที่ปรึกษาด้านภาพพจน์และการวางตัวต่อสาธารณะเท่านั้นเอง นายตุ้งติ้ง วานรินทร์ สุ-โข-จร!

และท่าทางหนุ่มร่างผอมบางนั่น ก็ปราศจากการคุกคาม

นายร้อยเอกแห่งหน่วยรบพิเศษ กลับมามองกระจกเงาตามเดิม รอเวลาอีกนิดก่อนจะหันไปพูดด้วย รอให้เขารู้สึกโล่งใจ อาการตึงเครียดแถวบ่า ได้ผ่อนคลายไปแล้วเสียก่อน

แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น และตรงข้ามกับความผ่อนคลาย เขากลับรู้สึกเหมือนเส้นประสาทในตัวทุกเส้นเกิดอาการตื่นตัว ราวกับจู่ๆ ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เหมือนเขาก้าวเท้าเข้าสู่สมรภูมิรบ

สีของกระดาษปิดผนังเหมือนจะยิ่งเข้มขึ้นจนบาดตา เสียงของช่างทำผมทางด้านหลัง ก็เหมือนจะทวีความดังขึ้น

รวมทั้งความสามารถในการรับกลิ่นของเขาก็คล้ายจะดีขึ้น เสียจนได้กลิ่นน้ำหอมรวยรินบางๆ ของวานรินทร์ โชยข้ามห้องมา

“ตายๆ ตายๆ...” คนเพิ่งก้าวเข้ามา อุทานด้วยสำเนียงเพี้ยนไปทางชาวบูรนาดารูส “คุณดู... เยี่ยมมาก”

“ขอบคุณ ทูนหัว คุณเองก็ดูดีเหลือเกิน” จเรนทรประชด

คนเพิ่งมาถึง เดินเข้ามาหยุดยืนทางเบื้องหลังเขา นายร้อยรบพิเศษเงยหน้าขึ้นสบตาผ่านกระจกอยู่อึดใจหนึ่ง

นัยน์ตาสีดำเข้ม โอ... ไอ้น้องชาย นัยน์ตาคู่นั้นช่างพราวพราย วาววับจนชวนสะดุดตา จเรนทรเงยขึ้นมองหนุ่มร่างบางอีกครั้ง และตระหนักได้ว่า กระแสของความตื่นตัวและดึงดูดใจที่แล่นพล่านไปทั่วตัวเขา มันส่งไปถึงวานรินทร์เช่นกัน เพราะอีกฝ่ายก็ทำท่าประหลาดใจเหมือนเขา

ก็แน่นอนสิ วานรินทร์ต้องประหลาดใจ ที่ได้พบว่า ผู้ชายที่แตกต่างกันคนละขั้ว  จะกลับมาเป็นคนที่เด่นสะดุดตาเขาได้ไม่ต่างกัน

เวลานี้ จเรนทรไม่พูดเหมือนนายเหม็นหึ่งอีกต่อไป แต่ดันไปเหมือนเจ้าชายนาธีคราเกินความจำเป็นเสียอย่างนั้น

“เห็นแล้วละนะ ว่าคุณมีโอกาสได้อาบน้ำเสียที” วานรินทร์พูดโดยไม่ยอมสบตาเขาอีก “มีคนเอาเสื้อผ้าของคุณไปซักหรือฮะ”

“คิดว่าอย่างนั้นนะ” จเรนทรตอบ “ตอนผมออกมาจากห้องน้ำ มันก็หายไปแล้ว ผมเจอเสื้อคลุมตัวนี้... ผมจะขอบคุณมากถ้าหากว่า คุณจะช่วยบอกบิ๊กปกให้ส่งชุดเครื่องแบบมาให้ผมพรุ่งนี้เช้า รวมทั้ง... ถุงเท้ากับกางเกงชั้นในด้วย...”

วานรินทร์รู้สึกแก้มตัวเองเริ่มร้อน คุณพระ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาหน้าแดงไม่ผิดเด็กหนุ่มสายหวานวัยเรียน ตอนได้ยินคนพูดถึงชั้นในของผู้ชายแท้ๆ

บางทีอาจไม่ใช่เพราะการพูดถึงสิ่งที่ไม่น่าเอ่ยถึงก็ได้ ที่ทำให้เขาหน้าแดง แต่อาจเป็นเพราะแรงดึงดูดหัวใจจากชายร่างใหญ่ รูปหล่อมากๆ และอันตรายมากๆ ที่นั่งอยู่ข้างหน้านี้ต่างหาก ยิ่งในเวลาอย่างนี้ ในยามที่ไม่มีอาภรณ์ชิ้นไหนอีกแล้ว นอกจากเสื้อคลุมผ้าขนหนูสำหรับคลุมตัวหลังอาบน้ำ

และจากประกายวิบวับในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ก็บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายอ่านความคิดของเขาออก

วานรินทร์จำเป็นต้องใช้สมบัติผู้ดี ที่เรียนรู้จากในโรงเรียนที่อังกฤษ รักษาน้ำเสียงให้ฟังดูเยือกเย็นและห่างเหินเข้าไว้ “ไม่จำเป็นหรอกพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท” เขาว่า “จากที่นี่ เราจะไปห้องสวีตของฝ่าบาทด้วยกัน อีกสักครู่ช่างเสื้อก็คงจะมาถึง และเขาจะจัดการดูแลเรื่องเครื่องทรงที่ฝ่าบาทต้องทรงใช้ในอีกสองสามอาทิตย์ข้างหน้าพระเจ้าค่ะ”

“ว้าาาาาว...” จเรนทรคล้ายอุทาน “ว้าว... วาว!... ใจเย็นๆ นะคุณว่าน เราค่อยๆ เริ่มกันดีกว่า... ได้มั้ย!”

“ช่างเสื้อ!” วานรินทร์ย้ำ “เราจะไปพบเขาในอีกสักครู่ กระหม่อมรู้ดีว่า ตอนนี้ดึกมากแล้ว แต่เราต้องเริ่มต้นด้วย...”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่” คนต้องปลอมตัวเอ่ยลูกขัด “ก่อนหน้านั้นอีก ตรงที่คุณเพิ่งเรียกผมว่า ‘ฝ่าบาท’ ใช่ไหม”

“เสร็จละฮ่ะ” ช่างบอกสั้นๆ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก เมื่อบรรยายถึงสิ่งที่จเรนทรจะทำได้หรือทำไม่ได้ เนื่องจากการต่อเส้นผม “ว่ายน้ำ... ได้ อาบน้ำ... ได้ หวีผมจนสุดปลาย...ไม่ได้ ต้องระวัง หวีได้เฉพาะแค่ส่วนบนและส่วนปลายเลยจากที่ต่อไว้เท่านั้น” แล้วเขาก็หันมาทางวานรินทร์ “คุณมีนามบัตรของศักดิ์แล้วนะฮะ ถ้าต้องการตัวอีกก็เรียกได้เลยฮ่ะ”

“พี่ศักดิ์ไปพบท่านสว.สมเกียรติก่อนนะฮะ” หนุ่มร่างบอบบางบอก เมื่อจเรนทรลุกขึ้นยืน แล้วช่วยช่างพับเก้าอี้ “เขาจะจัดการเรื่องการเบิกจ่ายให้น่ะฮะ”

วานรินทร์ยืนรอจนกระทั่งช่างผมปิดประตูห้องตามหลัง แล้วจึงหันกลับมาทางนายร้อยรบพิเศษ

“ใต้ฝ่าพระบาท” เขาย้ำอีกหน “และฝ่าบาท คุณจะต้องทำตัวให้คุ้นกับคำพวกนี้ เพราะมันคือ คำที่ผู้คนจะใช้เรียกคุณ”

“แม้แต่คุณเองงั้นหรือ” คนไม่พอใจยืนกอดอกนิ่ง ท่าทางราวกับกลัวมือไม้จะเผลอไปสัมผัสแตะต้องอะไร แต่ความคิดนั้นน่าหัวเราะ เพราะจากข้อมูลนิดๆ หน่อยๆ ที่วานรินทร์ได้ยินจากนายพลปกพฤกษ์นั้น ร้อยเอกจเรนทร คทาวุธ หรือผู้กองเจน ตามที่นายพลเรียกไม่เคยกลัวอะไรสักอย่าง

วานรินทร์เดินข้ามห้องแล้วไปทรุดตัวลงนั่ง บนเก้าอี้หน้าตาน่านั่งที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่าง “ใช่ฮะ แม้แต่กับผม” เขาทำท่าเชิญให้อีกฝ่าย นั่งลงตรงข้าม “ถ้าหากเราตั้งใจที่จะเคลียร์เรื่องการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้ให้กระจ่าง...”

“คุณพูดถูก” จเรนทรพูดพลางทรุดตัวลงนั่ง “คุณพูดถูกที่สุด เราต้องทำให้เหมือนจริงมากที่สุด ไม่อย่างนั้นมือปืนอาจได้กลิ่นทะแมํงๆ ว่ามีอะไรผิดปกติ” เขายิ้มเครียดๆ “แต่หลังจากที่ผมได้ยินคำว่า ‘เฮ้ย! ไอ้เฮี่ยเจน’ ‘เจน!’ ‘น่ะ’ มานานหลายปี พอได้ยินตัวเองถูกเรียกว่า ‘ฝ่าบาท’ มันเลยฟังพิกลๆ”

คิ้วของวานรินทร์เลิกสูงขึ้นเกือบนิ้ว  อีกฝ่ายเดาว่า เขาประหลาดใจ นี่นายหน้าหวานคิดว่า นายร้อยรบพิเศษ จะไม่รู้จักคำสบถประเภทสืบพันธุ์ สัตว์เลื้อยคลาน หรืออ้างไปถึงบุพการีเลยงั้นหรือ

ให้ตายสิ ในตัวผู้ชายตรงหน้านี่มันมีอะไรนะ ไม่ใช่ผู้หญิง แต่... ในเวลาเดียวกันกลับดูสวยดีเหมือนกัน ผมของวานรินทร์ถูกใจเขามาก... ประเภทเป็นลอนกำลังสวย ชนิดที่ทำให้อยากลูบไล้เล่น

จเรนทรเพิ่งรู้สึกตัวว่า ตนกวาดสายตาลงมาที่ใบหน้าชายหนุ่ม เรื่อยไปถึงจมูกเล็กบอบบางที่ปลายเกือบจะเชิดขึ้นนิดๆ และริมฝีปากได้รูปสวย

ไหนจะยังดวงตาคู่นั้น...

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่