ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณริมแม่โขง, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ CAN LIVE, จารย์จี GTW, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณจูน กานต์จิรา, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค, คุณดาว Lady Star 919, คุณป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://pantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://pantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
http://pantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗
http://pantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘
http://pantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙
http://pantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐
http://pantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑
http://pantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒
http://pantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓
http://pantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔
http://pantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕
http://pantip.com/topic/35454229
บทที่ ๑๖
http://pantip.com/topic/35460996
บทที่ ๑๗
http://pantip.com/topic/35467701
บทที่ ๑๘
“กริชแน่ะ เอาไปเป็นเพื่อนอีกสักคน เรื่องเข้าสวนเข้าไร่ล่ะก็ เจ้ากริชถนัดนัก ถ้าวันไหนหายไปนาน โน่น…ไปตามหาในสวนโน่นแหละ” เสียงพูดถึงเด็กชายซึ่งกำลังยืดตัวทำให้ร่างกายดูผอมเก้งก้างนั้นบ่งบอกถึงความเอ็นดูชัดแจ้ง
คนถูกพูดถึงนั่งพับเพียบสงบเสงี่ยมอยู่หน้าบันไดขึ้นระเบียง หน้าก้มต่ำคอยรับคำสั่ง ไอรีนเหลียวหลังไปดู ก็พอดีสบนัยน์ตาอ่อนโยนซึ่งเพิ่งเงยขึ้นมองตรงมา ฝ่ายนั้นหลบวูบกลับลงหาพื้นไม้ดังเดิม คราวนี้ก้มงุดจนศีรษะแทบติดพื้นเลยทีเดียว
“มีงานอะไรต้องทำให้เสร็จเสียก่อนรึเปล่าล่ะฮึ กริช”
บ้านหลังนี้มีเด็กอยู่หลายคน มีทั้งเด็กซึ่งเป็นลูกบ่าว และเด็กซึ่งเป็นลูกหลานทางฝ่ายคุณหญิงละออ เด็กทุกคนได้รับมอบหมายหน้าที่เล็กๆ น้อยๆให้ทำกันคนละอย่างสองอย่าง เด็กผู้ชายคนนี้ต่างจากเด็กคนอื่นตรงที่ว่าเป็นหลานทางฝ่ายเจ้าคุณทหาร ไม่ใช่ทางฝ่ายคุณหญิง จึงมักโดดเด่นออกมาจากคนอื่นๆ
ศีรษะได้รูปสวยเงยกลับขึ้นนิดหนึ่ง หากก็ยังคงก้มหน้าก้มตาดูพื้นอยู่เช่นเดิม ตอบไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไรนัก
“กระผมรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วขอรับ”
"เวลาพูดกับผู้ใหญ่น่ะ เงยหน้าพูด อย่าหลบหน้าหลบตาอย่างนั้น เคยสอน จำไม่ได้แล้วรึ" คุณหญิงสูงวัยผู้ใจดีเอ่ยเตือนมากกว่าตำหนิ
นัยน์ตาแจ่มใส อ่อนโยน ล้อมกรอบด้วยขนตายาว เรียงเส้นอ่อนหยับราวอิสตรี กลับเงยขึ้นอีกครั้ง ตาคู่เดียวกันนี้เมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นกำลังใจให้ไอรีนได้อย่างน่าประหลาด ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเองอาจไม่รู้เสียด้วยซ้ำ
บ่ายจัดวันนั้นขณะกำลังวุ่นอยู่ในเรือนครัวเพื่อทำของว่างเลี้ยงนายทหารผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามี บ่าววัยสาวซึ่งเป็นต้นห้องของคุณวิไลเข้ามาบอกว่า
"คุณวิไลให้คุณนายขึ้นไปหาเจ้าค่ะ"
ไอรีนหนาวเยือกตลอดสันหลังเมื่อได้ยินชื่อนั้น นับแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็หลายวันเข้านี่แล้ว ยังไม่เคยปะหน้าน้องสาวของสามีแบบจังๆ เช่นคืนแรกอีกเลย บ่อยครั้งที่คิดว่าควรเป็นฝ่ายทำความรู้จักก่อนในฐานที่อ่อนวัยกว่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าสักที อีกอย่างคุณวิไลไม่ออกจากห้องมาให้เห็นเลย จึงตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าควรทำอย่างไร ไม่แน่ใจว่าควรขอเข้าไปพบในห้องดีหรือไม่ ว่าไปแล้วรามเองก็ไม่เคยแนะนำให้รู้จักใครอื่นซึ่งอยู่ร่วมบ้าน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอที่จะทำความรู้จักใครต่อใครเอาเอง เขาถือว่าเธอเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาของเขา เป็นหน้าที่ของคนอื่นซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ที่จะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเธอเอง
ว่าไปแล้วนั่นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเย็นอะไร คนสำคัญที่ไอรีนสมควรรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว ก็ได้พบและรู้จักหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงผู้เป็นแม่สามี หรือคุณกนก ซึ่งรามเรียกน้า ในความรู้สึกของเธอ สองคนนี้เท่านั้นที่เป็นคนสำคัญในบ้าน ส่วนบ่าวไพร่และเด็กๆ เมื่ออยู่ไปนานวันเข้าก็ค่อยๆ รู้ชื่อทีละคนสองคน
คนหนึ่งซึ่งไอรีนเห็นว่ามีความสำคัญอยู่พอสมควร...ในฐานะที่เป็นน้องของสามี...คือคุณวิไล แต่หล่อนก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันกับใครเขาเลย จึงได้ปล่อยเลยตามเลยมาเสียนานวัน
อันที่จริงแล้วเธอก็ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ เองด้วย ใบหน้าซึ่งไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยนั้นทำให้ขยาดได้ทุกครั้งที่คิดจะเข้าไปหา อีกอย่างก็ค่อนข้างแน่ใจว่าถ้าเข้าไปหาคุณวิไลในห้องส่วนตัว คงต้องไปเจอผู้หญิงคนนั้นด้วย นั่นยิ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ยืดการเผชิญหน้าออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
คุณกนกซึ่งกำลังปรุงแกงไก่หม้อใหญ่อยู่บนเตาเหลียวขวับมามองคนพูด สีหน้าซึ่งปกติเรียบเฉยอยู่เป็นนิตย์คราวนี้บึ้งตึงจนดูน่ากลัว หากก็ไม่ได้เอ่ยปากคัดค้านอะไรอย่างที่ไอรีนหวัง จึงจำต้องวางมือจากแป้งซึ่งกำลังนวดเพื่อทำแป้งสิบ ล้างมือกับน้ำสะอาดในอ่างข้างตัว ขยับลุกจากยกพื้น แล้วตามบ่าวของคุณวิไลออกไปแต่โดยดี
หญิงสาวคนที่นั่งเป็นสง่าอยู่บนพรมหนานุ่มสวมเสื้อแพรสีปูนแห้ง ขับผิวขาวนวลราวแตงร่มใบให้ดูซีดเซียวกว่าปกติ ซิ่นไหมยกเชิงลายดอกเป็นสีเดียวกัน ใบหน้าซึ่งโดดเด่นด้วยผมทรงชิงเกิ้ลตามสมัยนิยมปั้นปึ่งจนคนเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูเข่าอ่อน บ่าวสาวซึ่งนำขึ้นมายอบตัวหลีกทางให้เข้าไปก่อน
ไอรีนก้าวพ้นธรณีประตูแล้วลงคุกเข่า คลานเข้าไปจนถึงขอบพรม ก่อนลงนั่งพับเพียบ ประนมมือขึ้นไหว้ผู้ซึ่งนั่งวางท่าสง่า ตัวเอนน้อยๆ อิงหมอนขวาน จากหางตาสาวน้อยสังเกตเห็น 'ผู้หญิงคนนั้น' กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าตั่งเตี้ยๆ แต่เมื่อไม่อยากหันไปมอง จึงไม่รู้ว่าทำอะไร
วิไลไม่แสดงท่าทีรับรู้การแสดงความเคารพนั้น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนซึ่งตัวเรียกให้ขึ้นมาหาได้มาถึงแล้ว และกำลังนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า หล่อนยังคงพลิกดูนิตยสารซึ่งกางอยู่บนพรมอย่างสนอกสนใจ
เมื่ออึดอัดเต็มที ไอรีนจึงจำต้องส่งเสียงให้รู้
"เวียงลงไปบอกว่าคุณวิไลต้องการพบดิฉัน"
ความเงียบในห้องทำให้รู้สึกว่าเสียงที่พูดออกไปฟังดูเหมือนดังผิดปกติ การแสดงออกราวกับเธอเป็นอากาศธาตุเช่นนั้นทำให้ประหวั่นพรั่นพรึง...ราวเด็กเล็กๆ ที่ทำความผิดร้ายแรงแล้วมานั่งคอยฟังผู้ใหญ่กำหนดบทลงโทษ คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรต่อไปในเมื่อฝ่ายนั้นยังไม่แสดงอากัปกิริยาใดๆ ว่ารับรู้ จะมองไปทางซ้ายซึ่งผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ก็ยิ่งไม่อยากทำ ไม่อยากเห็นใบหน้าซึ่งคอยเตือนความจำว่าหล่อนเคยเป็นอะไรของสามีมาก่อน ทั้งที่รู้ว่าหล่อนกำลังจ้องมองไม่วาง
นานทีเดียวกว่าเจ้าของห้องจะละสายตาจากรูปวาดแบบเสื้อผ้าทันสมัยในนิตยสารฝรั่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมอง สายตาเย็นชาพินิจพิจารณาใบหน้าอ่อนละมุนของคนซึ่งตัวเรียกให้มาพบ ขัดใจอยู่ลึกๆ กับเครื่องหน้าบอบบาง ตาสีน้ำตาลกลมโตใสแจ๋ว จมูกเล็กๆ โด่งงาม ริมฝีปากดูนุ่มละมุน ผิวแก้มบางใสนวลเนียนออกชมพูแผ่วจาง ไม่ว่าจะพิศส่วนใดก็หมดจดงดงามไปเสียหมด ไม่เพียงเท่านั้น ยังผุดผาดไปทั้งเนื้อทั้งตัว อดคิดไม่ได้ว่าอย่างนี้นี่เล่าพี่ชายจึงได้หลงใหลเสียนักหนา
วิไลสะกดกลั้นความความขุ่นมัวในหัวอกอย่างลำบากยากเย็น
"ถ้าไม่ให้บ่าวไปตาม ก็คงไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสินะ" จงใจใช้น้ำเสียงทั้งตำหนิ ทั้งเสียดสี เพื่อระบายความคับแค้นที่เริ่มคุกรุ่น
"ไม่มีใครเคยสอนหล่อนบ้างรึอย่างไรว่าไปอาศัยอยู่บ้านใคร ก็สมควรต้องฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าของบ้าน" เสียงที่พูดเยียบเย็นจนแทบจะทำให้คนฟังกลายเป็นน้ำแข็งได้เลยทีเดียว
ไอรีนร้อนวูบแล้วเย็นวาบไปทั้งหน้าราวจับไข้ อ้อมๆ แอ้มๆ จะอธิบาย
"ดิฉัน..."
หากถูกขัดจังหวะเสียก่อนด้วยเสียงตวาด
"ว่าไงนะ พูดดังๆ ไม่เป็นรึอย่างไร"
สาวน้อยสะดุ้งสุดตัว ใจเต้นโครมคราม พยายามอย่างที่สุดที่จะบังคับเสียงพูดไม่ให้สั่น
"เป็นค่ะ"
"เป็นก็พูดดังๆ" เสียงตำหนิทรงอำนาจ สายตาชิงชังไม่ละจากใบหน้าเผือดสีของอีกฝ่าย "หล่อนรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร"
"ทราบค่ะ"
"หล่อนรู้ว่าฉันเป็นใคร"
ริมฝีปากบอบบางของคนถูกถามสั่นระริก เสียงตอบตะกุกตะกัก ทั้งเกรงกลัว ทั้งอับอายคนอื่นซึ่งนั่งฟังอยู่รอบด้าน
"คุณวิไลเป็นน้องสาวของคุณรามค่ะ"
"เมื่อรู้ก็ดีแล้ว"
เพียงเท่านั้นเอง น้องสาวต่างมารดาของรามลดสายตาลงดูนิตยสารบนพื้นพรมต่อ ไม่ให้ความสนใจคนซึ่งเรียกขึ้นมาทั้งเพื่อข่มขู่และเยาะเย้ยอีกต่อไป ราวร่างน้อยๆ ซึ่งห่อเหี่ยวลงตรงหน้านั้นเลือนหายไปจากสายตาเรียบร้อยแล้ว
ไอรีนก้มหน้าดูพื้นห้อง กลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรต่อไป อยากจะออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ยังไม่กล้าเมื่อยังไม่ได้รับอนุญาต
จนเสียงตวาดดังขึ้นอีก
"มีอะไรอีก"
ร่างน้อยๆ ผวา เงยหน้ากลับขึ้นมองคนพูด งุนงงต่อคำถามนั้น พึมพำคำตอบอย่างไม่เข้าอกเข้าใจ
"ไม่มีค่ะ"
"ไม่มีแล้วยังนั่งเสนอหน้าอยู่อีกทำไม ไปได้แล้ว"
สาวน้อยรีบประนมมือไหว้เพื่อบอกลา แล้วถอยหลัง คลานกลับออกไปจากห้อง
บันไดลงชั้นล่างพร่าเลือนเมื่อน้ำตาเอ่อท้น ใช้หลังมือปาดลวกๆ แล้วก้าวยาวๆ ออกประตูหลัง ก้มหน้าก้มตาลงบันไดตึกอย่างเสียขวัญ
พอเงยหน้าขึ้นมองทางเพื่อจะกลับเรือนครัว ก็ประสบเข้ากับนัยน์ตาคู่หนึ่งซึ่งกำลังมองมาพอดิบพอดี นัยน์ตาคู่นั้นอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ และสะท้อนความห่วงใยเต็มเปี่ยม
ไอรีนไม่แน่ใจว่านั่นเป็นความคิดของตัวเพื่อปลอบใจตัวเอง หรือเป็นจริงเช่นนั้น รู้แต่เพียงว่าสายตาที่เป็นมิตรแบบนั้นทำให้เต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในท่ามกลางความแห้งแล้งว้าเหว่ราวเพิ่งเดินผ่านทะเลทราย นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่เธอต้องการ
พอรู้สึกตัว ร่างผอมเก้งก้างก็ทรุดลงคุกเข่ากับพื้นหญ้า ไอรีนยิ้มให้ทั้งน้ำตา กำลังใจมาเป็นกอง เด็กชายยิ้มตอบ แล้วหลบสายตาลงดูพื้นหญ้าเสีย
คุณกนกไม่อยู่เสียแล้วเมื่อสาวน้อยกลับไปถึงเรือนครัว นางไวกำลังปั้นแป้งสิบ นางมองนายสาวอย่างไม่สบายใจนัก แต่ก็ไม่กล้าถามว่าถูกเรียกตัวขึ้นไปด้วยเรื่องอะไร
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๑๘)
ขอบคุณ คุณริมแม่โขง, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ CAN LIVE, จารย์จี GTW, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณจูน กานต์จิรา, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค, คุณดาว Lady Star 919, คุณป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘ http://pantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙ http://pantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐ http://pantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑ http://pantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒ http://pantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓ http://pantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔ http://pantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕ http://pantip.com/topic/35454229
บทที่ ๑๖ http://pantip.com/topic/35460996
บทที่ ๑๗ http://pantip.com/topic/35467701
“กริชแน่ะ เอาไปเป็นเพื่อนอีกสักคน เรื่องเข้าสวนเข้าไร่ล่ะก็ เจ้ากริชถนัดนัก ถ้าวันไหนหายไปนาน โน่น…ไปตามหาในสวนโน่นแหละ” เสียงพูดถึงเด็กชายซึ่งกำลังยืดตัวทำให้ร่างกายดูผอมเก้งก้างนั้นบ่งบอกถึงความเอ็นดูชัดแจ้ง
คนถูกพูดถึงนั่งพับเพียบสงบเสงี่ยมอยู่หน้าบันไดขึ้นระเบียง หน้าก้มต่ำคอยรับคำสั่ง ไอรีนเหลียวหลังไปดู ก็พอดีสบนัยน์ตาอ่อนโยนซึ่งเพิ่งเงยขึ้นมองตรงมา ฝ่ายนั้นหลบวูบกลับลงหาพื้นไม้ดังเดิม คราวนี้ก้มงุดจนศีรษะแทบติดพื้นเลยทีเดียว
“มีงานอะไรต้องทำให้เสร็จเสียก่อนรึเปล่าล่ะฮึ กริช”
บ้านหลังนี้มีเด็กอยู่หลายคน มีทั้งเด็กซึ่งเป็นลูกบ่าว และเด็กซึ่งเป็นลูกหลานทางฝ่ายคุณหญิงละออ เด็กทุกคนได้รับมอบหมายหน้าที่เล็กๆ น้อยๆให้ทำกันคนละอย่างสองอย่าง เด็กผู้ชายคนนี้ต่างจากเด็กคนอื่นตรงที่ว่าเป็นหลานทางฝ่ายเจ้าคุณทหาร ไม่ใช่ทางฝ่ายคุณหญิง จึงมักโดดเด่นออกมาจากคนอื่นๆ
ศีรษะได้รูปสวยเงยกลับขึ้นนิดหนึ่ง หากก็ยังคงก้มหน้าก้มตาดูพื้นอยู่เช่นเดิม ตอบไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไรนัก
“กระผมรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วขอรับ”
"เวลาพูดกับผู้ใหญ่น่ะ เงยหน้าพูด อย่าหลบหน้าหลบตาอย่างนั้น เคยสอน จำไม่ได้แล้วรึ" คุณหญิงสูงวัยผู้ใจดีเอ่ยเตือนมากกว่าตำหนิ
นัยน์ตาแจ่มใส อ่อนโยน ล้อมกรอบด้วยขนตายาว เรียงเส้นอ่อนหยับราวอิสตรี กลับเงยขึ้นอีกครั้ง ตาคู่เดียวกันนี้เมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นกำลังใจให้ไอรีนได้อย่างน่าประหลาด ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเองอาจไม่รู้เสียด้วยซ้ำ
บ่ายจัดวันนั้นขณะกำลังวุ่นอยู่ในเรือนครัวเพื่อทำของว่างเลี้ยงนายทหารผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามี บ่าววัยสาวซึ่งเป็นต้นห้องของคุณวิไลเข้ามาบอกว่า
"คุณวิไลให้คุณนายขึ้นไปหาเจ้าค่ะ"
ไอรีนหนาวเยือกตลอดสันหลังเมื่อได้ยินชื่อนั้น นับแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็หลายวันเข้านี่แล้ว ยังไม่เคยปะหน้าน้องสาวของสามีแบบจังๆ เช่นคืนแรกอีกเลย บ่อยครั้งที่คิดว่าควรเป็นฝ่ายทำความรู้จักก่อนในฐานที่อ่อนวัยกว่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าสักที อีกอย่างคุณวิไลไม่ออกจากห้องมาให้เห็นเลย จึงตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าควรทำอย่างไร ไม่แน่ใจว่าควรขอเข้าไปพบในห้องดีหรือไม่ ว่าไปแล้วรามเองก็ไม่เคยแนะนำให้รู้จักใครอื่นซึ่งอยู่ร่วมบ้าน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอที่จะทำความรู้จักใครต่อใครเอาเอง เขาถือว่าเธอเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาของเขา เป็นหน้าที่ของคนอื่นซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ที่จะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเธอเอง
ว่าไปแล้วนั่นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเย็นอะไร คนสำคัญที่ไอรีนสมควรรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว ก็ได้พบและรู้จักหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงผู้เป็นแม่สามี หรือคุณกนก ซึ่งรามเรียกน้า ในความรู้สึกของเธอ สองคนนี้เท่านั้นที่เป็นคนสำคัญในบ้าน ส่วนบ่าวไพร่และเด็กๆ เมื่ออยู่ไปนานวันเข้าก็ค่อยๆ รู้ชื่อทีละคนสองคน
คนหนึ่งซึ่งไอรีนเห็นว่ามีความสำคัญอยู่พอสมควร...ในฐานะที่เป็นน้องของสามี...คือคุณวิไล แต่หล่อนก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันกับใครเขาเลย จึงได้ปล่อยเลยตามเลยมาเสียนานวัน
อันที่จริงแล้วเธอก็ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ เองด้วย ใบหน้าซึ่งไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยนั้นทำให้ขยาดได้ทุกครั้งที่คิดจะเข้าไปหา อีกอย่างก็ค่อนข้างแน่ใจว่าถ้าเข้าไปหาคุณวิไลในห้องส่วนตัว คงต้องไปเจอผู้หญิงคนนั้นด้วย นั่นยิ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ยืดการเผชิญหน้าออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
คุณกนกซึ่งกำลังปรุงแกงไก่หม้อใหญ่อยู่บนเตาเหลียวขวับมามองคนพูด สีหน้าซึ่งปกติเรียบเฉยอยู่เป็นนิตย์คราวนี้บึ้งตึงจนดูน่ากลัว หากก็ไม่ได้เอ่ยปากคัดค้านอะไรอย่างที่ไอรีนหวัง จึงจำต้องวางมือจากแป้งซึ่งกำลังนวดเพื่อทำแป้งสิบ ล้างมือกับน้ำสะอาดในอ่างข้างตัว ขยับลุกจากยกพื้น แล้วตามบ่าวของคุณวิไลออกไปแต่โดยดี
หญิงสาวคนที่นั่งเป็นสง่าอยู่บนพรมหนานุ่มสวมเสื้อแพรสีปูนแห้ง ขับผิวขาวนวลราวแตงร่มใบให้ดูซีดเซียวกว่าปกติ ซิ่นไหมยกเชิงลายดอกเป็นสีเดียวกัน ใบหน้าซึ่งโดดเด่นด้วยผมทรงชิงเกิ้ลตามสมัยนิยมปั้นปึ่งจนคนเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูเข่าอ่อน บ่าวสาวซึ่งนำขึ้นมายอบตัวหลีกทางให้เข้าไปก่อน
ไอรีนก้าวพ้นธรณีประตูแล้วลงคุกเข่า คลานเข้าไปจนถึงขอบพรม ก่อนลงนั่งพับเพียบ ประนมมือขึ้นไหว้ผู้ซึ่งนั่งวางท่าสง่า ตัวเอนน้อยๆ อิงหมอนขวาน จากหางตาสาวน้อยสังเกตเห็น 'ผู้หญิงคนนั้น' กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าตั่งเตี้ยๆ แต่เมื่อไม่อยากหันไปมอง จึงไม่รู้ว่าทำอะไร
วิไลไม่แสดงท่าทีรับรู้การแสดงความเคารพนั้น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนซึ่งตัวเรียกให้ขึ้นมาหาได้มาถึงแล้ว และกำลังนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า หล่อนยังคงพลิกดูนิตยสารซึ่งกางอยู่บนพรมอย่างสนอกสนใจ
เมื่ออึดอัดเต็มที ไอรีนจึงจำต้องส่งเสียงให้รู้
"เวียงลงไปบอกว่าคุณวิไลต้องการพบดิฉัน"
ความเงียบในห้องทำให้รู้สึกว่าเสียงที่พูดออกไปฟังดูเหมือนดังผิดปกติ การแสดงออกราวกับเธอเป็นอากาศธาตุเช่นนั้นทำให้ประหวั่นพรั่นพรึง...ราวเด็กเล็กๆ ที่ทำความผิดร้ายแรงแล้วมานั่งคอยฟังผู้ใหญ่กำหนดบทลงโทษ คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรต่อไปในเมื่อฝ่ายนั้นยังไม่แสดงอากัปกิริยาใดๆ ว่ารับรู้ จะมองไปทางซ้ายซึ่งผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ก็ยิ่งไม่อยากทำ ไม่อยากเห็นใบหน้าซึ่งคอยเตือนความจำว่าหล่อนเคยเป็นอะไรของสามีมาก่อน ทั้งที่รู้ว่าหล่อนกำลังจ้องมองไม่วาง
นานทีเดียวกว่าเจ้าของห้องจะละสายตาจากรูปวาดแบบเสื้อผ้าทันสมัยในนิตยสารฝรั่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมอง สายตาเย็นชาพินิจพิจารณาใบหน้าอ่อนละมุนของคนซึ่งตัวเรียกให้มาพบ ขัดใจอยู่ลึกๆ กับเครื่องหน้าบอบบาง ตาสีน้ำตาลกลมโตใสแจ๋ว จมูกเล็กๆ โด่งงาม ริมฝีปากดูนุ่มละมุน ผิวแก้มบางใสนวลเนียนออกชมพูแผ่วจาง ไม่ว่าจะพิศส่วนใดก็หมดจดงดงามไปเสียหมด ไม่เพียงเท่านั้น ยังผุดผาดไปทั้งเนื้อทั้งตัว อดคิดไม่ได้ว่าอย่างนี้นี่เล่าพี่ชายจึงได้หลงใหลเสียนักหนา
วิไลสะกดกลั้นความความขุ่นมัวในหัวอกอย่างลำบากยากเย็น
"ถ้าไม่ให้บ่าวไปตาม ก็คงไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสินะ" จงใจใช้น้ำเสียงทั้งตำหนิ ทั้งเสียดสี เพื่อระบายความคับแค้นที่เริ่มคุกรุ่น
"ไม่มีใครเคยสอนหล่อนบ้างรึอย่างไรว่าไปอาศัยอยู่บ้านใคร ก็สมควรต้องฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าของบ้าน" เสียงที่พูดเยียบเย็นจนแทบจะทำให้คนฟังกลายเป็นน้ำแข็งได้เลยทีเดียว
ไอรีนร้อนวูบแล้วเย็นวาบไปทั้งหน้าราวจับไข้ อ้อมๆ แอ้มๆ จะอธิบาย
"ดิฉัน..."
หากถูกขัดจังหวะเสียก่อนด้วยเสียงตวาด
"ว่าไงนะ พูดดังๆ ไม่เป็นรึอย่างไร"
สาวน้อยสะดุ้งสุดตัว ใจเต้นโครมคราม พยายามอย่างที่สุดที่จะบังคับเสียงพูดไม่ให้สั่น
"เป็นค่ะ"
"เป็นก็พูดดังๆ" เสียงตำหนิทรงอำนาจ สายตาชิงชังไม่ละจากใบหน้าเผือดสีของอีกฝ่าย "หล่อนรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร"
"ทราบค่ะ"
"หล่อนรู้ว่าฉันเป็นใคร"
ริมฝีปากบอบบางของคนถูกถามสั่นระริก เสียงตอบตะกุกตะกัก ทั้งเกรงกลัว ทั้งอับอายคนอื่นซึ่งนั่งฟังอยู่รอบด้าน
"คุณวิไลเป็นน้องสาวของคุณรามค่ะ"
"เมื่อรู้ก็ดีแล้ว"
เพียงเท่านั้นเอง น้องสาวต่างมารดาของรามลดสายตาลงดูนิตยสารบนพื้นพรมต่อ ไม่ให้ความสนใจคนซึ่งเรียกขึ้นมาทั้งเพื่อข่มขู่และเยาะเย้ยอีกต่อไป ราวร่างน้อยๆ ซึ่งห่อเหี่ยวลงตรงหน้านั้นเลือนหายไปจากสายตาเรียบร้อยแล้ว
ไอรีนก้มหน้าดูพื้นห้อง กลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรต่อไป อยากจะออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ยังไม่กล้าเมื่อยังไม่ได้รับอนุญาต
จนเสียงตวาดดังขึ้นอีก
"มีอะไรอีก"
ร่างน้อยๆ ผวา เงยหน้ากลับขึ้นมองคนพูด งุนงงต่อคำถามนั้น พึมพำคำตอบอย่างไม่เข้าอกเข้าใจ
"ไม่มีค่ะ"
"ไม่มีแล้วยังนั่งเสนอหน้าอยู่อีกทำไม ไปได้แล้ว"
สาวน้อยรีบประนมมือไหว้เพื่อบอกลา แล้วถอยหลัง คลานกลับออกไปจากห้อง
บันไดลงชั้นล่างพร่าเลือนเมื่อน้ำตาเอ่อท้น ใช้หลังมือปาดลวกๆ แล้วก้าวยาวๆ ออกประตูหลัง ก้มหน้าก้มตาลงบันไดตึกอย่างเสียขวัญ
พอเงยหน้าขึ้นมองทางเพื่อจะกลับเรือนครัว ก็ประสบเข้ากับนัยน์ตาคู่หนึ่งซึ่งกำลังมองมาพอดิบพอดี นัยน์ตาคู่นั้นอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ และสะท้อนความห่วงใยเต็มเปี่ยม
ไอรีนไม่แน่ใจว่านั่นเป็นความคิดของตัวเพื่อปลอบใจตัวเอง หรือเป็นจริงเช่นนั้น รู้แต่เพียงว่าสายตาที่เป็นมิตรแบบนั้นทำให้เต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในท่ามกลางความแห้งแล้งว้าเหว่ราวเพิ่งเดินผ่านทะเลทราย นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่เธอต้องการ
พอรู้สึกตัว ร่างผอมเก้งก้างก็ทรุดลงคุกเข่ากับพื้นหญ้า ไอรีนยิ้มให้ทั้งน้ำตา กำลังใจมาเป็นกอง เด็กชายยิ้มตอบ แล้วหลบสายตาลงดูพื้นหญ้าเสีย
คุณกนกไม่อยู่เสียแล้วเมื่อสาวน้อยกลับไปถึงเรือนครัว นางไวกำลังปั้นแป้งสิบ นางมองนายสาวอย่างไม่สบายใจนัก แต่ก็ไม่กล้าถามว่าถูกเรียกตัวขึ้นไปด้วยเรื่องอะไร