ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณคุณเขมปันน์ แมวอ้วนตัวนั้น ชื่อO-iamBear, คุณ สายป่านสีชมพู, น้องนุ้ย ณวลี, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, จารย์จี GTW
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
ไอรีนเห็นร่างสันทัดกำลังด้อมๆมองๆที่ประตูรั้วตั้งแต่แรกแล้ว แม้พู่ระหงจะดกหนาทั้งใบและดอก แต่สีขาวของเสื้อราชปะแตนที่เห็นวับแวมตัดกับสีเขียวของใบและชมพูจัดจ้านของดอก ช่วยให้พอสังเกตเห็นได้ไม่ยาก แถมครัวไฟก็อยู่ใกล้รั้ว มองออกไปจากด้านที่ไม่มีฝากั้นก็เห็น
เมื่อวางมือจากผักที่กำลังหั่น แล้วหันมองอนงค์ ก็เห็นยุ่งอยู่หน้าเตา จึงออกไปเปิดประตูให้เสียเอง
ประตูรั้วไม้ระแนงสร้างไม่แข็งแรงนัก บ้านหลังติดกันพระพินิจสร้างให้พี่สาวได้อยู่อาศัย จึงไม่เห็นความจำเป็นอันใดที่จะต้องสร้างรั้วหรือประตูให้แน่นหนา เพียงตีไม้เป็นตารางโปร่งๆแล้วปลูกพู่ระหงไว้เป็นแถวห่างๆกันเท่านั้นเอง หลายปีผ่านไป ไม้พุ่มก็ขึ้นดกหนาเพราะได้น้ำล้างปลาและเศษอาหารจากครัวเป็นปุ๋ยอยู่เสมอ
หลวงอุดมโอสถเป็นหนุ่มใหญ่ร่างสันทัด ผิวออกไปทางคล้ำ กริยามารยาทเรียบร้อยและสำรวมอยู่เป็นนิตย์ บางครั้งออกจะขี้อายเสียด้วยซ้ำ แม้จะยังโสด ไม่มีใครคอยดูแลซักรีดเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้ หากก็แต่งตัวประณีตทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ผ้าม่วงที่นุ่งไปทำงานแต่ละวันกลีบโง้งทีเดียว
ไอรีนเห็นคุณหลวงมานาน อายุก็มากแล้ว จึงไม่ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใดที่จะเป็นฝ่ายทักทายก่อน
“คุณหลวง...จะมาฟังพระสวดหรือคะ”
นั่นแหละคนที่ผลุบๆโผล่ๆอยู่เมื่อครู่ก็เยี่ยมหน้าออกมาให้เห็น แล้วผลักบานประตูให้เปิดกว้างขึ้น
“จะขอไปกราบศพคุณพระเท่านั้นแหละหนู คงไม่ทันอยู่ฟังสวดดอก”
สาวน้อยพอเดาได้ว่าคุณหลวงขี้อายคงต้องการเลี่ยงผู้คนที่จะมาฟังสวด จึงได้แอบย่องมาแต่เช้าอย่างนี้
“เชิญสิคะ ตอนนี้ยังไม่มีใครมาหรอกค่ะ วันนี้สวดเย็นค่ะ” ลืมไปว่ามีแขกคนแรกมาถึงแล้วแต่เช้ามืด
ประพันธ์มาถึงเมื่อไอรีนกำลังคอยพระเพื่อใส่บาตรอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ปกติพระพินิจเป็นคนตื่นแต่เช้าเพื่อใส่บาตรทุกวัน พอสิ้นชีวิตก็ไม่มีใครคิดถึงเรื่องนั้นอีก จนลูกสาวซึ่งเกิดจากมารดาต่างชาติต่างศาสนาสังเกตเห็น จึงได้ถามเอาจากนางไว
‘ไม่มีคุณท่านเสียคน ไม่มีใครคิดตักบาตรดอกเจ้าค่ะ’
ดังนั้นนับแต่วันที่กลับถึงบ้าน ลูกสาวเลือดผสมของพระพินิจก็ตื่นแต่เช้ามืด แล้วลงไปตั้งหม้อข้าว จัดอาหารเพื่อใส่บาตรพระทุกวัน โดยมีนางไวเป็นลูกมือหยิบโน่นหยิบนี่
วันนี้ก็เช่นกัน หุงข้าว ตักใส่ขันเงิน ทำแกงคั่วไก่และผัดผักแยกใส่โถเคลือบอย่างละใบ แล้วช่วยกันยกไปที่ศาลาท่าน้ำเพื่อคอยพระซึ่งมักจะพายเรือตามกันมา
ประพันธ์มาถึงแต่เช้าตรู่ เรือพายลำยาวของเขาเป็นเรือซึ่งสบโชคใช้ไปรับส่งพระมาตลอดทุกวัน เหตุก็เพราะเรือที่บ้านลำเล็กเกินไป ต้องไปกลับสองรอบ จึงจะรับพระมาได้ครบทั้งสี่รูป
นายร้อยตรีหนุ่มวาดหัวเรือเข้าหาศาลาท่าน้ำเมื่อเห็นร่างโปร่งบางนั่งอยู่บนม้านั่งทางฝั่งขวา เขาส่งยิ้มมาให้ก่อนแต่ไกล
ไอรีนลุกยืนต้อนรับ พลางพนมมือขึ้นไหว้
“คิดไม่ถึงว่าจะเห็นไอรีนมาคอยใส่บาตรแต่เช้าอย่างนี้” เขาตะโกนขึ้นมาจากเรือ แล้วยึดเสาหลัก โหนตัวก้าวขึ้นสะพานอย่างคล่องแคล่ว
คนถูกทักยิ้มตอบ ทรุดตัวกลับลงนั่งตามเดิม
“เมื่อตอนที่คุณพ่อยังอยู่ เคยตักบาตรกับท่านบ่อยๆค่ะ”
ชายหนุ่มลงนั่งบนม้ายาวฝั่งตรงข้าม แม้เห็นสาวน้อยมานานพอสมควร แต่จะแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกันจนเกินไปก็ย่อมไม่เหมาะสม
“คิดว่าเข้ารีตเหมือนแม่เสียอีก”
ไอรีนได้แต่หัวเราะเบาๆ เปลี่ยนเรื่องพูด
“วันนี้พี่ประพันธ์มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“พี่เอาเรือมาทิ้งไว้ให้โชคแล้วต้องรีบไปเข้ากรม วันนี้พี่อยู่เวร”
“แล้วพี่…”
ไม่ทันได้พูดต่อจนจบ ก็ต้องรีบลุกเมื่อเห็นเรือเข็มลำเล็กหัวแหลมท้ายแหลม มีพระนั่งแจวอยู่รูปเดียวกำลังใกล้เข้ามา แสงเรืองรองอ่อนๆของตะวันยามเช้าตรู่อาบจีวรเหลืองอร่ามงามจับตา
ไอรีนพนมมือไหว้เพื่อนิมนต์ท่านแต่ไกล แต่พอจะอุ้มขันเงินใส่ข้าวซึ่งยังอุ่นมีควันบางเบาลอยกรุ่นปากขัน ประพันธ์ก็รีบคว้าขึ้นมาประคองไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเสียก่อน ปากบอกว่า
“พี่ช่วย”
นางไวจัดแจงย้ายโถใส่ผัดผักและแกงคั่วไปวางบนม้าเตี้ยๆซึ่งยกมาเตรียมไว้หน้าบันไดก่อนแล้ว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นนายร้อยตรีหนุ่มประคับประคองขันเงิน ทรุดนั่งคุกเข่าข้างๆร่างบางซึ่งขยับลงบันไดขั้นบนสุดไปบรรจงตักข้าวใส่ในบาตร
“โชคคงไปรายงานตัวได้พรุ่งนี้”
เขาชวนคุยเมื่อพระรูปแรกคัดหัวเรือออกห่างจากบันไดสะพานไปแล้ว
“คงอย่างนั้นกระมังคะ”
“นั่นสิ คุณพระจะกลับจากราชการที่ปากน้ำคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็คงไปรายงานตัวกับท่านได้แล้ว”
คำบอกเล่าเรื่อยๆนั้นทำให้คนฟังคิดไปถึงนายทหารร่างสูงใหญ่ คิดถึงนัยน์ตาคมปลาบที่ทำให้วูบวาบได้อย่างน่าประหลาด นี่พี่ชายจะต้องไปอยู่ใต้บังคับบัญชาเขาอย่างนั้นหรือ
เมื่อใจคิด ปากก็ถาม
"พี่โชคจะไปทำงานอยู่กับคุณพระคนนั้นหรือคะ"
"คงอย่างนั้น ก็คุณพระเป็นคนขอตัวโชคมาไว้ในกรมนี่"
ไอรีนได้แต่พยักหน้ารับรู้ ไม่มีความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนั้น ชะเง้อมองผ่านไหล่ชายหนุ่มเมื่อเห็นเรือเข็มอีกสองลำตามหลังกันมา ประนมมือขึ้นไหว้ พระสูงอายุในลำข้างหน้าจึงวาดหัวเรือเข้าหา
สำรับที่เตรียมมากะไว้ว่าพอสำหรับพระห้ารูป จึงใช้เวลาใส่บาตรอยู่ไม่นาน หลังจากรูปที่สองและสามผ่านไป พระรูปอื่นๆก็ตามหลังกันมาติดๆ เมื่อไม่มีแกงคั่วและผัดผักเหลืออยู่อีก จึงเทข้าวที่เหลือลงในคลองให้เป็นอาหารปลา แล้วรวบรวมขันเงินและโถเข้าด้วยกัน มีประพันธ์ช่วยขนกลับไปที่ครัว
นางไวหิ้วม้าสำหรับวางสำรับเดินตามหลัง สวนกับแจ้งที่เชิงบันไดขึ้นเรือน
ญาติฝ่ายคุณสร้อยชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเคียงกันมา ยิ่งเมื่อทั้งคู่ไม่แสดงท่าทีว่าสนใจจะทักทายก็เกิดอาการฮึดฮัด ไม่พอใจตั้งแต่แรกแล้วที่เห็นเพื่อนของสบโชคคอยตามติดสาวน้อย ทำเป็นช่วยโน่นช่วยนี่ จึงตีวัวกระทบคราดด้วยการส่ายอาดๆเข้าไปดักหน้านางไว ใจยังไม่กล้าพอที่จะเกะกะระรานเอากับนายทหารหนุ่ม
"ยายไว มีอะไรกินมั่ง" เสียงห้วนเกือบเหมือนตวาดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ปากพูดกับคนหนึ่ง แต่สายตาตวัดไปที่อีกสองคนซึ่งกำลังจะเดินเลยไปหลังเรือนอยู่แล้ว
ไอรีนได้ยิน จึงย้อนกลับมาตอบเสียแทน
"ข้าวที่หุงไว้ใส่บาตรพระยังมีเหลือค่ะ มีแกงกับผัดบวบ ถ้าพี่แจ้งจะคอยกินพร้อมคุณแม่ใหญ่ จะได้ทำน้ำพริกกับทอดปลาให้ด้วย"
"กลายเป็นแม่ครัวไปแล้วหรือ ไอรีน" ประพันธ์ล้อยิ้มๆ
"ช่วยแม่อนงค์ดอกค่ะ พี่ประพันธ์"
แจ้งฮึดฮัดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าญาติสาวเพียงหยุดเดินแค่อึดใจเพื่อบอกให้รู้ แล้วไม่ให้ความสนใจตัวอีก ไม่สนใจแม้จะคอยฟังคำตอบด้วยซ้ำว่าตกลงจะกินข้าวตอนนี้หรือคอยกินร่วมกับคนอื่น
ยืนคว้างอยู่ตรงนั้นเองเมื่อนางไวก็เดินเลยเสียไปแล้ว ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรตามเข้าไปในครัวดีหรือไม่ ตั้งแต่มานั่งกินนอนกินอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้สามวันเข้านี่แล้วก็ยังไม่เคยเข้าไปในครัวนั่นสักครั้ง ก็ครัวไฟไม่ใช่ที่ของผู้ชายนี่นะ ผู้ชายควรอยู่ในที่ซึ่งมีความสำคัญมากกว่านั้น จะยอมเสียศักดิ์ศรีตามเข้าไปล่ะหรือ ในเมื่อภาพความสนิทสนมของชายหนุ่มหญิงสาวมันบาดตาออกอย่างนั้น ที่จริงตัวน่าจะมีสิทธิ์มีเสียงอะไรบ้างในบ้านหลังนี้ในฐานะที่เป็นหลานชายเจ้าของบ้าน
แต่มาคิดอีกที อย่าเพิ่งทำอะไรให้สาวน้อยชังน้ำหน้าจะดีกว่า ยิ่งตั้งใจจะผูกสายสัมพันธ์ให้กระชับแน่นแฟ้นเท่าไร ก็ยิ่งต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำมากเท่านั้น ไอรีนเชื่อฟังก็แต่บิดาเพียงผู้เดียว จะเข้าทางอาก็คงลำบากถ้าหล่อนไม่เอาด้วยเสียอย่าง
นายสินนางจวงกลับเมืองนนท์ไปสองวันแล้ว บอกไว้ว่าจะมาใหม่ในบ่ายวันบรรจุศพ แต่แจ้งยังไม่ยอมไปไหน ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ต่อเพราะเกิดติดอกติดใจลูกเลี้ยงของอาเข้านี่แหละ
ญาติพี่น้องของคุณสร้อยซึ่งมาค้างด้วยหลายคนเพื่อช่วยงานก็แยกย้ายกันกลับไปหมดเช่นกัน เรือนครึ่งตึกครึ่งไม้ที่คับแคบไปถนัดใจอยู่สามวันก็กลับโล่งเหมือนเดิม พรุ่งนี้จะสวดพระอภิธรรมวันสุดท้ายแล้ว และแขกที่มาฟังสวดก็เหลือวันละไม่มากคน จึงไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยงานมากมายเหมือนวันแรกๆ
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๔)
ขอบคุณคุณเขมปันน์ แมวอ้วนตัวนั้น ชื่อO-iamBear, คุณ สายป่านสีชมพู, น้องนุ้ย ณวลี, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, จารย์จี GTW
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/35379337
ไอรีนเห็นร่างสันทัดกำลังด้อมๆมองๆที่ประตูรั้วตั้งแต่แรกแล้ว แม้พู่ระหงจะดกหนาทั้งใบและดอก แต่สีขาวของเสื้อราชปะแตนที่เห็นวับแวมตัดกับสีเขียวของใบและชมพูจัดจ้านของดอก ช่วยให้พอสังเกตเห็นได้ไม่ยาก แถมครัวไฟก็อยู่ใกล้รั้ว มองออกไปจากด้านที่ไม่มีฝากั้นก็เห็น
เมื่อวางมือจากผักที่กำลังหั่น แล้วหันมองอนงค์ ก็เห็นยุ่งอยู่หน้าเตา จึงออกไปเปิดประตูให้เสียเอง
ประตูรั้วไม้ระแนงสร้างไม่แข็งแรงนัก บ้านหลังติดกันพระพินิจสร้างให้พี่สาวได้อยู่อาศัย จึงไม่เห็นความจำเป็นอันใดที่จะต้องสร้างรั้วหรือประตูให้แน่นหนา เพียงตีไม้เป็นตารางโปร่งๆแล้วปลูกพู่ระหงไว้เป็นแถวห่างๆกันเท่านั้นเอง หลายปีผ่านไป ไม้พุ่มก็ขึ้นดกหนาเพราะได้น้ำล้างปลาและเศษอาหารจากครัวเป็นปุ๋ยอยู่เสมอ
หลวงอุดมโอสถเป็นหนุ่มใหญ่ร่างสันทัด ผิวออกไปทางคล้ำ กริยามารยาทเรียบร้อยและสำรวมอยู่เป็นนิตย์ บางครั้งออกจะขี้อายเสียด้วยซ้ำ แม้จะยังโสด ไม่มีใครคอยดูแลซักรีดเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้ หากก็แต่งตัวประณีตทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ผ้าม่วงที่นุ่งไปทำงานแต่ละวันกลีบโง้งทีเดียว
ไอรีนเห็นคุณหลวงมานาน อายุก็มากแล้ว จึงไม่ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใดที่จะเป็นฝ่ายทักทายก่อน
“คุณหลวง...จะมาฟังพระสวดหรือคะ”
นั่นแหละคนที่ผลุบๆโผล่ๆอยู่เมื่อครู่ก็เยี่ยมหน้าออกมาให้เห็น แล้วผลักบานประตูให้เปิดกว้างขึ้น
“จะขอไปกราบศพคุณพระเท่านั้นแหละหนู คงไม่ทันอยู่ฟังสวดดอก”
สาวน้อยพอเดาได้ว่าคุณหลวงขี้อายคงต้องการเลี่ยงผู้คนที่จะมาฟังสวด จึงได้แอบย่องมาแต่เช้าอย่างนี้
“เชิญสิคะ ตอนนี้ยังไม่มีใครมาหรอกค่ะ วันนี้สวดเย็นค่ะ” ลืมไปว่ามีแขกคนแรกมาถึงแล้วแต่เช้ามืด
ประพันธ์มาถึงเมื่อไอรีนกำลังคอยพระเพื่อใส่บาตรอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ปกติพระพินิจเป็นคนตื่นแต่เช้าเพื่อใส่บาตรทุกวัน พอสิ้นชีวิตก็ไม่มีใครคิดถึงเรื่องนั้นอีก จนลูกสาวซึ่งเกิดจากมารดาต่างชาติต่างศาสนาสังเกตเห็น จึงได้ถามเอาจากนางไว
‘ไม่มีคุณท่านเสียคน ไม่มีใครคิดตักบาตรดอกเจ้าค่ะ’
ดังนั้นนับแต่วันที่กลับถึงบ้าน ลูกสาวเลือดผสมของพระพินิจก็ตื่นแต่เช้ามืด แล้วลงไปตั้งหม้อข้าว จัดอาหารเพื่อใส่บาตรพระทุกวัน โดยมีนางไวเป็นลูกมือหยิบโน่นหยิบนี่
วันนี้ก็เช่นกัน หุงข้าว ตักใส่ขันเงิน ทำแกงคั่วไก่และผัดผักแยกใส่โถเคลือบอย่างละใบ แล้วช่วยกันยกไปที่ศาลาท่าน้ำเพื่อคอยพระซึ่งมักจะพายเรือตามกันมา
ประพันธ์มาถึงแต่เช้าตรู่ เรือพายลำยาวของเขาเป็นเรือซึ่งสบโชคใช้ไปรับส่งพระมาตลอดทุกวัน เหตุก็เพราะเรือที่บ้านลำเล็กเกินไป ต้องไปกลับสองรอบ จึงจะรับพระมาได้ครบทั้งสี่รูป
นายร้อยตรีหนุ่มวาดหัวเรือเข้าหาศาลาท่าน้ำเมื่อเห็นร่างโปร่งบางนั่งอยู่บนม้านั่งทางฝั่งขวา เขาส่งยิ้มมาให้ก่อนแต่ไกล
ไอรีนลุกยืนต้อนรับ พลางพนมมือขึ้นไหว้
“คิดไม่ถึงว่าจะเห็นไอรีนมาคอยใส่บาตรแต่เช้าอย่างนี้” เขาตะโกนขึ้นมาจากเรือ แล้วยึดเสาหลัก โหนตัวก้าวขึ้นสะพานอย่างคล่องแคล่ว
คนถูกทักยิ้มตอบ ทรุดตัวกลับลงนั่งตามเดิม
“เมื่อตอนที่คุณพ่อยังอยู่ เคยตักบาตรกับท่านบ่อยๆค่ะ”
ชายหนุ่มลงนั่งบนม้ายาวฝั่งตรงข้าม แม้เห็นสาวน้อยมานานพอสมควร แต่จะแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกันจนเกินไปก็ย่อมไม่เหมาะสม
“คิดว่าเข้ารีตเหมือนแม่เสียอีก”
ไอรีนได้แต่หัวเราะเบาๆ เปลี่ยนเรื่องพูด
“วันนี้พี่ประพันธ์มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“พี่เอาเรือมาทิ้งไว้ให้โชคแล้วต้องรีบไปเข้ากรม วันนี้พี่อยู่เวร”
“แล้วพี่…”
ไม่ทันได้พูดต่อจนจบ ก็ต้องรีบลุกเมื่อเห็นเรือเข็มลำเล็กหัวแหลมท้ายแหลม มีพระนั่งแจวอยู่รูปเดียวกำลังใกล้เข้ามา แสงเรืองรองอ่อนๆของตะวันยามเช้าตรู่อาบจีวรเหลืองอร่ามงามจับตา
ไอรีนพนมมือไหว้เพื่อนิมนต์ท่านแต่ไกล แต่พอจะอุ้มขันเงินใส่ข้าวซึ่งยังอุ่นมีควันบางเบาลอยกรุ่นปากขัน ประพันธ์ก็รีบคว้าขึ้นมาประคองไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเสียก่อน ปากบอกว่า
“พี่ช่วย”
นางไวจัดแจงย้ายโถใส่ผัดผักและแกงคั่วไปวางบนม้าเตี้ยๆซึ่งยกมาเตรียมไว้หน้าบันไดก่อนแล้ว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นนายร้อยตรีหนุ่มประคับประคองขันเงิน ทรุดนั่งคุกเข่าข้างๆร่างบางซึ่งขยับลงบันไดขั้นบนสุดไปบรรจงตักข้าวใส่ในบาตร
“โชคคงไปรายงานตัวได้พรุ่งนี้”
เขาชวนคุยเมื่อพระรูปแรกคัดหัวเรือออกห่างจากบันไดสะพานไปแล้ว
“คงอย่างนั้นกระมังคะ”
“นั่นสิ คุณพระจะกลับจากราชการที่ปากน้ำคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็คงไปรายงานตัวกับท่านได้แล้ว”
คำบอกเล่าเรื่อยๆนั้นทำให้คนฟังคิดไปถึงนายทหารร่างสูงใหญ่ คิดถึงนัยน์ตาคมปลาบที่ทำให้วูบวาบได้อย่างน่าประหลาด นี่พี่ชายจะต้องไปอยู่ใต้บังคับบัญชาเขาอย่างนั้นหรือ
เมื่อใจคิด ปากก็ถาม
"พี่โชคจะไปทำงานอยู่กับคุณพระคนนั้นหรือคะ"
"คงอย่างนั้น ก็คุณพระเป็นคนขอตัวโชคมาไว้ในกรมนี่"
ไอรีนได้แต่พยักหน้ารับรู้ ไม่มีความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนั้น ชะเง้อมองผ่านไหล่ชายหนุ่มเมื่อเห็นเรือเข็มอีกสองลำตามหลังกันมา ประนมมือขึ้นไหว้ พระสูงอายุในลำข้างหน้าจึงวาดหัวเรือเข้าหา
สำรับที่เตรียมมากะไว้ว่าพอสำหรับพระห้ารูป จึงใช้เวลาใส่บาตรอยู่ไม่นาน หลังจากรูปที่สองและสามผ่านไป พระรูปอื่นๆก็ตามหลังกันมาติดๆ เมื่อไม่มีแกงคั่วและผัดผักเหลืออยู่อีก จึงเทข้าวที่เหลือลงในคลองให้เป็นอาหารปลา แล้วรวบรวมขันเงินและโถเข้าด้วยกัน มีประพันธ์ช่วยขนกลับไปที่ครัว
นางไวหิ้วม้าสำหรับวางสำรับเดินตามหลัง สวนกับแจ้งที่เชิงบันไดขึ้นเรือน
ญาติฝ่ายคุณสร้อยชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเคียงกันมา ยิ่งเมื่อทั้งคู่ไม่แสดงท่าทีว่าสนใจจะทักทายก็เกิดอาการฮึดฮัด ไม่พอใจตั้งแต่แรกแล้วที่เห็นเพื่อนของสบโชคคอยตามติดสาวน้อย ทำเป็นช่วยโน่นช่วยนี่ จึงตีวัวกระทบคราดด้วยการส่ายอาดๆเข้าไปดักหน้านางไว ใจยังไม่กล้าพอที่จะเกะกะระรานเอากับนายทหารหนุ่ม
"ยายไว มีอะไรกินมั่ง" เสียงห้วนเกือบเหมือนตวาดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ปากพูดกับคนหนึ่ง แต่สายตาตวัดไปที่อีกสองคนซึ่งกำลังจะเดินเลยไปหลังเรือนอยู่แล้ว
ไอรีนได้ยิน จึงย้อนกลับมาตอบเสียแทน
"ข้าวที่หุงไว้ใส่บาตรพระยังมีเหลือค่ะ มีแกงกับผัดบวบ ถ้าพี่แจ้งจะคอยกินพร้อมคุณแม่ใหญ่ จะได้ทำน้ำพริกกับทอดปลาให้ด้วย"
"กลายเป็นแม่ครัวไปแล้วหรือ ไอรีน" ประพันธ์ล้อยิ้มๆ
"ช่วยแม่อนงค์ดอกค่ะ พี่ประพันธ์"
แจ้งฮึดฮัดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าญาติสาวเพียงหยุดเดินแค่อึดใจเพื่อบอกให้รู้ แล้วไม่ให้ความสนใจตัวอีก ไม่สนใจแม้จะคอยฟังคำตอบด้วยซ้ำว่าตกลงจะกินข้าวตอนนี้หรือคอยกินร่วมกับคนอื่น
ยืนคว้างอยู่ตรงนั้นเองเมื่อนางไวก็เดินเลยเสียไปแล้ว ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรตามเข้าไปในครัวดีหรือไม่ ตั้งแต่มานั่งกินนอนกินอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้สามวันเข้านี่แล้วก็ยังไม่เคยเข้าไปในครัวนั่นสักครั้ง ก็ครัวไฟไม่ใช่ที่ของผู้ชายนี่นะ ผู้ชายควรอยู่ในที่ซึ่งมีความสำคัญมากกว่านั้น จะยอมเสียศักดิ์ศรีตามเข้าไปล่ะหรือ ในเมื่อภาพความสนิทสนมของชายหนุ่มหญิงสาวมันบาดตาออกอย่างนั้น ที่จริงตัวน่าจะมีสิทธิ์มีเสียงอะไรบ้างในบ้านหลังนี้ในฐานะที่เป็นหลานชายเจ้าของบ้าน
แต่มาคิดอีกที อย่าเพิ่งทำอะไรให้สาวน้อยชังน้ำหน้าจะดีกว่า ยิ่งตั้งใจจะผูกสายสัมพันธ์ให้กระชับแน่นแฟ้นเท่าไร ก็ยิ่งต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำมากเท่านั้น ไอรีนเชื่อฟังก็แต่บิดาเพียงผู้เดียว จะเข้าทางอาก็คงลำบากถ้าหล่อนไม่เอาด้วยเสียอย่าง
นายสินนางจวงกลับเมืองนนท์ไปสองวันแล้ว บอกไว้ว่าจะมาใหม่ในบ่ายวันบรรจุศพ แต่แจ้งยังไม่ยอมไปไหน ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ต่อเพราะเกิดติดอกติดใจลูกเลี้ยงของอาเข้านี่แหละ
ญาติพี่น้องของคุณสร้อยซึ่งมาค้างด้วยหลายคนเพื่อช่วยงานก็แยกย้ายกันกลับไปหมดเช่นกัน เรือนครึ่งตึกครึ่งไม้ที่คับแคบไปถนัดใจอยู่สามวันก็กลับโล่งเหมือนเดิม พรุ่งนี้จะสวดพระอภิธรรมวันสุดท้ายแล้ว และแขกที่มาฟังสวดก็เหลือวันละไม่มากคน จึงไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยงานมากมายเหมือนวันแรกๆ