สวัสดีค่ะ
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเราเอง
เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน จะได้ระมัดระวังมากขึ้นค่ะ
เริ่มต้นคือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนส่ง inbox ผ่าน Facebook มาให้ เรา ว่าได้ขายมือถือ Note2หรือเปล่า
แต่เพราะเราคิดว่าเขาคงส่งผิดคน เลยไม่ได้สนใจ ตอบกลับ ต่อจากนี้เราจะเรียกคนนี้ว่า น้อง A นะคะ
(แอบรู้สึกผิด คราวหน้าถ้ามีใครมาถามจะรีบตอบเลยค้า)
จนน้อง A สืบหาFacebook ของแฟนเราและได้ส่ง Inbox มาที่แฟนเรา พร้อมส่งภาพบัตรประชนของเรามาให้แฟนเราดู ว่าใช่เราไหม
เราขายมือถือจริงไหม เราจึงได้รู้ว่ามีคนเอาภาพบัตรประชาชนเราไปแอบอ้างจริงๆ (แฟนline มาบอกว่า เธอๆ งานเข้า)
จากภาพบัตรประชาชน เราจำได้ว่าเคยเอาให้ใครไป
(ขออนุญาตไม่แจ้งในนี้นะคะ)
ทั้งได้ทำลายน้ำไว้แล้วด้วยนะ แต่คนชั่วก็ยังสามารถเอาไป
ปลอมแปลง แถมเปลี่ยนที่อยู่และทำลายน้ำทับซะงั้น
อันนี้เป็นความสะเพร่าของเราเอง ที่ไม่ทำลายน้ำเข้มๆกว่านี้
พอคุยกันไปมากับน้อง A จึงได้ข้อมูลมาว่า
มีคนลงเวปไซค์***ขายซัมซุง note2 และเมื่อตกลงซื้อ
ผู้ซื้อได้ขอดูบัตรประชาชน ของผู้ขาย และ บัญชีธนาคารที่ชื่อตรงกัน
(ตอนนี้เรารู้แล้วนนะว่าขอดูแค่นี้มันไม่พอนะเธอ โลกออนไลน์อยู่ยากขึ้นทุกวัน)
และน้อง A ก็ได้โอนเงินไป จนเวลาผ่านไปคนขายก็หายสาบสูญไป ติดต่อไม่ได้ซะงั้น น้อง A จึงเริ่มต้นสืบหาเราจนเจอ เป็นบุญจริงๆ ที่เราได้รู้และเริ่มต้นแก้ไข
เราติดต่อไปที่ callcenter ธนาคารที่น้อง A โอนเงินไป
สอบถามการเปิดบัญชีว่ามีชื่อเราไหม
ซึ่งธนาคารนี้เป็นธนาคารที่เราไม่เคยไปเปิดบัญชีด้วยเลย
ครั้งแรก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีข้อมูลบัญชีที่เปิดโดยชื่อและบัตรประชาชนของเราเลย (แอบโล่งอก) และเลขที่บัญชีที่น้องA โอนไปไม่ใช่ของธนาคารนี้ (อ้าว แปลกไหมล่ะ)
เราจึงลองโอนเข้าบัญชีนั้นดู 1บาท ผ่านตู้ ATM
แล้วหน้าจอมันก็ขึ้นชื่อเราค้า คุณหลอกดาวอ่ะ ไหนว่าไม่มีบัญชีฉันไง!!
เราจึงถ่ายรูป หน้าจอตู้ ATM ไว้ และโทรไป callcenter อีกครั้ง
เจ้าหน้าที่คนที่ 2 บริการดีมาก นางไปค้นหาข้อมูลให้เราจนเจอบัญชีนี้ และ เนื่องจากเรามีบัญชีต้นทางที่โอนไป การหาข้อมูลเลยง่ายขึ้น
นางสรุปว่า
มีคนเอาบัตรประชาชนเราไปเปิดบัญชีออนไลน์ ผ่านแอปพิเคชั่น ของธนาคารนี้
ซึ่งเมื่อผู้ซื้อโอนเงินไปมันจะขึ้นชื่อเรา
นี้อาจเป็นการเพิ่มความน่าเชื้อถือของมิจฉาชีพรูปแบบนึง
และ บัญชีนี้จะผูกกับอีกบัญชีนึง ชื่อบัญชีนั้นไม่ใช่ชื่อเรา เพื่อโอนเงินออกไปอีกที
ซึ่งตอนนี้น้อง A ได้ไปแจ้งความแล้ว
และเราได้เดินทางไปที่ ปอท. (กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)
เพื่อแจ้งความและลงบันทึกประจำวันแล้ว
จึงนำเรื่องราวมาเพื่อเตือนทุกๆคน
1. บัตรประชนชนเป็นสิ่งสำคัญ มากๆๆๆๆๆๆ ไม่ควรส่งให้ใครทางออนไลน์ทั้งนั้น ถ้ามีความจำเป็นต้องทำลายน้ำตัวหนาๆ สีจัดๆไปเลย ระบุให้ชัดว่าใช้เพื่ออะไร
2. คนซื้อของทางออนไลน์ อาจต้องเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อมากยิ่งขึ้น เพราะตอนนี้มิจฉาชีพ เพิ่ม level ในการหลอกลวงแล้วจ้า
3. ฝากถึงธนาคารสำหรับการเปิดบัญชีออนไลน์นะคะ ว่าคุณมีความปลอดภัยในการให้บุคคลทำธุรกรรมออนไลน์เพียงพอหรือยัง
เพราะธนาคารนี้สามารถให้เปิดบัญชีออนไลน์ โดยผูกกับบัญชีอื่นที่ชื่อไม่ตรงกันได้
(เราเช็คอีกธนาคารที่มีบริการนี้เหมือนกัน เขาระบุให้ผูกกับบัญชีที่ชื่อตรงกันเท่านั้น)
แม้ทางธนาคารจะปิดบัญชีให้ตามที่เราร้องขอไป แต่นั้นเป็นการป้องกันแบบวัวหายล้อมคอก คือความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว มันควรมีมาตรการป้องกันก่อนไหม เทคโนโลยีควรมาพร้อมความปลอดภัยหรือเปล่า??
ขอบคุณค่ะ
เราอาจลงรูปน้อย เพราะเกรงจะมีผลทางกฏหมาย(หรือเปล่า?)
และหากมีพิมพ์ตกหล่นหรือผิดไป ขอโทษด้วยนะคะเราพิมพ์จากมือถือ
ใครมีคำแนะนำดีๆ บอกเราได้นะคะ หรือคิดว่าน่าจะโดนเหมือนกัน หลังไมค์มาสอบถามได้ค่ะ
เตือนภัย** ถูกคนนำบัตรประชาชนไปแอบอ้างขายของ หลอกให้โอนเงิน**
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเราเอง
เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน จะได้ระมัดระวังมากขึ้นค่ะ
เริ่มต้นคือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนส่ง inbox ผ่าน Facebook มาให้ เรา ว่าได้ขายมือถือ Note2หรือเปล่า
แต่เพราะเราคิดว่าเขาคงส่งผิดคน เลยไม่ได้สนใจ ตอบกลับ ต่อจากนี้เราจะเรียกคนนี้ว่า น้อง A นะคะ
(แอบรู้สึกผิด คราวหน้าถ้ามีใครมาถามจะรีบตอบเลยค้า)
จนน้อง A สืบหาFacebook ของแฟนเราและได้ส่ง Inbox มาที่แฟนเรา พร้อมส่งภาพบัตรประชนของเรามาให้แฟนเราดู ว่าใช่เราไหม
เราขายมือถือจริงไหม เราจึงได้รู้ว่ามีคนเอาภาพบัตรประชาชนเราไปแอบอ้างจริงๆ (แฟนline มาบอกว่า เธอๆ งานเข้า)
จากภาพบัตรประชาชน เราจำได้ว่าเคยเอาให้ใครไป
(ขออนุญาตไม่แจ้งในนี้นะคะ)
ทั้งได้ทำลายน้ำไว้แล้วด้วยนะ แต่คนชั่วก็ยังสามารถเอาไป
ปลอมแปลง แถมเปลี่ยนที่อยู่และทำลายน้ำทับซะงั้น
อันนี้เป็นความสะเพร่าของเราเอง ที่ไม่ทำลายน้ำเข้มๆกว่านี้
พอคุยกันไปมากับน้อง A จึงได้ข้อมูลมาว่า
มีคนลงเวปไซค์***ขายซัมซุง note2 และเมื่อตกลงซื้อ
ผู้ซื้อได้ขอดูบัตรประชาชน ของผู้ขาย และ บัญชีธนาคารที่ชื่อตรงกัน
(ตอนนี้เรารู้แล้วนนะว่าขอดูแค่นี้มันไม่พอนะเธอ โลกออนไลน์อยู่ยากขึ้นทุกวัน)
และน้อง A ก็ได้โอนเงินไป จนเวลาผ่านไปคนขายก็หายสาบสูญไป ติดต่อไม่ได้ซะงั้น น้อง A จึงเริ่มต้นสืบหาเราจนเจอ เป็นบุญจริงๆ ที่เราได้รู้และเริ่มต้นแก้ไข
เราติดต่อไปที่ callcenter ธนาคารที่น้อง A โอนเงินไป
สอบถามการเปิดบัญชีว่ามีชื่อเราไหม
ซึ่งธนาคารนี้เป็นธนาคารที่เราไม่เคยไปเปิดบัญชีด้วยเลย
ครั้งแรก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีข้อมูลบัญชีที่เปิดโดยชื่อและบัตรประชาชนของเราเลย (แอบโล่งอก) และเลขที่บัญชีที่น้องA โอนไปไม่ใช่ของธนาคารนี้ (อ้าว แปลกไหมล่ะ)
เราจึงลองโอนเข้าบัญชีนั้นดู 1บาท ผ่านตู้ ATM
แล้วหน้าจอมันก็ขึ้นชื่อเราค้า คุณหลอกดาวอ่ะ ไหนว่าไม่มีบัญชีฉันไง!!
เราจึงถ่ายรูป หน้าจอตู้ ATM ไว้ และโทรไป callcenter อีกครั้ง
เจ้าหน้าที่คนที่ 2 บริการดีมาก นางไปค้นหาข้อมูลให้เราจนเจอบัญชีนี้ และ เนื่องจากเรามีบัญชีต้นทางที่โอนไป การหาข้อมูลเลยง่ายขึ้น
นางสรุปว่า
มีคนเอาบัตรประชาชนเราไปเปิดบัญชีออนไลน์ ผ่านแอปพิเคชั่น ของธนาคารนี้
ซึ่งเมื่อผู้ซื้อโอนเงินไปมันจะขึ้นชื่อเรา
นี้อาจเป็นการเพิ่มความน่าเชื้อถือของมิจฉาชีพรูปแบบนึง
และ บัญชีนี้จะผูกกับอีกบัญชีนึง ชื่อบัญชีนั้นไม่ใช่ชื่อเรา เพื่อโอนเงินออกไปอีกที
ซึ่งตอนนี้น้อง A ได้ไปแจ้งความแล้ว
และเราได้เดินทางไปที่ ปอท. (กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)
เพื่อแจ้งความและลงบันทึกประจำวันแล้ว
จึงนำเรื่องราวมาเพื่อเตือนทุกๆคน
1. บัตรประชนชนเป็นสิ่งสำคัญ มากๆๆๆๆๆๆ ไม่ควรส่งให้ใครทางออนไลน์ทั้งนั้น ถ้ามีความจำเป็นต้องทำลายน้ำตัวหนาๆ สีจัดๆไปเลย ระบุให้ชัดว่าใช้เพื่ออะไร
2. คนซื้อของทางออนไลน์ อาจต้องเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อมากยิ่งขึ้น เพราะตอนนี้มิจฉาชีพ เพิ่ม level ในการหลอกลวงแล้วจ้า
3. ฝากถึงธนาคารสำหรับการเปิดบัญชีออนไลน์นะคะ ว่าคุณมีความปลอดภัยในการให้บุคคลทำธุรกรรมออนไลน์เพียงพอหรือยัง
เพราะธนาคารนี้สามารถให้เปิดบัญชีออนไลน์ โดยผูกกับบัญชีอื่นที่ชื่อไม่ตรงกันได้
(เราเช็คอีกธนาคารที่มีบริการนี้เหมือนกัน เขาระบุให้ผูกกับบัญชีที่ชื่อตรงกันเท่านั้น)
แม้ทางธนาคารจะปิดบัญชีให้ตามที่เราร้องขอไป แต่นั้นเป็นการป้องกันแบบวัวหายล้อมคอก คือความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว มันควรมีมาตรการป้องกันก่อนไหม เทคโนโลยีควรมาพร้อมความปลอดภัยหรือเปล่า??
ขอบคุณค่ะ
เราอาจลงรูปน้อย เพราะเกรงจะมีผลทางกฏหมาย(หรือเปล่า?)
และหากมีพิมพ์ตกหล่นหรือผิดไป ขอโทษด้วยนะคะเราพิมพ์จากมือถือ
ใครมีคำแนะนำดีๆ บอกเราได้นะคะ หรือคิดว่าน่าจะโดนเหมือนกัน หลังไมค์มาสอบถามได้ค่ะ