[CR] ฺเบตง เบตง เบตง

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวสักนิดว่า รีวิวนี้เป็นการรีวิวครั้งแรกในชีวิตของเรา ดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดประการใดขอให้ด่าได้แต่อย่าแรง เราเป็นคนจิตใจอ่อนแอ อาจจะพ่ายแพ้ให้กับคำพูดแรงๆที่แทงใจจากเธอ

การเดินทางไปเบตงนั้น เธอสามารถไปได้หลายเส้นทางอยู่นะ แต่เนื่องจากทริปนี้เราเดินทางคนเดียว(เพราะพวกเธอไม่ยอมมากับเรา) เราจำเป็นต้องเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ
เราออกตัวจากสุวรรณภูมิด้วย สายการบินไทยสไมล์ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ แต่เราต้องพก passport ไปด้วยนะ เพราะเดี๋ยวเราจะออกนอกประเทศกับแว๊บนึง


เราเลือกไปไฟลท์เช้ามาก ตอนนี้เราง่วงมาก เราพร้อมหลับบนเครื่องแล้วตอนนี้


หลับไปตื่นเดียวเท่านั้น เราก็มาถึงสนามบินหาดใหญ่โดยสวัสดิภาพ ระหว่างที่เรารอกระเป๋าอยู่นั้น ลุงมอญจากคิวรถไปเบตงที่เราจองไว้ก็โทรมา แจ้งว่าประมาณ 8 โมงเช้ารถที่จะมารับเราจะมาถึง พอเราได้กระเป๋าเรียบร้อย ก็มีเบอร์แปลกๆโทรมา คนขับรถนั่นเอง นางแจ้งว่านางจะมาช้านิดนึง นางเอารถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ และในที่สุดเมื่อถึงเวลานัดหมาย เราก็ได้เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่


เราถูกเอามาทิ้งไว้ที่คิวรถ เพื่อรอเวลารถออก โดยรถสายหาดใหญ่เบตงของคิวลุงมอญจะมี 2 เส้นทาง คือเส้นทาง ไทย ซึ่งจะวิ่งผ่านจังหวัด ปัตตานี ยะลา ซึ่งรายชื่ออำเภอที่ผ่านนั้นล้วนคุ้นหูเราทั้งสิ้น เราเลยไม่ขอเลือกไปทางนี้ เส้นทางที่เราเลือกจะเดินทางโดยรถยนต์ 5 ที่นั่ง วิ่งจากหาดใหญ่ไปผ่านประเทศมาเลเซีย แล้วโผล่เข้าไทยอีกทีที่เบตงเลย เส้นทางนี้จะมีรถออกจากหาดใหญ่วันละ 2 รอบ เวลา 9.00 และ 12.00 ค่าโดยสาร 400 บาท (ไม่รวมรับที่สนามบิน) ถ้าจะไปแนะนำให้โทรไปจองกับลุงมอญก่อนนะเธอ เบอร์ลุงมอญ : 0956320331


เมื่อเจอหน้ากันปุ๊บลุงมอญก็ถามหา passport เราปั๊บ เราก็ส่งให้ลุงก็เขียนใบ ตม.ให้เราด้วยความรวดเร็ว แล้วส่งคืนมาพร้อมบอกว่า รถออกเลทหน่อยนะหนู อีกคนเครื่องดีเลย์ น่าจะออกประมาณ 9.45 เราก็มองนาฬิกา ตอนนี้ยังไม่ 9 โมงเลย เราเลยไปเดินสำรวจเมืองซะหน่อย

เดินมาได้ไม่ไกล เราก็ถูกกลิ่นหอมดึงดูดให้เราต้องเข้าไปหา


นั่นแหละเธอ ร้านอยู่แถวหน้าตลาดกิมหยง ไม่มีชื่อร้าน รสชาติดี เครื่องในไม่มีกลิ่น ไม่เหนียว เคี้ยวกรุบๆ และลูกชายเจ้าของร้านหล่อทุกคน (เกี่ยวไหมนะ)

อิ่มเรียบร้อยก็กลับมาที่คิวก็ใกล้ได้เวลารถออก ที่คิวเราก็ได้เจอกับผู้ร่วมทาง เรารู้สึกปลอดภัยอย่างสูงสุดเมื่อพบว่าผู้ร่วมเดินทางของเราเป็นหญิงล้วนอ่ะเธอ  คนแรกเป็นคุณหมอประจำอยู่ รพ.เบตง อีกคนเป็นคนเบตงที่เดินทางกลับบ้านในช่วงวันหยุดยาว อีกคนเป็นคุณครูสาวจากหาดใหญ่หัวใจโซเซมาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน คุยไปคุยมาเลยรู้ว่าพักที่เดียวกันด้วย สบายแล้วทริปนี้ เรามีเพื่อนเที่ยวแล้วเธอ

นั่งรถมาประมาณชั่วโมงเศษๆเราก็เดินทางมาถึงด่านประกอบ ที่นี้เราต้องลงไปประทับตราที่ตม.


แล้วเราก็เข้าสู่ประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ (ที่กระจกรถมีขี้นก อย่าตกใจ)


ระหว่างทางรถจะแวะเติมน้ำมันที่นี่ เพราะว่ามันถูกกว่าน้ำมันไทยมากจริงๆ


สำหรับใครที่หวังมาเข้าห้องน้ำตามปั๊มนั้น....เราขอให้เธอคิดดูให้ดี


ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงปลายๆ เราก็เดินทางมาถึง ด่านเบตง


ที่รอบด่านเบตงมีจุดให้ถ่ายรูปได้หลายจุดเลยนะเธอ




คนขับจะไปส่งเราถึงโรงแรมที่เราพักเลย ทริปนี้เราพักที่โรงแรมโมเดิร์นไทยโฮเทล โรงแรมใจดีให้คุณครูแคลเซิลห้องพักเพื่อมานอนกับเราได้ ประหยัดกันไปเยอะเลย ห้องพักที่นี่มีหลายราคา เริ่มต้นห้องมาตรฐานที่คืนละ 690 บาท ไม่มีอาหารเช้านะจ๊ะ


ถึงที่พักเราสองคนก็...นอนค่ะ ประมาณบ่ายสามคุณครูก็มาปลุกค่ะ บอกว่าพี่คนเบตงที่เดินทางมาด้วยกันโทรมาชวนไปกินข้าว เราก็ล้างหน้าล้างตาพร้อมไปทันที ตื่นมาก็หิวมากเลย

เราไปเจอกันที่ร้าน ต้าเหยิน ร้านอยู่แถวๆหอนาฬิกาเบตงนั่นแหละ ไม่ไกลจากโรงแรม

ไก่สับเบตง

เคาหยก

กบภูเขาทอดกระเทียม

ผัดผักน้ำ


4 อย่างกิน 4 คน (อีกคนคือน้องสาวของพี่ที่ชวนเรามา) อิ่มมากกกกกก ระหว่างกินก็พูดคุยแนะนำที่เที่ยวกันไปบลาๆๆ เราจึงได้รู้ว่าคุณน้องสาวเพิ่งขี่มอไซด์ไปดูทะเลหมอกอัยเยอร์เวงมาคนเดียวเมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมา วินาทีนั้นเราความกังวลเกี่ยวกับทริปพรุ่งนี้ของเราหายไปหมดเลย มีแต่ความตื่นเต้นที่จะได้ไปดูทะเลหมอก (ผู้หญิงคนเดียวก็ขี่มอไซด์ไปได้ นี่เรามีเพื่อนร่วมทางอีกคันนึงด้วยนะ ทำไมเราจะไปไม่ได้ว่ะ)

หลังจากมื้ออาหาร เราก็กลับโรงแรมไปติดต่อขอเช่ามอไซด์ ราคาคันละ 300 บาท/วัน ต้องคืนก่อนเที่ยงของวันถัดไป เราเช่า 2 คัน 2 วัน สำหรับ 2 คน พอได้รถแล้วเราก็...ไปนอน จนฟ้าเริ่มมืดเราก็ออกหากิน




และเราก็จำได้ว่าคุณหมอบอกในรถว่าคืนนี้มีงานกาชาดประจำปีคืนสุดท้ายที่บนเขา เราเลยไม่ขอพลาดที่จะขึ้นไปเที่ยวสักนิดนึง








มาทั้งทีเราก็ขอตักไข่นิดนึง แต่อย่างที่เห็น ได้ ข(รางวัลเล็กสุดๆ) หมดทั้งตะกร้า น้องจะให้น้ำผลไม้ดีโด้เรามา 2 แพค แต่เราขอน้อง 4 ขวดพอ(พี่หนัก)

ก่อนกลับที่พักเราแวะถ่ายรูปกันที่แลนด์มาร์คของเบตงกัน ก่อนจะรีบกลับไปนอนเพราะว่าพรุ่งนี้เราคุยกันว่าจะออกเดินทางตอนตี 4



ตีสามครึ่งเราก็ตื่นอย่างจำใจเพราะเสียงนาฬิกาปลุก รีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันและแน่นอนว่าเราไม่อาบน้ำค่ะ มันหนาวมากเลยตอนนี้ ตีสี่เป๊ะเราก็ออกเดินทางสู่ทะเลหมอกซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเบตงไปประมาณสี่สิบกว่ากิโล มันเป็นทางขึ้นเขา เราต้องเผื่อเวลา เธออาจจะสงสัยว่าทางน่ากลัวไหม เราบอกไว้ตรงนี้เลยว่า น่ากลัวมาก มันมืด มืด มืด และมืดค่ะ นานๆจะเจอด่าน ตลอดทางมีประมาณ 4 ด่านเห็นจะได้ แต่ก็แค่น่ากลัวค่ะ แต่ไม่ได้มีอะไรนอกจากความมืด เราก็ขับไปช้าๆอย่างระมัดระวัง ประมาณตีห้าครึ่ง เราก็ถึงจุดถ่ายรูปก่อนขึ้นจุดชมวิว จากจุดนี้เราต้องขี่ขึ้นไปอีกประมาณ 2 กิโลน่าจะได้ หรืออาจจะใกล้กว่านั้น


เราขึ้นไปบนจุดชมวิวค่ะ ที่นี่มีคนมารอดูทะเลหมอกประมาณ 50 กว่าชีวิต และยังมีมาอีกเรื่อยๆ





จุดชมทะเลหมอกเค้าสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้นค่ะ ชั้นบนสวยมาก มีหมอกรอบตัวเราประมาณ 270 องศา

แล้วเราก็ลงมาที่จุดถ่ายรูป ตรงนี้จะมาร้านอาหารมาตั้งขายกันด้วย เราฝากท้องมื้อเช้าไว้แถวนี้แหละ




แล้วเราก็ไปต่อกันที่สวนดอกไม้เมืองหนาว เสียค่าเข้าชม 20 บาท



คันนี้เป็นรถคู่ใจประจำทริป


ไปดูดอกไม้กัน อย่าถามว่าชื่อดอกอะไรนะเธอ เราก็ไม่รู้หรอก










แล้วเราก็เดินทางต่อไปยังอุโมงค์ปิยะมิตร วิวระหว่างทางของวันนี้สวยมากเลยเธอ นี่เป็นตัวอย่าง




ถึงแล้ว อุโมงค์ปิยะมิตร ค่าเข้าชม 30 บาท



จริงๆแล้วยังไม่ถึง ต้องเดินอีกไกลพอควร ที่สำคัญชันใช้ได้เลยเธอ





ถึงแล้วทางเข้าอุโมงค์ จะมีทหารมารอต้อนรับ เข้าไปดูข้างในกัน
ชื่อสินค้า:   เบตง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่