Whole30 คือ การกดปุ่มรีเซทให้กับสุขภาพของคุณ และ ความสัมพันธ์ของคุณกับอาหารภายในเวลา 30 วัน ซึ่งโปรแกรมนี้ถูกคิดขึ้นโดย Melissa Hartwig และ Dallas Hartwig คอนเซปของ Whole30 คืออการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการ และงดทานอาหารจำพวก ข้าว ธัญพืช นมสัตว์ น้ำตาล ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานจากไขมันที่เก็บเอาไว้ และอื่นๆอีกมากมาย
การรับประทานแบบ Whole30 ต้องทำอย่างไรบ้าง
ในระหว่างโปรแกรมนี้จะ ไม่มีการนับ calorie ไม่มีการชั่งน้ำหนัก หรือประเมินอะไรเกี่ยวกับร่างกายเป็นเวลา 30 วัน โดยจุดประสงค์คือไม่ต้องการให้ผู้เข้าร่วมโปรแกรมจดจ่ออยู่กับน้ำหนักของตนเอง แต่ต้องการที่จะให้ประเมินตนเองด้วยสิ่งอื่นๆ เช่นอาการท้องอืดลดลง นอนหลับสบายขึ้น หรือ มีแรงออกกำลังทำงานมากขึ้น ซึ่งมันฟังดูดีกว่าแค่น้ำหนักลดมากเลยทีเดียว
ส่วนทางด้านอาหารนั้นจะเน้นไปที่การทานอาหารสดเช่นผักสด เนื้อสัตว์(เอามาทำให้สุกก่อนนะ) เครื่องเทศ ผลไม้ เป็นต้น และ งดรับประทาน ธัญพืชทุกชนิด ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วต่างๆเช่นถั่วเหลือง ถั่วลิสง น้ำตาล น้ำตาลเทียม และ แอลกอฮอล์ ซึ่งอาหารเหล่านี้ที่กล่าวมา ถ้าหากรับประทานมากจนเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกายได้ ซึ่งอาการอักเสบเหล่านี้เกิดขึ้นน้อยๆ มาเป็นเวลานาน และแสดงอาการออกมาต่างๆนาๆเช่น อาการปวดเนื้อ ปวดตัว ปวดข้อ นอนไม่หลับ ท้องอืด เสียสมดุลฮอร์โมน เป็นต้น หลักการของ Whole30 คือการนำอาหารทุกอย่างที่มีผลดังกล่าวออกมาจานอาหารของคุณเป็นเวลา 30 วัน ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย และให้เวลาร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆที่เคยเกิดขึ้นมาตลอดชีวิต ทำให้อาการปวดลดลง ระดับฮอร์โมนกลับมาปกติ หายท้องอืด ผิวหนังผ่องใส ซึ่งทำให้น่าลองไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากครบ 30 วัน คุณจะทดลองอาหารที่คุณเลิกกินไปทีละอย่างๆ เพื่อดูว่าร่างกายของคุณนั้นไม่รับกับอาหารชนิดอะไร และสร้างโมเดลการรับประทานอาหารในแบบของคุณเอง
ทำไมผมถึงลอง Whole30
เนื่องจากผมเป็นคนที่มีน้ำหนักมากมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เป็นคนที่อ้วนจ้ำม่ำที่สุดในชั้นเสมอๆ
บางครั้งก็รู้สึกว่าการที่อ้วนจ้ำม่ำนี่มันก็เป็นปมด้อยอย่างหนึ่งของเราเลยนะ ซึ่งความคิดเหล่านี้มันก็ทำให้เราอยากที่จะเปลี่ยนแปลง
ซึ่งผมก็พยายามมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งก็ไม่เรียกว่าล้มเหลว แต่เรียกว่ายังไม่ประสพความสำเร็จตามจุดประสงค์ที่เคยตั้งไว้ซะมากกว่า
จากนั้นผมก็กำลังจะลองสมัครคอสลดน้ำหนักที่ราคาหลายหมื่นบาท แต่หลังจากนั่งค้นหาข้อมูลหาอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็เจอหนังสือเล่มหนึ่ง
ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะเน้นไปทางแนวทางปฏิบัติโปรแกรมที่ว่ามา tip & trick ต่างๆที่จะทำให้เราผ่านพ้น 30 วันไปได้โดยไม่เบี้ยวกฏ ของโปรแกรม
ซึ่งหนังสือที่มาก่อนหน้านี้โดยคนเขียนเดียวกันคือ It Started with Food จะเป็นหนังสือที่อธิบายหลักการต่างๆของโปรแกรม บอกว่าทำไมต้องงดอาหารต่างๆ (ซึ่งผมยังอ่านเล่มแรกไม่จบ)
สิ่งที่น่าสนใจของโปรแกรมนี้คือ เป็นโปรแกรมที่ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมใดๆ ไม่มีอาหารเสริม ไม่มียา ไม่มีอะไรแปลกๆที่ดูน่าจะเป็นอันตรายให้เรากิน สิ่งที่จำเป็นมีแค่การทำอาหารด้วยตัวเอง เพราะถ้าซื้อเค้ากินก็คงจะเป็นการยากที่จะหาอาหารตามสเปคที่กำหนดให้ได้ โปรแกรมนี้ไม่มีการคำนวนแคลอรี่ ซึ่งแปลว่าจะกินเท่าไหร่ก็ได้ไม่ต้องกังวล ที่สำคัญอีกอย่างคือ โปรแกรมนี้ไม่ใช่โปรแกรมลดความน้ำหนัก (แต่น้ำหนักมักจะลดเมื่อทำโปรแกรมนี้) แต่เป็นโปรแกรมที่จะช่วยรีเซทสุขภาพของเราให้ดีขึ้นมา หลังจากที่เราทำร้ายมันด้วยอาหารที่รับประทานมาเป็นแรมปี นอกจากนั้นยังเป็นการกำจัดอารมณ์ขาดน้ำตาลของเราได้อีกด้วย ซึ่งผมก้เป็นคนที่ทั้งอยากลดน้ำหนัก และอยากสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ผมจึงทำการศึกษาและเตรียมตัวอย่างดี ก่อนจะลองเริ่มลงมือทำจริงๆจังๆดู
แล้วสรุปว่าโปรแกรมนี้กินอะไรได้บ้าง?
ต้นแบบของโปรแกรมนี้มาจากการกินที่เรียกว่า Paleo Diet ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการกินแบบสมัยดึกดำบรรพ์ เพราะในปัจจุบันอาหารจำพวกข้าว และแป้งต่างๆนั้นพึ่งมาเป็นที่นิยมบริโภคกันหลังมนุษย์รู้จักการเกษตร ซึ่งการบริโภคอาหารเหล่านั้น และน้ำตาลเป็นประจำทำให้ร่างกายของเราเคยชิน และขาดน้ำตาลไม่ได้ มีอาการอยากน้ำตาลอยากของหวานตลอดเวลา ดังเช่นเวลาที่ทานอาหารมาอิ่มๆแล้วขอต่อของหวาน หรือเดินไปซื้อกาแฟนั่นเอง แต่โปรแกรม Whole30 ไม่ใช่โปรแกรมการกินแบบบรรพบุรุษ ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบที่คล้ายกัน โปรแกรม Whole30 จะมีการหาข้อมูล แล้วจึงห้ามทานอาหารแต่ละชนิดโดยมีหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ ทำให้วัตถุดิบทำอาหารของทั้งสองโปรแกรมจะแตกต่างกันได้เล็กน้อย
โดยรวมแล้วที่กินเป็นหลักๆคือ ผัก ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ อโวคาโด้ แมคคาดิเมีย เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ และ น้ำมันที่มีประโยชน์ต่างๆ โดยจะเน้นไปที่พืช Organic และเนื้อสัตว์เลี้ยงตามธรรมชาติ แต่กินเนื้อสัตว์ธรรมดาก็ได้ เพราะมันแพง
โปรแกรมนี้ไม่ใช่สิ่งที่ยาก
โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่มีชื่อในเรื่องของความจริงจัง ประโยคที่ถูกอ้างอิงบ่อยที่สุดในหนังสือ Whole30 เขียนไว้ว่า
"It is not hard. Don’t you dare tell us this is hard. Quitting heroin is hard. Beating cancer is hard. Drinking your coffee black. Is. Not. Hard."
ซึ่งโปรแกรมนี้จะต้องใช้เวลา 30 วัน ในการไม่แตะอาหารดังที่กล่าวมา ถึงจะเรียกว่าประสพความสำเร็จ ถ้าเผลอรับประทานอะไรที่ต้องยกเว้นเข้าไป จะต้องนับหนึ่งใหม่ทันที
ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่า
โคตรยากเลย 555
โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่เกิดขึ้นในประเทศทางตะวันตกมาเป็นเวลา 5 ปีกว่าแล้ว ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี และ แพทย์ในต่างประเทศบางคนยังแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังของตนรับประทานอาหารตามนี้ด้วย ซึ่งก็มีรายงานว่าได้ผลมาไม่น้อยเลย
ตอนนี้ผมพึ่งเริ่มทำครับ จะพยายามอัพเดทว่าทำอะไรไปบ้าง และลงรายละเอียดให้สำหรับคนที่สนใจครับ
Whole 30 ปุ่มรีเซทสุขภาพ อีกทางหนึ่งของการกินคลีน
การรับประทานแบบ Whole30 ต้องทำอย่างไรบ้าง
ในระหว่างโปรแกรมนี้จะ ไม่มีการนับ calorie ไม่มีการชั่งน้ำหนัก หรือประเมินอะไรเกี่ยวกับร่างกายเป็นเวลา 30 วัน โดยจุดประสงค์คือไม่ต้องการให้ผู้เข้าร่วมโปรแกรมจดจ่ออยู่กับน้ำหนักของตนเอง แต่ต้องการที่จะให้ประเมินตนเองด้วยสิ่งอื่นๆ เช่นอาการท้องอืดลดลง นอนหลับสบายขึ้น หรือ มีแรงออกกำลังทำงานมากขึ้น ซึ่งมันฟังดูดีกว่าแค่น้ำหนักลดมากเลยทีเดียว
ส่วนทางด้านอาหารนั้นจะเน้นไปที่การทานอาหารสดเช่นผักสด เนื้อสัตว์(เอามาทำให้สุกก่อนนะ) เครื่องเทศ ผลไม้ เป็นต้น และ งดรับประทาน ธัญพืชทุกชนิด ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วต่างๆเช่นถั่วเหลือง ถั่วลิสง น้ำตาล น้ำตาลเทียม และ แอลกอฮอล์ ซึ่งอาหารเหล่านี้ที่กล่าวมา ถ้าหากรับประทานมากจนเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกายได้ ซึ่งอาการอักเสบเหล่านี้เกิดขึ้นน้อยๆ มาเป็นเวลานาน และแสดงอาการออกมาต่างๆนาๆเช่น อาการปวดเนื้อ ปวดตัว ปวดข้อ นอนไม่หลับ ท้องอืด เสียสมดุลฮอร์โมน เป็นต้น หลักการของ Whole30 คือการนำอาหารทุกอย่างที่มีผลดังกล่าวออกมาจานอาหารของคุณเป็นเวลา 30 วัน ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย และให้เวลาร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆที่เคยเกิดขึ้นมาตลอดชีวิต ทำให้อาการปวดลดลง ระดับฮอร์โมนกลับมาปกติ หายท้องอืด ผิวหนังผ่องใส ซึ่งทำให้น่าลองไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากครบ 30 วัน คุณจะทดลองอาหารที่คุณเลิกกินไปทีละอย่างๆ เพื่อดูว่าร่างกายของคุณนั้นไม่รับกับอาหารชนิดอะไร และสร้างโมเดลการรับประทานอาหารในแบบของคุณเอง
ทำไมผมถึงลอง Whole30
เนื่องจากผมเป็นคนที่มีน้ำหนักมากมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เป็นคนที่อ้วนจ้ำม่ำที่สุดในชั้นเสมอๆ
บางครั้งก็รู้สึกว่าการที่อ้วนจ้ำม่ำนี่มันก็เป็นปมด้อยอย่างหนึ่งของเราเลยนะ ซึ่งความคิดเหล่านี้มันก็ทำให้เราอยากที่จะเปลี่ยนแปลง
ซึ่งผมก็พยายามมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งก็ไม่เรียกว่าล้มเหลว แต่เรียกว่ายังไม่ประสพความสำเร็จตามจุดประสงค์ที่เคยตั้งไว้ซะมากกว่า
จากนั้นผมก็กำลังจะลองสมัครคอสลดน้ำหนักที่ราคาหลายหมื่นบาท แต่หลังจากนั่งค้นหาข้อมูลหาอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็เจอหนังสือเล่มหนึ่ง
ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะเน้นไปทางแนวทางปฏิบัติโปรแกรมที่ว่ามา tip & trick ต่างๆที่จะทำให้เราผ่านพ้น 30 วันไปได้โดยไม่เบี้ยวกฏ ของโปรแกรม
ซึ่งหนังสือที่มาก่อนหน้านี้โดยคนเขียนเดียวกันคือ It Started with Food จะเป็นหนังสือที่อธิบายหลักการต่างๆของโปรแกรม บอกว่าทำไมต้องงดอาหารต่างๆ (ซึ่งผมยังอ่านเล่มแรกไม่จบ)
สิ่งที่น่าสนใจของโปรแกรมนี้คือ เป็นโปรแกรมที่ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมใดๆ ไม่มีอาหารเสริม ไม่มียา ไม่มีอะไรแปลกๆที่ดูน่าจะเป็นอันตรายให้เรากิน สิ่งที่จำเป็นมีแค่การทำอาหารด้วยตัวเอง เพราะถ้าซื้อเค้ากินก็คงจะเป็นการยากที่จะหาอาหารตามสเปคที่กำหนดให้ได้ โปรแกรมนี้ไม่มีการคำนวนแคลอรี่ ซึ่งแปลว่าจะกินเท่าไหร่ก็ได้ไม่ต้องกังวล ที่สำคัญอีกอย่างคือ โปรแกรมนี้ไม่ใช่โปรแกรมลดความน้ำหนัก (แต่น้ำหนักมักจะลดเมื่อทำโปรแกรมนี้) แต่เป็นโปรแกรมที่จะช่วยรีเซทสุขภาพของเราให้ดีขึ้นมา หลังจากที่เราทำร้ายมันด้วยอาหารที่รับประทานมาเป็นแรมปี นอกจากนั้นยังเป็นการกำจัดอารมณ์ขาดน้ำตาลของเราได้อีกด้วย ซึ่งผมก้เป็นคนที่ทั้งอยากลดน้ำหนัก และอยากสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ผมจึงทำการศึกษาและเตรียมตัวอย่างดี ก่อนจะลองเริ่มลงมือทำจริงๆจังๆดู
แล้วสรุปว่าโปรแกรมนี้กินอะไรได้บ้าง?
ต้นแบบของโปรแกรมนี้มาจากการกินที่เรียกว่า Paleo Diet ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการกินแบบสมัยดึกดำบรรพ์ เพราะในปัจจุบันอาหารจำพวกข้าว และแป้งต่างๆนั้นพึ่งมาเป็นที่นิยมบริโภคกันหลังมนุษย์รู้จักการเกษตร ซึ่งการบริโภคอาหารเหล่านั้น และน้ำตาลเป็นประจำทำให้ร่างกายของเราเคยชิน และขาดน้ำตาลไม่ได้ มีอาการอยากน้ำตาลอยากของหวานตลอดเวลา ดังเช่นเวลาที่ทานอาหารมาอิ่มๆแล้วขอต่อของหวาน หรือเดินไปซื้อกาแฟนั่นเอง แต่โปรแกรม Whole30 ไม่ใช่โปรแกรมการกินแบบบรรพบุรุษ ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบที่คล้ายกัน โปรแกรม Whole30 จะมีการหาข้อมูล แล้วจึงห้ามทานอาหารแต่ละชนิดโดยมีหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ ทำให้วัตถุดิบทำอาหารของทั้งสองโปรแกรมจะแตกต่างกันได้เล็กน้อย
โดยรวมแล้วที่กินเป็นหลักๆคือ ผัก ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ อโวคาโด้ แมคคาดิเมีย เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ และ น้ำมันที่มีประโยชน์ต่างๆ โดยจะเน้นไปที่พืช Organic และเนื้อสัตว์เลี้ยงตามธรรมชาติ แต่กินเนื้อสัตว์ธรรมดาก็ได้ เพราะมันแพง
โปรแกรมนี้ไม่ใช่สิ่งที่ยาก
โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่มีชื่อในเรื่องของความจริงจัง ประโยคที่ถูกอ้างอิงบ่อยที่สุดในหนังสือ Whole30 เขียนไว้ว่า
"It is not hard. Don’t you dare tell us this is hard. Quitting heroin is hard. Beating cancer is hard. Drinking your coffee black. Is. Not. Hard."
ซึ่งโปรแกรมนี้จะต้องใช้เวลา 30 วัน ในการไม่แตะอาหารดังที่กล่าวมา ถึงจะเรียกว่าประสพความสำเร็จ ถ้าเผลอรับประทานอะไรที่ต้องยกเว้นเข้าไป จะต้องนับหนึ่งใหม่ทันที
ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่า
โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่เกิดขึ้นในประเทศทางตะวันตกมาเป็นเวลา 5 ปีกว่าแล้ว ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี และ แพทย์ในต่างประเทศบางคนยังแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังของตนรับประทานอาหารตามนี้ด้วย ซึ่งก็มีรายงานว่าได้ผลมาไม่น้อยเลย
ตอนนี้ผมพึ่งเริ่มทำครับ จะพยายามอัพเดทว่าทำอะไรไปบ้าง และลงรายละเอียดให้สำหรับคนที่สนใจครับ