ต่อจากตอนที่ 1 อารัมภบท
http://pantip.com/topic/35324228
จากสิ่งหนึ่งที่เราละเลยมาโดยตลอด คือ การตรวจสุขภาพประจำปี
เห็นค่าตัวเลข ที่ไม่เคยสนใจ และเข้าใจมันมาก่อน Cr คืออะไร
ค่า Cr ที่ปกติ คือ ไม่ควรเกิน 1.0 หรือ 1.5 ในผู้สูงอายุ
ของเราผลเลือดออกมาคือ 5.11 เกินมาเยอะนะ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเยอะเท่าไหร่
และต้องรักษาอย่างไร
... ทีมงานตรวจสุขภาพจึงแจ้งเราว่า ควรพบแพทย์เฉาะทาง
จากแค่ตรวจเลือดดูค่าระดับน้ำตาลในเลือด กลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที
แต่ในวันนั้น ไม่สามารถเจอกับหมอได้ เนื่องจากคุณหมอโรคไตได้กลับไปแล้ว
พี่พยาบาลจึงได้ทำวันนัดโดยต้องรอไปอีก 1 อาทิตย์ แต่สีหน้าและแววตาพี่ๆ พยาบาล
ดูแล้ว รู้สึกวิตกมาก (ไม่รู้ว่าขณะนั้นพี่เขามีเรื่องวิตกส่วนตัวอะไรหรือเปล่า)
... ระหว่างที่รอเวลาเจอหมอ ก็เล่าเรื่องนี้ให้แฟนฟัง ยอมรับตอนนั้น จิตตกมาก
กังวลไปหมด เพราะไม่รู้ว่าระหว่างรอไปเรื่อยๆ จะเจอหมอนั้น เราต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ให้ปลอดภัย ไม่ให้มันแย่ลงกว่าเดิม
... ส่วนแฟนก็ดูออกจะรำคาญ ประมาณว่า เราจะเครียดอะไรนักหนา ยังไม่เจอหมอเลย
มันอาจไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
... ในระหว่างนั้นเราก็งดอาหารที่เขาว่ากันว่ามีผลต่อไต ทุกอย่างลง เช่น ชา กาแฟ
งดเค็มสนิท ทำอาหารทานแค่ ไข่ขาวต้ม ข้าวสวยขาว บวบเหลี่ยมลวก
(สลับกับผักกาดขาวต้ม/แตงกวาต้ม) ทุกอย่าง อย่างละ 1 ทัพพี โดยประมาณ
วันละสามมื้อ โดยยังคงออกกำลังกายปกติ อย่างที่ทำอยู่ ผ่านมา 4-5 วัน
เริ่มรู้สึกเหนื่อยง่าย จะเป็นลม ตอนนี้วิเคราะห์ตัวเองไม่ออกว่า เป็นเพราะอาการของไต
หรืออาการจากทานอาหารไม่เพียงพอ (ยังงดเนื้อสัตว์อยู่) เครียดมากในช่วงนั้น
หน้าตาเคร่งเครียดจนน้องที่ทำงานทักว่า เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเครียดเหมือนแบกโลกไว้คนเดียว
แต่ก็ไม่อยากบอกใคร รู้กันแค่สองคน ทำทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์ปกติ เราเองคิดว่า
เราทำทุกอย่างปกติ จนวันหนึ่งเข้าห้องน้ำ ตอนเดินออกมาล้างมือ ดูตัวเองในกระจก ตกใจมาก
<-- แบบนี้เลย
แต่ก็พยายามออกกำลังกายเพื่อคาดหวังว่า ถ้าล้ม ก็จะฟื้นเร็ว หรืออย่างน้อย
อวัยวะอื่นๆ ในร่างกายจะได้ประคองอวัยวะที่อ่อนแอของเราไว้ (คิดแบบนี้จริงๆ)
รอคอยวันที่ต้องพบหมอด้วยใจระทึก ซึ่งวันนั้น เราต้องเจาะเลือดเพื่อดุค่าที่เป้นปัจจุบัน
แล้วจึงพบหมออีกครั้ง
...
วันนัดก็มาถึง ...
(ขอต่อเป็นตอนต่อไปนะครับ วันวิเคราะห์ผล)
ปล.หากมีพิมพ์ผิด ขออภัย
ปล.2 หากเรื่องราวของผมจะสามารถนำไปเร้าใจให้ใครต่อใครระมัดระวังตัวเรื่องสุขภาพมากขึ้นได้ ก็ยินดีครับ
เสียงเล็กๆ จากคนป่วยไต ตอนที่ 2 แรกเลยที่รู้
http://pantip.com/topic/35324228
จากสิ่งหนึ่งที่เราละเลยมาโดยตลอด คือ การตรวจสุขภาพประจำปี
เห็นค่าตัวเลข ที่ไม่เคยสนใจ และเข้าใจมันมาก่อน Cr คืออะไร
ค่า Cr ที่ปกติ คือ ไม่ควรเกิน 1.0 หรือ 1.5 ในผู้สูงอายุ
ของเราผลเลือดออกมาคือ 5.11 เกินมาเยอะนะ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเยอะเท่าไหร่
และต้องรักษาอย่างไร
... ทีมงานตรวจสุขภาพจึงแจ้งเราว่า ควรพบแพทย์เฉาะทาง
จากแค่ตรวจเลือดดูค่าระดับน้ำตาลในเลือด กลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที
แต่ในวันนั้น ไม่สามารถเจอกับหมอได้ เนื่องจากคุณหมอโรคไตได้กลับไปแล้ว
พี่พยาบาลจึงได้ทำวันนัดโดยต้องรอไปอีก 1 อาทิตย์ แต่สีหน้าและแววตาพี่ๆ พยาบาล
ดูแล้ว รู้สึกวิตกมาก (ไม่รู้ว่าขณะนั้นพี่เขามีเรื่องวิตกส่วนตัวอะไรหรือเปล่า)
... ระหว่างที่รอเวลาเจอหมอ ก็เล่าเรื่องนี้ให้แฟนฟัง ยอมรับตอนนั้น จิตตกมาก
กังวลไปหมด เพราะไม่รู้ว่าระหว่างรอไปเรื่อยๆ จะเจอหมอนั้น เราต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ให้ปลอดภัย ไม่ให้มันแย่ลงกว่าเดิม
... ส่วนแฟนก็ดูออกจะรำคาญ ประมาณว่า เราจะเครียดอะไรนักหนา ยังไม่เจอหมอเลย
มันอาจไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
... ในระหว่างนั้นเราก็งดอาหารที่เขาว่ากันว่ามีผลต่อไต ทุกอย่างลง เช่น ชา กาแฟ
งดเค็มสนิท ทำอาหารทานแค่ ไข่ขาวต้ม ข้าวสวยขาว บวบเหลี่ยมลวก
(สลับกับผักกาดขาวต้ม/แตงกวาต้ม) ทุกอย่าง อย่างละ 1 ทัพพี โดยประมาณ
วันละสามมื้อ โดยยังคงออกกำลังกายปกติ อย่างที่ทำอยู่ ผ่านมา 4-5 วัน
เริ่มรู้สึกเหนื่อยง่าย จะเป็นลม ตอนนี้วิเคราะห์ตัวเองไม่ออกว่า เป็นเพราะอาการของไต
หรืออาการจากทานอาหารไม่เพียงพอ (ยังงดเนื้อสัตว์อยู่) เครียดมากในช่วงนั้น
หน้าตาเคร่งเครียดจนน้องที่ทำงานทักว่า เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเครียดเหมือนแบกโลกไว้คนเดียว
แต่ก็ไม่อยากบอกใคร รู้กันแค่สองคน ทำทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์ปกติ เราเองคิดว่า
เราทำทุกอย่างปกติ จนวันหนึ่งเข้าห้องน้ำ ตอนเดินออกมาล้างมือ ดูตัวเองในกระจก ตกใจมาก
แต่ก็พยายามออกกำลังกายเพื่อคาดหวังว่า ถ้าล้ม ก็จะฟื้นเร็ว หรืออย่างน้อย
อวัยวะอื่นๆ ในร่างกายจะได้ประคองอวัยวะที่อ่อนแอของเราไว้ (คิดแบบนี้จริงๆ)
รอคอยวันที่ต้องพบหมอด้วยใจระทึก ซึ่งวันนั้น เราต้องเจาะเลือดเพื่อดุค่าที่เป้นปัจจุบัน
แล้วจึงพบหมออีกครั้ง
...
วันนัดก็มาถึง ...
(ขอต่อเป็นตอนต่อไปนะครับ วันวิเคราะห์ผล)
ปล.หากมีพิมพ์ผิด ขออภัย
ปล.2 หากเรื่องราวของผมจะสามารถนำไปเร้าใจให้ใครต่อใครระมัดระวังตัวเรื่องสุขภาพมากขึ้นได้ ก็ยินดีครับ