ย่าของเรา เป็นโรคเบาหวาน เข้ารับการรักษากับรพ.นี้มาตั้งแต่ปี 50 จนทุกวันนี้ก็ยังรักษาอยู่
เท่าที่ทราบมา ย่ารักษากับคุณหมอคนนี้มานานมาก ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่ปี 50 เลยหรือเปล่า
แต่น่าจะมากกว่า 5 ปี ซึ่งตลอดเวลาก็ไปตามนัดหมอ ประมาณ 3 เดือน/ครั้ง ตลอด
(ถ้าไปเลท หรือเดือนไหนเบี้ยว จำได้ว่าเคยมีมาโทรตามให้ไปหาด้วย แต่อาจจะเป็นนโยบายโรงพยาบาลค่ะ)
เม่ือไม่กี่วันก่อน ป้าไปหาหมอตามนัดกับย่า สังเกตเห็นค่าตัวนึงซึ่งอยู่แค่ 20 ต้นๆ (ทั้งที่ค่าปกติอยู่ที่ 60-130)
ป้าเลยถามว่าค่าอะไร ถึงได้รู้ว่าเป็นค่าการทำงานของไต ป้าก็ตกใจ
แล้วคุณหมอที่ตรวจเบาหวานท่านนี้เลยถามว่าจะพบหมอไตไหม ป้าก็ตกลง
สรุปพอไปพบหมอไต ผลปรากฏว่าย่าเราเป็นโรคไต ระดับ 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ไปโรงพยาบาลต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี ไม่เคยรู้
ขอย้อนดูประวัติตรวจเลือด ค่าไตย่าของเรา ได้แค่ 30 กว่า มาตั้งแต่ปี 58
แต่คนไข้ และญาติคนไข้ไม่เคยรู้ อาการต่างๆที่เกิดขึ้น นึกว่าเป็นอาการของโรคเบาหวาน โรคความดันมาตลอด
อยากทราบว่ากรณีอย่างนี้ ถือว่าคนไข้ผิดและญาติคนไข้ผิดไหมคะ ที่ไม่ตรวจดูค่าผลเลือดเอง?
หมอเบาหวาน ไม่ยุ่งกับโรคไตเลยหรอคะ?
เราตกใจมาก และเสียใจมาก กำลังใจผู้ป่วยก็หดหาย
กลายเป็นคำถามว่า ทำไมเพิ่งมาบอก? จริงๆก็ไม่เชิงบอกถ้าไม่เอ่ยปากถามเอง
โรงพยาบาลเอกชนนะคะ แพงด้วย มีหลายสาขาด้วย
เราเองก็ไม่เคยดูผลตรวจของย่าจริงๆจังๆด้วยซ้ำ เพราะเราเป็นคนดูเรื่องโรคตาของย่า พาไปตามนัดหมอตาที่ รพ.พระมงกุฎทุกๆ 3 เดือน
ส่วนโรคเบาหวานกับความดัน จะเป็นพวกป้าๆเป็นคนพาไป
ใจนึงเราก็อยากโทษหมอ แต่ลึกๆก็ด่าตัวเองที่ไม่เคยดูเรื่องโรคเบาหวานของย่าเลย
ตอนนี้ที่บ้านได้แต่พยายามไม่ให้ย่าคิดมาก เราซึ่งเป็นหลานก็ว่าจะกินแบบที่ย่ากิน ให้แกมีกำลังใจว่าไม่ได้งดอาหารคนเดียว
อย่าว่าแต่กำลังใจผู้ป่วยเลย เรายังคิดมากด้วยซ้ำ มองหน้าย่าแล้วน้ำตาจะไหลทุกรอบเลยค่ะ
ทำไงดีคะ ที่ไม่ให้ตัวผู้ป่วยคิดมาก
ย่าเค้าเป็นคนชอบทำอาหารให้ลูกให้หลานกิน แกจะชอบถามว่าอยากกินอะไร ชอบหาของมาทำเมนูใหม่ๆให้เรากิน
แกเคยบอกว่า ตัวเองมีความสุขเวลาเห็นลูกหลานกินข้าว ชมว่ากับข้าวอร่อย
แต่ตอนนี้เราก็อยากให้เลิกทำกับข้าวก่อน เพราะแกจะชิมไม่ได้ ทำอาหารน่ากินแค่ไหนแกก็จะกินไม่ได้
กลัวย่าเครียดเวลากินข้าว แต่ถ้าไม่ให้แกทำกับข้าว แกก็อาจจะเครียดกว่าเดิม...
#กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งใจจะดิสเครดิตโรงพยาบาลหรือคุณหมอท่านใดนะคะ
#เจตนาปรึกษาว่ามีวิธีอย่างไรไม่ให้ผู้ป่วยคิดมาก เพราะสิ่งที่ต้องเลี่ยงดันเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยชอบที่สุดค่ะ
ควรทำยังไงดีคะ รู้สึกแย่กับกรณีนี้จนตอนนี้ทำใจไม่ได้เลย
เท่าที่ทราบมา ย่ารักษากับคุณหมอคนนี้มานานมาก ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่ปี 50 เลยหรือเปล่า
แต่น่าจะมากกว่า 5 ปี ซึ่งตลอดเวลาก็ไปตามนัดหมอ ประมาณ 3 เดือน/ครั้ง ตลอด
(ถ้าไปเลท หรือเดือนไหนเบี้ยว จำได้ว่าเคยมีมาโทรตามให้ไปหาด้วย แต่อาจจะเป็นนโยบายโรงพยาบาลค่ะ)
เม่ือไม่กี่วันก่อน ป้าไปหาหมอตามนัดกับย่า สังเกตเห็นค่าตัวนึงซึ่งอยู่แค่ 20 ต้นๆ (ทั้งที่ค่าปกติอยู่ที่ 60-130)
ป้าเลยถามว่าค่าอะไร ถึงได้รู้ว่าเป็นค่าการทำงานของไต ป้าก็ตกใจ
แล้วคุณหมอที่ตรวจเบาหวานท่านนี้เลยถามว่าจะพบหมอไตไหม ป้าก็ตกลง
สรุปพอไปพบหมอไต ผลปรากฏว่าย่าเราเป็นโรคไต ระดับ 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ไปโรงพยาบาลต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี ไม่เคยรู้
ขอย้อนดูประวัติตรวจเลือด ค่าไตย่าของเรา ได้แค่ 30 กว่า มาตั้งแต่ปี 58
แต่คนไข้ และญาติคนไข้ไม่เคยรู้ อาการต่างๆที่เกิดขึ้น นึกว่าเป็นอาการของโรคเบาหวาน โรคความดันมาตลอด
อยากทราบว่ากรณีอย่างนี้ ถือว่าคนไข้ผิดและญาติคนไข้ผิดไหมคะ ที่ไม่ตรวจดูค่าผลเลือดเอง?
หมอเบาหวาน ไม่ยุ่งกับโรคไตเลยหรอคะ?
เราตกใจมาก และเสียใจมาก กำลังใจผู้ป่วยก็หดหาย
กลายเป็นคำถามว่า ทำไมเพิ่งมาบอก? จริงๆก็ไม่เชิงบอกถ้าไม่เอ่ยปากถามเอง
โรงพยาบาลเอกชนนะคะ แพงด้วย มีหลายสาขาด้วย
เราเองก็ไม่เคยดูผลตรวจของย่าจริงๆจังๆด้วยซ้ำ เพราะเราเป็นคนดูเรื่องโรคตาของย่า พาไปตามนัดหมอตาที่ รพ.พระมงกุฎทุกๆ 3 เดือน
ส่วนโรคเบาหวานกับความดัน จะเป็นพวกป้าๆเป็นคนพาไป
ใจนึงเราก็อยากโทษหมอ แต่ลึกๆก็ด่าตัวเองที่ไม่เคยดูเรื่องโรคเบาหวานของย่าเลย
ตอนนี้ที่บ้านได้แต่พยายามไม่ให้ย่าคิดมาก เราซึ่งเป็นหลานก็ว่าจะกินแบบที่ย่ากิน ให้แกมีกำลังใจว่าไม่ได้งดอาหารคนเดียว
อย่าว่าแต่กำลังใจผู้ป่วยเลย เรายังคิดมากด้วยซ้ำ มองหน้าย่าแล้วน้ำตาจะไหลทุกรอบเลยค่ะ
ทำไงดีคะ ที่ไม่ให้ตัวผู้ป่วยคิดมาก
ย่าเค้าเป็นคนชอบทำอาหารให้ลูกให้หลานกิน แกจะชอบถามว่าอยากกินอะไร ชอบหาของมาทำเมนูใหม่ๆให้เรากิน
แกเคยบอกว่า ตัวเองมีความสุขเวลาเห็นลูกหลานกินข้าว ชมว่ากับข้าวอร่อย
แต่ตอนนี้เราก็อยากให้เลิกทำกับข้าวก่อน เพราะแกจะชิมไม่ได้ ทำอาหารน่ากินแค่ไหนแกก็จะกินไม่ได้
กลัวย่าเครียดเวลากินข้าว แต่ถ้าไม่ให้แกทำกับข้าว แกก็อาจจะเครียดกว่าเดิม...
#กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งใจจะดิสเครดิตโรงพยาบาลหรือคุณหมอท่านใดนะคะ
#เจตนาปรึกษาว่ามีวิธีอย่างไรไม่ให้ผู้ป่วยคิดมาก เพราะสิ่งที่ต้องเลี่ยงดันเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยชอบที่สุดค่ะ