
ต้องเล่าให้ฟังก่อนนะครับเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก ปัจจุบัน 31 ปี และไม่ชอบในการออกกำลังกาย อยากกินอะไรก็กิน
อยากมาแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนัก ทุกวันนี้ยังไม่เชื่อว่าเราเองก็ทำได้ ถ้าตั้งใจผมว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆ อาจมีท้อบาง เหนื่อยบาง ก็ต้องสู้ต่อไป

ส่วนของกิน กินของที่มีขายทั่วไป แต่อาจจะนับ cal ในการคุมอาหาร น้ำเปล่าเข้ามามีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ต้องงดพวก แป้ง น้ำตาล ของทอด และต้องสรา้งวินัยในตัวเองห้ามโกหกตัวเอง
ส่วนในการออกกำลังกาย มีจักรยานเป็นเพื่อนคู่กาย
ส่วนแรงบันดาลใจ สัญญากับเธอไว้และต้องทำให้ได้
ตอนอ้วนไม่ค่อยมรูปตัวเองสักเท่าไร ไม่ชอบถ่ายรูป เวลาคนอื่นถ่ายรูปให้ก็จะเก็บเอาไว้ไม่ค่อยให้ใครดู....
เริ่มกันเลยแล้วกันนะครับ เป็นช่วงที่น้ำหนักมากที่สุด

เดือนที่ 1 (น้ำหนักลดไปประมาณ 10 kg.) ยังไม่ค่อยไม่ต้องออกกำลังกายนะครับ แต่ต้องเปลี่ยนการกินทุกอย่าง แต่ต้องทำให้ได้ให้ผ่านอาทิตย์แรกให้ได้ เป็นอาทิตย์ที่ทรมานที่สุด อาจจะเบื่ออาหารที่เรากินบาง แต่ผลที่เกิดทำให้เรายิ้มได้และมีกำลังใจในการลดน้ำหนัก
ตื่นเช้า ดื่มน้ำให้ได้ 1 ขวดประมาณ 600 ml
มื้อเช้า ก่อนกิน ดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว 500 ml เช้ากินขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น ไข่ต้ม 2 ฟอง ระหว่างมื้อเช้าถึงเที่ยงหิวก็ดื่มแต่น้ำเปล่า
มื้อกลางวัน ก่อนกินก็ดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว กินอาหารพวก ต้ม นิ่ง ถ้าหิวก็กินได้แค่น้ำเปล่าอย่างเดียว
มื้อเย็น ก่อนกินก็ดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว กินสลัด ผลไม้ งดพวกแป้ง ของทอดทุกชนิด
เดียวมาต่อนะครับขอเตรียมตัวไปปั่นจักรยานก่อน.....
หายไป 1 วัน ไปวิ่งสุโขทัย มาราธอน 2559 (Sukhothai Marathon 2016) ลงวิ่งรายการครั้งแรก...
เดือนที่ 2 (น้ำหนักลดไปประมาณ 7 kg.) กินเหมือนเดือนแรกทุก ได้ดูคลิป "สูตรลดน้ำหนักโดย จอน วิญญู" ให้คุมอาหารให้ได้อย่างน้อย 3 เดือน เดือนนี้เริ่มออกวิ่ง วันแรกที่วิ่ง วิ่ง 1 นาที ก็แย่แล้วจากคนไม่เคยออกกำลังกายต้องมาวิ่ง นอกนั้นเดิน 15 - 20 นาที เวลาออกกำลังกายก สสส. ต้องออกกำลังอย่างน้อย 30 นาทีขึ้น หลังออกกำลังกายอย่าพึงดื่มน้ำเลยนะครับให้ร่างกายเราพักอย่างน้อย 30 นาที และไม่ควรดื่มน้ำเย็นนะให้ดื่มน้ำในอุณหภูมิปกติ เดือนนี้เริ่มเห็นผลทีทำมาวิ่ง 2 วัน หยุด 1 วัน
เดือนที่ 3 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) ก็ยังกินเหมือนเดือน 1 และ เดือน 2 เหมือนเดิม เป็นอะไรที่เบื่อที่สุด แต่เริ่มชินกับอาหารที่ไม่มีรสชาติ แล้วเริ่มทำใจในการกินได้ และผลที่กลับมาเริ่มเป็นอะไรที่ไม่หน้าเชื่อ เดือนนี้วิ่งเริ่มเอา APP มาช่วยเก็บสถิติ ช่วยในพัฒนาการออกกำลังกาย หลังจากออกกำลังกายก็กินเหมือนเดิมทุกอย่าง
เดือนที่ 4 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) เริ่มหาจักรยานมาช่วยในการออกกำลังกาย เพราะเริ่มวิ่งหนักขึ้นขาเริ่มปวดมากขึ้น คิดละถ้ายังฝืนอยู่แบบนี้อาจทำให้บาดเจ็บเรื้อรัง จักรยานคันแรกเป็นเสือหมอบ ปั่นวันแรกตั้งเป้าไว้ วันละ 15 กิโลเมตร แต่ไม่คิดถึงเรื่องเวลา
เดือนที่ 5 - 6 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) น้ำหนักไม่ลงช้ามากเป็นอะไรที่เบื่อ เริ่มท้อไม่อยากลดน้ำหนัก เริ่มกับมากินข้าวเช้า กลางวัน แต่เย็นก็ยังกินสลัด ผลไม้บาง แต่กันยังทำเหมือนเริ่มต้นยังกินน้ำเปล่าอยู่ น้ำหนักหายไปประมาณ 30 kg. เริ่มมีความคิดอยากหยุดลดน้ำหนัก เหนื่อยที่ต้องออกกำลังกายเกือบทุกวัน วิ่งบาง ปั่นจักรยาน ตั้งเป้าหมายใหม่ วันละ 25 กิโลกเมตร แต่พยายามให้อยู่เวลา 1 ชั่วโมง
เดือนที่ 7 - 8 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) น้ำหนักก็ลงช้าเหมือนเดิม เริ่มศึกษาวิธีลงน้ำหนักว่าความทำอย่างไง ศึกษาด้วยตัวเองไปเรื่อย เรื่องการกิน ก็ยังทำเหมือนเดิม(ชิน) แต่มื้อเช้ากับกลางวัน กินข้าว เว้นมื้อเย็นกินสลัด ผลไม้เหมือนเดิม
น้ำหนักไม่ลงยังคงที่ เลยรองเปลี่ยนแนวจักรยานเป็นเสือภูเขา
ปั่นจักรยาน ตั้งเป้าหมายใหม่ วันละ 40 กิโลกเมตร เล่น body weight บาง
เดือนที่ 9 - 10 - 11 - 12 (น้ำหนักลดไปประมาณ 12 kg.)
เรื่องการกิน มื้อเช้ากับกลางวัน กินข้าว เว้นมื้อเย็นกินสลัด ผลไม้เหมือนเดิม(ชินกับอาหารที่กิน) แต่อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองเป็นเค้กอาทิตย์ละครั้ง บุฟเฟ่เดือนละครั้งแต่ เวลากินอาจจะคิดมากหน่อยเพราะต้องไปเอาออกกำลังกายเพื่อเอาส่วนที่เกินออก
การออกกำลัง จะเน้นปั่นจักรยานมากกว่าวิ่งปั่น ปั่นจักรยาน 3 วัน หยุด 1 วัน
และ เล่น body weight เกือบทุกเช้า ของผมเล่นลูกกลิ้งออกกำลังกาย เล่นใหม่ๆเล่นวัน 20 ครั้งก็เจ็บท้อง เล่นวันหยุดวัน ต้องยอมทนเจ็บ
ผลที่ได้ก็มีกำลังใจในการทำ ทุกวันนี้เล่นวัน 200 ครั้งท้องไม่เจ็บ
สุดท้ายทุกวันนี้ก็ยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ว่าการกิน การออกกำลังกาย
และต้องขอบคุณเธอที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

น้ำหนักขึ้นๆลงๆ
ฝากกระทู้นี้ไว้เพื่อเป็นกำลังใจ หันมาดูแลตัวเอง อาจท้อบาง ต้องใช้เวลา ผมเลยเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้
1 ปี ในการควบอาหารและออกกำลังกาย ลดหุ่นจากไซค์ XXL (120+ kg) ปัจจุบันเหลือไซค์ M (70+ kg)
อยากมาแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนัก ทุกวันนี้ยังไม่เชื่อว่าเราเองก็ทำได้ ถ้าตั้งใจผมว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆ อาจมีท้อบาง เหนื่อยบาง ก็ต้องสู้ต่อไป
ส่วนของกิน กินของที่มีขายทั่วไป แต่อาจจะนับ cal ในการคุมอาหาร น้ำเปล่าเข้ามามีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ต้องงดพวก แป้ง น้ำตาล ของทอด และต้องสรา้งวินัยในตัวเองห้ามโกหกตัวเอง
ส่วนในการออกกำลังกาย มีจักรยานเป็นเพื่อนคู่กาย
ส่วนแรงบันดาลใจ สัญญากับเธอไว้และต้องทำให้ได้
ตอนอ้วนไม่ค่อยมรูปตัวเองสักเท่าไร ไม่ชอบถ่ายรูป เวลาคนอื่นถ่ายรูปให้ก็จะเก็บเอาไว้ไม่ค่อยให้ใครดู....
เดือนที่ 1 (น้ำหนักลดไปประมาณ 10 kg.) ยังไม่ค่อยไม่ต้องออกกำลังกายนะครับ แต่ต้องเปลี่ยนการกินทุกอย่าง แต่ต้องทำให้ได้ให้ผ่านอาทิตย์แรกให้ได้ เป็นอาทิตย์ที่ทรมานที่สุด อาจจะเบื่ออาหารที่เรากินบาง แต่ผลที่เกิดทำให้เรายิ้มได้และมีกำลังใจในการลดน้ำหนัก
ตื่นเช้า ดื่มน้ำให้ได้ 1 ขวดประมาณ 600 ml
มื้อเช้า ก่อนกิน ดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว 500 ml เช้ากินขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น ไข่ต้ม 2 ฟอง ระหว่างมื้อเช้าถึงเที่ยงหิวก็ดื่มแต่น้ำเปล่า
มื้อกลางวัน ก่อนกินก็ดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว กินอาหารพวก ต้ม นิ่ง ถ้าหิวก็กินได้แค่น้ำเปล่าอย่างเดียว
มื้อเย็น ก่อนกินก็ดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว กินสลัด ผลไม้ งดพวกแป้ง ของทอดทุกชนิด
เดือนที่ 2 (น้ำหนักลดไปประมาณ 7 kg.) กินเหมือนเดือนแรกทุก ได้ดูคลิป "สูตรลดน้ำหนักโดย จอน วิญญู" ให้คุมอาหารให้ได้อย่างน้อย 3 เดือน เดือนนี้เริ่มออกวิ่ง วันแรกที่วิ่ง วิ่ง 1 นาที ก็แย่แล้วจากคนไม่เคยออกกำลังกายต้องมาวิ่ง นอกนั้นเดิน 15 - 20 นาที เวลาออกกำลังกายก สสส. ต้องออกกำลังอย่างน้อย 30 นาทีขึ้น หลังออกกำลังกายอย่าพึงดื่มน้ำเลยนะครับให้ร่างกายเราพักอย่างน้อย 30 นาที และไม่ควรดื่มน้ำเย็นนะให้ดื่มน้ำในอุณหภูมิปกติ เดือนนี้เริ่มเห็นผลทีทำมาวิ่ง 2 วัน หยุด 1 วัน
เดือนที่ 3 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) ก็ยังกินเหมือนเดือน 1 และ เดือน 2 เหมือนเดิม เป็นอะไรที่เบื่อที่สุด แต่เริ่มชินกับอาหารที่ไม่มีรสชาติ แล้วเริ่มทำใจในการกินได้ และผลที่กลับมาเริ่มเป็นอะไรที่ไม่หน้าเชื่อ เดือนนี้วิ่งเริ่มเอา APP มาช่วยเก็บสถิติ ช่วยในพัฒนาการออกกำลังกาย หลังจากออกกำลังกายก็กินเหมือนเดิมทุกอย่าง
เดือนที่ 4 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) เริ่มหาจักรยานมาช่วยในการออกกำลังกาย เพราะเริ่มวิ่งหนักขึ้นขาเริ่มปวดมากขึ้น คิดละถ้ายังฝืนอยู่แบบนี้อาจทำให้บาดเจ็บเรื้อรัง จักรยานคันแรกเป็นเสือหมอบ ปั่นวันแรกตั้งเป้าไว้ วันละ 15 กิโลเมตร แต่ไม่คิดถึงเรื่องเวลา
เดือนที่ 5 - 6 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) น้ำหนักไม่ลงช้ามากเป็นอะไรที่เบื่อ เริ่มท้อไม่อยากลดน้ำหนัก เริ่มกับมากินข้าวเช้า กลางวัน แต่เย็นก็ยังกินสลัด ผลไม้บาง แต่กันยังทำเหมือนเริ่มต้นยังกินน้ำเปล่าอยู่ น้ำหนักหายไปประมาณ 30 kg. เริ่มมีความคิดอยากหยุดลดน้ำหนัก เหนื่อยที่ต้องออกกำลังกายเกือบทุกวัน วิ่งบาง ปั่นจักรยาน ตั้งเป้าหมายใหม่ วันละ 25 กิโลกเมตร แต่พยายามให้อยู่เวลา 1 ชั่วโมง
เดือนที่ 7 - 8 (น้ำหนักลดไปประมาณ 5 kg.) น้ำหนักก็ลงช้าเหมือนเดิม เริ่มศึกษาวิธีลงน้ำหนักว่าความทำอย่างไง ศึกษาด้วยตัวเองไปเรื่อย เรื่องการกิน ก็ยังทำเหมือนเดิม(ชิน) แต่มื้อเช้ากับกลางวัน กินข้าว เว้นมื้อเย็นกินสลัด ผลไม้เหมือนเดิม
น้ำหนักไม่ลงยังคงที่ เลยรองเปลี่ยนแนวจักรยานเป็นเสือภูเขา
ปั่นจักรยาน ตั้งเป้าหมายใหม่ วันละ 40 กิโลกเมตร เล่น body weight บาง
เดือนที่ 9 - 10 - 11 - 12 (น้ำหนักลดไปประมาณ 12 kg.)
เรื่องการกิน มื้อเช้ากับกลางวัน กินข้าว เว้นมื้อเย็นกินสลัด ผลไม้เหมือนเดิม(ชินกับอาหารที่กิน) แต่อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองเป็นเค้กอาทิตย์ละครั้ง บุฟเฟ่เดือนละครั้งแต่ เวลากินอาจจะคิดมากหน่อยเพราะต้องไปเอาออกกำลังกายเพื่อเอาส่วนที่เกินออก
การออกกำลัง จะเน้นปั่นจักรยานมากกว่าวิ่งปั่น ปั่นจักรยาน 3 วัน หยุด 1 วัน
และ เล่น body weight เกือบทุกเช้า ของผมเล่นลูกกลิ้งออกกำลังกาย เล่นใหม่ๆเล่นวัน 20 ครั้งก็เจ็บท้อง เล่นวันหยุดวัน ต้องยอมทนเจ็บ
ผลที่ได้ก็มีกำลังใจในการทำ ทุกวันนี้เล่นวัน 200 ครั้งท้องไม่เจ็บ
สุดท้ายทุกวันนี้ก็ยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ว่าการกิน การออกกำลังกาย
และต้องขอบคุณเธอที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
น้ำหนักขึ้นๆลงๆ