ความหมายของ " อนตฺตา "

กระทู้สนทนา
สำหรับท่าที่สนใจ และได้ตามอ่านจากหัวข้อที่แล้ว
http://pantip.com/topic/35250883

เฉพาะความหมายของอัตตาข้อสุดท้าย ที่ว่า

อย่างสุดท้าย  หมายถึง ปรมาตมัน ตามแบบลัทธิภายนอก ตามแบบเดียรถีย์ หมายถึงการมีตัวตนที่ยั่งยืน มั่นคง
ไม่มีการแตกดับไป  ตามบาลีที่ว่า
อยํ อตฺตา  นิจฺโจ ธุโว  สสฺสโต  อวิปริณามธมฺโม  อัตตานี้  เที่ยง  ยั่งยืน  ไม่แปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

ในพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า ท่านตรัสสหมายถึง ขันธ์ ๕  ที่สมัยก่อนและปัจจุบันนี้ บางคนยังเข้าใจว่าเป็น
ปรมาตมัน เป็นของเที่ยง เป็นของยั่งยืน ไม่แปรเปลี่ยนไป

เมื่อจะรู้ความหมายของอนัตตา ก็จะต้องหมายถึงขันธ์ ๕ เป็นตัวตั้งในการทำความรู้
คำว่า " อนตฺตา "  มาจากคำว่า  น อตฺตา  เมื่อเข้าภาษาตาหลักไวยากรณ์ ก็กลายเป็น อนตฺตา

ความหมายที่ ๑  ไม่ใช่อัตตา  (ต้องคำนึงถึงความหมายของอัตตาในข้อที่สี่ของกระทู้ที่อ้างถึงนะครับ)

น อตฺตา  อนตฺตา ขันธ์ ๕  ไม่ใช่อัตตา  เชื่อว่าอนตฺตา
อธิบายได้ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร  วิญญาณ  ไม่ใช่อัตตา กล่าวคือ ไม่ใช่ปรมาตมัน ไม่ใช่สภาวะเที่ยง ยังยืน หรือไม่แปรเปลี่ยน

ความหมายที่ ๒  ไม่มีอัตตา

นตฺถิ  อตฺตา  เอตสฺส ขนฺธปญฺจกสฺสาติ  อนตฺตา
อัตตาไม่มีแก่ขันธปัญจกนั่น ชื่อว่าอนัตตา
อธิบายได้ว่า ปรมาตมัน หรือความเที่ยง ความยั่งยืน ของขันธ์ ๕  ไม่มี

ความหมายที่ ๓  ไม่มีสาระ (ไม่ตั้งอยู่ในฐานะที่บังคับได้)

อนตฺตา  อสารกฏฺเฐน  ชื่อว่าอนัตตา เพราะไม่ตั้งอยู่ในสาระ (บังคับบัญชาไม่ได้)
อธิบายได้ว่า ขันธ์ ๕  ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาหรือสั่งให้เป็นไปตามใจชอบได้ ล้วนไปตามเหตุตามผลของ
ตามปัจจัยของขันธ์ ๕ เอง

มาถึงความเห็นเรื่อง นิพพานเป็นอะไร อัตตา หรือ อนัตตา ( ถ้าไม่มี คห. ก็จะดูจืดไป)

ในความเห็นผม ผมเทียบกับคำว่าอัตตาก่อน โดยเฉพาะความหมายของอัตตาในข้อที่ ๓ คือ
อัตตาที่หมายถึงสภาวะ  เพราะนิพพานเป็นสภาวะที่มีอยู่จริง และจะไม่ตรงกับความหมายของอัตตาในข้อที่ ๑ และ ๒
คือ นิพพานไม่ใช่จิต และ นิพพานไม่ใช่กาย

และจะถือว่านิพพานเป็นอัตตาเพราะเที่ยง ยั่งยืนได้ไหม
คำตอบของข้อนี้ จะถือว่าเที่ยง ยั่งยืน ตามภาษาได้ แต่ไม่ตรงพุทธประสงค์เท่าไร เพราะพุทธประสงค์ในตอนที่
แสดงเรื่องอัตตาในสมัยนั้น หมายถึงเที่ยง ยั่งยืน ของปรมาตนมัน


ฉะนั้นในความคิดผม ประธานคือ นิพพาน ไม่ใช่ปรมาตมัน  ก็จะเอานิพพานไปบอกว่าเที่ยง ยั่งยืน ตามแนวทางของ
อัตตาไม่ได้ เพราะ เที่ยง ยั่งยืน ในมัยที่แสดงอัตตานั้น คือ ปรมาตมัน ไม่ใช่นิพพานนั่นเอง

แต่ถ้าจะถือว่า นิพพานเป็นอัตตา ก็โดยนัยความหมายที่ว่า เป็นสภาวะ  สอดรับกับคำว่า

อตฺตทีปา ภิกฺขเว  วิหรถ  ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงมีตนเป็นที่พึงอยู่
ก็หมายถึงสภาวะที่ดีงามเป็นที่พึง ซึ่งอาจหมายตีความว่า สภาวะนั้นคือ นิพพาน
ก็พอได้อยู่


อีกนัยหนึ่ง นิพพานเป็นอนัตตา  มีปรากฎในบาลี บริวาร วินัยปิฎกว่า

นิพฺพานํ เจว ปญฺญตฺติ   อนตฺตา  อิติ นิจฺฉิตา  แปลว่า  นิพพานและบัญญัติ  วินิจฉัยว่าเป็นอนัตตา
ในที่นี้ กล่าวหมายถึงการปฏิเสธการมีอัตตาในนิพพานและบัญญัติ  อันได้แก่การเชื่อว่าจะมีปรมาตมัน
หรือวิญญาณที่มีรูปแบบคล้ายคน มีตัวๆ  อยู่ในนิพพานและในบัญญัติ

ในบัญญัติก็หมายถึง บัญญัติที่คนทั่วไปเข้าใจ เช่น แขน ขา ต้นไม้ รถ เรือ เป็นต้น
ความหมายคือ ไม่มีปรมาตมันหรือตัวตันอะไรซ้อนอยู่ในนั้น

ฉะนั้น ก็จะกล่าวว่า นิพพานเป็นอนัตตาก็ด้วยเหตุผลข้างต้น

ในทรรศนะของผม ไม่กล่าวลงไปว่านิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาสงสัย ถึงแล้วก็จะรู้เอง
สงสัยไปก็ฟุ้งซ่านเปล่าๆ แต่ถ้าใครถาม ผมก็อธิบายแบบข้างต้นให้ฟัง ผู้ฟังก็ไปเลือเอาเองว่า เชื่อหรือไม่เชื่อ ใช่หรือไม่ใช่

การอธิบายเรื่องนิพพาน เป็นการยาก นิพพานเป็นโลกุตระ เหนือโลก ไม่สามารถอธิบายแบบภาษาชาวโลกได้  
การจะอธิบายนิพพาน ส่วนมากต้องใช้โวหารปฏิเสธมากกว่า เช่น ไม่ใช่แผ่นดิ ไม่มีดวงดาว ไม่มีตัณหา ไม่มีจิต
ไม่มีการมาการไป ฯลฯ

อย่าสงสัยเลยครับ ทำไปเรื่อง เดี๋ยวก็รู้เอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่