สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การสมัครลูกเรือสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ รอบเมษายน 2559 ก่อนอื่นเลยต้องขอออกตัวก่อนว่า ที่แชร์ทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ตัวเองล้วนๆ ถ้าผิดถูกยังไงก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ ไม่มีทริคอะไรทั้งนั้น เพราะผ่านมาได้ด้วยตัวเองและคนรอบข้างที่คอยสนับสนุน ไม่เคยเรียนสถาบันไหน ทุกสิ่งอย่างที่เรียนรู้มา ล้วนมาจากพี่ๆที่น่ารักมากๆกอไก่ล้านตัวทุกคนที่คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำมาตลอด (โดยเฉพาะคุณแม่จจ ที่คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำจนถึงไฟนอล และพี่บอสุดแซ่บที่คอยอัพเดตโพรเสสให้ โชคดีของหนูที่สัมภาษณ์ช่วงบ่าย ) และหวังว่าการแชร์ประสบการณ์ทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่เตรียมตัวสอบลูกเรือค่ะ
วันที่ 1 Pre-Screen
พรีสกรีนของไลอ้อนรอบนี้เป็นการแนะนำตัวและเดินลากกระเป๋ารอบห้องค่ะ สถานที่จะเป็นห้องประชุมค่อนข้างใหญ่ มีกรรมการทั้งหมด 6 ท่าน แบ่งออกเป็น 3 โต๊ะ มีโต๊ะตรงกลาง ด้านซ้าย และด้านขวา ในส่วนของรอบนี้ เราคิดว่า กรูมมิ่ง (การแต่งตัว เสื้อผ้า หน้า ผม) และบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ขั้นตอนพรีสกรีนเราจะแบ่งเป็น 2 อย่างนะคะ
1. ในส่วนของการแนะนำตัว คุณมีโอกาสได้พูดแค่ ชื่อ-นามสกุล อายุ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เท่านั้น ย้ำค่ะว่าเท่านั้น ไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรลงไปนอกเหนือจากนี้ ถ้ากรรมการอยากรู้ ท่านจะถามคุณเอง การแนะนำตัวควรจะพูดเสียงดัง ชัดเจน เพราะคุณอยู่ในห้องประชุม เวลาพูดควรจะมี eye contact ให้กับกรรมการทั้ง 3 โต๊ะด้วย พูดไป ยิ้มไปค่ะ พูดให้คนฟังรู้สึกว่าเราต้องการพรีเซ้นตัวเองให้คุณรับรู้จริงๆ นะ ไม่ใช่ท่อง
2. ในส่วนของการเดินลากกระเป๋า ในรอบของเรา กระเป๋าที่ได้มาคือกระเป๋าลาก 2 ล้อ และมีกระเป๋าเล็กวางอยู่ด้านบน เราคิดว่าการเดินควรเดินให้เป็นธรรมชาติ แต่ก็ต้องมีบุคลิกภาพที่ดีเข้าไปด้วย เดินหลังตรงและยิ้มค่ะ ส่วนของกระเป๋าก็ลากปกติค่ะ ไม่ต้องวันเดอร์วูแมนยกกระเป๋านะคะ คิดว่าเราอำเล่นหรอ แต่มันเกิดขึ้นจริงค่ะ คุณจะได้เดินเป็นวงกลมผ่านหน้าโต๊ะกรรมการทั้ง 3 โต๊ะ เวลาเดินผ่านท่านก็อย่าลืม eye contact และยิ้มเยอะๆ เราเดินมาถึงกรรมการโต๊ะสุดท้ายโดนถามว่า ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ ณ โมเม้นต์นั้นเราหลุดไปแปปนึง เพราะตอนบรีฟหน้าห้อง พี่ลูกเรือบอกว่าให้พูดแค่แนะนำตัวแค่นั้น เราเลยไม่ได้เตรียมตัวว่ากรรมการจะถามอะไรกลับมา แต่เราก็ดึงสติกลับมาได้และตอบท่านไป ข้อสำคัญ อย่าลืมตอบไปยิ้มไปค่ะ
ต่อไปขอพูดถึงเรื่องกรูมมิ่ง นิยามคือ “หน้าแน่น ผมเป๊ะ” โดยปกติแล้ว Business Attire คือ เสื้อเชิ้ตสุภาพ กระโปรง หรือไม่ก็สูทแค่นั้น ไอเสื้อระบายๆเนี่ย ไทยแลนด์โอนลี่ค่ะ วันพรีสกรีน รอบกรุ้ป และไฟนอล เราใส่ชุดเดียวกันหมดทุกวัน เราเลือกใช้สีสุภาพเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงดำค่ะ แค่นั้นจริงๆ ไม่ได้ใส่สูท (โดนตำหนิมาตอนรอบไฟนอลว่าทำไมไม่ใส่สูท งือออออออ ร้องไห้ไปแปปแต่ก็บอกเหตุผลของเราไปว่าทำไม) ในเรื่องของผม เราแสกกลางมวยข้างหลังปกติ เพราะทำเป็นอยู่ทรงเดียว ขอผมแบบเป๊ะ เรียบๆ ไม่มีไรผมหลุดออกมานะคะ ส่วนตัวเราเป็นคนที่พานิคเรื่องผมอยู่แล้ว เลยเตรียมมูทเตรียมสเปรย์ไปแบบจัดเต็ม ตอนรอหน้าห้องนี่ก็แทบจะเป็นบ้าเพราะลมพัดตลอดเวลา ผมหนูจะหลุดมั้ย มาถึงการแต่งหน้า เราเลือกทาปากสีแดงไป ติดขนตาปลอมจัดเต็ม ขอหน้าแน่นๆค่ะ และเราทาทั้งเล็บมือ เล็บเท้าสีแดง กรูมมิ่งการแต่งหน้า ทำผม ประมาณนี้ และที่สำคัญ.. ขอยิ้มเยอะๆ นะคะ พรีสกรีนเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วมาก เราต้องทำยังไงก็ได้ให้กรรมการอยากเลือกเราและจำเราได้ค่ะ
วันที่ 2 Group Discussion
พูดถึงรอบกรุ้ป ในส่วนของโพรเสสนี้เราอาจจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก แต่เราจะบอกทุกอย่างจากประสบการณ์ของเราค่ะ
1 group จะมีประมาณ 10-12 คน เหมือน Group Discussion ทั่วไป มีเวลาให้ 15 นาที นั่งเป็นวงกลม กรรมการให้โจทย์มา แต่ละคนออกความคิดเห็นและสรุปว่าเราจะเลือกคำตอบไหน โดยจะมีตัวแทนของกลุ่มพรีเซ้นคำตอบค่ะ
ในความคิดเรา..
- รอบกรุ้ปจะเป็นรอบที่ทุกคนจะพ่นไฟใส่กันเท่าที่จะพ่นได้ เพื่อพรีเซ้นศักยภาพทางภาษาอังกฤษของตัวเอง และแน่นอนว่าคนที่เตรียมตัวมาอย่างดี เพื่อนๆก็จะมีคำตอบและเหตุผลที่ดีกันมากๆ แต่.. การที่เราไม่มีคำตอบที่สวยหรูมันไม่ใช่ปัญหาค่ะ ทริคสำคัญในการทำกรุ้ปคือ “การให้ความสนใจกับเพื่อนในกลุ่ม” ข้อนี้สำคัญมากเลยนะคะ มันเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่าเราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ รับฟัง และให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ คุณจะแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนๆยังไงก็ได้ แต่คุณก็ต้องสนใจและฟังเวลาเพื่อนแสดงความคิดเห็นด้วย ไม่แย่งเพื่อนพูดนะคะ ถ้าเพื่อนคนนั้นจะแสดงความคิดเห็น
- อีกเรื่องคือเสียงดัง ย้ำค่ะ ว่าการทำกรุ้ปในห้องประชุมใหญ่และมีกรรมการอยู่รอบวงนั้น คุณต้องพูดเสียงดังฟังชัด ให้ทั้งเพื่อนและกรรมการได้ยินค่ะ
- อ้อ.. สิ่งสำคัญอีกเรื่อง อย่าลืมดูเรื่องเวลาด้วยนะคะ 15 นาทีผ่านไปเร็วมาก อย่าแสดงความคิดเห็นกันจนเพลินค่ะ ส่วนเรื่องคำตอบเราไม่สามารถไกด์ให้ได้จริงๆว่าควรตอบแบบไหน เพราะว่ามันไม่ตายตัว ตรงนี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ
- เรื่องต่อไป นอกจากการที่เราจะให้ความสนใจกับเพื่อนๆตอนทำกรุ้ปแล้ว ท่านั่งและบุคลิกต้องเป๊ะด้วยค่ะ วันทำกรุ้ปเราเลือกที่จะนั่งหลังตรงและเอามือมาวางไว้หน้าขาตรงชายกระโปรงเพื่อให้ดูเรียบร้อยและไม่ให้กระโปรงโป้ค่ะ เราคิดว่าบุคลิกภาพตรงนี้ก็สำคัญนะคะ อย่ามองข้าม
- สุดท้ายและท้ายสุด ยิ้มเยอะๆ ยิ้มตลอดเวลาใครจะว่ายังไงก็ช่าง ยิ้มเอาว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
รอบของวันทำกรุ้ปเรามีแค่นี้ค่ะ วันนั้นเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ถ้าผ่านก็ผ่าน ไม่ผ่านก็ไม่เสียใจค่ะ
วันที่ 3 Final Interview
คนที่ผ่านเข้ารอบไฟนอลจะต้องเตรียมเอกสารตามที่ได้รับอีเมลล์มาด้วย อย่าลืมเตรียมมาให้ครบตามที่ได้รับการแจ้งจากอีเมลล์นะคะ (วันแรกกับวันที่สองไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรมาค่ะ) กรูมมิ่งเสื้อ ผ้า หน้า ผม ก็เป๊ะเหมือนเดิม 3 วันก็ยังต้องคงคอนเซปเป๊ะค่ะ ไฟนอลจะสัมภาษณ์กับกรรมการตัวต่อตัว กรรมการมีทั้งหมด 13-14 โต๊ะ (อันนี้จำจำนวนโต๊ะไม่ได้แน่นอนค่ะ) เวลา 10 นาที วันนี้ขึ้นอยู่กับดวงแล้วค่ะว่าจะได้สัมภาษณ์ในรูปแบบไหน แต่อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกท่านมีมาตรฐานที่เหมือนกันค่ะ วันนี้เราไม่มีทริคอะไร หรือทำยังไงถึงจะมัดใจกรรมการได้นะคะ แต่เราคิดว่า เราควรทำตัวให้สบาย อย่าเครียด อย่ากดดันตัวเอง เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดแค่นั้นเอง ถ้าเรา Positive คำตอบของเราก็จะออกมา Positive ค่ะ ในส่วนของเราตอนสัมภาษณ์ ส่วนมากกรรมการจะถามเกี่ยวเรื่องงานที่เคยทำมา เคยมีปัญหาอะไรมั้ย ถ้าเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้นจะทำยังไง บลาๆๆ คือเหมือนกับการคุยกันมากกว่า ไม่เครียดเลยค่ะ
หลังจาก Final Interview ไม่กี่วันเราก็จะได้อีเมลล์ให้ทำ English Test ค่ะ ไม่ยาก จากนั้นก็รออีเมลล์ Congratulation ได้เลย
มาถึงตรงนี้แล้ว เราขอให้ทุกคนโชคดี ประสบความสำเร็จตามที่ตัวเองหวังไว้นะคะ ไม่ว่าจะยังไง เราต้องพยายามและลงมือทำสิ่งนั้นให้เต็มที่ เพราะถ้าเราได้สิ่งนั้นมาจากความพยายามของตัวเราเอง มันจะหายเหนื่อยและภูมิใจมาก เราทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้ค่ะ ไฟทติ้งงงงงงงงงงงงงงง
แชร์ประสบการณ์การสมัครลูกเรือสายการบิน Thai Lion Air รอบเมษายน 2559
วันที่ 1 Pre-Screen
พรีสกรีนของไลอ้อนรอบนี้เป็นการแนะนำตัวและเดินลากกระเป๋ารอบห้องค่ะ สถานที่จะเป็นห้องประชุมค่อนข้างใหญ่ มีกรรมการทั้งหมด 6 ท่าน แบ่งออกเป็น 3 โต๊ะ มีโต๊ะตรงกลาง ด้านซ้าย และด้านขวา ในส่วนของรอบนี้ เราคิดว่า กรูมมิ่ง (การแต่งตัว เสื้อผ้า หน้า ผม) และบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ขั้นตอนพรีสกรีนเราจะแบ่งเป็น 2 อย่างนะคะ
1. ในส่วนของการแนะนำตัว คุณมีโอกาสได้พูดแค่ ชื่อ-นามสกุล อายุ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เท่านั้น ย้ำค่ะว่าเท่านั้น ไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรลงไปนอกเหนือจากนี้ ถ้ากรรมการอยากรู้ ท่านจะถามคุณเอง การแนะนำตัวควรจะพูดเสียงดัง ชัดเจน เพราะคุณอยู่ในห้องประชุม เวลาพูดควรจะมี eye contact ให้กับกรรมการทั้ง 3 โต๊ะด้วย พูดไป ยิ้มไปค่ะ พูดให้คนฟังรู้สึกว่าเราต้องการพรีเซ้นตัวเองให้คุณรับรู้จริงๆ นะ ไม่ใช่ท่อง
2. ในส่วนของการเดินลากกระเป๋า ในรอบของเรา กระเป๋าที่ได้มาคือกระเป๋าลาก 2 ล้อ และมีกระเป๋าเล็กวางอยู่ด้านบน เราคิดว่าการเดินควรเดินให้เป็นธรรมชาติ แต่ก็ต้องมีบุคลิกภาพที่ดีเข้าไปด้วย เดินหลังตรงและยิ้มค่ะ ส่วนของกระเป๋าก็ลากปกติค่ะ ไม่ต้องวันเดอร์วูแมนยกกระเป๋านะคะ คิดว่าเราอำเล่นหรอ แต่มันเกิดขึ้นจริงค่ะ คุณจะได้เดินเป็นวงกลมผ่านหน้าโต๊ะกรรมการทั้ง 3 โต๊ะ เวลาเดินผ่านท่านก็อย่าลืม eye contact และยิ้มเยอะๆ เราเดินมาถึงกรรมการโต๊ะสุดท้ายโดนถามว่า ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ ณ โมเม้นต์นั้นเราหลุดไปแปปนึง เพราะตอนบรีฟหน้าห้อง พี่ลูกเรือบอกว่าให้พูดแค่แนะนำตัวแค่นั้น เราเลยไม่ได้เตรียมตัวว่ากรรมการจะถามอะไรกลับมา แต่เราก็ดึงสติกลับมาได้และตอบท่านไป ข้อสำคัญ อย่าลืมตอบไปยิ้มไปค่ะ
ต่อไปขอพูดถึงเรื่องกรูมมิ่ง นิยามคือ “หน้าแน่น ผมเป๊ะ” โดยปกติแล้ว Business Attire คือ เสื้อเชิ้ตสุภาพ กระโปรง หรือไม่ก็สูทแค่นั้น ไอเสื้อระบายๆเนี่ย ไทยแลนด์โอนลี่ค่ะ วันพรีสกรีน รอบกรุ้ป และไฟนอล เราใส่ชุดเดียวกันหมดทุกวัน เราเลือกใช้สีสุภาพเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงดำค่ะ แค่นั้นจริงๆ ไม่ได้ใส่สูท (โดนตำหนิมาตอนรอบไฟนอลว่าทำไมไม่ใส่สูท งือออออออ ร้องไห้ไปแปปแต่ก็บอกเหตุผลของเราไปว่าทำไม) ในเรื่องของผม เราแสกกลางมวยข้างหลังปกติ เพราะทำเป็นอยู่ทรงเดียว ขอผมแบบเป๊ะ เรียบๆ ไม่มีไรผมหลุดออกมานะคะ ส่วนตัวเราเป็นคนที่พานิคเรื่องผมอยู่แล้ว เลยเตรียมมูทเตรียมสเปรย์ไปแบบจัดเต็ม ตอนรอหน้าห้องนี่ก็แทบจะเป็นบ้าเพราะลมพัดตลอดเวลา ผมหนูจะหลุดมั้ย มาถึงการแต่งหน้า เราเลือกทาปากสีแดงไป ติดขนตาปลอมจัดเต็ม ขอหน้าแน่นๆค่ะ และเราทาทั้งเล็บมือ เล็บเท้าสีแดง กรูมมิ่งการแต่งหน้า ทำผม ประมาณนี้ และที่สำคัญ.. ขอยิ้มเยอะๆ นะคะ พรีสกรีนเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วมาก เราต้องทำยังไงก็ได้ให้กรรมการอยากเลือกเราและจำเราได้ค่ะ
วันที่ 2 Group Discussion
พูดถึงรอบกรุ้ป ในส่วนของโพรเสสนี้เราอาจจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก แต่เราจะบอกทุกอย่างจากประสบการณ์ของเราค่ะ
1 group จะมีประมาณ 10-12 คน เหมือน Group Discussion ทั่วไป มีเวลาให้ 15 นาที นั่งเป็นวงกลม กรรมการให้โจทย์มา แต่ละคนออกความคิดเห็นและสรุปว่าเราจะเลือกคำตอบไหน โดยจะมีตัวแทนของกลุ่มพรีเซ้นคำตอบค่ะ
ในความคิดเรา..
- รอบกรุ้ปจะเป็นรอบที่ทุกคนจะพ่นไฟใส่กันเท่าที่จะพ่นได้ เพื่อพรีเซ้นศักยภาพทางภาษาอังกฤษของตัวเอง และแน่นอนว่าคนที่เตรียมตัวมาอย่างดี เพื่อนๆก็จะมีคำตอบและเหตุผลที่ดีกันมากๆ แต่.. การที่เราไม่มีคำตอบที่สวยหรูมันไม่ใช่ปัญหาค่ะ ทริคสำคัญในการทำกรุ้ปคือ “การให้ความสนใจกับเพื่อนในกลุ่ม” ข้อนี้สำคัญมากเลยนะคะ มันเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่าเราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ รับฟัง และให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ คุณจะแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนๆยังไงก็ได้ แต่คุณก็ต้องสนใจและฟังเวลาเพื่อนแสดงความคิดเห็นด้วย ไม่แย่งเพื่อนพูดนะคะ ถ้าเพื่อนคนนั้นจะแสดงความคิดเห็น
- อีกเรื่องคือเสียงดัง ย้ำค่ะ ว่าการทำกรุ้ปในห้องประชุมใหญ่และมีกรรมการอยู่รอบวงนั้น คุณต้องพูดเสียงดังฟังชัด ให้ทั้งเพื่อนและกรรมการได้ยินค่ะ
- อ้อ.. สิ่งสำคัญอีกเรื่อง อย่าลืมดูเรื่องเวลาด้วยนะคะ 15 นาทีผ่านไปเร็วมาก อย่าแสดงความคิดเห็นกันจนเพลินค่ะ ส่วนเรื่องคำตอบเราไม่สามารถไกด์ให้ได้จริงๆว่าควรตอบแบบไหน เพราะว่ามันไม่ตายตัว ตรงนี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ
- เรื่องต่อไป นอกจากการที่เราจะให้ความสนใจกับเพื่อนๆตอนทำกรุ้ปแล้ว ท่านั่งและบุคลิกต้องเป๊ะด้วยค่ะ วันทำกรุ้ปเราเลือกที่จะนั่งหลังตรงและเอามือมาวางไว้หน้าขาตรงชายกระโปรงเพื่อให้ดูเรียบร้อยและไม่ให้กระโปรงโป้ค่ะ เราคิดว่าบุคลิกภาพตรงนี้ก็สำคัญนะคะ อย่ามองข้าม
- สุดท้ายและท้ายสุด ยิ้มเยอะๆ ยิ้มตลอดเวลาใครจะว่ายังไงก็ช่าง ยิ้มเอาว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
รอบของวันทำกรุ้ปเรามีแค่นี้ค่ะ วันนั้นเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ถ้าผ่านก็ผ่าน ไม่ผ่านก็ไม่เสียใจค่ะ
วันที่ 3 Final Interview
คนที่ผ่านเข้ารอบไฟนอลจะต้องเตรียมเอกสารตามที่ได้รับอีเมลล์มาด้วย อย่าลืมเตรียมมาให้ครบตามที่ได้รับการแจ้งจากอีเมลล์นะคะ (วันแรกกับวันที่สองไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรมาค่ะ) กรูมมิ่งเสื้อ ผ้า หน้า ผม ก็เป๊ะเหมือนเดิม 3 วันก็ยังต้องคงคอนเซปเป๊ะค่ะ ไฟนอลจะสัมภาษณ์กับกรรมการตัวต่อตัว กรรมการมีทั้งหมด 13-14 โต๊ะ (อันนี้จำจำนวนโต๊ะไม่ได้แน่นอนค่ะ) เวลา 10 นาที วันนี้ขึ้นอยู่กับดวงแล้วค่ะว่าจะได้สัมภาษณ์ในรูปแบบไหน แต่อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกท่านมีมาตรฐานที่เหมือนกันค่ะ วันนี้เราไม่มีทริคอะไร หรือทำยังไงถึงจะมัดใจกรรมการได้นะคะ แต่เราคิดว่า เราควรทำตัวให้สบาย อย่าเครียด อย่ากดดันตัวเอง เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดแค่นั้นเอง ถ้าเรา Positive คำตอบของเราก็จะออกมา Positive ค่ะ ในส่วนของเราตอนสัมภาษณ์ ส่วนมากกรรมการจะถามเกี่ยวเรื่องงานที่เคยทำมา เคยมีปัญหาอะไรมั้ย ถ้าเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้นจะทำยังไง บลาๆๆ คือเหมือนกับการคุยกันมากกว่า ไม่เครียดเลยค่ะ
หลังจาก Final Interview ไม่กี่วันเราก็จะได้อีเมลล์ให้ทำ English Test ค่ะ ไม่ยาก จากนั้นก็รออีเมลล์ Congratulation ได้เลย
มาถึงตรงนี้แล้ว เราขอให้ทุกคนโชคดี ประสบความสำเร็จตามที่ตัวเองหวังไว้นะคะ ไม่ว่าจะยังไง เราต้องพยายามและลงมือทำสิ่งนั้นให้เต็มที่ เพราะถ้าเราได้สิ่งนั้นมาจากความพยายามของตัวเราเอง มันจะหายเหนื่อยและภูมิใจมาก เราทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้ค่ะ ไฟทติ้งงงงงงงงงงงงงงง