ตามหัวข้อครับ ท่านว่าโลกคู่ขนานมีจริงหรือเปล่า หรือผมดูหนังมากไป แต่ผมมักจะฝันเห็นสถานที่เดิมๆ ที่คล้ายๆกับบ้านตัวเอง แต่ไม่ใช่ และฝันบ่อยชนิดที่ว่า จำเส้นทาง บุคคลในนั้นได้หมด อีกอย่างเวลาที่คลิ้มๆกำลังจะหลับ ผมมักจะเห็นตัวเองแยกเป็นหลายๆคน แต่ละคนมีความรู้สึกนึกคิดที่ต่างกัน และมักจะมีอาการเดจาวูบ่อยๆ เหมือนที่นี้เคยมาแล้ว สิ่งนี้เคยทำแล้ว หรือมันอาจจะเป็นผลจากการที่อีกมิติหนึ่ง ส่งผลมาถึงผม (คิดๆบางทีเหมือนจะบ้า 555)
ผมมีเรื่องหนึ่งจากพระไตรปิฏกมาเล่าให้อ่านกัน เป็นเรื่องสมัยพุทธกาลแล้วนะครับ ซึ่งตอนแรกที่อ่าน(นานมาแล้ว)ก็เพราะชอบอ่านหนังสือธรรมะ แต่เมื่อเริ่มรู้จักเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน อาจจะเป็นเรื่องของโลกคู่ขนานก็ได้ เพราะ พระพูทธเจ้าตรัสว่า โลกเรามีจำนวนอนันต์ คือมากมายจนนับไม่ถ้วน
เริ่มกันเลยครับ
ครั้งหนึ่งขณะที่พระตถาคตเจ้ากำลังอยู่ในที่ประชุมสงฆ์ พระน้านางปชาบดีโคตมี ได้น้อมนำเอาผ้าจีวรใหม่เข้ามาเพื่อถวายแก่องค์พระศาสดาเจ้า แต่องค์พระตถาคตเจ้าทรงนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ทรงรับไว้ ผ้านั้นจึงถูกส่งต่อไปตามลำดับจนตกไปถึงพระผู้น้อยบวชใหม่องค์ท้ายที่สุด...ที่มีชื่อว่า..*พระอชิตะ* (พระศรีอริยเมตไตย พระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป) จึงได้รับการอนุโมทนาในที่สุด พระน้านางก็ทำท่าทางแสดงความเสียพระทัย
องค์พระตถาคตเจ้าทรงหยั่งรู้ได้และต้องการให้ไทยทานครั้งนี้สมบูรณ์ จึงกล่าวแก่พระนางว่าไม่ต้องเสียพระทัยไป แล้วจึงตรัสให้นำบาตรของพระพุทธองค์มาวางไว้เบื้องพระพักตร์ แล้วอธิษฐานให้บาตรนั้นลอยหายไปในนภากาศ หลังจากนั้นพระตถาคตเจ้าก็ทรงใช้ให้พระสาวกทั้งหลายผู้ทรงฤทธิ์ ไปหาบาตรนั้นมาคืนพระองค์ทีละองค์ๆ แต่ก็ไม่มีองค์ใดสามารถทำได้
จนมาถึงองค์พระโมคคัลลาน์อัครสาวก ท่านก็เหาะหายไปในนภากาศตามหาบาตรจนทั่วก็ยังหาไม่พบ จนไกลออกไปเรื่อยๆนอกเขตของจักรวาล แม้ว่าองค์พระศาสดาจะทรงพระดำรัสเตือนแล้วมิให้ไปไกลจนเกินขอบเขตแห่งจักรวาล จนในที่สุดพระโมคคัลลาน์ท่านก็หลงไปจนถึงโลกแห่งใหม่และได้ลงไปยังสมาคมแห่งพระสัมมาสัมพุทธพระองค์หนึ่งท่ามกลางหมู่สงฆ์สาวก ขณะกำลังแสดงธรรมอยู่ พระสัมมาสัมพุทธพระองค์นั้นท่านจึงได้แสดงธรรมแนะนำถึงองค์พระโมคคัลลาน์ ผู้เป็นถึงอัครสาวกของพระสมณโคดมต่อมหาสมาคมนั้น(แต่ไม่ทราบว่ารูปลักษณะเหมือนกับพระสมณโคดมเราหรือไม่) และได้หลงทางเข้ามา
หลังจากจบพระธรรมเทศนาแล้วพระสัมมาสัมพุทธพระองค์นั้นจึงทรงพระดำรัสต่อพระโมคคัลลานะ ว่าหากจะกลับไปยังโลกเดิมให้เหาะตามพระฉัพพรรณรังสีพุทธบารมีของพระองค์ท่านไปจนถึงขอบเขตแห่งจักรวาล แล้วจะพบกับพระฉัพพรรณรังสีพุทธบารมีขององค์พระสมณโคดมนำทางต่อจนกลับมายังโลกได้ พระโมคคัลลาน์จึงกราบลาและกระทำตามนั้นจนกลับมาเล่าความให้องค์พระตถาคตเจ้าได้รับทราบ พระโมคคัลลาน์ก็ยังหาบาตรมาไม่ได้
จนถึงพระอชิตะองค์ท้ายที่สุด ท่านเพียงแต่อธิษฐานแล้ววางมือไปเบื้องหน้าเท่านั้นบาตรแห่งพระตถาคตเจ้า ก็ลอยกลับลงมาวางไว้ณ.เบื้องหน้านั้นเอง ท่านจึงได้น้อมนำกลับไปถวายคืนแด่องค์พระตถาคตเจ้า พระน้านางปชาบดีโคตมี เห็นดังนั้นก็ทรงพอพระทัยยิ่งในผลทานครั้งนั้น องค์พระตถาคตเจ้าจึงได้แสดงธรรมพุทธทำนายต่อว่าพระอชิตะองค์นี้มิใช่อื่นไกลแต่เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร จะมาตรัสเป็น...พระเมตไตยพุทธเจ้าในกาลถัดไปนั้นเอง
และว่าในมหาอนันตจักรวาลนี้นั้นยังมีอีกเป็นแสนจักรวาลล้านโลกธาตุที่ยังนับไม่ถ้วน ยังมีสัมมาสัมพุทธอื่นๆ และเป็นอจินไตยอันมนุษย์ธรรมดามิอาจคาดเดาได้
สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสว่า ในมหาอนันตจักรวาลนี้นั้นยังมีอีกเป็นแสนจักรวาลล้านโลกธาตุที่ยังนับไม่ถ้วน ยังมีสัมมาสัมพุทธอื่นๆ และเป็นอจินไตยอันมนุษย์ธรรมดามิอาจคาดเดาได้ อาจจะเป็นจักรวาลที่คุ่ขนานกับจักรวาลของเราก็ได้ แค่มีอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป และมีตัวเราในทุกๆโลกและจักรวาลพวกนั้นก็ได้ ท่านๆล่ะคิดเหมือนผมหรือเปล่า
ท่านว่า โลกคู่ขนานมีจริงมั้ย มีหลักฐาน(หรือเปล่า)มาเล่าให้ฟ้งเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน
ผมมีเรื่องหนึ่งจากพระไตรปิฏกมาเล่าให้อ่านกัน เป็นเรื่องสมัยพุทธกาลแล้วนะครับ ซึ่งตอนแรกที่อ่าน(นานมาแล้ว)ก็เพราะชอบอ่านหนังสือธรรมะ แต่เมื่อเริ่มรู้จักเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน อาจจะเป็นเรื่องของโลกคู่ขนานก็ได้ เพราะ พระพูทธเจ้าตรัสว่า โลกเรามีจำนวนอนันต์ คือมากมายจนนับไม่ถ้วน
เริ่มกันเลยครับ
ครั้งหนึ่งขณะที่พระตถาคตเจ้ากำลังอยู่ในที่ประชุมสงฆ์ พระน้านางปชาบดีโคตมี ได้น้อมนำเอาผ้าจีวรใหม่เข้ามาเพื่อถวายแก่องค์พระศาสดาเจ้า แต่องค์พระตถาคตเจ้าทรงนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ทรงรับไว้ ผ้านั้นจึงถูกส่งต่อไปตามลำดับจนตกไปถึงพระผู้น้อยบวชใหม่องค์ท้ายที่สุด...ที่มีชื่อว่า..*พระอชิตะ* (พระศรีอริยเมตไตย พระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป) จึงได้รับการอนุโมทนาในที่สุด พระน้านางก็ทำท่าทางแสดงความเสียพระทัย
องค์พระตถาคตเจ้าทรงหยั่งรู้ได้และต้องการให้ไทยทานครั้งนี้สมบูรณ์ จึงกล่าวแก่พระนางว่าไม่ต้องเสียพระทัยไป แล้วจึงตรัสให้นำบาตรของพระพุทธองค์มาวางไว้เบื้องพระพักตร์ แล้วอธิษฐานให้บาตรนั้นลอยหายไปในนภากาศ หลังจากนั้นพระตถาคตเจ้าก็ทรงใช้ให้พระสาวกทั้งหลายผู้ทรงฤทธิ์ ไปหาบาตรนั้นมาคืนพระองค์ทีละองค์ๆ แต่ก็ไม่มีองค์ใดสามารถทำได้
จนมาถึงองค์พระโมคคัลลาน์อัครสาวก ท่านก็เหาะหายไปในนภากาศตามหาบาตรจนทั่วก็ยังหาไม่พบ จนไกลออกไปเรื่อยๆนอกเขตของจักรวาล แม้ว่าองค์พระศาสดาจะทรงพระดำรัสเตือนแล้วมิให้ไปไกลจนเกินขอบเขตแห่งจักรวาล จนในที่สุดพระโมคคัลลาน์ท่านก็หลงไปจนถึงโลกแห่งใหม่และได้ลงไปยังสมาคมแห่งพระสัมมาสัมพุทธพระองค์หนึ่งท่ามกลางหมู่สงฆ์สาวก ขณะกำลังแสดงธรรมอยู่ พระสัมมาสัมพุทธพระองค์นั้นท่านจึงได้แสดงธรรมแนะนำถึงองค์พระโมคคัลลาน์ ผู้เป็นถึงอัครสาวกของพระสมณโคดมต่อมหาสมาคมนั้น(แต่ไม่ทราบว่ารูปลักษณะเหมือนกับพระสมณโคดมเราหรือไม่) และได้หลงทางเข้ามา
หลังจากจบพระธรรมเทศนาแล้วพระสัมมาสัมพุทธพระองค์นั้นจึงทรงพระดำรัสต่อพระโมคคัลลานะ ว่าหากจะกลับไปยังโลกเดิมให้เหาะตามพระฉัพพรรณรังสีพุทธบารมีของพระองค์ท่านไปจนถึงขอบเขตแห่งจักรวาล แล้วจะพบกับพระฉัพพรรณรังสีพุทธบารมีขององค์พระสมณโคดมนำทางต่อจนกลับมายังโลกได้ พระโมคคัลลาน์จึงกราบลาและกระทำตามนั้นจนกลับมาเล่าความให้องค์พระตถาคตเจ้าได้รับทราบ พระโมคคัลลาน์ก็ยังหาบาตรมาไม่ได้
จนถึงพระอชิตะองค์ท้ายที่สุด ท่านเพียงแต่อธิษฐานแล้ววางมือไปเบื้องหน้าเท่านั้นบาตรแห่งพระตถาคตเจ้า ก็ลอยกลับลงมาวางไว้ณ.เบื้องหน้านั้นเอง ท่านจึงได้น้อมนำกลับไปถวายคืนแด่องค์พระตถาคตเจ้า พระน้านางปชาบดีโคตมี เห็นดังนั้นก็ทรงพอพระทัยยิ่งในผลทานครั้งนั้น องค์พระตถาคตเจ้าจึงได้แสดงธรรมพุทธทำนายต่อว่าพระอชิตะองค์นี้มิใช่อื่นไกลแต่เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร จะมาตรัสเป็น...พระเมตไตยพุทธเจ้าในกาลถัดไปนั้นเอง และว่าในมหาอนันตจักรวาลนี้นั้นยังมีอีกเป็นแสนจักรวาลล้านโลกธาตุที่ยังนับไม่ถ้วน ยังมีสัมมาสัมพุทธอื่นๆ และเป็นอจินไตยอันมนุษย์ธรรมดามิอาจคาดเดาได้
สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสว่า ในมหาอนันตจักรวาลนี้นั้นยังมีอีกเป็นแสนจักรวาลล้านโลกธาตุที่ยังนับไม่ถ้วน ยังมีสัมมาสัมพุทธอื่นๆ และเป็นอจินไตยอันมนุษย์ธรรมดามิอาจคาดเดาได้ อาจจะเป็นจักรวาลที่คุ่ขนานกับจักรวาลของเราก็ได้ แค่มีอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป และมีตัวเราในทุกๆโลกและจักรวาลพวกนั้นก็ได้ ท่านๆล่ะคิดเหมือนผมหรือเปล่า