ชนะน็อก โรคซึมเศร้า ยกที่สาม ตอน เสื้อกิโมโนสีขาวตัวจิ๋วจากห้างรังนกใต้ 1
http://pantip.com/topic/35172570
แล้วคืนวันหนึ่งซึ่งก็เป็นเหมือนหลายๆคืนที่ฉันเข้านอนด้วยใจปิติสุขเนื่องจากเรื่องที่ฉันสงสัยหาคำตอบได้แล้ว
จิตฉันสงบไม่กระเจิดกระเจิง สับสน ว้าวุ่น จิตสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูกไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย วันนี้สมาธิดีมาก
ขณะที่ฉันกำลังเคลิ้มใกล้จะหลับเหมือนอยู่ในภวังค์
ฉันพบตัวเองเมื่อตอนประมาณเจ็ดขวบ ฉันอยู่ในร่างเดิมของฉันในวัยเด็กและความรู้สึกนึกคิดอารมณ์กลับไปสู่วัยเด็กในวันนั้น
ฉันรู้สึกว้าเหว่ ไม่มั่นใจว่าพ่อและแม่ยังรักฉันไม๊ ฉันมีความรู้สึกหงอยๆยังไงชอบกล ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
(คือฉันเป็นลูกสาวคนที่สามที่เป็นคนเล็กอยู่ถึงเจ็ดปี แล้ววันนึงแม่ก็คลอดน้องชายออกมา พ่อกับแม่ดีใจมาก
เวลาและจิตใจของพ่อและแม่อยู่กับน้องชายของฉันคนเดียว) เย็นวันนั้น หลังเลิกเรียนฉันยังใส่เสื้อนักเรียนสีขาว
ถอดกระโปรงเก็บไว้แล้วใส่กางเกงขาสั้นลายดอกไม้สีเหลือง แล้วฉันวิ่งเล่นหน้าลานบ้านซึ่งเป็นซีเมนต์ขัดหยาบ
มันคือบ้านหลังเก่าของฉันสมัยเด็กๆที่เราอาศัยอยู่บ้านตายายและครอบครัวน้าๆน้องของแม่
หน้าบ้านฉันตรงกับตรอกเล็กๆที่คนเดินเข้าออกสวนทางกันได้แต่รถไม่สามารถเข้าออก ขณะที่วิ่งเล่น ฉันเหลือบไปเห็น
พ่อกลับจากที่ทำงานเดินเข้ามาในตรอกพอดี ดีใจจังเลย พ่อกลับมาแล้ว เอ๊ะ พ่อหิ้วอะไรมา “อะไรพ่อ พ่อเอาอะไรมา พ่อซื้ออะไร”
พ่อบอกว่า พ่อซื้อเสื้อมาจากห้างรังนกใต้ แพงมากด้วย พ่อตัดใจซื้อมาเลยนะ “เย้!!พ่อซื้อให้ใคร ของใคร”
ฉันเดินเข้าบ้านพร้อมพ่อ ส่วนสายตาฉันจับจ้องอยู่ที่ถุงใบนั้น พ่อเปิดถุงออกและหยิบเสื้อตัวเล็กๆสีขาวออกมามันดูนุ่มจัง
มันเป็นเสื้อที่ป้ายไปอีกด้านมีริบบิ้นเล็กๆสีขาวเป็นมันยาวสักคืบไว้สำหรับผูก พ่อบอกกับแม่ว่า มันเป็นเสื้อกิโมโน
เดินผ่านห้างนี้มาสองวันเห็นเสื้อตัวนี้แต่ไม่กล้าซื้อมันแพงมาก แปดสิบบาทเชียวนะ คิดอยู่ทั้งคืน เอ้าตัดใจ
อยากให้ลูกได้ใส่เสื้อสวยๆวันนี้เลยเข้าไปซื้อ ปกติพ่อจะไม่ซื้อเสื้อผ้าให้ใครเพระถือว่าเป็นหน้าที่แม่
แม่ดีใจชมว่าเสื้อสวยจัง น่ารักมาก แล้วแม่กับพ่อก็ลืมฉันมัวสาระวนอยู่กับการลองเสื้อให้น้องชายที่เพิ่งเกิดได้เดือนกว่า
ฉันยืนดูและค่อยๆถอยห่างออกมา ถอยห่างออกมา ฉันรู้สึกเศร้าจังเลย ความรู้สึกเหมือนกับว่าโลกนี้ไม่มีใครรักฉันแล้ว
พ่อกับแม่ลืมฉันแล้ว ฉันไม่เคยได้เสื้อใหม่เลยฉันต้องใส่เสื้อต่อๆมาจากพี่สาวคนโต แล้วต่อมายังพี่สาวคนลอง
กว่าจะถึงฉันเสื้อเก๊าเก่า น้ำตาฉันเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า ทุกสิ่งจบลงแค่นี้ แล้วก็มีอีกเรื่องผุดขึ้นมา
ฉันเห็นตัวเองนั่งอยู่ห้องโถงกลางบ้าน ไม่มีเครื่องเรือนอะไร พื้นเป็นไม้กระดานและได้ยินเสียงยายของฉัน
ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับแม่ซึ่งกำลังกำลังไกวเปลน้องชายที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ยายบอกกับน้าสะใภ้ที่นั่งเด็ดผักบุ้งอยู่ที่ประตูว่า
ตอนไอ้(ชื่อฉัน)เกิด พ่อมันรีบไปโรงพยาบาลคำแรกที่ถาม คุณ(ชื่อพ่อฉัน)ถามว่าผู้ชายรึผู้หญิง
พอบอกว่าผู้หญิงเท่านั้นแหละ ร้อง ว๊าแล้วไม่ไปดูหน้าลูกเลย แล้วยายก็หัวเราะ ทุกคนที่นั่นหัวเราะเว้นฉันและน้องที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง
เหมือนฉันออกมาจากร่างฉันในวัยเด็ก ฉันรู้สึกสงสารตัวเองจับใจ ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ร้อง และร้อง
ความรู้สึกเศร้ายังฝังอยู่ เหมือนความรู้สึกอารมณ์ตอนเด็กในวันนั้นมันตามกลับมาด้วยฉันบังคับตัวเองไม่ได้ ฉันร้อง และ ร้อง
เสียใจอย่างที่ไม่รู้จะอธิบายให้คุณฟังได้ยังไง สติฉันแทบเสีย แล้วก็มีความคิดไหลเข้ามา เป็นคำพูดที่เนิบๆช้าเสียงทุ่มต่ำ
“มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่ตอนนั้นแล้ว เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ดีใจกับพ่อแม่สิที่ได้สิ่งที่คาดหวัง
พ่อกับแม่รอมาตั้งเจ็ดปีนะต้องดีใจกับพ่อแม่ที่มีความสุข รู้ใช่ไม๊ว่าแต่ก่อนบ้านเราฐานะไม่ดี
การที่พ่อแม่จะได้อะไรที่อยากได้สักอย่างมันเป็นเรื่องที่ยากมากแทบจะไม่มีเลยเพราะพ่อแม่ถ้าอยากได้อะไร
ก็ต้องทีหลังต้องให้ลูกได้ก่อนเสมอ สงสารพ่อแม่สิ นึกสิ พ่อแม่รักลูกทุกคน
พ่อแม่ไม่ได้หมดรักหรือลืม ถ้ารักน้อยกว่าไม่ได้แปลว่าไม่รัก บางทีอาจเป็นเพียงแต่ว่าแค่เห่อสิ่งที่มาใหม่เท่านั้น
ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วต้องคิดได้ว่าในเมื่อบ้านเราฐานะไม่ดีมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เสื้อผ้าต่อๆกัน
เพราะต้องประหยัดและอดออม พ่อแม่ทำถูกแล้วไม่งั้นเราจะไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงดูทุกคนในบ้าน
และน้องควรจะได้รับเสื้อใหม่ รักน้องต้องดีใจกับน้อง น้องได้อะไรต้องดีใจด้วย และลืมไปเหรอว่าน้องเป็นผู้ชาย
ผู้ชายเข้าใจไม๊ ผู้ชายไม่ใส่เสื้อผู้หญิง ไม่งั้นน้องต้องใส่เสื้อต่อจากเรา บ้านเราไม่มีเสื้อเด็กผู้ชายเล็กๆพ่อก็ต้องซื้อ
คิดสิ คิดถึงเรื่องที่ซาบซึ้งที่พ่อแม่ทำให้"
แล้วฉันก็ได้เริ่มนึกถึงพ่อตอนที่เล่านิทานให้ฟังในวันหยุด และฉันนึกถึงช่วงที่พ่อแม่ส่งเสียพวกเราเรียนหนังสือเป็น
เพราะพ่อเป็นคนเห็นคุณค่าการศึกษา วันนึงที่บ้านเราไม่มีอะไรกินเพราะเงินเดือนส่วนใหญ่ของพ่อต้องส่งเป็นค่าเล่าเรียน
และค่าอาหารค่าที่พักให้กับพี่สาวสองคนที่เรียนหนังสือที่กรุงเทพ แต่พอดีวันนั้นไก่ที่บ้านมันออกไข่มาหนึ่งฟอง
พ่อเลยเอาหม้อเล็กๆใส่น้ำตั้งไฟแล้วใส่น้ำตาลลงไป พอเดือดพ่อตอกไข่ลงไปแล้วเอาให้ฉันกิน พ่อบอกพ่อไม่หิว
ฉันนึกถึงคำที่พ่อจะสอนเสมอว่าเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกเป็นได้ และพ่อยังสอนว่า ความดีพ่อไม่รู้ว่าถ้าทุกคนทำแล้ว
จะทำให้คนทุกคนรวยรึเปล่า แต่ที่แน่ๆความดีและความซื่อสัตย์สุจริตจะไม่ทำให้เราเดือดร้อนติดคุกติดตะราง
ถ้าทำความดีถึงตายไปเอาไปฝัง ดินกลบหน้า ไม่ได้เผา ก็ไม่ต้องกลัวเพราะเทวดาจะมาพาเราขึ้นสวรรค์ และอีกหลายๆเรื่อง
ฉันเริ่มเห็นความรักของพ่อและแม่ และกลับนึกสงสารจับใจว่าท่านคงลำบากน่าดู ต้องกัดฟันสู้ และเลี้ยงเรามา
จนเราทุกคน ณ วันนี้ ถือว่าสุขสบายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่มากค่ะ
ฉันเริ่มค่อยๆทำความเข้าใจว่า นั่นเป็นความคิดแบบเด็กๆยังไม่รู้แยกแยะเหตุผล
แต่ตอนนี้ ฉันได้คิดแตกต่างไปในอีกแง่มุม วันนี้ฉันกลับรู้สึกสงสารพ่อแม่
ที่แม้ฐานะไม่ดี ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่พ่อกับแม่ก็ให้เราได้กิ่นอิ่มทุกมื้อ
นึกเลยไปถึงมื้อกลางวันที่โรงเรียนที่แม่ห่อข้าวไปให้กิน ปลาทูตัวเล็กครึ่งตัวท่อนหาง แต่มันอร่อยมาก
และทำให้กินข้าวได้จนหมดกล่อง ฉันมีรองเท้าถึงมันตกทอดมาจากพี่จนขาดแต่ก็เย็บจนเรียบร้อยแล้ว
ได้ใส่ไปโรงเรียนในขณะที่เพื่อนคนอื่นบางคนต้องเดินเท้าเปล่า
ฉันเริ่มควบคุมตัวเองได้ ฉันบอกกับตัวเอง ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ตอนนั้นเราเป็นเด็กก็คิดแบบเด็กๆ
เปลี่ยนความคิด มันไม่ถูกต้องเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล
และฉันปลอบตัวเองอยู่สักพัก มารู้สึกตัวก็ยืนกอดตัวเองอยู่ในความมืดข้างๆตู้ในห้องนอน
น้ำตางี้เปียกชุ่มไปถึงเสื้อ
ฉันนึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจในวันนั้นมันได้ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจฉันอย่างเงียบๆ
และฉันเองก็ลืมไม่เคยจะจดจำเรื่องนี้ได้เลยจนมันผุดขึ้นมาเองถึงได้จำได้ว่าเคยมีเหตุการณ์นี้
วันนี้ฉันรับรู้ถึงความเศร้าสะเทือนใจอย่างรุนแรงของฉันในวัยเด็กและมันคือปมที่ติดมากับฉัน
และได้ทำให้ฉันแสดงออกในหลายๆเรื่องที่ไม่ถูกต้องในเวลาต่อๆมา
ฉันไม่แนะนำให้คุณเข้าไปถึงเรื่องในอดีตด้วยตัวคุณเอง แต่ถ้าคุณอยากจะค้นหามัน คุณควรปรึกษาจิตแพทย์
ให้จิตแพทย์แนะนำนักจิตวิทยาบำบัดที่อยู่ตามโรงพยาบาลให้แก่คุณ คุณอย่าลองทำเอง
เพราะถ้าจิตของคุณไม่สามารถกลับมาได้ คุณจะตกอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกนั้น จิตคุณจะจมดิ่งอยู่ในอดีตที่ขมขื่น
อาจถึงขั้นเสียสติ
พอหมดเรื่องนี้ฉันไม่เข้าไปล้วงถึงอดีตอีกเลย แม้ว่าบางตำราจะบอกว่าสามารถย้อนภพย้อนชาติได้
ฉันคิดว่ามันคงไม่จำเป็น มันเหมือนน้ำที่ตกตะกอนแล้วอย่าไปกวนให้มันขุ่นขึ้นมาเลย
ฉันหวังว่าเผื่อใครบางคนที่ได้อ่านกำลังคิดจะมีลูก หรือกำลังมีลูกเล็กๆหลายคน ขอได้โปรดหันมามองลูกคนกลางบ้างเท่านั้น
ค่ำคืน
บทสวดมนตร์ของฉันเหมือนเดิมแต่บทไหว้ดวงดาวได้เพิ่มขึ้นและคำภาวนาของฉันเปลี่ยนแปลงไป
จากการขอ เป็นการขอขอบพระคุณ
“อะระหัง สัมมาฯ..................................................”
ตามด้วย “นโมตัสสะ..........................................................”
และ “พุทธัง สะระนัง คัจฉามิฯ........................................”
“ลูกขอกราบไหว้ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุทธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์
พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ(พระเนปจูน) พระพลูโต พระยูเรนัส และดาวพระเคราะห์โลกที่ลูกอาศัยอยู่
ตลอดจนดวงดาวที่ลูกได้แลเห็นและไม่เห็น
ลูกขอกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์และเทวดาผู้ปกปักรักษาหมู่ดาวในจักรวาลทุกดวง
เหนือสิ่งอื่นใดลูกขอกราบไว้พระผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ พระผู้สร้างผู้บันดาลให้เกิดสรรพสิ่งในจักรวาล
พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นเจ้าของพลังแห่งจักรวาล ลูกขอกราบไหว้ด้วยความเคารพบูชา”
เมื่อหลายปีก่อนฉันเคยได้ยินและเห็นหนังสือเกี่ยวกับพลังธรรมชาติ พลังจักรวาล
แต่ฉันไม่เชื่อและก็ไม่ได้สนใจ ฉันว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล
ลูกสาวฉันเคยบอกว่าลองเขียนความต้องการของเราแล้ววันนึงมันจะเป็นจริง
คนโตเค้าติดรูปรถเบนซ์สปอร์ตไว้ ส่วนคนเล็กเค้าเขียนเป้าหมายไว้ว่าเค้าจะมีเงินเดือนหลักแสนก่อนอายุสามสิบ
ฉันฟังแล้วหัวเราะและคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ต้องทำสิ ต้องบากบั่นต่อสู้ อดทนอดออมขยันหมั่นเพียร
มุ่งมั่นทำงาน สู้งานหนัก เท่านั้น ถึงจะสำเร็จ ตอนนั้นฉันเชื่อแบบนั้นจริงๆ
แล้วในเวลาต่อมาเรื่องที่ลูกสาวฉันสองคนเขียนไว้มันเป็นความจริงคือคนโตเค้าได้รถเบนซ์สปอร์ตตามรูปที่เค้าแปะไว้
ส่วนคนเล็กเค้าได้ตามเป้าหมายคือเงินเดือนหลักแสนเมื่ออายุก่อนสามสิบ
คนเล็กนี่ตอนที่เค้าเขียนไว้เค้าทำงานเป็นพนักงานธรรมดาและนั่งรถตู้บริษัทที่จอดรับพนักงาน
ตามจุดต่างๆไปทำงานมีเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆมองไม่เห็นวี่แวว แต่ต่อมาเค้าได้เงินเดือนเป็นหลักแสน
มีสวัสดิการอีกมากมายตลอดจนเป็นผู้บริหารระดับสูงในเวลาแค่สองสามปี
ตอนนี้ฉันก็ยังมีความเชื่อแบบเดิมที่ทุกคนควรมีความขยัน มุ่งมั่น
แต่ได้เพิ่มความเชื่อความศรัทธาในพลังแห่งจักรวาลเข้าไปด้วย
หนังสือที่แนะนำว่าน่าอ่าน น่าจะช่วยให้อาการโรคซึมเศร้าดีขึ้นและช่วยสร้างกำลังใจให้คุณได้
แต่ก็ไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ ลองหาๆดูในเน็ตได้ค่ะ
หนังสือของ Nick Vujicic เรื่อง UNSTOPPABLE หยุดไม่อยู่ วัชรวิชญ์ แปล
เรื่อง Life Without Limits ชีวิตไร้ขีดจำกัด พลอยแสง เอกญาติและนันทพร ปิเลย์ แปล
Love Without Limitsซึ่งKanae Vujicic ร่วมเขียนด้วย ความรักไร้ขีดจำกัด
ทั้งหมดเป็นเรื่องของชายที่ไม่มีแขนไม่มีขามาแต่กำเนิด แต่มีความคิดพลังจิตพลังใจที่ยอดเยี่ยมจนประสบความสำเร็จ และ
เรื่อง 1000 ไมล์ที่โลกจดจำ พาฝัน เจริญดี แปล เรื่องราวของเด็กชายสมองพิการและพ่อ
ที่เข้าแข่งขันวิ่งมาราธอน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ
เดอะท็อป พาวเวอร์, ความลับของจักรวาล ทางแห่งนิพพาน, ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
สามเล่มนี้เป็นงานเขียนของ ทันตแพทย์สม สุจีรา
พุทธจักวาล ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรกานต์ ศรีตองอ่อน
ศาสตร์มหัศจรรย์ ของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.วิจิตร บุณยะโหตระ
Just One Thing By Doctor Rick Hanson ทำทีละอย่าง วิธีการพัฒนาสู่สมองแห่งพุทธะ แปลโดย ดร.ณัชร สยามวาลา ถ้าสนใจเพิ่มเติมสามารถเข้าไปที่ www.rickhanson.net หรือ FB ของ ดร. ณัชร สยามวาลา
หนังสือ The Secret เดอะซีเคร็ต แปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา (ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้ก็ดีนะคะ ดูในเน็ตเอาก็มีค่ะ)
อย่าลืมติดตามยกที่ 4 นะคะ
ชนะน็อก โรคซึมเศร้า ยกที่สาม ตอน เสื้อกิโมโนสีขาวตัวจิ๋วจากห้างรังนกใต้ 2
http://pantip.com/topic/35172570
แล้วคืนวันหนึ่งซึ่งก็เป็นเหมือนหลายๆคืนที่ฉันเข้านอนด้วยใจปิติสุขเนื่องจากเรื่องที่ฉันสงสัยหาคำตอบได้แล้ว
จิตฉันสงบไม่กระเจิดกระเจิง สับสน ว้าวุ่น จิตสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูกไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย วันนี้สมาธิดีมาก
ขณะที่ฉันกำลังเคลิ้มใกล้จะหลับเหมือนอยู่ในภวังค์
ฉันพบตัวเองเมื่อตอนประมาณเจ็ดขวบ ฉันอยู่ในร่างเดิมของฉันในวัยเด็กและความรู้สึกนึกคิดอารมณ์กลับไปสู่วัยเด็กในวันนั้น
ฉันรู้สึกว้าเหว่ ไม่มั่นใจว่าพ่อและแม่ยังรักฉันไม๊ ฉันมีความรู้สึกหงอยๆยังไงชอบกล ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
(คือฉันเป็นลูกสาวคนที่สามที่เป็นคนเล็กอยู่ถึงเจ็ดปี แล้ววันนึงแม่ก็คลอดน้องชายออกมา พ่อกับแม่ดีใจมาก
เวลาและจิตใจของพ่อและแม่อยู่กับน้องชายของฉันคนเดียว) เย็นวันนั้น หลังเลิกเรียนฉันยังใส่เสื้อนักเรียนสีขาว
ถอดกระโปรงเก็บไว้แล้วใส่กางเกงขาสั้นลายดอกไม้สีเหลือง แล้วฉันวิ่งเล่นหน้าลานบ้านซึ่งเป็นซีเมนต์ขัดหยาบ
มันคือบ้านหลังเก่าของฉันสมัยเด็กๆที่เราอาศัยอยู่บ้านตายายและครอบครัวน้าๆน้องของแม่
หน้าบ้านฉันตรงกับตรอกเล็กๆที่คนเดินเข้าออกสวนทางกันได้แต่รถไม่สามารถเข้าออก ขณะที่วิ่งเล่น ฉันเหลือบไปเห็น
พ่อกลับจากที่ทำงานเดินเข้ามาในตรอกพอดี ดีใจจังเลย พ่อกลับมาแล้ว เอ๊ะ พ่อหิ้วอะไรมา “อะไรพ่อ พ่อเอาอะไรมา พ่อซื้ออะไร”
พ่อบอกว่า พ่อซื้อเสื้อมาจากห้างรังนกใต้ แพงมากด้วย พ่อตัดใจซื้อมาเลยนะ “เย้!!พ่อซื้อให้ใคร ของใคร”
ฉันเดินเข้าบ้านพร้อมพ่อ ส่วนสายตาฉันจับจ้องอยู่ที่ถุงใบนั้น พ่อเปิดถุงออกและหยิบเสื้อตัวเล็กๆสีขาวออกมามันดูนุ่มจัง
มันเป็นเสื้อที่ป้ายไปอีกด้านมีริบบิ้นเล็กๆสีขาวเป็นมันยาวสักคืบไว้สำหรับผูก พ่อบอกกับแม่ว่า มันเป็นเสื้อกิโมโน
เดินผ่านห้างนี้มาสองวันเห็นเสื้อตัวนี้แต่ไม่กล้าซื้อมันแพงมาก แปดสิบบาทเชียวนะ คิดอยู่ทั้งคืน เอ้าตัดใจ
อยากให้ลูกได้ใส่เสื้อสวยๆวันนี้เลยเข้าไปซื้อ ปกติพ่อจะไม่ซื้อเสื้อผ้าให้ใครเพระถือว่าเป็นหน้าที่แม่
แม่ดีใจชมว่าเสื้อสวยจัง น่ารักมาก แล้วแม่กับพ่อก็ลืมฉันมัวสาระวนอยู่กับการลองเสื้อให้น้องชายที่เพิ่งเกิดได้เดือนกว่า
ฉันยืนดูและค่อยๆถอยห่างออกมา ถอยห่างออกมา ฉันรู้สึกเศร้าจังเลย ความรู้สึกเหมือนกับว่าโลกนี้ไม่มีใครรักฉันแล้ว
พ่อกับแม่ลืมฉันแล้ว ฉันไม่เคยได้เสื้อใหม่เลยฉันต้องใส่เสื้อต่อๆมาจากพี่สาวคนโต แล้วต่อมายังพี่สาวคนลอง
กว่าจะถึงฉันเสื้อเก๊าเก่า น้ำตาฉันเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า ทุกสิ่งจบลงแค่นี้ แล้วก็มีอีกเรื่องผุดขึ้นมา
ฉันเห็นตัวเองนั่งอยู่ห้องโถงกลางบ้าน ไม่มีเครื่องเรือนอะไร พื้นเป็นไม้กระดานและได้ยินเสียงยายของฉัน
ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับแม่ซึ่งกำลังกำลังไกวเปลน้องชายที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ยายบอกกับน้าสะใภ้ที่นั่งเด็ดผักบุ้งอยู่ที่ประตูว่า
ตอนไอ้(ชื่อฉัน)เกิด พ่อมันรีบไปโรงพยาบาลคำแรกที่ถาม คุณ(ชื่อพ่อฉัน)ถามว่าผู้ชายรึผู้หญิง
พอบอกว่าผู้หญิงเท่านั้นแหละ ร้อง ว๊าแล้วไม่ไปดูหน้าลูกเลย แล้วยายก็หัวเราะ ทุกคนที่นั่นหัวเราะเว้นฉันและน้องที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง
เหมือนฉันออกมาจากร่างฉันในวัยเด็ก ฉันรู้สึกสงสารตัวเองจับใจ ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ร้อง และร้อง
ความรู้สึกเศร้ายังฝังอยู่ เหมือนความรู้สึกอารมณ์ตอนเด็กในวันนั้นมันตามกลับมาด้วยฉันบังคับตัวเองไม่ได้ ฉันร้อง และ ร้อง
เสียใจอย่างที่ไม่รู้จะอธิบายให้คุณฟังได้ยังไง สติฉันแทบเสีย แล้วก็มีความคิดไหลเข้ามา เป็นคำพูดที่เนิบๆช้าเสียงทุ่มต่ำ
“มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่ตอนนั้นแล้ว เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ดีใจกับพ่อแม่สิที่ได้สิ่งที่คาดหวัง
พ่อกับแม่รอมาตั้งเจ็ดปีนะต้องดีใจกับพ่อแม่ที่มีความสุข รู้ใช่ไม๊ว่าแต่ก่อนบ้านเราฐานะไม่ดี
การที่พ่อแม่จะได้อะไรที่อยากได้สักอย่างมันเป็นเรื่องที่ยากมากแทบจะไม่มีเลยเพราะพ่อแม่ถ้าอยากได้อะไร
ก็ต้องทีหลังต้องให้ลูกได้ก่อนเสมอ สงสารพ่อแม่สิ นึกสิ พ่อแม่รักลูกทุกคน
พ่อแม่ไม่ได้หมดรักหรือลืม ถ้ารักน้อยกว่าไม่ได้แปลว่าไม่รัก บางทีอาจเป็นเพียงแต่ว่าแค่เห่อสิ่งที่มาใหม่เท่านั้น
ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วต้องคิดได้ว่าในเมื่อบ้านเราฐานะไม่ดีมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เสื้อผ้าต่อๆกัน
เพราะต้องประหยัดและอดออม พ่อแม่ทำถูกแล้วไม่งั้นเราจะไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงดูทุกคนในบ้าน
และน้องควรจะได้รับเสื้อใหม่ รักน้องต้องดีใจกับน้อง น้องได้อะไรต้องดีใจด้วย และลืมไปเหรอว่าน้องเป็นผู้ชาย
ผู้ชายเข้าใจไม๊ ผู้ชายไม่ใส่เสื้อผู้หญิง ไม่งั้นน้องต้องใส่เสื้อต่อจากเรา บ้านเราไม่มีเสื้อเด็กผู้ชายเล็กๆพ่อก็ต้องซื้อ
คิดสิ คิดถึงเรื่องที่ซาบซึ้งที่พ่อแม่ทำให้"
แล้วฉันก็ได้เริ่มนึกถึงพ่อตอนที่เล่านิทานให้ฟังในวันหยุด และฉันนึกถึงช่วงที่พ่อแม่ส่งเสียพวกเราเรียนหนังสือเป็น
เพราะพ่อเป็นคนเห็นคุณค่าการศึกษา วันนึงที่บ้านเราไม่มีอะไรกินเพราะเงินเดือนส่วนใหญ่ของพ่อต้องส่งเป็นค่าเล่าเรียน
และค่าอาหารค่าที่พักให้กับพี่สาวสองคนที่เรียนหนังสือที่กรุงเทพ แต่พอดีวันนั้นไก่ที่บ้านมันออกไข่มาหนึ่งฟอง
พ่อเลยเอาหม้อเล็กๆใส่น้ำตั้งไฟแล้วใส่น้ำตาลลงไป พอเดือดพ่อตอกไข่ลงไปแล้วเอาให้ฉันกิน พ่อบอกพ่อไม่หิว
ฉันนึกถึงคำที่พ่อจะสอนเสมอว่าเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกเป็นได้ และพ่อยังสอนว่า ความดีพ่อไม่รู้ว่าถ้าทุกคนทำแล้ว
จะทำให้คนทุกคนรวยรึเปล่า แต่ที่แน่ๆความดีและความซื่อสัตย์สุจริตจะไม่ทำให้เราเดือดร้อนติดคุกติดตะราง
ถ้าทำความดีถึงตายไปเอาไปฝัง ดินกลบหน้า ไม่ได้เผา ก็ไม่ต้องกลัวเพราะเทวดาจะมาพาเราขึ้นสวรรค์ และอีกหลายๆเรื่อง
ฉันเริ่มเห็นความรักของพ่อและแม่ และกลับนึกสงสารจับใจว่าท่านคงลำบากน่าดู ต้องกัดฟันสู้ และเลี้ยงเรามา
จนเราทุกคน ณ วันนี้ ถือว่าสุขสบายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่มากค่ะ
ฉันเริ่มค่อยๆทำความเข้าใจว่า นั่นเป็นความคิดแบบเด็กๆยังไม่รู้แยกแยะเหตุผล
แต่ตอนนี้ ฉันได้คิดแตกต่างไปในอีกแง่มุม วันนี้ฉันกลับรู้สึกสงสารพ่อแม่
ที่แม้ฐานะไม่ดี ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่พ่อกับแม่ก็ให้เราได้กิ่นอิ่มทุกมื้อ
นึกเลยไปถึงมื้อกลางวันที่โรงเรียนที่แม่ห่อข้าวไปให้กิน ปลาทูตัวเล็กครึ่งตัวท่อนหาง แต่มันอร่อยมาก
และทำให้กินข้าวได้จนหมดกล่อง ฉันมีรองเท้าถึงมันตกทอดมาจากพี่จนขาดแต่ก็เย็บจนเรียบร้อยแล้ว
ได้ใส่ไปโรงเรียนในขณะที่เพื่อนคนอื่นบางคนต้องเดินเท้าเปล่า
ฉันเริ่มควบคุมตัวเองได้ ฉันบอกกับตัวเอง ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ตอนนั้นเราเป็นเด็กก็คิดแบบเด็กๆ
เปลี่ยนความคิด มันไม่ถูกต้องเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล
และฉันปลอบตัวเองอยู่สักพัก มารู้สึกตัวก็ยืนกอดตัวเองอยู่ในความมืดข้างๆตู้ในห้องนอน
น้ำตางี้เปียกชุ่มไปถึงเสื้อ
ฉันนึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจในวันนั้นมันได้ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจฉันอย่างเงียบๆ
และฉันเองก็ลืมไม่เคยจะจดจำเรื่องนี้ได้เลยจนมันผุดขึ้นมาเองถึงได้จำได้ว่าเคยมีเหตุการณ์นี้
วันนี้ฉันรับรู้ถึงความเศร้าสะเทือนใจอย่างรุนแรงของฉันในวัยเด็กและมันคือปมที่ติดมากับฉัน
และได้ทำให้ฉันแสดงออกในหลายๆเรื่องที่ไม่ถูกต้องในเวลาต่อๆมา
ฉันไม่แนะนำให้คุณเข้าไปถึงเรื่องในอดีตด้วยตัวคุณเอง แต่ถ้าคุณอยากจะค้นหามัน คุณควรปรึกษาจิตแพทย์
ให้จิตแพทย์แนะนำนักจิตวิทยาบำบัดที่อยู่ตามโรงพยาบาลให้แก่คุณ คุณอย่าลองทำเอง
เพราะถ้าจิตของคุณไม่สามารถกลับมาได้ คุณจะตกอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกนั้น จิตคุณจะจมดิ่งอยู่ในอดีตที่ขมขื่น
อาจถึงขั้นเสียสติ
พอหมดเรื่องนี้ฉันไม่เข้าไปล้วงถึงอดีตอีกเลย แม้ว่าบางตำราจะบอกว่าสามารถย้อนภพย้อนชาติได้
ฉันคิดว่ามันคงไม่จำเป็น มันเหมือนน้ำที่ตกตะกอนแล้วอย่าไปกวนให้มันขุ่นขึ้นมาเลย
ฉันหวังว่าเผื่อใครบางคนที่ได้อ่านกำลังคิดจะมีลูก หรือกำลังมีลูกเล็กๆหลายคน ขอได้โปรดหันมามองลูกคนกลางบ้างเท่านั้น
ค่ำคืน
บทสวดมนตร์ของฉันเหมือนเดิมแต่บทไหว้ดวงดาวได้เพิ่มขึ้นและคำภาวนาของฉันเปลี่ยนแปลงไป
จากการขอ เป็นการขอขอบพระคุณ
“อะระหัง สัมมาฯ..................................................”
ตามด้วย “นโมตัสสะ..........................................................”
และ “พุทธัง สะระนัง คัจฉามิฯ........................................”
“ลูกขอกราบไหว้ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุทธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์
พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ(พระเนปจูน) พระพลูโต พระยูเรนัส และดาวพระเคราะห์โลกที่ลูกอาศัยอยู่
ตลอดจนดวงดาวที่ลูกได้แลเห็นและไม่เห็น
ลูกขอกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์และเทวดาผู้ปกปักรักษาหมู่ดาวในจักรวาลทุกดวง
เหนือสิ่งอื่นใดลูกขอกราบไว้พระผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ พระผู้สร้างผู้บันดาลให้เกิดสรรพสิ่งในจักรวาล
พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นเจ้าของพลังแห่งจักรวาล ลูกขอกราบไหว้ด้วยความเคารพบูชา”
เมื่อหลายปีก่อนฉันเคยได้ยินและเห็นหนังสือเกี่ยวกับพลังธรรมชาติ พลังจักรวาล
แต่ฉันไม่เชื่อและก็ไม่ได้สนใจ ฉันว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล
ลูกสาวฉันเคยบอกว่าลองเขียนความต้องการของเราแล้ววันนึงมันจะเป็นจริง
คนโตเค้าติดรูปรถเบนซ์สปอร์ตไว้ ส่วนคนเล็กเค้าเขียนเป้าหมายไว้ว่าเค้าจะมีเงินเดือนหลักแสนก่อนอายุสามสิบ
ฉันฟังแล้วหัวเราะและคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ต้องทำสิ ต้องบากบั่นต่อสู้ อดทนอดออมขยันหมั่นเพียร
มุ่งมั่นทำงาน สู้งานหนัก เท่านั้น ถึงจะสำเร็จ ตอนนั้นฉันเชื่อแบบนั้นจริงๆ
แล้วในเวลาต่อมาเรื่องที่ลูกสาวฉันสองคนเขียนไว้มันเป็นความจริงคือคนโตเค้าได้รถเบนซ์สปอร์ตตามรูปที่เค้าแปะไว้
ส่วนคนเล็กเค้าได้ตามเป้าหมายคือเงินเดือนหลักแสนเมื่ออายุก่อนสามสิบ
คนเล็กนี่ตอนที่เค้าเขียนไว้เค้าทำงานเป็นพนักงานธรรมดาและนั่งรถตู้บริษัทที่จอดรับพนักงาน
ตามจุดต่างๆไปทำงานมีเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆมองไม่เห็นวี่แวว แต่ต่อมาเค้าได้เงินเดือนเป็นหลักแสน
มีสวัสดิการอีกมากมายตลอดจนเป็นผู้บริหารระดับสูงในเวลาแค่สองสามปี
ตอนนี้ฉันก็ยังมีความเชื่อแบบเดิมที่ทุกคนควรมีความขยัน มุ่งมั่น
แต่ได้เพิ่มความเชื่อความศรัทธาในพลังแห่งจักรวาลเข้าไปด้วย
หนังสือที่แนะนำว่าน่าอ่าน น่าจะช่วยให้อาการโรคซึมเศร้าดีขึ้นและช่วยสร้างกำลังใจให้คุณได้
แต่ก็ไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ ลองหาๆดูในเน็ตได้ค่ะ
หนังสือของ Nick Vujicic เรื่อง UNSTOPPABLE หยุดไม่อยู่ วัชรวิชญ์ แปล
เรื่อง Life Without Limits ชีวิตไร้ขีดจำกัด พลอยแสง เอกญาติและนันทพร ปิเลย์ แปล
Love Without Limitsซึ่งKanae Vujicic ร่วมเขียนด้วย ความรักไร้ขีดจำกัด
ทั้งหมดเป็นเรื่องของชายที่ไม่มีแขนไม่มีขามาแต่กำเนิด แต่มีความคิดพลังจิตพลังใจที่ยอดเยี่ยมจนประสบความสำเร็จ และ
เรื่อง 1000 ไมล์ที่โลกจดจำ พาฝัน เจริญดี แปล เรื่องราวของเด็กชายสมองพิการและพ่อ
ที่เข้าแข่งขันวิ่งมาราธอน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ
เดอะท็อป พาวเวอร์, ความลับของจักรวาล ทางแห่งนิพพาน, ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
สามเล่มนี้เป็นงานเขียนของ ทันตแพทย์สม สุจีรา
พุทธจักวาล ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรกานต์ ศรีตองอ่อน
ศาสตร์มหัศจรรย์ ของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.วิจิตร บุณยะโหตระ
Just One Thing By Doctor Rick Hanson ทำทีละอย่าง วิธีการพัฒนาสู่สมองแห่งพุทธะ แปลโดย ดร.ณัชร สยามวาลา ถ้าสนใจเพิ่มเติมสามารถเข้าไปที่ www.rickhanson.net หรือ FB ของ ดร. ณัชร สยามวาลา
หนังสือ The Secret เดอะซีเคร็ต แปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา (ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้ก็ดีนะคะ ดูในเน็ตเอาก็มีค่ะ)
อย่าลืมติดตามยกที่ 4 นะคะ