มีใครที่แอบชอบคนคนนึงโดยไม่เคยเจอกันต่อหน้า ได้ยาวนาน 10 กว่าปีบ้าง

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมอยากระบายความรู้สึกที่มี เป็นความรู้สึกที่บอกใครไม่ได้โดยเฉพาะคนในครอบครัว

ย้อนไป 16-17 ปีที่แล้ว ผมได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่ง ตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ในโปรแกรมแชตชื่อดังในสมัยนั้น
ซึ่งเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ ก็ได้คุยกันแค่ 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นก็ห่างหายกันไป
จนหลังจากเรียนจบ ทำงานได้ประมาณ 2-3 ปี ผมก็วางแผนเรียนต่อปริญญาโท ในคณะที่เค้าเรียนตอนปริญญาตรี
ผมเลยส่งอีเมล์ไปถามรายละเอียดหลักสูตร ทั้งที่ไม่รู้ว่าเค้าจะยังคงใช้อีเมล์นั้น หรือยังจำผมได้อยู่รึเปล่า
แต่สุดท้ายเค้าก็ตอบอีเมล์กลับมา และหลังจากนั้นเราได้มีโอกาสโทรศัพท์คุยกันทุกวัน

ตอนคุยกันช่วงสัปดาห์แรก ในใจผมรู้สึกหมั่นไส้เค้ามากๆ ในหลายๆเรื่องที่คุยกัน
ด้วยบางครั้งที่ใช้ไทยคำอังกฤษคำบ่อยมากกว่าที่ควรจะเป็น อะไรๆก็ต้องประเทศอังกฤษอย่างั้นอย่างงี้ และเหมือนจะหลงตัวเองในบางครั้ง
ณ เวลานั้นคิดว่าทัศนคติแบบนี้คงน่าจะคุยกันลำบากแล้วล่ะ ประกอบกับตัวผมเองที่เป็นพวกไม่ชอบคุยกับคนลักษณะนี้เลย
เลยตัดสินใจบอกความรู้สึกตัวเองว่า เค้าทำตัวได้น่าหมั่นไส้มาก ถ้าจะเลิกคุยกันก็ตามใจเลย
เค้าก็อึ้งไปและรับฟังผมจนจบ แต่กลับกลายเป็นว่า เค้าดีใจมากที่ผมกล้าความรู้สึกตัวเองและบอกเค้าตรงๆ เพราะไม่เคยมีใครตำหนิเค้าเลย
กลับกลายเป็นว่าจากวันนั้น เราก็คุยโทรศัพท์กันบ่อย ขณะเดียวกันเค้าก็พยายามปรับปรุงวิธีการใช้คำพูดและทัศนคติในบางเรื่อง

ผ่านไปหลายปี เราก็คุยกันแค่ทางโทรศัพท์ อาจจะไม่บ่อยเท่าช่วงแรกๆ แต่เราก็ยังคุยกันเรื่อยๆ
เล่าสารทุกข์สุกดิบ ระบายเรื่องไม่สบายใจ ให้กำลังใจกัน จนผมรู้สึกว่า เราควรจะรู้จักกันในชีวิตจริงได้แล้ว
แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด ซึ่งตอนนั้นผมนึกในใจว่า มันเป็นเรื่องใหญ่อะไรหนักหนา แค่มารู้จักกันเท่านั้นเอง
แต่ก็เคารพการตัดสินใจเค้า และในใจก็แอบรู้สึกหลายๆอย่างปนกัน ทั้งไม่เข้าใจ หาเหตุผลไม่เจอ น้อยใจ เพราะรู้สึกว่าเราสนิทกันมาก
จนวันหนึ่ง เค้าก็บอกผมเรื่องที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ตามที่เคยได้บอกกับผมอยู่เสมอๆ
ณ ตอนนั้น หลังจากที่ได้ยิน ทำไมผมถึงรู้สึกอึ้งและใจหายอย่างบอกไม่ถูก

เค้าไปเรียนที่นั่นหลายปี ทั้งเรียนภาษา ทำงาน และเรียน ปริญญาโท (ที่หลายปีเพราะเค้าหาเรื่องอยู่นั่น)
ซึ่งเค้าก็โทร.จากอังกฤษมาหาผมบ้างนานๆ ครั้ง และได้มีโอกาสเห็นว่าเค้าหน้าตาเป็นยังไง ผ่าน video call ทำให้รู้สึกดีว่า เค้าเปิดใจกับผมมากขึ้น
ครั้งหนึ่ง เค้ามีเรื่องไม่สบายใจและได้รู้ว่าเค้ามีแฟนอยู่ที่นั่น ณ ตอนนั้นคือมันรู้สึกอึ้ง พูดไม่ออก มันจุก
แต่ในใจก็คิดว่าจะไปเสียใจทำไม ในเมื่อเค้าไม่รู้สึกอะไรกับเราเลย ก็พยายามคุยแบบปกติไป มีๆเลิกๆ อยู่ 2-3 คนในช่วงที่อยู่ที่นั่น
จนหลังๆ เราห่างกันมากขึ้นจากเมื่อก่อนคุยกัน 3 เดือน 4 เดือนคุยกันครั้งนึง แต่หลังสุดหายไปเป็นปีกว่าๆ Line ไปก็ไม่ตอบเลย
ครั้งนั้นผมเสียใจมากจริงๆ แต่อีกใจก็เป็นห่วงว่า อยู่เมืองนอกหากเป็นอะไรไปจะมีใครรู้มั้ย หลายอารมณ์ปนกัน

ผมก็พยายามจะลืมนะ แต่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่า อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ยังมีชีวิตอยู่มั้ย กลับไทยรึยัง
เลยลอง search หาชื่อเค้าจากที่เห็นในไลน์ จนเจอเค้าและรู้ว่าเค้ากลับมาไทยได้สักระยะแล้ว
ผมเลยแสดงตัว พร้อมกับตำหนิเค้า ในขณะที่ในใจก็ดีใจ อีกใจก็โกรธ เสียใจ ว่าทำไมไม่พยายามที่จะติดต่อผมกลับบ้างเลยเหรอ
แต่เค้าก็ขอโทษ ยอมรับผิด แล้วสุดท้าย...ผมก็พ่ายแพ้ใจตัวเองอยู่ดี
จากนั้นเราก็กลับมาคุยกันเมื่อสักปีกว่าๆมานี้ ได้รับรู้เรื่องราวความรักของเค้าเป็นระยะๆ
ตลอดชีวิตผมที่ผ่าน ผมอาจจะมีคนแอบชอบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีแฟนจริงๆ ผมรู้แต่ว่าผมนึกถึงแต่เค้าคนเดียว
จนเมื่อคืนเค้ามาปรึกษาว่ามีปัญหากับแฟนเค้า มีปัญหาหลายเรื่อง เค้าก็แนะนำเรื่องความรักผมไปหลายเรื่อง
ซึ่งมันสื่อถึงว่า เค้าอยากเป็นแค่เพื่อนกับผมเท่านั้น และไม่ขอเจอตัวจริง เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกันจริงจังในเรื่องนี้

ที่ผ่านมาเคยนึกในใจว่า ถ้าวันหนึ่งเรื่องลงเอยแบบนี้ผมควรจะทำยังไง ระหว่างเลิกคิดแล้วเป็นเพื่อนกันหรือเลิกคุยกันไปเลย
ซึ่งก็พิจารณามานานมากหลายครั้งแล้ว และเมื่อคืนก็ตัดสินใจแล้วว่า ผมควรจะเดินออกมาดีกว่า ขอไม่ติดต่อเค้าอีก
ขอโทษ ขออโหสิกรรมในบางคำพูดบางการกระทำที่อาจทำให้เค้าไม่สบายใจ ไม่พอใจ ซึ่งเราก็จากลากันด้วยดี

แต่หลังจากวินาทีที่ผม delete ทุกช่องทางการสื่อสารกับเค้า ผมกลับรู้สึกว่า ทำไมผมถึงได้เป็นคนอ่อนแอมากขนาดนี้
ผมมีพ่อ แม่ น้อง ที่รักและเป็นห่วงผม มีสถานะทางสังคมที่ดี แต่กลับอ่อนต่อโลกในเรื่องความรักมากๆ
บางคนคงอาจจะคิดว่าผมโง่ ทำไมคิดไม่ได้ ทำไมต้องปักใจกับคนคนเดียวที่ไม่เคยเจอกันต่อหน้า เรื่องไม่ได้ใหญ่โตเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
ซึ่งผมขอน้อมรับครับ แต่ผมไม่ได้ชอบใครจริงๆนอกจากเค้า เราคุยกันได้ทุกเรื่อง มีความคิดเห็นและจริตหลายอย่างใกล้เคียงกัน
หรือที่จริงมันอาจเป็นแค่ความผูกพันเท่านั้น แต่ผมพยายามยัดเยียดให้มันเป็นความรัก
นี่คือครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงวัยอายุเลข 3 ที่ผมรู้สึกเสียใจในเรื่องความรัก

มีเรื่องนึงที่ผมลืมบอกเค้าไปคือ เมื่อไม่นานมานี้เค้าลองทำขนมบราวนี่ และอยากลองเอามาให้ผมชิม โดยฝากไว้ที่ ประชาสัมพันธ์คอนโดที่ผมอยู่
ครั้งนั้นผมรู้สึกดีที่เหมือนจะเข้าใกล้เค้าไปอีกนิด แต่ผมใช้เวลาทานมันตั้ง 4-5 วันกว่าจะหมด เค้าก็ถามว่าหมดรึยัง
ผมก็บอกว่ายังไม่หมด เค้าก็พูดว่าคงไม่อร่อยเลยไม่ค่อยทาน ซึ่งที่จริงแล้วผมกลัวบราวนี่จะหมดมากกว่า แต่ผมไม่ได้บอกเค้าเลย

เขียนมาซะยืดยาวเกือบ 5,000 ตัวอักษรแล้ว สุดท้ายก็ขอให้ผมเองเข้มแข็งเร็วๆ มีสติมากกว่านี้ และขอให้เค้าคนนั้นมีความสุขมากๆ ในทุกช่วงชีวิต
หวังว่าเรื่องราวของผม อาจจะมีใครบางคนได้เก็บรายละเอียดบางอย่างบางเรื่อง ไปเป็นข้อคิดและมีประโยชน์กับชีวิตของคุณบ้างครับ

ปล.หากพิมพ์ผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยครับ

ขอบคุณครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อ่านแล้ว น้ำตาจะไหล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่