จากการให้ข้อมูลของท่านโฆษกฯ เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของประชาชนเรื่องการอุดหนุนการศึกษาที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับที่จะลงประชามตินี้ ทำให้เราค่อนข้างอุ่นใจเพราะเราเชื่อคำมั่นสัญญาของลูกผู้ชายชาติทหารอย่างท่านนายกฯ ว่าท่านจะยังคงการอุดหนุนการศึกษาจนถึงม.6 เพราะถึงแม้รัฐธรรมนูญจะบังคับไว้แค่ม.3แต่รัฐบาลสามารถออกนโยบายให้อุดหนุนได้ถึงม.6
แต่เมื่อใคร่ครวญโดยละเอียดแล้วก็หวั่นใจอยู่หลายประการดังนี้
1.ท่านนายกฯสามารถทำตามคำสัญญาในการออกนโยบายอุดหนุนจนถึงม.6ได้ก็ต่อเมื่อหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ท่านได้กลับมาเป็นผู้นำรัฐบาลใหม่ แต่ถ้านายกฯคนใหม่ไม่ใช่ท่านนายกคนใหม่ก็ไม่ได้มีพันธะต่อคำสัญญาและไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญานี้อีกต่อไป นั่นหมายความว่าการอุดหนุนการศึกษาอาจกลับไปเป็นแค่ ม.3ตามรัฐธรรมนูญกำหนดก็ได้โดยไม่มีใครบังคับได้
2.จากการให้สัมภาษม์ของคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็ดูจะให้ความสำคัญในการศึกษาของเยาวชนแต่กลับกำหนดในรัฐธรรมนูญไว้เพียงม.3 ไม่ทราบว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร แต่เท่าที่พอจะจับความได้ท่านกังวลเรื่อง"งบประมาณ"ซึ่งต้องเรียนว่า การศึกษาของเยาวชนคือการลงทุนของชาติที่คุ้มค่าที่สุดแล้วเพราะนั่นคืออนาคตของชาติ ถ้าอนาคตของชาติต้องถูกจำกัดเพียงเพื่อให้สามารถกระจายเงินงบประมาณไปในการลงทุนด้านอื่นมากขึ้น นั่นก็พอจะทำให้เราคาดเดาอนาคตของประเทศได้เลยว่า คงเติบโตแบบมีข้อจำกัดไปอีกยาวนาน จนคาดหวังไม่ได้เลย
ในข้อนี้ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คือ ผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้มีข้อผิดพลาดในเรื่องนี้เพราะไปอิงรัฐธรรมนูญก่อนๆที่ไม่ได้ระบุไว้เลย
(ซึ่งน่าจะไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นมาอ้างได้ว่าให้โอกาศมากกว่าฉบับก่อนๆ เพราะท่านมีโอกาสที่จะกำหนดมันลงไปได้เลยเพื่อเป็นหลักประกันให้ลูกหลาน เพียงแต่ท่านไม่ได้ทำ)
3.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ชื่อว่าแก้ยากขนาดที่เรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหลักประกันการศึกษาของเยาวชนในระดับม.6ก็ยังเป็นเพียงความสำคัญระดับนโยบายรัฐบาลเท่านั่น ไม่ได้ถือเป็นแนวทางสำคัญ(โรดแมป)ของประเทศชาติแต่อย่างใด
บางครั้งการที่รัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติอาจกลายเป็นเรื่องดีสำหรับการศึกษาของเยาวชน เพราะท่านนายกฯคนปัจจุบันท่านยึดมั่นในการอุดหนุนการศึกษาถึงระดับม6.อย่างชัดเจน
และถ้าท่านต่องเลือกรัฐธรรมนูญอื่นๆมาปรับปรุงใช้หรือแม้กระทั่งท่านให้ร่างใหม่ก็จะค่อนข้างมั่นใจได้ว่าท่านนายกฯจะกำหนดข้อนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นหลักประกันการศึกษาของเยาวชนอย่างแน่นอน อ่านะ
ดีใจแทนเยาวชนไทยที่ท่านนายกให้คำสัญญาจะให้ได้เรียนฟรีถึงม.6 แต่ก็แอบหวั่นใจไม่ได้อ่านะ
แต่เมื่อใคร่ครวญโดยละเอียดแล้วก็หวั่นใจอยู่หลายประการดังนี้
1.ท่านนายกฯสามารถทำตามคำสัญญาในการออกนโยบายอุดหนุนจนถึงม.6ได้ก็ต่อเมื่อหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ท่านได้กลับมาเป็นผู้นำรัฐบาลใหม่ แต่ถ้านายกฯคนใหม่ไม่ใช่ท่านนายกคนใหม่ก็ไม่ได้มีพันธะต่อคำสัญญาและไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญานี้อีกต่อไป นั่นหมายความว่าการอุดหนุนการศึกษาอาจกลับไปเป็นแค่ ม.3ตามรัฐธรรมนูญกำหนดก็ได้โดยไม่มีใครบังคับได้
2.จากการให้สัมภาษม์ของคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็ดูจะให้ความสำคัญในการศึกษาของเยาวชนแต่กลับกำหนดในรัฐธรรมนูญไว้เพียงม.3 ไม่ทราบว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร แต่เท่าที่พอจะจับความได้ท่านกังวลเรื่อง"งบประมาณ"ซึ่งต้องเรียนว่า การศึกษาของเยาวชนคือการลงทุนของชาติที่คุ้มค่าที่สุดแล้วเพราะนั่นคืออนาคตของชาติ ถ้าอนาคตของชาติต้องถูกจำกัดเพียงเพื่อให้สามารถกระจายเงินงบประมาณไปในการลงทุนด้านอื่นมากขึ้น นั่นก็พอจะทำให้เราคาดเดาอนาคตของประเทศได้เลยว่า คงเติบโตแบบมีข้อจำกัดไปอีกยาวนาน จนคาดหวังไม่ได้เลย
ในข้อนี้ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คือ ผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้มีข้อผิดพลาดในเรื่องนี้เพราะไปอิงรัฐธรรมนูญก่อนๆที่ไม่ได้ระบุไว้เลย
(ซึ่งน่าจะไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นมาอ้างได้ว่าให้โอกาศมากกว่าฉบับก่อนๆ เพราะท่านมีโอกาสที่จะกำหนดมันลงไปได้เลยเพื่อเป็นหลักประกันให้ลูกหลาน เพียงแต่ท่านไม่ได้ทำ)
3.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ชื่อว่าแก้ยากขนาดที่เรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหลักประกันการศึกษาของเยาวชนในระดับม.6ก็ยังเป็นเพียงความสำคัญระดับนโยบายรัฐบาลเท่านั่น ไม่ได้ถือเป็นแนวทางสำคัญ(โรดแมป)ของประเทศชาติแต่อย่างใด
บางครั้งการที่รัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติอาจกลายเป็นเรื่องดีสำหรับการศึกษาของเยาวชน เพราะท่านนายกฯคนปัจจุบันท่านยึดมั่นในการอุดหนุนการศึกษาถึงระดับม6.อย่างชัดเจน
และถ้าท่านต่องเลือกรัฐธรรมนูญอื่นๆมาปรับปรุงใช้หรือแม้กระทั่งท่านให้ร่างใหม่ก็จะค่อนข้างมั่นใจได้ว่าท่านนายกฯจะกำหนดข้อนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นหลักประกันการศึกษาของเยาวชนอย่างแน่นอน อ่านะ