JJNY : เท้งย้ำ ตรวจสอบเข้มข้น│บวรศักดิ์แจงชัด วันเลือกตั้ง’69│ปราจีนบุรีอ่วม! น้ำป่าทะลัก│เดนมาร์กแบน“การบินโดรนพลเรือน”

เท้ง แจง หนุน อนุทินนั่งนายกฯ เปิดประตูแก้รธน. แก้รัฐประหารซ้ำซาก ย้ำ ตรวจสอบเข้มข้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_5388320
.

.
เท้ง ย้ำใช้เสียง ‘พรรคประชาชน’ หนุน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯ เพื่อเปิดประตูแก้รธน. หวังลูกหลานไทยอยู่ในประชาธิปไตย – ไร้การรัฐประหาร นับหนึ่งหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่อนุญาตให้รัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบ – แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
.
จากนั้น 10.00 น. วันที่ 29 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า วันนี้นอกจากจะเป็นหมุดหมายแรก ที่รัฐบาลได้เข้าทำหน้าที่ภายใต้กรอบระยะเวลา 4 เดือนอย่างเป็นทางการแล้ว ยังถือว่าเป็นหมุดหมายแรก ของตนและพรรคประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อนับถอยหลังสู่การยุบสภา และมุ่งหน้าสู่การทำประชามติ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งความสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขอให้ทุกคนระลึกถึงวันที่ท่านมีสิทธิ์เข้าคูหาในการเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิต ซึ่งสิ่งที่ตนจำความได้คือ 19 ปี นับตั้งแต่ปฏิวัติปี 49 ที่ทำให้ชีวิตของตนต้องผ่านการปฏิวัติรัฐประหารเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้ง นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งไปถึง 5 คน พรรคการเมืองที่สำคัญถูกยุบไปอีก 7 พรรค และการเลือกตั้งก็ต้องถูกล้มไป 2 ครั้ง และในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา พวกเราต้องเปลี่ยนนายกฯ 3 คน และคนไทยทั่วประเทศผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในยุคนี้ ไม่เคยคนรุ่นไหนที่เดินเข้าคูหาเลือกตั้งแล้วประเทศไทยไม่เคยมีการปฏิวัติรัฐประหาร และไม่เคยมีคนไทยสักรุ่นที่เกิด และเติบโตในประเทศไทย ที่อยู่ในการเมืองประชาธิปไตยเต็มใบที่มีเสถียรภาพ และประเทศไทยที่ผ่านมาไม่เคยมีที่ดอกผลของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เราเติบโตแบบก้าวกระโดดเกิดจากแรงถีบและแรงส่งของรัฐบาลและการเมืองภายในประเทศที่มีประชาธิปไตย และลมที่กำลังเปลี่ยนทิศในการเมืองโลกวันนี้ ไม่ได้กำลังเข้าข้างประเทศไทยอีกต่อไป
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การเมืองแบบที่เป็นอยู่ ที่เราต้องมาแถลงนโยบาย 3 ครั้ง ในรอบ 2 ปี เนื่องจากกลไกของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระถูกนำมาใช้ทำลายล้างกันทางการเมือง มากกว่าการจับคนโกงลงโทษคนผิด ปัญหาความทุจริตในประเทศไม่เคยเบาบางลง มีแต่หนักขึ้นทุกวัน ตราบใดที่เรายังอยู่ในระบบการเมืองแบบนี้ มีใครในประเทศนี้ที่จะต้องเจ็บปวดบ้าง ทั้งพี่น้องชาวเกษตรกรหรือคนไทยทุกคน รวมถึงปัญหาน้ำท่วม ไฟป่า ก็ยังไม่เคยมีรัฐบาลยุคใด ที่เข้ามาบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นระบบ และประชาชนต่างจังหวัด ที่เคยอยู่กับคำขวัญที่ว่า น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ เป็นคำขวัญที่อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 ปี 2504 ลองหันไปดูหลายพื้นที่ตอนนี้ น้ำไม่ไหล ไฟไม่สว่าง ทางไม่สะดวก จะไปโรงพยาบาลก็ต้องตื่นตี 5 ไปต่อคิว และระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันไม่ได้สร้างทักษะที่จำเป็นเพื่อเตรียมตัวให้เขาแข่งขันกับระดับโลกได้ หลายคนต้องหลุดจากระบบการศึกษาไปทั้งที่พวกเขาคืออนาคตของประเทศนี้

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการที่ต้องต่อสู้กับเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง โดยเศรษฐกิจไทยเดินช้ากว่าเศรษฐกิจโลก และประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศเวียดนาม ซึ่งตั้งแต่ปี 49 โลกเติบโตเติบเฉลี่ย 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แม้จะเจอกับวิกฤต โลกก็ยังฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว แต่ประเทศไทยไม่เคยฟื้นตัวกลับมายืนบนเส้นเดียวกับโลกได้เลย ตัวเลขกำลังสะท้อนว่าโครงสร้างในเศรษฐกิจไทยกำลังอ่อนแอ อุตสาหกรรมของประเทศไทยกำลังล้าหลัง ไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเหมือนประเทศอื่น และไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นวงจรที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสดงให้เห็นว่าหากปราศจากปัจจัยเชิงบวกที่ไทยได้รับอานิสงส์จากการเมืองโลกภายนอก เราแทบไม่เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยลำแข้งของเราเอง และในวันที่โลกมีแต่ปัจจัยเชิงลบซัดเข้าหาประเทศไทย เราก็ดูดซับแรงกระแทกเหล่านั้นเข้ามาเต็มๆ ทั้งโควิด สงครามการค้า หรือปัญหาทุนเทา รวมถึงดัชนีการคอรัปชั่นของไทยยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่พวกเรามีองค์กรอิสระคอยตรวจสอบมากมาย แต่ดัชนีของเรายังคงตกลงอย่างต่อเนื่อง นั่นเพราะกลไกการตรวจสอบที่มีกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าการปกป้องเงินภาษีของประชาชน รัฐธรรมนูญและระบบการเมืองแบบนี้หรือที่จะพาประเทศไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว แต่เศรษฐกิจไทยกลับวิ่งช้าตามไม่ทันเหมือนติดหล่มอยู่กับที่ เพราะระบบการเมืองภายในประเทศกำลังฉุดรั้งเอาไว้อยู่
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องยกเครื่องให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ถ้าพวกเรามีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และต้องให้ความสำคัญต่อการยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด เพราะเราต้องการรัฐบาลที่มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และมีความชอบธรรมยึดโยงกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน บรรดาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถูกแต่งตั้งมาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้มาจากเพียงแค่การจัดสรรโควตา หรือการต่อรองแบ่งผลประโยชน์กันทางการเมือง เราต้องการรัฐบาลที่มีความชอบธรรมสะท้อนเจตจำนงของประชาชน กล้าที่จะปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อกำหนด อนาคตของประเทศ วางยุทธศาสตร์ชาติที่ปรับเปลี่ยนได้ตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ติดล็อกกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นคนเขียนมา
.
เราต้องการรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ถูกจุดมากกว่าการสร้างตึก ตัดถนน และขุดคลอง เราต้องการรัฐบาลที่เข้ามายกระดับรายได้ของประชาชน เราต้องการระบบการถ่วงดุลตรวจสอบที่เป็นอิสระยึดโยงกับประชาชน เป็นระบบที่ไม่ได้ผลัดกันเกาหลัง และไม่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทางการเมือง ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อทำให้สามารถพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างเต็มกำลัง นี่เป็นเหตุผลที่พรรคประชาชน เรามุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยอมโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกฯ ด้วยข้อตกลงที่ปรากฏใน MOA และการทำหน้าที่ของพวกเรา 4 เดือนต่อจากนี้ ทั้งตน นายกฯ และเพื่อนสมาชิกในวันนี้จะเป็นสิ่งที่ประชาชนใช้ตัดสินพวกเราในวันหน้า
.
ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายต่อว่า สิ่งที่พรรคประชาชนจะทำหน้าที่ในช่วง 4 เดือน ต่อจากนี้ในสภาวะ รัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือฝ่ายค้านเสียงข้างมากคือ
.
1. การเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใน 4 เดือนนี้เราต้องผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ให้แล้วเสร็จก่อนการยุบสภา โดยที่ของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องจะต้องมีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
.
2. เราสามารถผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้มากที่สุดภายในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน สภาฯ สามารถผ่านกฎหมายในวาระ 1 และ 3 ได้ถึง 11 ชุด ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายกระจายอำนาจ หรือการแข่งขันทางการค้า เป็นต้น
.
3. แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงปัญหาที่ตกค้างจากรัฐบาลก่อน
.
4. พรรคประชาชน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะพรรคประชาชนไม่ได้โหวตให้อนุทินเพื่อให้รัฐบาลใหม่ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี หรือเพื่ออนุญาตให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงการดำเนินคดี ทั้งการฮั้ว ส.ว. หรือเขากระโดง และการตรวจสอบคดีทุจริตของรัฐบาลที่ผ่านมา
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตน และพรรคประชาชนใช้เสียงของพวกเรา เพื่อให้ 4 เดือนนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเปิดประตูสู่อนาคตใหม่ของประเทศ เพื่อให้ลูกหลานของเราเป็นลูกหลานไทยรุ่นแรกที่เข้าคูหาเลือกตั้ง โดยตลอดชีวิตของพวกเขาตั้งแต่เกิดจนมีสิทธิเลือกตั้ง เป็นการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ปราศจากการปฏิวัติรัฐประหาร ประเทศไทยจะได้พุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง
.
“สิ่งที่พวกเราอยากเห็นจากนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่ท่านเคารพต่อข้อตกลงกับพรรคประชาชน แต่อยากเห็นท่านเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และเคารพต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน ที่เป็นเจ้าของประเทศ และเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
.

.
บวรศักดิ์ แจงชัด วันเลือกตั้ง’69 ประชาชนได้บัตร 4 ใบ ครอบคลุมส.ส.-ประชามติ2เรื่อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5388598
.
“บวรศักดิ์” ยัน รัฐบาลสนับสนุนการจัดทำรธน. แต่ไม่ใช่ทั้งฉบับ โยน รายละเอียดการแก้ไขให้ “ส.ส.ร.” เผย วันเลือกตั้งสส. ปชช.ได้บัตร 4 ใบ เลือก “สส.-สว.-ประชามติแก้รธน.-ยกเลิก mou ไทย – กัมพูชาหรือไม่” เผย “นายกฯ” กำชับไม่ดึงกลับคนได้แต่งตั้งในรัฐบาลชุดที่แล้ว ขอให้อุ่นใจไร้เล่นพรรคเล่นพวก พร้อมระบุไม่ต้องห่วง “ฮั้วสว.-เขากระโดง” เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ชี้ เล็งชงตั้งหน่วยงานกำกับการใช้ดุลยพินิจเป็นคุณหรือโทษทางการเมือง
.
เมื่อเวลา 11.57 น. วันที่ 29 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีสมาชิกรัฐสภาถามว่าหากมีการแก้หมวด 1 หมวด 2 จะทำอย่างไร ว่าในนโยบายรัฐบาลเขียนไว้ชัดว่า รัฐบาลนี้จะสนับสนุนการจัดทำประชามติ และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยรับฟังเสียงประชาชนสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนให้สอดคล้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และเพื่อธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งการจัดทำรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้ใช้คำว่าจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ รัฐบาลไม่ต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่สนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้
.
นายบวรศักดิ์ กล่าวอีกว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น เป็นขั้นตอนแรก ส่วนขั้นตอนที่สอง เมื่อประชาชนลงประชามติเห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อประชาชนเห็นชอบกับหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งรัฐสภาจัดทำเสร็จ เป็นร่างรัฐธรรมนูญประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในขั้นที่หนึ่งที่รัฐสภาแห่งนี้ต้องพิจารณา จึงเป็นเรื่องวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไร โดยไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่บอกให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาโดยตรงจากประชาชนไม่ได้ และถ้าผ่านแล้วจึงจะทำขั้นตอนที่สองคือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือใครก็ตามที่เป็นคนเขียน ตรงนั้นจึงจะดูว่าแตะหมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ แต่เชื่อว่าสองพรรคใหญ่จะไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เพราะหากแตะจะมีปัญหาทันทีว่าจะขัดรัฐธรรมนูญปัจจุบันหรือไม่ เพราะมาตรา 255 ระบุว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ จะกระทำมิได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่