รีวิว BY นายหางปลา บุตรแห่ง ประชาตาดำ เจ้าของ id
เริ่มเรื่องราว จาก ความหิว เวลาประมาณ 22.00 น. แล้ว ที่สำคัญ คือ หิว ราเมง กับ อยาก เกี้ยวซ่า ด้วย จึงออก เดินทางขี่มอไซ ไปเรื่อย จาก คอนโด ท้ายซอย เอกมัย วิ่งออก เพชรบุรี บิด เพลิน ถึงแยก อโศก เพชร ลืมไปว่าหิวข้าว เลย เลี้ยว ซ้าย 1 ที วิ่งไปเรื่อย เจอ แยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายอีก รอบ แยก อโศก
ด้วยความหิว จึงคิดในใจว่า เจอ ร้านไหน น่าอร่อย จะแวะ เลย อยากได้ แบบ ญี่ปุ่น หน่อยๆ จึงได้เลี้ยวเข้าซอย 23 วิ่ง ตรงมา เจอ ร้าน ซ้ายมือ ก่อนถึงทางแยก เข้า ไปแยกชิโนทัย
แว็บ แรกที่เห็นหน้าร้าน เหมือน พรมลิขิต บอกว่าร้านนิแหละ โชคดี ที่เป็น สายแวนซ์ เลี้ยว ปร้าด ขึ้นฟุตบาท จอด หน้าร้านมันซะเลย
อ่านป้ายหน้าร้าน อูมะ อูมะ จากความรู้ งูๆปลาๆ ภาษา ญี่ปุ่น มันต้อง แปลมาจาก อูมามิ โออิชิ เป็นแน่ (คิดในใจ) ยืนเล่ง หน้าร้าน แปป นุง ก็ มี พนักงาน มาเปิด ประตูหน้าร้านให้ พร้อมยิ้ม หวานๆ
ร้านปิดรึยังครับ ผม ถาม พนักงาน ตอบ กลับมาว่ายัง ซึ่งต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าปิด ร้าน คงไม่มี ใคร จะโพล่ มาทักสิน้ะ
---พนักงาน พาขึ้น ชั้น 2 บรรยาย สภาพ หน้าร้านก่อน เป็น เหมือน ตึก แถว 1 ห้อง ตอนจอดรถหน้าร้าน ผม คิด ในใจว่า คงเป็นแบบ เข้าไป เป็น ซองๆ แล้วก็มี เค้าเตอร์บาร์ แบบ ร้าน ราเมง ตึกแถว ย่านทองหล่อ
ชั้นแรกที่เข้าไปเห็น เป็นแบบ ที่คิด แต่ ไม่มี คนนั่งเลย สักคน ผมคิดในใจ จะรอดไหมเนี้ยะ เหมือนจะอยากหยิบมือถือมา เปิด ดูรีวิว วงใน ก่อน แต่ก็คงไม่ทัน เดินเข้าร้านมา ขนาดนี้ เป็นไง เป็นกัน
สภาพร้านหรูหรา ใช้ได้เลยครับ ดู บรรยากาศเป็นแบบ ร้าน อาหาร สไตร์ญี่ปุ่น จริงจังมาก พอขึ้นมาชั้น 2
ตกใจครับ คือ ร้าน ด้านหน้า มี 1 ห้อง แต่ มา บานออก ด้านบน กินพื้นที่ประมาณ 3 ห้องแถว กันทีเดียว แบ่งเป็น 2 โซน โซนที่เป็น โต้ะ มี ม่านกัน อยู่ทางซ้ายของ บันได มีประมาณ 4 โต้ะ เป็น แบบ โต้ะ หลุม ที่หย่อนขา ลงไป
ส่วนผม พนักงานเดิน เลี้ยวขวามา เป็นโต้ะ แบบร้านอาหารทั่วไป ประมาณ 8 โต้ะ มี ชาวญี่ปุ่น นั่งอยู่ 2 โต้ะ ผมเลือก ในสุด ติดกระจก
วันนี้ พา พี่ทศ(ทศกัณฐ์) มาชิมด้วย (เห่อ เพิ่งไป ต่อแถวได้มาจากงาน ไทยทอย) บรรยากาศในร้าน เหมือนไม่ได้ อยู่เมืองไทยเลย ครับ ทุกอย่างล้วนดูให้ นึกถึง บรรยากาศ ที่ญี่ปุ่น ส่วน ตรง เคาเตอร์บาร์ ชั้น 2 มี ขวดเหล้าสาเก วางเต็มไปหมด ฝั่งตรงข้ามโต้ะที่ผมนั่ง เป็น ห้องครัวร้อน ที่ เป็นเหมือนตู้กระจก ทำให้เรามองเห็นบรรยากาศการ ปรุงรส ราเมงให้เราได้ เห็นกัน พ่อครัวที่นี่ เป็น เชฟ ชาวญี่ปุ่น ครับ
พอนั่งสักแปป ผ้าเย็นก็มา เสริฟ พร้อม เมนู
เปิดหน้าแรก ก็ต้องเมนูแนะนำกันก่อน เมนู เป็น ภาษา ญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และ ภาษาไทย คือ แบบ ดี งาม มากครับ เหมาะ ทุกชนชาติกันไป เลย
สรุป เปิดไปเปิดมา เมนู น่ากินหลายอย่างมาก แต่สุดท้าย เมื่อ มาครั้งแรก ขอ ลองจาก เมนูแนะนำ ก่อน ประกอบไปด้วย ราเมงชามเล็ก 1 เกี้ยวซ่า 1 ไก่ทอด 1 หนังไก่ ย่าง 2 ไม้
อันนี้คือ กินเล่นๆ ก่อนนอน เน้อะ พูดเลย
หลังจากสั่งไปแล้วก้อ นั่งมอง ร้านรวง ไปเพลินๆ ประกอบ กับ มองไปที่ห้องครัว เห็น เชฟ 2 3 คน กำลัง ก้องแก้ง ช้งแช้ง กันอย่างเมามันไม่น่าน เมนู จานแรก ก็มาเสริฟ
เกี้ยวซ่า เกี้ยวซ่า ที่นี้ เป็น ขนาดพอดีคำครับ บอกว่าเป็น สูตร ของ ทางใต้ มองดูแล้ว เหมือนว่าจะไส้ น้อยไปรึเปล่า ลองผ่าดู เห็นไส้อยู่ นิดหน่อย ตัดกลับมาที่น้ำจิ้ม ทางร้าน แนะนำ ว่าให้ เทซอสเกี้ยวซ่า ใส่ถ้วย พร้อมกับ ตัก พริกเผา
ในขวดนี้ ใส่ลงไปหน่อย
ระหว่างถ่ายรูปยังไม่ทัน เสร็จ อาหาร จานที่ 2 ก็มาถึง
หนังไก่ ย่างเกลือ 1 ไม้ หนังไก่ย่างซอส 1 ไม้
อันที่เป็นหนังไก่ ย่างซอส พนักงานบอกว่าเป็นเมนูแนะนำ (คิดในใจ มันจะต่างจาก หนังไก่ ไม้ 5 บาทไหมน้ะ)
มาถึงขั้นตอนการชิม เริ่มจาก เกี้ยวซ่าก่อนเลย
คำแรก ใส่เกี้ยวซ่าไปทั้งชิ้น แบบไม่จิ้ม โอ้โห้ มันหอมกลิ่นกระทะไหม้ + กับ ความกรอบ ตรงด้านล่าง ที่ เกรียมๆ เนื้อหมู ชุ่มช่ำ มันหอม กลิ่น คละคลุ้ง ไปทั่วปาก ยังเคี้ยวไม่ทันหมดคำ ตะเกียบ ก็ยื่นออกไปคีบอีกชิ้น แบบไม่ทันรู้ตัว
คำที่สอง ลองแบบ จิ้มซอส แบบที่พนักงานแนะนำ ซอส เปรี้ยว กำลังดี + ความเผ็ดหอมของพริก เข้ากันได้ดีกับชิ้นเกี้ยวซ่า ซึ่งทำมา พอดีคำ แบบว่าใส่ ปาก ทีเดียวหมดคำไม่ต้องแบ่งกิน
มาดูจานที่สอง ชัดๆ
หนังไก่ย่างทั้ง 2 ไม้ หึหึ มันจะต่างจาก หนังไก่ 5 บาท สักแค่ไหน
เลือก แบบเกลือ มา ชิม 1 คำ กัดกรุบ ดึงออกจากไม้ มันกรอบมาก ความเค็ม ไม่เค็มมาก สรุปดี ไม่รู้จะ บรรยายยังไง
ต่อด้วย แบบซอส ของขึ้นชื่อร้าน จิบชาเขียว ล้างรสชาติ (เห็น คนอื่นเค้าทำกันเลยลองบ้าง) โอ้โห้ สมคำร่ำลือ หนังไก่ย่างซอส มันสุด จริงๆ คือ มันกรอบ ทั้ง ไม้ กรอบทุกคำ กรอบทุก อณู กันเลย
ระหว่างที่กะลัง ชิม อยู่นั้น จานที่ 3 ก็มา ปีก ไก่ทอด เกลือ
ผิวสีเหลืองอ่อน สวยงาม กัด คำแรก แทบวางทิ้ง ไปเลยครับ
... ไม่ใช่แย่น้ะ มันร้อน เลยต้องพัก ไว้ก่อน แปป นึง 5555
เลยเปลี่ยนวิธี หันไปขอ ช้อนส้อม มาหลังจากได้ ช้อนส้อม ราว 3 วินาที ก็เป็นดังภาพ
มันเหมาะ กับ พี่ ทศกัณฐ์ เวอชั่น x-rayจริงๆ
ราเมงมาเสริฟแล้วแต่ยังอร่อย กับ ไก่ทอดอยู่ มาดู หน้าตา ราเมง กัน ดีกว่าครับ
สั่งเป็น ไซส์เล็ก มาเพราะอยากกินหลายๆ อย่าง หน้าตา ราเมงแบบเผ็ด (จำชื่อ จริงไม่ได้) ด้วยตัวผมเองที่ชอบ ราเมง อยู่แล้ว ชิมคำแรก ก็ พอดี กับคำว่าอร่อย หมูชาชู นุ่มเปื่อยกำลังดี
แต่สิ่งที่ ร้านนี้ ให้ความต่างจากร้านอื่นคือ กินจนหมด ชามแล้วยังไม่รู้สึกเลี่ยน ผมเชื่อว่า หลายคนคงเป็น ว่ากินๆ สัก ครึ่งหรือ สักแปป จะเลี่ยน จาก น้ำซุป ที่เข้มข้นมา แต่ ร้านนี้ สามารถทำให้ ราเมง ชามนี้ อร่อยต้องแต่ ชิมคำแรก จน ซดน้ำได้หมดชาม ความกล่มกล่อมดีมาก
นั้นแหละครับท่านผู้ชม แปปเดียว
พี่ทศ ก็พร้อมนอน เล่น สะเกลี้ยง ขนาดนี้ นอนห่มผ้าเลยละกัน ไม่ขอไปต่อแล้ว
เบ็จเสรจ เรียก เชคบิล 600 บาท สำหรับ ราเมง 1 ชาม ไก่ทอด 1 1จาน(5ปีก) เกี้ยวซ่า 1 จาน(5 ชิ้น) และหนังไก่ย่าง 2 ไม้ ชาเขียวเยน รีฟิล
ถ้าใครจะ ตามมาลอง ก็แนะนำ ราเมง เกี้ยวซ่า หนังไก่ 3 สิ่ง ตั้งสั่ง จริงๆ ครับ ส่วนราคา ถือว่าไม่แรงสำหรับ ร้านอาหาร ญี่ปุ่น ย่านนี้ แล้วก็ ได้รสชาติที่ ดีเยี่ยม
ตอนก่อนจะกลับ คิดว่า จะถาม พนักงานว่า อูมะ แปลมาจากอะไร ปรากฏเจอ เจ้าของร้าน ที่หน้า ร้านพอดี
ยืนดักรอ อยู่หน้าร้าน เคาเตอร์บาร์ชั้น ล่างเหมือน กำลังรอผมอยู่ ( จริงๆ มาเครียยอด ของวัน ผมนั่งยาวจนร้านจะปิด)
เจ้าของบอกว่าเป็นร้าน ที่มี สาขา ที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่แน่ใจเรื่องความหมาย แต่เท่าที่คุยกับ คนญี่ปุ่น ที่เป็นเจ้าของ ที่ญี่ปุ่นแท้ๆ บอกว่า เหมือนกับ คำแรก ที่ เด็ก พูด เวลาหิว อูมา อูมะ แบบคนไทย เรียกว่า อุแว้ อุแว้อะไร ประมาณ นั้น
ก่อนกลับ เจ้าของร้าน ยัง หยิบหนังสือมาให้อีกเล่ม เป็นหนังสือที่มีไว้แจก ชาว ญี่ปุ่น ในไทย ว่าร้านนี้ติด อยู่ในรายชื่อ ร้านราเมง 20 ร้านที่ต้องมาชิม
เจ้าของร้าน ได้ที โม้ต่อ ว่า ร้านเค้า นั้นจะมี เจ้าของ แบรนจาก ญี่ปุ่น บินมาตรวจสอบ คุณภาพ ตลอด
+++ โอ้โห้ สรุป จากความมั่ว เราได้ คุณภาพ จาก ญี่ปุ่นแท้ๆ กันเลย ทีเดียว +++
ขี่รถกลับบ้าน นอนหลับ ฝันดี สำหรับคืนนี้ แล้ว พบกันใหม่ โอกาส หน้า จะพาขี่รถไปชิมของอร่อย กัน อีก น้ะครับ
ฝากรูปปิดท้าย ขวด เหล้า สาเก หลากหลาย รูป แบบ ไว้ว่างๆ คงต้องกลับไปลอง ดู
[CR] ขี่รถเล่น หากิน ยามค่ำคืนกับ ร้าน Uma Uma สุขุมวิท 23
เริ่มเรื่องราว จาก ความหิว เวลาประมาณ 22.00 น. แล้ว ที่สำคัญ คือ หิว ราเมง กับ อยาก เกี้ยวซ่า ด้วย จึงออก เดินทางขี่มอไซ ไปเรื่อย จาก คอนโด ท้ายซอย เอกมัย วิ่งออก เพชรบุรี บิด เพลิน ถึงแยก อโศก เพชร ลืมไปว่าหิวข้าว เลย เลี้ยว ซ้าย 1 ที วิ่งไปเรื่อย เจอ แยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายอีก รอบ แยก อโศก
ด้วยความหิว จึงคิดในใจว่า เจอ ร้านไหน น่าอร่อย จะแวะ เลย อยากได้ แบบ ญี่ปุ่น หน่อยๆ จึงได้เลี้ยวเข้าซอย 23 วิ่ง ตรงมา เจอ ร้าน ซ้ายมือ ก่อนถึงทางแยก เข้า ไปแยกชิโนทัย
แว็บ แรกที่เห็นหน้าร้าน เหมือน พรมลิขิต บอกว่าร้านนิแหละ โชคดี ที่เป็น สายแวนซ์ เลี้ยว ปร้าด ขึ้นฟุตบาท จอด หน้าร้านมันซะเลย
อ่านป้ายหน้าร้าน อูมะ อูมะ จากความรู้ งูๆปลาๆ ภาษา ญี่ปุ่น มันต้อง แปลมาจาก อูมามิ โออิชิ เป็นแน่ (คิดในใจ) ยืนเล่ง หน้าร้าน แปป นุง ก็ มี พนักงาน มาเปิด ประตูหน้าร้านให้ พร้อมยิ้ม หวานๆ
ร้านปิดรึยังครับ ผม ถาม พนักงาน ตอบ กลับมาว่ายัง ซึ่งต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าปิด ร้าน คงไม่มี ใคร จะโพล่ มาทักสิน้ะ
---พนักงาน พาขึ้น ชั้น 2 บรรยาย สภาพ หน้าร้านก่อน เป็น เหมือน ตึก แถว 1 ห้อง ตอนจอดรถหน้าร้าน ผม คิด ในใจว่า คงเป็นแบบ เข้าไป เป็น ซองๆ แล้วก็มี เค้าเตอร์บาร์ แบบ ร้าน ราเมง ตึกแถว ย่านทองหล่อ
ชั้นแรกที่เข้าไปเห็น เป็นแบบ ที่คิด แต่ ไม่มี คนนั่งเลย สักคน ผมคิดในใจ จะรอดไหมเนี้ยะ เหมือนจะอยากหยิบมือถือมา เปิด ดูรีวิว วงใน ก่อน แต่ก็คงไม่ทัน เดินเข้าร้านมา ขนาดนี้ เป็นไง เป็นกัน
สภาพร้านหรูหรา ใช้ได้เลยครับ ดู บรรยากาศเป็นแบบ ร้าน อาหาร สไตร์ญี่ปุ่น จริงจังมาก พอขึ้นมาชั้น 2
ตกใจครับ คือ ร้าน ด้านหน้า มี 1 ห้อง แต่ มา บานออก ด้านบน กินพื้นที่ประมาณ 3 ห้องแถว กันทีเดียว แบ่งเป็น 2 โซน โซนที่เป็น โต้ะ มี ม่านกัน อยู่ทางซ้ายของ บันได มีประมาณ 4 โต้ะ เป็น แบบ โต้ะ หลุม ที่หย่อนขา ลงไป
ส่วนผม พนักงานเดิน เลี้ยวขวามา เป็นโต้ะ แบบร้านอาหารทั่วไป ประมาณ 8 โต้ะ มี ชาวญี่ปุ่น นั่งอยู่ 2 โต้ะ ผมเลือก ในสุด ติดกระจก
วันนี้ พา พี่ทศ(ทศกัณฐ์) มาชิมด้วย (เห่อ เพิ่งไป ต่อแถวได้มาจากงาน ไทยทอย) บรรยากาศในร้าน เหมือนไม่ได้ อยู่เมืองไทยเลย ครับ ทุกอย่างล้วนดูให้ นึกถึง บรรยากาศ ที่ญี่ปุ่น ส่วน ตรง เคาเตอร์บาร์ ชั้น 2 มี ขวดเหล้าสาเก วางเต็มไปหมด ฝั่งตรงข้ามโต้ะที่ผมนั่ง เป็น ห้องครัวร้อน ที่ เป็นเหมือนตู้กระจก ทำให้เรามองเห็นบรรยากาศการ ปรุงรส ราเมงให้เราได้ เห็นกัน พ่อครัวที่นี่ เป็น เชฟ ชาวญี่ปุ่น ครับ
พอนั่งสักแปป ผ้าเย็นก็มา เสริฟ พร้อม เมนู
เปิดหน้าแรก ก็ต้องเมนูแนะนำกันก่อน เมนู เป็น ภาษา ญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และ ภาษาไทย คือ แบบ ดี งาม มากครับ เหมาะ ทุกชนชาติกันไป เลย
สรุป เปิดไปเปิดมา เมนู น่ากินหลายอย่างมาก แต่สุดท้าย เมื่อ มาครั้งแรก ขอ ลองจาก เมนูแนะนำ ก่อน ประกอบไปด้วย ราเมงชามเล็ก 1 เกี้ยวซ่า 1 ไก่ทอด 1 หนังไก่ ย่าง 2 ไม้
อันนี้คือ กินเล่นๆ ก่อนนอน เน้อะ พูดเลย
หลังจากสั่งไปแล้วก้อ นั่งมอง ร้านรวง ไปเพลินๆ ประกอบ กับ มองไปที่ห้องครัว เห็น เชฟ 2 3 คน กำลัง ก้องแก้ง ช้งแช้ง กันอย่างเมามันไม่น่าน เมนู จานแรก ก็มาเสริฟ
เกี้ยวซ่า เกี้ยวซ่า ที่นี้ เป็น ขนาดพอดีคำครับ บอกว่าเป็น สูตร ของ ทางใต้ มองดูแล้ว เหมือนว่าจะไส้ น้อยไปรึเปล่า ลองผ่าดู เห็นไส้อยู่ นิดหน่อย ตัดกลับมาที่น้ำจิ้ม ทางร้าน แนะนำ ว่าให้ เทซอสเกี้ยวซ่า ใส่ถ้วย พร้อมกับ ตัก พริกเผา
ในขวดนี้ ใส่ลงไปหน่อย
ระหว่างถ่ายรูปยังไม่ทัน เสร็จ อาหาร จานที่ 2 ก็มาถึง
หนังไก่ ย่างเกลือ 1 ไม้ หนังไก่ย่างซอส 1 ไม้
อันที่เป็นหนังไก่ ย่างซอส พนักงานบอกว่าเป็นเมนูแนะนำ (คิดในใจ มันจะต่างจาก หนังไก่ ไม้ 5 บาทไหมน้ะ)
มาถึงขั้นตอนการชิม เริ่มจาก เกี้ยวซ่าก่อนเลย
คำแรก ใส่เกี้ยวซ่าไปทั้งชิ้น แบบไม่จิ้ม โอ้โห้ มันหอมกลิ่นกระทะไหม้ + กับ ความกรอบ ตรงด้านล่าง ที่ เกรียมๆ เนื้อหมู ชุ่มช่ำ มันหอม กลิ่น คละคลุ้ง ไปทั่วปาก ยังเคี้ยวไม่ทันหมดคำ ตะเกียบ ก็ยื่นออกไปคีบอีกชิ้น แบบไม่ทันรู้ตัว
คำที่สอง ลองแบบ จิ้มซอส แบบที่พนักงานแนะนำ ซอส เปรี้ยว กำลังดี + ความเผ็ดหอมของพริก เข้ากันได้ดีกับชิ้นเกี้ยวซ่า ซึ่งทำมา พอดีคำ แบบว่าใส่ ปาก ทีเดียวหมดคำไม่ต้องแบ่งกิน
มาดูจานที่สอง ชัดๆ
หนังไก่ย่างทั้ง 2 ไม้ หึหึ มันจะต่างจาก หนังไก่ 5 บาท สักแค่ไหน
เลือก แบบเกลือ มา ชิม 1 คำ กัดกรุบ ดึงออกจากไม้ มันกรอบมาก ความเค็ม ไม่เค็มมาก สรุปดี ไม่รู้จะ บรรยายยังไง
ต่อด้วย แบบซอส ของขึ้นชื่อร้าน จิบชาเขียว ล้างรสชาติ (เห็น คนอื่นเค้าทำกันเลยลองบ้าง) โอ้โห้ สมคำร่ำลือ หนังไก่ย่างซอส มันสุด จริงๆ คือ มันกรอบ ทั้ง ไม้ กรอบทุกคำ กรอบทุก อณู กันเลย
ระหว่างที่กะลัง ชิม อยู่นั้น จานที่ 3 ก็มา ปีก ไก่ทอด เกลือ
ผิวสีเหลืองอ่อน สวยงาม กัด คำแรก แทบวางทิ้ง ไปเลยครับ
... ไม่ใช่แย่น้ะ มันร้อน เลยต้องพัก ไว้ก่อน แปป นึง 5555
เลยเปลี่ยนวิธี หันไปขอ ช้อนส้อม มาหลังจากได้ ช้อนส้อม ราว 3 วินาที ก็เป็นดังภาพ
มันเหมาะ กับ พี่ ทศกัณฐ์ เวอชั่น x-rayจริงๆ
ราเมงมาเสริฟแล้วแต่ยังอร่อย กับ ไก่ทอดอยู่ มาดู หน้าตา ราเมง กัน ดีกว่าครับ
สั่งเป็น ไซส์เล็ก มาเพราะอยากกินหลายๆ อย่าง หน้าตา ราเมงแบบเผ็ด (จำชื่อ จริงไม่ได้) ด้วยตัวผมเองที่ชอบ ราเมง อยู่แล้ว ชิมคำแรก ก็ พอดี กับคำว่าอร่อย หมูชาชู นุ่มเปื่อยกำลังดี
แต่สิ่งที่ ร้านนี้ ให้ความต่างจากร้านอื่นคือ กินจนหมด ชามแล้วยังไม่รู้สึกเลี่ยน ผมเชื่อว่า หลายคนคงเป็น ว่ากินๆ สัก ครึ่งหรือ สักแปป จะเลี่ยน จาก น้ำซุป ที่เข้มข้นมา แต่ ร้านนี้ สามารถทำให้ ราเมง ชามนี้ อร่อยต้องแต่ ชิมคำแรก จน ซดน้ำได้หมดชาม ความกล่มกล่อมดีมาก
นั้นแหละครับท่านผู้ชม แปปเดียว
พี่ทศ ก็พร้อมนอน เล่น สะเกลี้ยง ขนาดนี้ นอนห่มผ้าเลยละกัน ไม่ขอไปต่อแล้ว
เบ็จเสรจ เรียก เชคบิล 600 บาท สำหรับ ราเมง 1 ชาม ไก่ทอด 1 1จาน(5ปีก) เกี้ยวซ่า 1 จาน(5 ชิ้น) และหนังไก่ย่าง 2 ไม้ ชาเขียวเยน รีฟิล
ถ้าใครจะ ตามมาลอง ก็แนะนำ ราเมง เกี้ยวซ่า หนังไก่ 3 สิ่ง ตั้งสั่ง จริงๆ ครับ ส่วนราคา ถือว่าไม่แรงสำหรับ ร้านอาหาร ญี่ปุ่น ย่านนี้ แล้วก็ ได้รสชาติที่ ดีเยี่ยม
ตอนก่อนจะกลับ คิดว่า จะถาม พนักงานว่า อูมะ แปลมาจากอะไร ปรากฏเจอ เจ้าของร้าน ที่หน้า ร้านพอดี
ยืนดักรอ อยู่หน้าร้าน เคาเตอร์บาร์ชั้น ล่างเหมือน กำลังรอผมอยู่ ( จริงๆ มาเครียยอด ของวัน ผมนั่งยาวจนร้านจะปิด)
เจ้าของบอกว่าเป็นร้าน ที่มี สาขา ที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่แน่ใจเรื่องความหมาย แต่เท่าที่คุยกับ คนญี่ปุ่น ที่เป็นเจ้าของ ที่ญี่ปุ่นแท้ๆ บอกว่า เหมือนกับ คำแรก ที่ เด็ก พูด เวลาหิว อูมา อูมะ แบบคนไทย เรียกว่า อุแว้ อุแว้อะไร ประมาณ นั้น
ก่อนกลับ เจ้าของร้าน ยัง หยิบหนังสือมาให้อีกเล่ม เป็นหนังสือที่มีไว้แจก ชาว ญี่ปุ่น ในไทย ว่าร้านนี้ติด อยู่ในรายชื่อ ร้านราเมง 20 ร้านที่ต้องมาชิม
เจ้าของร้าน ได้ที โม้ต่อ ว่า ร้านเค้า นั้นจะมี เจ้าของ แบรนจาก ญี่ปุ่น บินมาตรวจสอบ คุณภาพ ตลอด
+++ โอ้โห้ สรุป จากความมั่ว เราได้ คุณภาพ จาก ญี่ปุ่นแท้ๆ กันเลย ทีเดียว +++
ขี่รถกลับบ้าน นอนหลับ ฝันดี สำหรับคืนนี้ แล้ว พบกันใหม่ โอกาส หน้า จะพาขี่รถไปชิมของอร่อย กัน อีก น้ะครับ
ฝากรูปปิดท้าย ขวด เหล้า สาเก หลากหลาย รูป แบบ ไว้ว่างๆ คงต้องกลับไปลอง ดู
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น