สวัสดีค่านี่ก็เป็นกระทู้ที่สามแล้วที่จขกท. ได้เขียนรีวิว ซึ่งเป็นรีวิวที่เกี่ยวกับเรื่องกินๆ ทั้งนั้น แต่กระทู้ผิดคอนเซปไปนิด เพราะปกติจขกท. จะรีวิวแต่ขนมหวาน ครั้งนี้กลายมาเป็นอาหารคาวซะงั้น ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะรีวิวขนมหวานนั่นแล่ะ เนื่องจากมีรุ่นพี่บอกมาว่าที่โครงการสวนหลวงสแควร์มีร้านบัวลอยอร่อยมาก จขกท.ก็ไม่ใช่พวกที่เชื่อคนง่ายเลยต้องมาพิสูจน์เอง แต่พอมาถึงหน้าร้านปรากฏว่า...(ตามภาพเลย)
ร้านปิดเจ้าค่า ปิดยาวด้วย แอบเซ็งเบาๆ แต่ไม่เป็นไรคิดจะกินต้องมีแผนสำรองจริงๆ ไม่ใช่แผนสำรองหรอก ก็ตั้งใจมาตามกินขนมหวานในโครงการนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ 55 ก็ไปกินร้านอื่นปลอบใจแทนแล้วกัน แต่เอ๊ะมองเลยร้านบัวลอยไปร้านข้างๆ เห็นอะไรแว๊บๆ ท่าทางจะเป็นป้ายโปรโมชั่น ลองไปสำรวจดูหน่อยก็ดี
นั่นไงป้ายโปรโมชั่นจริงๆ เป็นร้านซูชิ ชื่อ Makoto Sushi Premium พอเห็นป้ายโปรโมชั่นเท่านั้นแล่ะ ไม่มีการลังเลจูงมือเพื่อนสาวเดินเข้าร้านทันที ลืมไปซะสนิทว่าเราตั้งใจมากินขนมหวานกันไม่ใช่หรอ 55 เอาน่าถือซะว่ากินมื้อเย็นไง ค่อยไปหาของหวานปิดท้ายก็ได้
เข้ามาในร้าน จขกท.เลือกนั่งโต๊ะเล็กเพราะมากันแค่สองคน พนักงานก็จะเอาเมนูมาให้ เราเลือกกันอยู่สักพักก็สั่งมาจนเป็นที่พอใจและแอบคิดว่าโต๊ะเราจะวางพอหรือป่าวนะ 55
เมนูแรกที่สั่ง มาจากป้ายโปรโมชั่นหน้าร้านเลย “Salmon Lava” 4ชิ้น จาก 340 บาท เหลือ 250 บาท
แซลมอนพันแตงกวา ไข่หวาน และปูอัด ราดด้วยซอสไข่กุ้ง คำใหญ่แบบอ้าปากจนเห็นลิ้นไก่ก็ยัดเข้าไปไม่หมด 55 หรือถ้าใครคิดว่าปากกว้างระดับสุดก็ยัดเต็มที่เลย เพราะถ้ากินได้ภายในคำเดียวมันจะฟินมากแต่คงอยากอ่ะ เพราะชิ้นมันใหญ่จริง แซลมอนที่พันจะมี 2 แบบ คือเป็นแซลมอนดิบกับแซลมอนสุก ส่วนตัว จขกท.ชอบแบบที่พันด้วยแซลมอนสุกมากกว่าเพราะเนื้อแซลมอนนุ่มตัดกับแตงกวากรอบๆ และไข่หวานกับปูอัด ที่สำคัญคือซอสไข่กุ้งเข้มข้นอร่อยจนอยากจะกวาดซอสให้หมดจาน
เมนูต่อมา “Salmon Sashimi” ราคา 270 บาท
แซลมอนของเมนูก่อนหน้านี้ก็ดีงามแล้วนะ เจอแซลมอนซาซิมิอันนี้เข้าไป โอ้!แทบละลายในปาก เนื้อนุ่มดีมาก แต่เนื่องจากชิ้นมันหนา จขกท.ว่ามันเลี่ยนง่ายถ้ากินติดต่อกันหลายชิ้น โชคดีที่มีเพื่อนมาด้วยเลยช่วยกันกินจนหมด 55 ปกติแล้วจขกท.ไม่ค่อยชอบกินซาซิมิด้วยแล่ะ จะชอบกินเป็นพวกซูชิมากกว่า แต่เพื่อนชอบเลยสั่งมา แล้วมันก็เป็นเมนูที่ควรสั่งเวลาไปร้านซูชิใช่มั้ยล่ะ 55
เมนูที่ 3 มาจากโปรโมชั่นอีกแล้ว สั่งเมนูซูชิในโปรโมชั่น 2 ชิ้น ได้ฟรีอีก 1 ชิ้น จขกท.เลยสั่ง “Hotate Sushi” มาลอง ราคาคำละ 100 บาท
ซูชิหน้าหอยเชลล์กริลล์นิดๆ มีไข่ปลากระจุ๋มกระจิ๋มวางด้านบน จขกท.คิดว่าน่าจะมีไข่ปลาเยอะกว่านี้แต่เดี๋ยวนะนี่เน้นหอยเชลล์ไม่ใช่ไข่ปลา แอบโลภนะคะ 55 หอยเชลล์เนื้อดึ๋งมีกลิ่นหอมไหม้นิดๆ จากการกริลล์ ไม่รู้ว่าข้าวปั้นมันคำเล็กไปหรือหอยชิ้นใหญ่ไปพอกินแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยพอดีแบบว่าข้าวหมดละหอยยังเต็มปากอยู่เลย มันก็ดีแล้วป่ะจะได้กินหอยแบบเต็มคำ
เมนูที่ 4”Engawa Sushi” ราคาคำละ 120 บาท ซูชิหน้าครีบปลาตาเดียว เค้าว่ากันว่ากัดปุ๊บน้ำมันแตกโพล๊ะ จขกท.มีความอยากรู้อยากลองเลยสั่งมา
จะยาวไปไหน ลำบากคนปากไม่กว้างอีกแล้วสิ 55 แต่จะให้ฟินต้องกินให้ได้! โอ้!เข้าปากแล้วแตกโพล๊ะจริง ซูชิอันนี้จะมีน้ำจิ้มเฉพาะมาให้รสออกเปรี้ยวนิดอมหวานหน่อยๆ ซึ่งพอจิ้มแล้วจะช่วยลดความมันเลี่ยนจากเนื้อปลาได้ แต่ จขกท.ว่ามันก็ยังเลี่ยนอยู่ดี เมนูนี้เลยเฉยๆ เพราะ จขกท.ไม่ชอบกินอะไรมันๆ แต่สั่งมาเพื่อลองให้รู้รสชาติ บางคนอาจจะชอบก็ได้ ข้าวแอบน้อยไปอีกแล้ว หรือนี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ จขกท.ยิ่งรู้สึกเลี่ยนก็ได้ 55
เมนูที่ 5 “Unagi Sushi” ราคาคำละ 70 บาท
เมนูนี้เพื่อนสั่งมา จขกท.ไม่ค่อยชอบกินปลาไหลเลยเก็บภาพมาแค่นั้น
เมนสุดท้าย “Hotate Roll Maki” ราคา 380 บาท ราคาแพงสุดในมื้อนี้ แต่จขกท.ได้อ่านส่วนประกอบของเมนูแล้วคือมันดีมันน่าลองเลยต้องจัดมาซะหน่อย มื้อนี้มีเพื่อนช่วยหารไม่ต้องห่วง 55

พนักงานวางจานปุ๊บ จขกท.กับพื่อนมองหน้ากันทันที หน้าตาน่ากินน่ะมันใช่ แต่ที่หนักใจคือจะกินกันหมดมั้ย 55 เมนูนี้เป็นโรลหน้าหอยเชลล์ สอดไส้ด้วยแซลมอน ไข่กุ้ง อโวคาโด้ และชีส น่าสนตรงชีสนี่แล่ะ พอเข้าปากคำแรกตาเบิกกว้างเพราะมันอร่อยมาก มีหอยเชลล์ดึ๋งๆ แซลมอนนุ่มๆ ไข่กุ้งกรุบๆ มีรสเค็มหวานจากซอส และรสเปรี้ยวจากชีส มีความมันจากอโวคาโด้ คือกินเข้าไปแล้วมีทุกรสอยู่ในปากอ่ะ ยกเว้นรสเผ็ดนะ 55 ตอนกินต้องกินทั้งคำเพื่อให้วัตถุดิบแต่ละอย่างผสมผสานรสชาติกันอยู่ในปาก จะติดก็ตรงเวลาคีบแต่ละชิ้นขึ้นมาแล้วข้าวมันแตก อีกอย่าง จขกท.คิดว่าข้าวน้อยไปอีกแล้วอ่ะ 55 แล้วก็ยังไม่ค่อยเหนียวนุ่ม จขกท.ชอบข้าวที่มีความเหนียวนุ่มและหนึบนิดๆ แบบว่าปั้นมาเป็นเนื้อแน่นๆ อะไรอย่างนี้ นี่ยังดูเป็นเม็ดไปนิด คีบขึ้นมาเลยมีการแตกบ้างบางคำ แต่ไม่ได้แปลว่าข้าวแข็งนะ ก็กินได้อยู่แค่อยากให้มันหนึบหนับกว่านี้ 55 แต่ด้วยความที่มันอร่อยเลยมองข้ามไปจนในที่สุดก็จัดการหมดเกลี้ยง เมนูนี้ให้มา 8 คำ จขกท.กับเพื่อนกันแบ่งคนละ 4 หมดจานนี้ไม่ใช่แค่อิ่มนะแต่คือจุก แล้วยังมีหน้ามาเรียกร้องอยากได้ข้าวเยอะกว่านี้อีก 55
ยังไม่พอ ยังมีคำพิเศษที่ได้มาจากการโพสต์รูปแล้วแชร์บน IG หรือ FB พร้อมกับเช็คอินร้าน และ # ชื่อร้าน ทำแล้วให้พนักงานดูก็รับซูชิแซลมอนไป 1 คำฟรีๆ แถมอยากจะบอกว่าคำใครคำมัน 1 คำต่อ 1 คนด้วยนะ เมื่อกี้ที่บ่นว่าจุกลืมๆ ไปก่อน ขออีกคำปิดท้ายแล้วกัน 55
สรุปว่าอิ่ม ฟิน ส่วนราคาก็ตามภาพเลย ไม่มี Vat และ Service Charge ด้วย จขกท.คิดว่าถ้าจะสั่งขนาดนี้ต้องมากินสัก 3 คนกำลังดี นี่เล่นกินจนลืมไปเลยว่ายังมีของหวานรออยู่ 55
แต่เมื่อตั้งใจไว้แล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ จขกท.ยังมุ่งมั่นชวนเพื่อนไปร้านขนมหวานต่อ 55 แต่ถ้ากินตอนนี้คงไม่ไหว เลยสั่งกลับบ้านแทน และร้านขนมที่ว่าคือ “Unna Souffle Cheese Cake” ร้านตั้งอยู่ในโครงการสวนหลวงสแควร์เช่นกัน
ที่ร้านมี ซูเฟล่ชีสเค้ก 3 รสชาติ คือ นม ชาเขียว และช็อกโกแลต ทางร้านมีให้ชิมด้วยนะ จขกท.กับเพื่อนลองชิมทุกรสแล้วมีความเห็นตรงกันว่ารสนมอร่อยสุด รสชาเขียวไม่ค่อยหอมชาเขียวเท่าไร ส่วนช็อกโกแลตก็อร่อยดีมีรสขมของช็อกโกแลต
สรุปว่าสั่งรสนมไป พนักงานกำลังจะใส่ถุงให้ แต่ จขกท.ดันไปเห็นเมนูที่มันชวนให้ลองมากกว่า นั่นก็คือซูเฟล่ชีสเค้กหน้ามะม่วงมา ราคา 60 บาท ถูกกว่าซูเฟล่ชีสเค้กธรรมดาซะงั้น เพื่อน จขกท.ได้คุกกี้อัลมอนด์ติดไม้ติดมือกลับไป คุกกี้ก็มีให้ชิมนะ อร่อยเหมือนกัน ส่วนเค้กที่ซื้อมา จขกท.เอาไว้กินตอนเช้าเพราะหลังจากมื้อนั้นอิ่มจนกินอะไรไม่ไหวแล้ว ถ้าขืนยังยัดเค้กเข้าไปมีหวังนอนอืดแน่ 55
พอเช้ามา จขกท.ก็เอาเค้กออกจากตู้เย็นปล่อยไว้ให้เนื้อเค้กคลายตัวสักพัก เนื้อจะได้ไม่แน่นเกินไป ไปดูกันเลยว่าน่ากินขนาดไหน
สีสันสวยงาม เห็นเนื้อมะม่วงฉ่ำๆ ก็อดใจไม่ไหว รีบถ่ายรูปแล้วรีบกิน 55 เนื้อเค้กเป็นชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นมีความนุ่มเบา มีกลิ่นและรสชีสอ่อนๆ ทำให้ไม่เลี่ยน ยิ่งกินกับวิปครีมหวานมันและเนื้อมะม่วงฉ่ำๆ รสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยมากชิ้นนี้ ฟินแต่เช้าเลย >< ปกติ จขกท.ก็ชอบกินชีสเค้กอยู่แล้วแต่บางร้านกินได้ไม่กี่คำจะรู้สึกเลี่ยนอีกทั้งยังฝืดคอ แต่ชิ้นนี้กินได้เรื่อยๆ เพราะมีตัววิปครีมและเนื้อมะม่วงมาตัดรสชาติ ถือว่าทำออกมาได้ดีมากและที่สำคัญราคาน่ารักด้วย คราวหลังต้องลองซูเฟล่ชีสเค้กหน้าช็อกโกแลตและบลูเบอร์รี่บ้างแล้ว 55
เป็นกันบ้าง? พามาอิ่มอร่อยกันขนาดนี้ ใครที่หักห้ามใจไหวต้องถามว่าจิตใจทำด้วยอะไร ทำไมถึงทนได้ 55 เวลา จขกท.อ่านกระทู้รีวิวทีไรแทบอย่างจะพุ่งตัวออกไปทันที 55 สำหรับรีวิวก็มาจากมุมของ จขกท. อาจจะไม่ได้ตรงกับความคิดเห็นของทุกคน ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าลิ้นใครลิ้นมันอ่ะนะ ถือว่าเป็นการมาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า หวังว่าจะถูกใจสำหรับคนที่ตามไปกินแล้วชอบ หรือหวังว่าจะเป็นทางเลือกให้กับใครหลายๆ คนได้นะคะ
กระทู้หน้า จขกท. คงกลับไปรีวิวขนมหวานตามสไตล์เหมือนเดิม แต่ถ้าเจอร้านอาหารเด็ดๆ ก็อาจจะแอบนอกเรื่องขนมหวานมารีวิวอีกก็เป็นได้ 55
[CR] ตามหาของหวาน แต่ดันมาเจอของเด็ดที่ Makoto Sushi Premium
ร้านปิดเจ้าค่า ปิดยาวด้วย แอบเซ็งเบาๆ แต่ไม่เป็นไรคิดจะกินต้องมีแผนสำรองจริงๆ ไม่ใช่แผนสำรองหรอก ก็ตั้งใจมาตามกินขนมหวานในโครงการนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ 55 ก็ไปกินร้านอื่นปลอบใจแทนแล้วกัน แต่เอ๊ะมองเลยร้านบัวลอยไปร้านข้างๆ เห็นอะไรแว๊บๆ ท่าทางจะเป็นป้ายโปรโมชั่น ลองไปสำรวจดูหน่อยก็ดี
นั่นไงป้ายโปรโมชั่นจริงๆ เป็นร้านซูชิ ชื่อ Makoto Sushi Premium พอเห็นป้ายโปรโมชั่นเท่านั้นแล่ะ ไม่มีการลังเลจูงมือเพื่อนสาวเดินเข้าร้านทันที ลืมไปซะสนิทว่าเราตั้งใจมากินขนมหวานกันไม่ใช่หรอ 55 เอาน่าถือซะว่ากินมื้อเย็นไง ค่อยไปหาของหวานปิดท้ายก็ได้
เข้ามาในร้าน จขกท.เลือกนั่งโต๊ะเล็กเพราะมากันแค่สองคน พนักงานก็จะเอาเมนูมาให้ เราเลือกกันอยู่สักพักก็สั่งมาจนเป็นที่พอใจและแอบคิดว่าโต๊ะเราจะวางพอหรือป่าวนะ 55
เมนูแรกที่สั่ง มาจากป้ายโปรโมชั่นหน้าร้านเลย “Salmon Lava” 4ชิ้น จาก 340 บาท เหลือ 250 บาท
แซลมอนพันแตงกวา ไข่หวาน และปูอัด ราดด้วยซอสไข่กุ้ง คำใหญ่แบบอ้าปากจนเห็นลิ้นไก่ก็ยัดเข้าไปไม่หมด 55 หรือถ้าใครคิดว่าปากกว้างระดับสุดก็ยัดเต็มที่เลย เพราะถ้ากินได้ภายในคำเดียวมันจะฟินมากแต่คงอยากอ่ะ เพราะชิ้นมันใหญ่จริง แซลมอนที่พันจะมี 2 แบบ คือเป็นแซลมอนดิบกับแซลมอนสุก ส่วนตัว จขกท.ชอบแบบที่พันด้วยแซลมอนสุกมากกว่าเพราะเนื้อแซลมอนนุ่มตัดกับแตงกวากรอบๆ และไข่หวานกับปูอัด ที่สำคัญคือซอสไข่กุ้งเข้มข้นอร่อยจนอยากจะกวาดซอสให้หมดจาน
เมนูต่อมา “Salmon Sashimi” ราคา 270 บาท
แซลมอนของเมนูก่อนหน้านี้ก็ดีงามแล้วนะ เจอแซลมอนซาซิมิอันนี้เข้าไป โอ้!แทบละลายในปาก เนื้อนุ่มดีมาก แต่เนื่องจากชิ้นมันหนา จขกท.ว่ามันเลี่ยนง่ายถ้ากินติดต่อกันหลายชิ้น โชคดีที่มีเพื่อนมาด้วยเลยช่วยกันกินจนหมด 55 ปกติแล้วจขกท.ไม่ค่อยชอบกินซาซิมิด้วยแล่ะ จะชอบกินเป็นพวกซูชิมากกว่า แต่เพื่อนชอบเลยสั่งมา แล้วมันก็เป็นเมนูที่ควรสั่งเวลาไปร้านซูชิใช่มั้ยล่ะ 55
เมนูที่ 3 มาจากโปรโมชั่นอีกแล้ว สั่งเมนูซูชิในโปรโมชั่น 2 ชิ้น ได้ฟรีอีก 1 ชิ้น จขกท.เลยสั่ง “Hotate Sushi” มาลอง ราคาคำละ 100 บาท
ซูชิหน้าหอยเชลล์กริลล์นิดๆ มีไข่ปลากระจุ๋มกระจิ๋มวางด้านบน จขกท.คิดว่าน่าจะมีไข่ปลาเยอะกว่านี้แต่เดี๋ยวนะนี่เน้นหอยเชลล์ไม่ใช่ไข่ปลา แอบโลภนะคะ 55 หอยเชลล์เนื้อดึ๋งมีกลิ่นหอมไหม้นิดๆ จากการกริลล์ ไม่รู้ว่าข้าวปั้นมันคำเล็กไปหรือหอยชิ้นใหญ่ไปพอกินแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยพอดีแบบว่าข้าวหมดละหอยยังเต็มปากอยู่เลย มันก็ดีแล้วป่ะจะได้กินหอยแบบเต็มคำ
เมนูที่ 4”Engawa Sushi” ราคาคำละ 120 บาท ซูชิหน้าครีบปลาตาเดียว เค้าว่ากันว่ากัดปุ๊บน้ำมันแตกโพล๊ะ จขกท.มีความอยากรู้อยากลองเลยสั่งมา
จะยาวไปไหน ลำบากคนปากไม่กว้างอีกแล้วสิ 55 แต่จะให้ฟินต้องกินให้ได้! โอ้!เข้าปากแล้วแตกโพล๊ะจริง ซูชิอันนี้จะมีน้ำจิ้มเฉพาะมาให้รสออกเปรี้ยวนิดอมหวานหน่อยๆ ซึ่งพอจิ้มแล้วจะช่วยลดความมันเลี่ยนจากเนื้อปลาได้ แต่ จขกท.ว่ามันก็ยังเลี่ยนอยู่ดี เมนูนี้เลยเฉยๆ เพราะ จขกท.ไม่ชอบกินอะไรมันๆ แต่สั่งมาเพื่อลองให้รู้รสชาติ บางคนอาจจะชอบก็ได้ ข้าวแอบน้อยไปอีกแล้ว หรือนี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ จขกท.ยิ่งรู้สึกเลี่ยนก็ได้ 55
เมนูที่ 5 “Unagi Sushi” ราคาคำละ 70 บาท
เมนูนี้เพื่อนสั่งมา จขกท.ไม่ค่อยชอบกินปลาไหลเลยเก็บภาพมาแค่นั้น
เมนสุดท้าย “Hotate Roll Maki” ราคา 380 บาท ราคาแพงสุดในมื้อนี้ แต่จขกท.ได้อ่านส่วนประกอบของเมนูแล้วคือมันดีมันน่าลองเลยต้องจัดมาซะหน่อย มื้อนี้มีเพื่อนช่วยหารไม่ต้องห่วง 55
พนักงานวางจานปุ๊บ จขกท.กับพื่อนมองหน้ากันทันที หน้าตาน่ากินน่ะมันใช่ แต่ที่หนักใจคือจะกินกันหมดมั้ย 55 เมนูนี้เป็นโรลหน้าหอยเชลล์ สอดไส้ด้วยแซลมอน ไข่กุ้ง อโวคาโด้ และชีส น่าสนตรงชีสนี่แล่ะ พอเข้าปากคำแรกตาเบิกกว้างเพราะมันอร่อยมาก มีหอยเชลล์ดึ๋งๆ แซลมอนนุ่มๆ ไข่กุ้งกรุบๆ มีรสเค็มหวานจากซอส และรสเปรี้ยวจากชีส มีความมันจากอโวคาโด้ คือกินเข้าไปแล้วมีทุกรสอยู่ในปากอ่ะ ยกเว้นรสเผ็ดนะ 55 ตอนกินต้องกินทั้งคำเพื่อให้วัตถุดิบแต่ละอย่างผสมผสานรสชาติกันอยู่ในปาก จะติดก็ตรงเวลาคีบแต่ละชิ้นขึ้นมาแล้วข้าวมันแตก อีกอย่าง จขกท.คิดว่าข้าวน้อยไปอีกแล้วอ่ะ 55 แล้วก็ยังไม่ค่อยเหนียวนุ่ม จขกท.ชอบข้าวที่มีความเหนียวนุ่มและหนึบนิดๆ แบบว่าปั้นมาเป็นเนื้อแน่นๆ อะไรอย่างนี้ นี่ยังดูเป็นเม็ดไปนิด คีบขึ้นมาเลยมีการแตกบ้างบางคำ แต่ไม่ได้แปลว่าข้าวแข็งนะ ก็กินได้อยู่แค่อยากให้มันหนึบหนับกว่านี้ 55 แต่ด้วยความที่มันอร่อยเลยมองข้ามไปจนในที่สุดก็จัดการหมดเกลี้ยง เมนูนี้ให้มา 8 คำ จขกท.กับเพื่อนกันแบ่งคนละ 4 หมดจานนี้ไม่ใช่แค่อิ่มนะแต่คือจุก แล้วยังมีหน้ามาเรียกร้องอยากได้ข้าวเยอะกว่านี้อีก 55
ยังไม่พอ ยังมีคำพิเศษที่ได้มาจากการโพสต์รูปแล้วแชร์บน IG หรือ FB พร้อมกับเช็คอินร้าน และ # ชื่อร้าน ทำแล้วให้พนักงานดูก็รับซูชิแซลมอนไป 1 คำฟรีๆ แถมอยากจะบอกว่าคำใครคำมัน 1 คำต่อ 1 คนด้วยนะ เมื่อกี้ที่บ่นว่าจุกลืมๆ ไปก่อน ขออีกคำปิดท้ายแล้วกัน 55
สรุปว่าอิ่ม ฟิน ส่วนราคาก็ตามภาพเลย ไม่มี Vat และ Service Charge ด้วย จขกท.คิดว่าถ้าจะสั่งขนาดนี้ต้องมากินสัก 3 คนกำลังดี นี่เล่นกินจนลืมไปเลยว่ายังมีของหวานรออยู่ 55
แต่เมื่อตั้งใจไว้แล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ จขกท.ยังมุ่งมั่นชวนเพื่อนไปร้านขนมหวานต่อ 55 แต่ถ้ากินตอนนี้คงไม่ไหว เลยสั่งกลับบ้านแทน และร้านขนมที่ว่าคือ “Unna Souffle Cheese Cake” ร้านตั้งอยู่ในโครงการสวนหลวงสแควร์เช่นกัน
ที่ร้านมี ซูเฟล่ชีสเค้ก 3 รสชาติ คือ นม ชาเขียว และช็อกโกแลต ทางร้านมีให้ชิมด้วยนะ จขกท.กับเพื่อนลองชิมทุกรสแล้วมีความเห็นตรงกันว่ารสนมอร่อยสุด รสชาเขียวไม่ค่อยหอมชาเขียวเท่าไร ส่วนช็อกโกแลตก็อร่อยดีมีรสขมของช็อกโกแลต
สรุปว่าสั่งรสนมไป พนักงานกำลังจะใส่ถุงให้ แต่ จขกท.ดันไปเห็นเมนูที่มันชวนให้ลองมากกว่า นั่นก็คือซูเฟล่ชีสเค้กหน้ามะม่วงมา ราคา 60 บาท ถูกกว่าซูเฟล่ชีสเค้กธรรมดาซะงั้น เพื่อน จขกท.ได้คุกกี้อัลมอนด์ติดไม้ติดมือกลับไป คุกกี้ก็มีให้ชิมนะ อร่อยเหมือนกัน ส่วนเค้กที่ซื้อมา จขกท.เอาไว้กินตอนเช้าเพราะหลังจากมื้อนั้นอิ่มจนกินอะไรไม่ไหวแล้ว ถ้าขืนยังยัดเค้กเข้าไปมีหวังนอนอืดแน่ 55
พอเช้ามา จขกท.ก็เอาเค้กออกจากตู้เย็นปล่อยไว้ให้เนื้อเค้กคลายตัวสักพัก เนื้อจะได้ไม่แน่นเกินไป ไปดูกันเลยว่าน่ากินขนาดไหน
สีสันสวยงาม เห็นเนื้อมะม่วงฉ่ำๆ ก็อดใจไม่ไหว รีบถ่ายรูปแล้วรีบกิน 55 เนื้อเค้กเป็นชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นมีความนุ่มเบา มีกลิ่นและรสชีสอ่อนๆ ทำให้ไม่เลี่ยน ยิ่งกินกับวิปครีมหวานมันและเนื้อมะม่วงฉ่ำๆ รสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยมากชิ้นนี้ ฟินแต่เช้าเลย >< ปกติ จขกท.ก็ชอบกินชีสเค้กอยู่แล้วแต่บางร้านกินได้ไม่กี่คำจะรู้สึกเลี่ยนอีกทั้งยังฝืดคอ แต่ชิ้นนี้กินได้เรื่อยๆ เพราะมีตัววิปครีมและเนื้อมะม่วงมาตัดรสชาติ ถือว่าทำออกมาได้ดีมากและที่สำคัญราคาน่ารักด้วย คราวหลังต้องลองซูเฟล่ชีสเค้กหน้าช็อกโกแลตและบลูเบอร์รี่บ้างแล้ว 55
เป็นกันบ้าง? พามาอิ่มอร่อยกันขนาดนี้ ใครที่หักห้ามใจไหวต้องถามว่าจิตใจทำด้วยอะไร ทำไมถึงทนได้ 55 เวลา จขกท.อ่านกระทู้รีวิวทีไรแทบอย่างจะพุ่งตัวออกไปทันที 55 สำหรับรีวิวก็มาจากมุมของ จขกท. อาจจะไม่ได้ตรงกับความคิดเห็นของทุกคน ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าลิ้นใครลิ้นมันอ่ะนะ ถือว่าเป็นการมาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า หวังว่าจะถูกใจสำหรับคนที่ตามไปกินแล้วชอบ หรือหวังว่าจะเป็นทางเลือกให้กับใครหลายๆ คนได้นะคะ
กระทู้หน้า จขกท. คงกลับไปรีวิวขนมหวานตามสไตล์เหมือนเดิม แต่ถ้าเจอร้านอาหารเด็ดๆ ก็อาจจะแอบนอกเรื่องขนมหวานมารีวิวอีกก็เป็นได้ 55