มติอ.ก.พ.ปลดออก 'ชินภัทร-ไกร' คดีทุจริตครูผู้ช่วย
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 22 เมษายน 2559, 08:30
“ดาว์พงษ์” เผยมติที่ประชุม อ.ก.พ. ยืนตามข้อเสนอคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ปลด "ชินภัทร ภูมิรัตน -ไกร เกษทัน" ออกจากราชการ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุม คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำหน้าที่แทน อ.ก.พ.กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย
นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ. และนายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ.กรณีการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ ว 12 ว่า
ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ลงโทษปลดออกจากราชการ นายชินภัทร กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85(7) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
ทั้งนี้ กรณี นายชินภัทร คณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ยังได้ชี้มูลกรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่แก่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจสาและรักษาประโยชน์ของทางราชการ ตามมาตรา 82(3)พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นความผิดวินัยร้ายแรงและเสนอให้ลงโทษ ซึ่งที่ประชุมก็มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการการสอบสวนวินัยฯ เสนอแต่เนื่องจาก นายชินภัทร เกษียณอายุราชการจึงให้งดโทษตามมาตรา 100 วรรคสองแห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้พิจารณาอย่างละเอียดและคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ก็ดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดและชี้ชัดพฤติกรรมมา
ชัดเจนว่าละเว้นหรือไม่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่อย่างไร อาทิ ทราบเหตุการณ์ว่ามีการทุจริตโดยเป็นการรายงานทางโทรศัพท์ กระทั่งการที่อนุมัติให้ประกาศผลสอบตามเวลาที่กำหนด ซึ่งข้อนี้นายชินภัทร ชี้แจงว่าได้รายงานให้รมว.ศึกษาธิการ ในขณะนั้นทราบแล้ว แต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่าได้รายงานจริงแต่ภายหลังจากที่ดำเนินการไปแล้ว
รวมไปถึงมีการออกคำสั่งให้ทำลายข้อสอบทันที ทั้งที่การทำลายข้อสอบจะมีห้วงเวลากรณีเกิดเหตุปัญหาจะต้องรอจนกว่าจะสิ้นสุด แต่นายชินภัทรสั่งให้ทุกเขตพื้นที่ฯทำลาย
“ที่ไม่ลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะพฤติกรรมของนายชินภัทรถือว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่และไม่พบหลักฐานทุจริต เพียงแต่พฤติกรรมส่อไปในทางไม่ชอบดังนั้นจึงถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง โดยให้ปลดออกจากราชการ สิทธิประโยชน์ทางราชการ อาทิ บำเหน็จ บำนาญยังได้รับคงเดิม แต่ชีวิตที่เหลือถูกตราหน้าว่าถูกปลดยังไม่พออีกเหรอ” รมว.ศึกษาธิการ
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติให้ปลดออกจากราชการ นายไกร ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการเช่นเดียวกัน แต่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบ รับผิดชอบการเก็บข้อสอบ และถือกุญแจตู้นิรภัยที่เก็บข้อสอบจำนวน 9 ดอก และเมื่อมีปัญหาเฉลยข้อสอบรั่วเกิดขึ้นก็จะต้องรับผิดชอบในกรณีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นการเฉลยข้อสอบรั่ว ไม่ใช่ข้อสอบรั่ว โดยจากนี้ที่ประชุมจะต้องนำมติไปเสนอต้นสังให้ดำเนินการลงนามในคำสั่งปลดออกจากราชการ ซึ่งทั้ง นายชินภัทร และ นายไกร สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า ยังไม่ทราบมติดังกล่าว แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้นขอดูคำสั่งดังกล่าวก่อน
อนึ่ง ปัญหาการทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ ว12 เกิดขึ้นประมาณปี 2556 โดยพบว่ามีการประกาศรายชี่อผู้สอบผ่านซ้ำกันใน 2 เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งโดยหลักจะต้องไม่มีชื่อซ้ำเพราะทุกเขตฯต้องสอบพร้อมกัน อีกทั้งผู้เข้าสอบจะต้องเลือกสอบเพียงแห่งเดียว
ต่อมาได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ศธ.และกรมสอบสวนดีเอสไอ เข้ามาร่วมกันตรวจสอบก็พบว่ามีข้อสอบรั่วจากส่วนกลาง 33 ชุด และเมื่อมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบผู้เข้าสอบประมาณ 486 คนมีคะแนนสูงผิดปกติ อาทิ บางรายมีคะแนนเต็มในหลายวิชา ซึ่งนักสถิติได้ออกมาวิเคราะห์ว่าหลักความเป็นจริงต่อให้มีคนเก่งมากขนาดไหนก็จะไม่มีใครได้คะแนนเต็มมากขนาดนี้ และมีการขยายผลการสอบสวนมายังส่วนกลางและตั้งกรรมการสืบสวนวินัยอย่างร้ายแรงผู้บริหาร
จาก
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/695382
--------------------
ชินภัทร ภูมิรัตน ผู้นำเด็กไปเข้าค่ายธรรมกายมากที่สุด
ดาว์พงษ์สั่งปลด 'ดร.ชินภัทร-ไกร' ออกราชการเหตุละเว้นหน้าที่
วันนี้ (21 เม.ย. 2559) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำหน้าที่แทน อ.ก.พ.กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และนายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ. กรณีการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือ มีเหตุพิเศษ ว12 ว่า
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงที่ นายอภิชาติ จีระวุฒิ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเสนอให้ลงโทษ ดร.ชินภัทร และ นายไกร โดยปลดออกจากราชการ เนื่องจากไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของทางราชการ รวมถึงมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
“กรณีของดร.ชินภัทร ที่ประชุมเห็นว่า ไม่พบหลักฐานการทุจริต แต่เป็นเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้ราชการได้รับความเสียหาย เช่น ได้รับรายงานว่ามีส่อทุจริตการสอบครูผู้ช่วย แต่กลับไม่มีคำสั่งระงับการสอบ รวมถึงภายหลังเมื่อทราบว่าเกิดการทุจริตขึ้น กลับรีบเร่งให้มีการทำลายข้อสอบทันที ทั้งที่ตามระเบียบของราชการมีห้วงเวลากำหนดไว้ให้เก็บข้อสอบไว้ก่อนเป็นระยะเวลา 2 ปี และยิ่งในกรณีเกิดการทุจริตเช่นนี้ยิ่งต้องเก็บรักษาข้อสอบไว้ เพื่อทำการตรวจสอบไม่ใช่เผาทำลาย ดังนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานที่พบว่า ดร.ชินภัทรได้กระทำการทุจริต
แต่ก็ถือว่าได้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน ที่ประชุมจึงมีโทษแค่ให้ปลดออกจากราชการ ซึ่งจะทำให้ ดร.ชินภัทรยังคงได้รับสิทธิประโยชน์จากทางการาชการเหมือนเดิม แต่ผมมองว่าแม้จะมีมติแค่ให้ปลดออกจากราชการ
แต่ก็เหมือนเป็นตราบาปในชีวิตราชการ ซึ่งถ้าเป็นผมก็คงรับไม่ได้อย่างแน่นอน และหลังมีคำสั่งปลดออกแล้ว ดร.ชินภัทร และนายไกร สามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ประชุมไม่มีอคติในการลงมติ เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ด้าน ดร.ชินภัทร กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบมติดังกล่าว แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้นขอดูรายละเอียดก่อน
ข่าว : เดลินิวส์ : 22 เมษายน 2559
http://alittlebuddha.com/
ปลดออกจากราชการนายชินภัทร ภูมิรัตน (ผู้นำเด็กไปเข้าค่ายธรรมกายมากที่สุด)
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 22 เมษายน 2559, 08:30
“ดาว์พงษ์” เผยมติที่ประชุม อ.ก.พ. ยืนตามข้อเสนอคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ปลด "ชินภัทร ภูมิรัตน -ไกร เกษทัน" ออกจากราชการ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุม คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำหน้าที่แทน อ.ก.พ.กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยนายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ. และนายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ.กรณีการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ ว 12 ว่า
ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ให้ลงโทษปลดออกจากราชการ นายชินภัทร กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85(7) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
ทั้งนี้ กรณี นายชินภัทร คณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ยังได้ชี้มูลกรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่แก่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจสาและรักษาประโยชน์ของทางราชการ ตามมาตรา 82(3)พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นความผิดวินัยร้ายแรงและเสนอให้ลงโทษ ซึ่งที่ประชุมก็มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการการสอบสวนวินัยฯ เสนอแต่เนื่องจาก นายชินภัทร เกษียณอายุราชการจึงให้งดโทษตามมาตรา 100 วรรคสองแห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้พิจารณาอย่างละเอียดและคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ก็ดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดและชี้ชัดพฤติกรรมมาชัดเจนว่าละเว้นหรือไม่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่อย่างไร อาทิ ทราบเหตุการณ์ว่ามีการทุจริตโดยเป็นการรายงานทางโทรศัพท์ กระทั่งการที่อนุมัติให้ประกาศผลสอบตามเวลาที่กำหนด ซึ่งข้อนี้นายชินภัทร ชี้แจงว่าได้รายงานให้รมว.ศึกษาธิการ ในขณะนั้นทราบแล้ว แต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่าได้รายงานจริงแต่ภายหลังจากที่ดำเนินการไปแล้ว รวมไปถึงมีการออกคำสั่งให้ทำลายข้อสอบทันที ทั้งที่การทำลายข้อสอบจะมีห้วงเวลากรณีเกิดเหตุปัญหาจะต้องรอจนกว่าจะสิ้นสุด แต่นายชินภัทรสั่งให้ทุกเขตพื้นที่ฯทำลาย
“ที่ไม่ลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะพฤติกรรมของนายชินภัทรถือว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่และไม่พบหลักฐานทุจริต เพียงแต่พฤติกรรมส่อไปในทางไม่ชอบดังนั้นจึงถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง โดยให้ปลดออกจากราชการ สิทธิประโยชน์ทางราชการ อาทิ บำเหน็จ บำนาญยังได้รับคงเดิม แต่ชีวิตที่เหลือถูกตราหน้าว่าถูกปลดยังไม่พออีกเหรอ” รมว.ศึกษาธิการ
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติให้ปลดออกจากราชการ นายไกร ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการเช่นเดียวกัน แต่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบ รับผิดชอบการเก็บข้อสอบ และถือกุญแจตู้นิรภัยที่เก็บข้อสอบจำนวน 9 ดอก และเมื่อมีปัญหาเฉลยข้อสอบรั่วเกิดขึ้นก็จะต้องรับผิดชอบในกรณีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นการเฉลยข้อสอบรั่ว ไม่ใช่ข้อสอบรั่ว โดยจากนี้ที่ประชุมจะต้องนำมติไปเสนอต้นสังให้ดำเนินการลงนามในคำสั่งปลดออกจากราชการ ซึ่งทั้ง นายชินภัทร และ นายไกร สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า ยังไม่ทราบมติดังกล่าว แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้นขอดูคำสั่งดังกล่าวก่อน
อนึ่ง ปัญหาการทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ ว12 เกิดขึ้นประมาณปี 2556 โดยพบว่ามีการประกาศรายชี่อผู้สอบผ่านซ้ำกันใน 2 เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งโดยหลักจะต้องไม่มีชื่อซ้ำเพราะทุกเขตฯต้องสอบพร้อมกัน อีกทั้งผู้เข้าสอบจะต้องเลือกสอบเพียงแห่งเดียว
ต่อมาได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ศธ.และกรมสอบสวนดีเอสไอ เข้ามาร่วมกันตรวจสอบก็พบว่ามีข้อสอบรั่วจากส่วนกลาง 33 ชุด และเมื่อมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบผู้เข้าสอบประมาณ 486 คนมีคะแนนสูงผิดปกติ อาทิ บางรายมีคะแนนเต็มในหลายวิชา ซึ่งนักสถิติได้ออกมาวิเคราะห์ว่าหลักความเป็นจริงต่อให้มีคนเก่งมากขนาดไหนก็จะไม่มีใครได้คะแนนเต็มมากขนาดนี้ และมีการขยายผลการสอบสวนมายังส่วนกลางและตั้งกรรมการสืบสวนวินัยอย่างร้ายแรงผู้บริหาร
จาก
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/695382
--------------------
ชินภัทร ภูมิรัตน ผู้นำเด็กไปเข้าค่ายธรรมกายมากที่สุด
ดาว์พงษ์สั่งปลด 'ดร.ชินภัทร-ไกร' ออกราชการเหตุละเว้นหน้าที่
วันนี้ (21 เม.ย. 2559) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำหน้าที่แทน อ.ก.พ.กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และนายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ. กรณีการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือ มีเหตุพิเศษ ว12 ว่า
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงที่ นายอภิชาติ จีระวุฒิ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเสนอให้ลงโทษ ดร.ชินภัทร และ นายไกร โดยปลดออกจากราชการ เนื่องจากไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของทางราชการ รวมถึงมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
“กรณีของดร.ชินภัทร ที่ประชุมเห็นว่า ไม่พบหลักฐานการทุจริต แต่เป็นเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้ราชการได้รับความเสียหาย เช่น ได้รับรายงานว่ามีส่อทุจริตการสอบครูผู้ช่วย แต่กลับไม่มีคำสั่งระงับการสอบ รวมถึงภายหลังเมื่อทราบว่าเกิดการทุจริตขึ้น กลับรีบเร่งให้มีการทำลายข้อสอบทันที ทั้งที่ตามระเบียบของราชการมีห้วงเวลากำหนดไว้ให้เก็บข้อสอบไว้ก่อนเป็นระยะเวลา 2 ปี และยิ่งในกรณีเกิดการทุจริตเช่นนี้ยิ่งต้องเก็บรักษาข้อสอบไว้ เพื่อทำการตรวจสอบไม่ใช่เผาทำลาย ดังนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานที่พบว่า ดร.ชินภัทรได้กระทำการทุจริต แต่ก็ถือว่าได้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน ที่ประชุมจึงมีโทษแค่ให้ปลดออกจากราชการ ซึ่งจะทำให้ ดร.ชินภัทรยังคงได้รับสิทธิประโยชน์จากทางการาชการเหมือนเดิม แต่ผมมองว่าแม้จะมีมติแค่ให้ปลดออกจากราชการ แต่ก็เหมือนเป็นตราบาปในชีวิตราชการ ซึ่งถ้าเป็นผมก็คงรับไม่ได้อย่างแน่นอน และหลังมีคำสั่งปลดออกแล้ว ดร.ชินภัทร และนายไกร สามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ประชุมไม่มีอคติในการลงมติ เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ด้าน ดร.ชินภัทร กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบมติดังกล่าว แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้นขอดูรายละเอียดก่อน
ข่าว : เดลินิวส์ : 22 เมษายน 2559
http://alittlebuddha.com/