ขอความกรุณางดดราม่ากินเนื้อวัวนะครับ
ริวิวครั้งแรกของชีวิต ผิดพลาดสิ่งใดลืมๆ มันไปอโหสิกรรมให้แก่กัน สาธุ!!
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากเย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน ที่มีคำถามว่า “ กินไรดี? ”และมีชะนีนั่งเบาะข้าง หน้านิ่ง นิ้วมือสไลด์ไถหน้าจอมือถืออยู่ในรถกล่าวว่า...”กินอะไรก็ได้ง่ายๆ”
ทั้งปี!!...เป็นคำตอบที่ตอบง่ายที่สุด แต่ขณะเดียวกันยังเป็นคำตอบที่หาวิธีตอบสนองได้ยากที่สุดเช่นกัน คำตอบสุดคลาสสิคนี้ถูกพูดออกมาโดยอัตโนมัติไม่ผ่านกระบวนการคิดใดๆ ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนักเหมือนเล่นเกมเปิดแผ่นป้ายที่โอกาสถูกมีแค่นิดเดียว ถ้าเลือกร้านถูกใจนางเหมือนถูกหวยรางวัลใหญ่แจ๊คพอต แต่ถ้าพลาด เม ริงเอ้ยยย!! เถียงกันยันห่มผ้านอน สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดจึงดลใจให้ขับรถไปแถวเส้นลาดพร้าววังหินใกล้ๆ นี้ อย่างน้อยก็ไม่ไกลป้องกันอารมณ์โมโหหิวแทรกซ้อน อีกอย่างร้านก็มีให้เลือกเยอะอยู่น่าจะเป็นโอกาสในการเอาชีวิตรอดจากน้ำมือแฟนที่เคารพได้แม้จะน้อยนิด ระหว่างที่ขับรถอยู่แถวนั้นมีคำพูดลอยๆ ขึ้นมาแบบก้มหน้าก้มตานิ้วสไลด์ไถไอโฟนว่า
“ไม่เอาบุฟเฟต์นะ อ้วน”
“กินกาบมาพร้าวเถอะค่ะ จะได้ไม่อ้วน” ตอบเสียงดัง(ในใจ)
ขับรถหาอยู่นาน วนถึงลาดพร้าววังหิน 87 ตาเหลือบเห็นร้านเหลืองๆ ฝั่งตรงข้ามเหมือนร้านกาแฟ เลยกะหาโกโก้เย็นกิน เลยกลับรถหน้าหมู่บ้านอะไรไม่รู้ไม่เป็นสาระช่างมัน หน้าร้านมีที่ว่างเอารถจอดรถเลยจ้า
เจริญพร จากร้านกาแฟกลายเป็นร้านชาบู ไหนๆ ก็ไหนๆ รถก็จอดแล้วก็กินมันร้านนี้นี่แหละ ร้านชื่อ “Pot Station สถานีคนรักหม้อต้ม” จึงอัญเชิญ ชะนีจอมไถจอมือถือเข้าสู่ร้าน คิดปลอบใจว่าถ้าไม่อร่อยเต็มที่ก็แค่ตาย
Pot Station ร้านใช้ภายนอก และภาย เป็นสีเหลืองและขาวสว่างตา แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกในห้องแอร์เย็นฉ่ำ และส่วนด้านนอกสำหรับท่านที่ต้องการสัมผัสอากาศอบอุ่นบริเวณประเทศเส้นศูนย์สูตรของกรุงเทพมหานคร รับรองในความฉ่ำ... เหงื่อซึมรักแร๊จนเย็นฉ่ำ
อาหารในร้านแบบ A la carte หรืออาหารสั่งเป็นจานๆ สมใจนางชะนีนางนี้หละ หลักๆ อาหารจะเป็นแบบชาบูไทยๆ น้ำซุปรสจัดจ้านต้มยำ แจ่วฮ้อนเนื้อ แจ่วฮ้อนหมู สไตล์คนไทย ส่วนเครื่องชาบูจะเป็นพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา กุ้ง หอยแมลงภู่ เมนูตามนี้
และแล้วชะนีน้อยได้วางมือถือและหยิบรายการอาหารมาติ๊กรัวๆ หันมาถามบ้างว่ากินไรไหม แต่กว่าที่จะตอบว่ากินอะไร ดูในลิต์ก็พอที่จะกินตุนไว้สำหรับสงครามโลกได้ละ และนางเลือกน้ำซุปครึ่งๆ ครึ่งนึงเป็นต้มยำ อีกครึ่งนึงเป็นแจ่วฮ้อนเนื้อ ตามความคิดเดิมของเรา ไม่เคยเจอแจ่วฮ้อนแบบท่าขอนยาง มหาสารคามเลยซักเจ้า ในกรุงเทพฯ ร้านไหนบอกแจ่วฮ้วนถ่อไปกินมันก็เป็นแค่...ต้มแซ่บ
ในส่วนเนื้อสัตว์เราสั่งเป็นชุดเนื้อจะได้ง่ายๆไม่ต้องคิดอะไรมากมีเนื้อวัวเกือบครบชนิด และเพิ่มเอ็นแก้ว หมูสามชั้นหรือที่เขาเรียกกันว่าเบคอน สันคอหมู หอยแมลงภู่ตัวมันใหญ่จนนางเรียกมันว่า หอยอู้หูวว และตบท้ายด้วยมันกุ้งไว้ใส่กับน้ำต้มยำ จะได้เจ้มจ้น!
เริ่มต้นด้วยพนักงานเสิร์ฟมาเติมน้ำซุป เลยขอชิมก่อน เพราะส่วนตัวคิดว่าร้านแบบนี้จะอร่อยไม่อร่อยอยู่ที่น้ำซุปนี่แหละ ในส่วนของน้ำซุปต้มยำรสชาติจัดจ้านสมกับคำว่าต้มยำ ไม่เหมือนร้านอื่นที่มีแค่กลิ่นต้มยำ และอีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้เลยว่ารสชาติไม่ได้มาจากผงต้มยำสำเร็จรูป รสชาติจัดจ้านดี เอาไปสามผ่านเลย! ส่วนน้ำซุปแจ่วฮ้อนมีทั้งหมูและเนื้อ ที่สั่งมาเป็นแจ่วฮ้อนเนื้อมีกลิ่นหอมสมุนไพรแบบไทยๆ และกลิ่นเนื้อสัมผัสได้ว่าตั้งใจและใส่ในการต้มน้ำซุปมาพอสมควร เรารู้สึกรสชาติอ่อนไปนิด แต่แฟนชอบ จบ... แฟนชอบผมก็ชอบ....ส่วนน้ำซุปอื่นไม่ได้ชิมขอผ่านนะครับ
เอาหล่ะ เมื่อของมาถึงเราก็เริ่มทยอยสาดลงหม้อ ทั้งผัก ทั้งมันกุ้ง ส่วนเนื้อวัวเนื้อหมูต่างๆ คีบแล้วแกว่งๆในน้ำ มีความฟินกว่าเยอะ เราและพรรคพวกจะเป็นพวกกลุ่มกินเนื้อ กินแบบวัวตายควายล้ม เนื้อที่ไหนเด็ดๆ ก็ตามไปกิน กินจนพอจะแยกได้อยู่ว่าเนื้อดี หรือเนื้อราคาถูก แต่เนื้อของร้านนี้ไม่ว่าจะเป็นเสือร้องไห้ ตะพาบ เอ็นแก้ว ถือว่าร้านเลือกเนื้อที่มีคุณภาพพอสมควร ยิ่งจุ่มลงหม้อ แกว่งสองสามทียกขึ้นมาได้สีชมพูหน่อยๆเข้าปากก็ฟินแล้ว ส่วนตัวชอบเสือร้องไห้ เพราะมีมันขอบๆ ถ้าเนื้อดีนะคุณเอ้ยย จิ้มแจ่วนี่แทบขาลอยเลยยย

ที่ร้านมีน้ำจิ้มที่เห็นมี 3 แบบ น้ำจิ้มแจ่วเค็มๆ กลมกล่อมอยู่ ซีฟู้ดอันนี้เฉยๆ เพราะกินเนื้อ และเหมือนที่กินเฝอ มีขวดฮอยซินกันซอสศรีราชา แต่ไม่ชิน ชายขอผ่าน
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ ปกติเวลาไปกินร้านที่มีจระเข้เขียวๆ ยืนอยู่หน้าร้าน จะมีเส้นขาวๆ มาด้วย ไม่ว่ากินกี่ครั้งกี่ครั้งเส้นเหล่านั้นจะนอนเหี่ยวเหงาอยู่บนจานไม่ได้รับความสนใจ แต่ร้านนี้เส้นมันมาอีกแล้วว มันแปลงร่างจากเส้นขาวๆ เป็นเส้นเหลืองๆ แถมมาในชุดเนื้อ แต่ด้วยความหิวปนเสียดายและความงกของชะนี นางต้มเส้นกินเงียบๆคนเดียว
เผลออีกที... นางแอบสั่งเส้นราเมงมาอีกถาดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอกว่าอร่อย พร้อมด้วยเกี๊ยวกุ้ง หมูยอ และหอยแมลงภู่เพิ่มเป็นจานที่สองจ้าบอกว่ากินดูสิหอยอร่อยมาก จากหอยทั้งหมดหกตัวนางหวดไป ห้า มีหน้าชวนกินสิ กินสิ จ่ะตัวเดียวจ่ะ แต่ฟินสุดจริง ไม่รู้ว่านางตายอดตายอยากมาจากไหน แล้วบอกตรูว่าไม่กินบุฟเฟ่ แต่ที่กินๆเข้าไปตอนนี้เยอะกว่าที่นางกินบุฟเฟ่ตั้งเยอะ เจริญค่าา กินหมดมาร้องอิ่มแล้วๆ ท้องจะแตกแล้ว
แต่เกี๊ยวกุ้งส่วนตัวที่ไม่ค่อยชอบเพราะเป็นคนไม่ชอบกลิ่นงา แต่ไส้ข้างในเหมือนใส่น้ำมันงา
สุดท้ายเหมือนจะจบด้วยดีเพียงแค่นี้ นางบอกไปเข้าห้องน้ำแปป นางเดินกลับมาพร้อมกับไอติมในมือ ตู้ไอติมเจ้ากรรมดันไปตั้งอยู่ทางไปห้องน้ำ แถมบอกว่า “รสเลิศค่าาา มีรสเยอะแยะเลย ไปดูสิ” เมื่อกี๊ตัวไหนบอกว่าอิ่มท้องจะแตกวะ ไอ้เรานี่กินชาบูอิ่มแทบพุ่งออกปาก แต่ชะนีไทยมีสองกระเพาะ ใบนึงใส่ของคาว อีกใบไว้ใส่ของหวาน
ค่าเสียหายออกมาตามนี้ไม่แพงอย่างที่คิด ถ้าเช็คอินร้านเขาลดให้ 10% ราคาจบเหมือนกินร้านพวกแต่เนื้อเค้าดีกว่าจริงๆ รู้สึกดีกว่ากินบุฟเฟ่เยอะ ทั้งคุณภาพ รสชาติ และราคาที่จ่าย
ข้อมูลเฉพาะ ร้าน Pot Station สถานีคนรักหม้อต้ม ลาดพร้าววังหิน ระหว่างซอย 68-70 ร้านสีเหลืองๆ จำเวลาเปิดปิดไม่ได้ ภาพหน้าร้านไม่มีต้องขออภัยเนื่องจากมืดแล้วเและไม่ได้คิดว่าจะรีวิว ตั้งใจจะเม้าท์มอยแฟน

ปล. บอกเลยรีวิวแบบนี้ไม่มีกลัวนาง เพราะนางเล่นแต่ facebook ไม่ได้เล่น Pantip
[CR] (CR) รีวิวเวอร์ชั่นเม้าท์แฟน “Pot Station” ชาบูไทยๆ เนื้อคุณภาพ มีความ...ฟิน
ริวิวครั้งแรกของชีวิต ผิดพลาดสิ่งใดลืมๆ มันไปอโหสิกรรมให้แก่กัน สาธุ!!
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากเย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน ที่มีคำถามว่า “ กินไรดี? ”และมีชะนีนั่งเบาะข้าง หน้านิ่ง นิ้วมือสไลด์ไถหน้าจอมือถืออยู่ในรถกล่าวว่า...”กินอะไรก็ได้ง่ายๆ”
ทั้งปี!!...เป็นคำตอบที่ตอบง่ายที่สุด แต่ขณะเดียวกันยังเป็นคำตอบที่หาวิธีตอบสนองได้ยากที่สุดเช่นกัน คำตอบสุดคลาสสิคนี้ถูกพูดออกมาโดยอัตโนมัติไม่ผ่านกระบวนการคิดใดๆ ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนักเหมือนเล่นเกมเปิดแผ่นป้ายที่โอกาสถูกมีแค่นิดเดียว ถ้าเลือกร้านถูกใจนางเหมือนถูกหวยรางวัลใหญ่แจ๊คพอต แต่ถ้าพลาด เม ริงเอ้ยยย!! เถียงกันยันห่มผ้านอน สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดจึงดลใจให้ขับรถไปแถวเส้นลาดพร้าววังหินใกล้ๆ นี้ อย่างน้อยก็ไม่ไกลป้องกันอารมณ์โมโหหิวแทรกซ้อน อีกอย่างร้านก็มีให้เลือกเยอะอยู่น่าจะเป็นโอกาสในการเอาชีวิตรอดจากน้ำมือแฟนที่เคารพได้แม้จะน้อยนิด ระหว่างที่ขับรถอยู่แถวนั้นมีคำพูดลอยๆ ขึ้นมาแบบก้มหน้าก้มตานิ้วสไลด์ไถไอโฟนว่า
“ไม่เอาบุฟเฟต์นะ อ้วน”
“กินกาบมาพร้าวเถอะค่ะ จะได้ไม่อ้วน” ตอบเสียงดัง(ในใจ)
ขับรถหาอยู่นาน วนถึงลาดพร้าววังหิน 87 ตาเหลือบเห็นร้านเหลืองๆ ฝั่งตรงข้ามเหมือนร้านกาแฟ เลยกะหาโกโก้เย็นกิน เลยกลับรถหน้าหมู่บ้านอะไรไม่รู้ไม่เป็นสาระช่างมัน หน้าร้านมีที่ว่างเอารถจอดรถเลยจ้า
เจริญพร จากร้านกาแฟกลายเป็นร้านชาบู ไหนๆ ก็ไหนๆ รถก็จอดแล้วก็กินมันร้านนี้นี่แหละ ร้านชื่อ “Pot Station สถานีคนรักหม้อต้ม” จึงอัญเชิญ ชะนีจอมไถจอมือถือเข้าสู่ร้าน คิดปลอบใจว่าถ้าไม่อร่อยเต็มที่ก็แค่ตาย
Pot Station ร้านใช้ภายนอก และภาย เป็นสีเหลืองและขาวสว่างตา แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกในห้องแอร์เย็นฉ่ำ และส่วนด้านนอกสำหรับท่านที่ต้องการสัมผัสอากาศอบอุ่นบริเวณประเทศเส้นศูนย์สูตรของกรุงเทพมหานคร รับรองในความฉ่ำ... เหงื่อซึมรักแร๊จนเย็นฉ่ำ
อาหารในร้านแบบ A la carte หรืออาหารสั่งเป็นจานๆ สมใจนางชะนีนางนี้หละ หลักๆ อาหารจะเป็นแบบชาบูไทยๆ น้ำซุปรสจัดจ้านต้มยำ แจ่วฮ้อนเนื้อ แจ่วฮ้อนหมู สไตล์คนไทย ส่วนเครื่องชาบูจะเป็นพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา กุ้ง หอยแมลงภู่ เมนูตามนี้
และแล้วชะนีน้อยได้วางมือถือและหยิบรายการอาหารมาติ๊กรัวๆ หันมาถามบ้างว่ากินไรไหม แต่กว่าที่จะตอบว่ากินอะไร ดูในลิต์ก็พอที่จะกินตุนไว้สำหรับสงครามโลกได้ละ และนางเลือกน้ำซุปครึ่งๆ ครึ่งนึงเป็นต้มยำ อีกครึ่งนึงเป็นแจ่วฮ้อนเนื้อ ตามความคิดเดิมของเรา ไม่เคยเจอแจ่วฮ้อนแบบท่าขอนยาง มหาสารคามเลยซักเจ้า ในกรุงเทพฯ ร้านไหนบอกแจ่วฮ้วนถ่อไปกินมันก็เป็นแค่...ต้มแซ่บ
ในส่วนเนื้อสัตว์เราสั่งเป็นชุดเนื้อจะได้ง่ายๆไม่ต้องคิดอะไรมากมีเนื้อวัวเกือบครบชนิด และเพิ่มเอ็นแก้ว หมูสามชั้นหรือที่เขาเรียกกันว่าเบคอน สันคอหมู หอยแมลงภู่ตัวมันใหญ่จนนางเรียกมันว่า หอยอู้หูวว และตบท้ายด้วยมันกุ้งไว้ใส่กับน้ำต้มยำ จะได้เจ้มจ้น!
เริ่มต้นด้วยพนักงานเสิร์ฟมาเติมน้ำซุป เลยขอชิมก่อน เพราะส่วนตัวคิดว่าร้านแบบนี้จะอร่อยไม่อร่อยอยู่ที่น้ำซุปนี่แหละ ในส่วนของน้ำซุปต้มยำรสชาติจัดจ้านสมกับคำว่าต้มยำ ไม่เหมือนร้านอื่นที่มีแค่กลิ่นต้มยำ และอีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้เลยว่ารสชาติไม่ได้มาจากผงต้มยำสำเร็จรูป รสชาติจัดจ้านดี เอาไปสามผ่านเลย! ส่วนน้ำซุปแจ่วฮ้อนมีทั้งหมูและเนื้อ ที่สั่งมาเป็นแจ่วฮ้อนเนื้อมีกลิ่นหอมสมุนไพรแบบไทยๆ และกลิ่นเนื้อสัมผัสได้ว่าตั้งใจและใส่ในการต้มน้ำซุปมาพอสมควร เรารู้สึกรสชาติอ่อนไปนิด แต่แฟนชอบ จบ... แฟนชอบผมก็ชอบ....ส่วนน้ำซุปอื่นไม่ได้ชิมขอผ่านนะครับ
เอาหล่ะ เมื่อของมาถึงเราก็เริ่มทยอยสาดลงหม้อ ทั้งผัก ทั้งมันกุ้ง ส่วนเนื้อวัวเนื้อหมูต่างๆ คีบแล้วแกว่งๆในน้ำ มีความฟินกว่าเยอะ เราและพรรคพวกจะเป็นพวกกลุ่มกินเนื้อ กินแบบวัวตายควายล้ม เนื้อที่ไหนเด็ดๆ ก็ตามไปกิน กินจนพอจะแยกได้อยู่ว่าเนื้อดี หรือเนื้อราคาถูก แต่เนื้อของร้านนี้ไม่ว่าจะเป็นเสือร้องไห้ ตะพาบ เอ็นแก้ว ถือว่าร้านเลือกเนื้อที่มีคุณภาพพอสมควร ยิ่งจุ่มลงหม้อ แกว่งสองสามทียกขึ้นมาได้สีชมพูหน่อยๆเข้าปากก็ฟินแล้ว ส่วนตัวชอบเสือร้องไห้ เพราะมีมันขอบๆ ถ้าเนื้อดีนะคุณเอ้ยย จิ้มแจ่วนี่แทบขาลอยเลยยย
ที่ร้านมีน้ำจิ้มที่เห็นมี 3 แบบ น้ำจิ้มแจ่วเค็มๆ กลมกล่อมอยู่ ซีฟู้ดอันนี้เฉยๆ เพราะกินเนื้อ และเหมือนที่กินเฝอ มีขวดฮอยซินกันซอสศรีราชา แต่ไม่ชิน ชายขอผ่าน
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ ปกติเวลาไปกินร้านที่มีจระเข้เขียวๆ ยืนอยู่หน้าร้าน จะมีเส้นขาวๆ มาด้วย ไม่ว่ากินกี่ครั้งกี่ครั้งเส้นเหล่านั้นจะนอนเหี่ยวเหงาอยู่บนจานไม่ได้รับความสนใจ แต่ร้านนี้เส้นมันมาอีกแล้วว มันแปลงร่างจากเส้นขาวๆ เป็นเส้นเหลืองๆ แถมมาในชุดเนื้อ แต่ด้วยความหิวปนเสียดายและความงกของชะนี นางต้มเส้นกินเงียบๆคนเดียว
เผลออีกที... นางแอบสั่งเส้นราเมงมาอีกถาดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอกว่าอร่อย พร้อมด้วยเกี๊ยวกุ้ง หมูยอ และหอยแมลงภู่เพิ่มเป็นจานที่สองจ้าบอกว่ากินดูสิหอยอร่อยมาก จากหอยทั้งหมดหกตัวนางหวดไป ห้า มีหน้าชวนกินสิ กินสิ จ่ะตัวเดียวจ่ะ แต่ฟินสุดจริง ไม่รู้ว่านางตายอดตายอยากมาจากไหน แล้วบอกตรูว่าไม่กินบุฟเฟ่ แต่ที่กินๆเข้าไปตอนนี้เยอะกว่าที่นางกินบุฟเฟ่ตั้งเยอะ เจริญค่าา กินหมดมาร้องอิ่มแล้วๆ ท้องจะแตกแล้ว
แต่เกี๊ยวกุ้งส่วนตัวที่ไม่ค่อยชอบเพราะเป็นคนไม่ชอบกลิ่นงา แต่ไส้ข้างในเหมือนใส่น้ำมันงา
สุดท้ายเหมือนจะจบด้วยดีเพียงแค่นี้ นางบอกไปเข้าห้องน้ำแปป นางเดินกลับมาพร้อมกับไอติมในมือ ตู้ไอติมเจ้ากรรมดันไปตั้งอยู่ทางไปห้องน้ำ แถมบอกว่า “รสเลิศค่าาา มีรสเยอะแยะเลย ไปดูสิ” เมื่อกี๊ตัวไหนบอกว่าอิ่มท้องจะแตกวะ ไอ้เรานี่กินชาบูอิ่มแทบพุ่งออกปาก แต่ชะนีไทยมีสองกระเพาะ ใบนึงใส่ของคาว อีกใบไว้ใส่ของหวาน
ค่าเสียหายออกมาตามนี้ไม่แพงอย่างที่คิด ถ้าเช็คอินร้านเขาลดให้ 10% ราคาจบเหมือนกินร้านพวกแต่เนื้อเค้าดีกว่าจริงๆ รู้สึกดีกว่ากินบุฟเฟ่เยอะ ทั้งคุณภาพ รสชาติ และราคาที่จ่าย
ข้อมูลเฉพาะ ร้าน Pot Station สถานีคนรักหม้อต้ม ลาดพร้าววังหิน ระหว่างซอย 68-70 ร้านสีเหลืองๆ จำเวลาเปิดปิดไม่ได้ ภาพหน้าร้านไม่มีต้องขออภัยเนื่องจากมืดแล้วเและไม่ได้คิดว่าจะรีวิว ตั้งใจจะเม้าท์มอยแฟน
ปล. บอกเลยรีวิวแบบนี้ไม่มีกลัวนาง เพราะนางเล่นแต่ facebook ไม่ได้เล่น Pantip
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น