หลงกระดาษ + รักญี่ปุ่น ก็ไปเรียนทำกระดาษที่ญี่ปุ่นเลยเหอะ! (ภาค 2)

ขอแยกออกมาที่กระทู้นี้นะคะ เพราะว่ารูปเยอะ โหลดช้าสำหรับคนอ่านค่ะ

ภาคแรก : http://pantip.com/topic/35064836


=========================================


เรียนรู้วิธีทำกระดาษของประเทศอื่นๆ
..............................................


ปลาทองเหงาๆหน้าเวิร์คช้อป


ดอกไม้ฤดูร้อนถูกผึ่งแห้งมานานนับเดือน


บ่ายนี้ เราจะเรียนรู้การผลิตกระดาษในเทคนิคต่างๆนอกเหนือจากการทำวาชิแบบญี่ปุ่น

วิธีแรกคือการเอากรอบตะแกรงลวดไปลอยน้ำ ให้มีน้ำอยู่ด้านในตะแกรงลึกสัก 1 เซนติเมตรแล้วใส่เยื่อไม้ลงไป เอามือคนๆให้กระจายทั่วกันแล้วยกตะแกรงลวดขึ้นมา พักไว้ให้แห้ง วิธีนี้คล้ายกับการทำแบบทาเมะสุกิ ต่างกันที่ลักษณะของตัวกรองที่ไม่ใช่ซี่ไม้ม้วนขยับไปมาได้ แต่เป็นตะแกรงลวด เวลาทำให้แห้งก็ปล่อยทิ้งไว้บนตะแกรงแบบนั้นเลย



วิธีที่สองคือการเอาเยื่อไม้ทำให้หนืดขึ้นอีกหน่อยโดยการใส่เนริ แล้วเทลงบนกรอบผ้าใบที่มีรูเล็กๆ ขยับยกกรอบไปทฟางนู้นทีทางนี้ทีจนเยื่อกระดาษกระจายไปทั่ว แล้วก็นำมาผึ่งให้แห้งทั้งที่ยังอยู่ในกรอบอย่างนั้นเลย

เทไป เทมา ให้มันไหลๆไปเรื่อยๆ รอบๆกรอบ


วิธีแบบนี้มีข้อเสียคือต้องปล่อยให้กระดาษแห้งในตัวกรองหรือกรอบ ทำให้ไม่สามารถผลิตในปริมาณมากๆได้เพราะหมายถึงต้องใช้กรอบจำนวนมากด้วย

กระดาษที่ผลิตด้วยวิธีเหล่านี้ได้จะหนากว่า และไม่ทนทานเท่าการทำวาชิด้วยวิธีนากาชิสุกิ เพราะเส้นใยเรียงตัวกันไม่แข็งแรงเป็นระเบียบเท่า

ป้ายถนน ชี้ทางไปเวิร์คช้อป


เก็บใบไม้ใบหญ้า


กระดาษอีกแผ่นสำคัญของวันนี้ คือกระดาษที่ฝังวัสดุจากธรรมชาติอย่างใบไม้ใบหญ้าไว้ในเนื้อกระดาษด้วย ซึ่งคล้ายกับกระดาษสาของไทยมาก เราจะใช้เทคนิคการเทเยื่อกระดาษลงบนตะแกรงลวด มีกรอบไม้วางทับบนตะแกรงเป็นขอบเขตไม่ให้เยื่อกระดาษไหลออกไปสะเปะสะปะ คุณโรกีร์ให้ฉันออกไปหาวัตถุดิบที่อยากเอามาทำลวดลายบนกระดาษ โดยบอกให้เลือกเอาที่แบนๆ และสวยที่สุดเท่าที่จะหาได้ ฉันหาใบเมเปิ้ลเล็กๆมาได้หลายใบ ใบโคลเวอร์และดอกหญ้ายาวรี การทำกระดาษวิธีนี้ อันดับแรกคือเทเยื่อกระดาษลงไปทั่วๆ ช้าๆให้ได้ชั้นกระดาษเรียบบาง ต่อมาก็วางใบไม้ใบหญ้าที่ต้องการลงไปแล้วเทเยื่อกระดาษทับให้หนาพอสมควรที่จะยึดสิ่งต่างๆไว้ได้ ตอนเทเยื่อกระดาษทับใบไม้ ฉันเพิ่งรู้ว่าผิวใบโคลเวอร์เป็นเหมือนใบบอนคือน้ำไม่ติดบนใบ ทำให้การพยายามให้เยื่อกระดาษอยู่คลุมใบโคลเวอร์ยากทีเดียว นอกจากใบไม้และดอกหญ้าแล้ว ฉันตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเยื่อกระดาษผสมดินสีต่างๆ เทลงไปเป็นจุดๆ คุณโรกีร์บอกว่า สีจากดินโคลนพวกนี้ทึบแสง ดังนั้นต้องระวังอย่าใส่มากเกินไป เพราะถ้าจะเอาไปทำเป็นโคมไฟจะดูทึบไปเสียหมด ฉันทำตามคำแนะนำ เว้นที่ว่างไว้มากมายเพื่อให้แสงลอดผ่านได้ยามทำเป็นโคมไฟ





















ตกแต่งสีสันอีกนิดหน่อย เพราะพอแห้ง สีที่เห็นจะจางกว่าเดิม


แล้วก็แต่ง texture อีกนิด


เสร็จแล้วก็แกะกรอบไม้ออก


ทาดา!


ระหว่างนี้มีแขกแวะมาอีกคน มาไวไปไว เป็นคุณลุงในหมู่บ้านนี่เอง ยื่นถุงพลาสติกภายให้คุณโรกีร์ที่หน้าประตูเวิร์คช้อป คุยกันสองสามประโยคแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ในถุงคือเนื้อหมูป่า ลุงยิงหมู่ป่าที่หลงเข้ามาใกล้หมู่บ้านได้หนึ่งตัวเมื่อเย็นวาน เลยจัดการแล่แล้วนำมาแจกจ่ายเพื่อนบ้าน
นอกจากเนื้อกวางแล้ว ดูเหมือนฉันอาจได้ชิมเนื้อสัตว์ป่าอีกชนิดซะแล้ว

บ่ายนี้โยเฮขลุกตัวทำงานอยู่ที่มุมหนึ่งของเวิร์คช้อป ทุบเยื่อไม้กองใหญ่หนักกว่า 6 กิโลกรัม เพื่อเตรียมทำใบประกาศนียบัตรให้โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ทุกๆปี คามิโคยะจะทำกระดาษสำหรับประกาศนียบัตรของโรงเรียนประถมในพื้นที่ ปีนี้ต้องทำ 60 ใบให้เสร็จก่อนสัปดาห์หน้า ปกติแล้วประกาศนียบัตรจะเป็นกระดาษม้วนๆใส่ในหลอดทรงกระบอกแล้วมอบให้กับนักเรียนในวันจบการศึกษา แต่ของที่โรงเรียนนี้ ใช้กระดาษวาชิ เขียนด้วยลายมือพู่กันจีน แล้วใส่กรอบมอบให้กับนักเรียน โดยนักเรียนมีส่วนในการผลิตกระดาษที่จะมาเป็นใบประกาศนียบัตรของตัวเองโดยทางโรงเรียนมีแปลงปลูกต้นไม้ที่จะใช้เป็นเยื่อกระดาษให้นักเรียนแต่ละรุ่นดูแล พอถึงเวลาก็นำมาทำเป็นเยื่อกระดาษสำหรับประกาศนียบัตร บางช่วงก็มีจัดให้นักเรียนฝึกทำกระดาษน่ารักๆเล็กๆน้อยๆที่เวิร์คช้อปด้วย กิจกรรมเหล่านี้ทำให้ชุมชนมีความสัมพันธ์และเห็นคุณค่าของวาชิ

มิสเตอร์โยเฮ กับงานทุบเยื่อกระดาษ


นอกเหนือจากกิจกรรมในเมืองยุสุฮาระ เวิร์คช้อปคามิโคยะยังมีส่วนร่วมในการวิจัยเกี่ยวกับกระดาษและการพัฒนาพันธุ์พืชของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยิโคจิด้วย มีนักเรียนนักศึกษามาดูงานเป็นประจำทุกปี และยังมีการร่วมมือพัฒนากระดาษไปถึงนอกประเทศด้วย โดยงานล่าสุดที่คุณโรกีร์ภาคภูมิใจคือ การให้คำปรึกษากับโครงการฮาจิโดริ โปรเจ็คต์ (Hachidori project) องค์กรอาสาสมัครช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในประเทศกัมพูชา โครงการนี้ริเริ่มโดยผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง เธอทำงานที่ญี่ปุ่น 6 เดือนแล้วนำเงินที่ได้ไปทำงานอาสาสมัครที่กัมพูชาอีก 6 เดือนในแต่ละปี งานส่วนใหญ่คือการสร้างโรงเรียน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กๆ เพราะเด็กเขมรที่ไม่ได้รับการศึกษา เมื่อโตมามักจบด้วยการข้ามชายแดนมาขายแรงงานในไทย ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เธอคิดว่าการศึกษานี่แหละ ที่จะช่วยได้ในระยะยาว โครงการนี้ดำเนินมาเรื่อยๆ จากผู้หญิงตัวคนเดียว ปีต่อๆมารวบรวมอาสาสมัครได้มากขึ้น งานก็ใหญ่ขึ้นตามลำดับ การสร้างโอกาสอย่างยั่งยืนต้องสร้างการเรียนรู้ และช่วยให้พวกเขาอยู่ได้ด้วยตัวเอง จึงได้เกิดโปรเจ็คต์การทำกระดาษขายเพื่อหารายได้ให้กับโครงการและสร้างอาชีพให้กับเด็กๆ แต่การทำกระดาษวาชิแบบดั้งเดิมทำไม่ได้ในกัมพูชาเพราะวัตถุดิบ, น้ำ และอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ไม่มีพร้อม ดังนั้นเขาจึงต้องช่วยกันพัฒนาให้สามารถทำกระดาษทำมือได้ในกัมพูชา โดยใช้วัตถุดิบเท่าที่มีในพื้นที่ ซึ่งพืชที่ว่าคือนุ่น ซึ่งไม่เคยทำมาเป็นวัสดุผลิตกระดาษมาก่อน เขาจึงต้องศึกษาเรื่องเทคนิคความเป็นไปได้กันอยู่นานทีเดียว แต่ก็ทำจนสำเร็จ ตอนนี้เริ่มมีการขายกระดาษที่ว่าแล้ว โดยเริ่มทำเป็นปฏิทินและขายกระดาษเปล่าเป็นแผ่นๆ คุณโรกีร์คิดว่า ต่อไปน่าจะทำเป็นภาพวาดหรือพิมพ์อะไรลงไปด้วยเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งแน่นอน โครงการนี้ยังมองกันอีกยาวไกล มีโอกาสให้พัฒนาอีกหลายๆอย่าง

จบขั้นตอนการทำแผ่นกระดาษในเย็นวันนี้แล้ว พรุ่งนี้จะเป็นกระบวนการทำให้แห้ง ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย รวมแล้วตลอดสองวันมานี้ฉันทำกระดาษไปได้ประมาณ 20 แผ่นเท่านั้นเอง ว่ากันว่า ช่างทำวาชิไม่ว่าจะฝีมือเยี่ยมแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำได้เกิน 500 แผ่นต่อวัน อย่างนี้นี่เอง กระดาษวาชิทำมือแท้ๆถึงได้แพงนักหนา

นอกจากกระบวนการทำที่ยุ่งยาก ใช้เวลาและแรงงานมากแล้ว ราคาอุปกรณ์สำหรับการทำวาชิก็สูงมาก เพราะคนทำน้อยลงทุกทีๆ แผ่นซี่ไม้ไผ่และกรอบที่เรียกว่า สุ-เกตะ ขนาดเหมาะมือที่ฉันหยิบๆจับๆทำกระดาษมาตลอดสองวันนี้ คุณโรกีร์ซื้อมาในราคาหนึ่งแสนเยน และเป็นราคาเมื่อ 30 ปีก่อน ฉันดีใจมากที่เขาเพิ่งบอกตอนที่ฉันเรียนเสร็จแล้ว เพราะถ้าบอกก่อนหน้านี้ ฉันคงแทบไม่กล้าหยิบ เขาบอกว่ามันแพงเพราะเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ซี่ไม้ไผ่เล็กๆแต่ละอันที่เรียงกันต้องสม่ำเสมอ ด้ายที่พันยึดไว้ กรอบที่เข้าไม้แบบงานไม้ญี่ปุ่น คือไม่มีตัวยืดอื่นใดนอกจากการสกัดไม้ให้ได้ลิ่มที่มีลักษณะยึดติดกันเองได้ เราคิดว่าช่างทำวาชิมีน้อยแล้วในญี่ปุ่น แต่ช่างทำอุปกรณ์แบบนี้มีน้อยยิ่งกว่า เขาบอกเท่าที่นึกออกตอนนี้ยังมีคนทำอุปกรณ์นี้อยู่แค่ห้าคนเท่านั้นเอง

สุ ราคาแสนเยนที่ใช้มาสองวันนี้


เกตะ  กับการเข้าลิ่มแบบญี่ปุ่นที่สวยงาม


ชั้นของกระดาษเปียกๆที่ซ้อนกันมาตั้งแต่เมื่อวาน ถูกนำไปรีดน้ำออกด้วยเครื่องกด ที่ค่อยๆให้น้ำหนักกดลงบนกองกระดาษเพิ่มขึ้นทีละนิด รีดน้ำออกทีละช้าๆ จนพอหมาด กระบวนการนี้ใช้เวลา 1-2 คืน ขึ้นกับปริมาณของกระดาษ กองกระดาษชุ่มๆของฉันไม่เยอะนัก คุณโรกีร์บอกว่าคืนเดียวก็พอ

กองกระดาษเมื่อวานที่เอาอิฐทับไว้


เอามารวมกับกองใหม่ของวันนี้


วางกระดาษให้พอดีตรงกลาง ต้องวัดจริงจัง แรงกดจะได้สม่ำเสมอตลอดแผ่น




อัดไฮดรอลิค


น้ำหยด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่