ปท.ชี้สัดส่วน NPL สินเชื่อบุคคลโตพุ่งแซงหนี้เสียทั้งระบบ คนวงการเผยตลาดแข่งดุ
"น็อนแบงก์-นาโนไฟแนนซ์" ยอมเสี่ยง เจาะกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท
นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจสินเชื่อบุคคล บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ KTC เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปี 2558 เอ็นพีแอลของยอดสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งระบบอยู่ที่ 5.2% ส่งผลให้ในปีนี้ สถาบันการเงินต่าง ๆ มีการปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อ เช่น ขยับรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเอ็นพีแอลใหม่
สำหรับเคทีซียังคงเกณฑ์เดิม โดยกำหนดรายได้ของผู้สมัครอยู่ที่ 10,000 บาท/เดือน ขึ้นไป นอกจากนี้บริษัทยังมีระบบเครดิตสกอริ่งในการคัดกรองลูกค้าที่ดีอยู่แล้ว ทำให้สิ้นปี 2558 เคทีซีมีเอ็นพีแอลจากสินเชื่อส่วนบุคคล 1% ขณะที่ปีนี้ีตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 15% จากสิ้นปีก่อนที่มียอดคงค้าง 1.7 หมื่นล้านบาท
ส่วนการแข่งขันในสินเชื่อส่วนบุคคล ภายหลังจากที่มีกลุ่มนาโนไฟแนนซ์เจาะตลาดล่างนั้น นางสาวสุดาพรกล่าวว่า กลุ่มน็อนแบงก์ (ไม่ใช่สถาบันการเงิน) รายอื่น และกลุ่มนาโนไฟแนนซ์ที่ลงมาเล่นตลาดกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท อาจเห็นว่าเป็นกลุ่มที่ยังมีศักยภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ A money ของ บมจ.ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ที่เจาะตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลกลุ่มผู้มีรายได้เริ่มต้น 5,000 บาทต่อเดือน หรือ J Money ของบริษัท เจเอ็มที พลัส จำกัด ซึ่งปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้ 7,000 บาทต่อเดือน
"เชื่อว่าไม่กระทบเคทีซี กรณีที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ลงมาเจาะสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีเงินเดือน 5,000-7,000 บาท เพราะคนละกลุ่มเป้าหมายกับเราที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 10,000 บาท มีสัดส่วนราว 30% ของลูกค้ารวมที่มี 7.4 แสนบัญชี ณ สิ้นปีก่อน ส่วนที่เหลืออีก 70% จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้เกิน 15,000 บาท เพราะคนสมัครมักพ่วงมาจากกลุ่มบัตรเครดิต" นางสาวสุดาพรกล่าว
นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ธปท.ยังคงติดตามการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างใกล้ชิดทั้งสถาบันการเงินและน็อนแบงก์ เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจะเกิดเอ็นพีแอล ซึ่งขณะนี้เอ็นพีแอลกลุ่มสินเชื่อบุคคลมีระดับสูงกว่าเอ็นพีแอลของสินเชื่อรวมทั้งระบบที่ไม่ถึง 3%
ส่วนกลุ่มน็อนแบงก์มีการปรับลดเกณฑ์รับผู้สมัครใหม่ที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทนั้น นายรณดลกล่าวว่า เป็นการดำเนินธุรกิจของน็อนแบงก์ที่เล็งเห็นว่า เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สามารถเข้าไปทำตลาดได้ ซึ่งจะเป็นคนละกลุ่มกับแบงก์ อย่างไรก็ตาม ทั้งน็อนแบงก์และแบงก์ จะมีหลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณา อาทิ สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ ความสามารถในการชำระหนี้ ฯลฯ ซึ่งกรณีที่ผู้มีรายได้ต่ำ ไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้มีหนี้สูงเสมอไป บางคนอาจมีหนี้อยู่ระดับต่ำและสามารถขอสินเชื่อได้
"การเข้าไปปล่อยสินเชื่อกลุ่มนี้ต้องดูอย่างระมัดระวัง ทุกกลุ่มที่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลมีความเสี่ยง และมีเอ็นพีแอลที่สูงกว่าที่อื่น ๆ ซึ่งธปท.คงไม่ถึงขนาดบอกว่า ห้ามปล่อย หากมีรายได้เท่านี้ ๆ สิ่งที่เราดูแลคือ การคุ้มครองผู้บริโภคว่าปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ การคิดค่าปรับรวมไม่เกิน 36% ตามที่กำหนดไว้ การติดตามทวงหนี้อย่างไร" นายรณดลกล่าว
Link :
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1459319766
**NPL ย่อมาจาก Non-Performing Loan = หนี้เสีย**
▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ NPL สินเชื่อบุคคลพุ่งไม่หยุด (ของจริงจ๊ะ) █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂
ปท.ชี้สัดส่วน NPL สินเชื่อบุคคลโตพุ่งแซงหนี้เสียทั้งระบบ คนวงการเผยตลาดแข่งดุ
"น็อนแบงก์-นาโนไฟแนนซ์" ยอมเสี่ยง เจาะกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท
นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจสินเชื่อบุคคล บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ KTC เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปี 2558 เอ็นพีแอลของยอดสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งระบบอยู่ที่ 5.2% ส่งผลให้ในปีนี้ สถาบันการเงินต่าง ๆ มีการปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อ เช่น ขยับรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเอ็นพีแอลใหม่
สำหรับเคทีซียังคงเกณฑ์เดิม โดยกำหนดรายได้ของผู้สมัครอยู่ที่ 10,000 บาท/เดือน ขึ้นไป นอกจากนี้บริษัทยังมีระบบเครดิตสกอริ่งในการคัดกรองลูกค้าที่ดีอยู่แล้ว ทำให้สิ้นปี 2558 เคทีซีมีเอ็นพีแอลจากสินเชื่อส่วนบุคคล 1% ขณะที่ปีนี้ีตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 15% จากสิ้นปีก่อนที่มียอดคงค้าง 1.7 หมื่นล้านบาท
ส่วนการแข่งขันในสินเชื่อส่วนบุคคล ภายหลังจากที่มีกลุ่มนาโนไฟแนนซ์เจาะตลาดล่างนั้น นางสาวสุดาพรกล่าวว่า กลุ่มน็อนแบงก์ (ไม่ใช่สถาบันการเงิน) รายอื่น และกลุ่มนาโนไฟแนนซ์ที่ลงมาเล่นตลาดกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท อาจเห็นว่าเป็นกลุ่มที่ยังมีศักยภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ A money ของ บมจ.ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ที่เจาะตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลกลุ่มผู้มีรายได้เริ่มต้น 5,000 บาทต่อเดือน หรือ J Money ของบริษัท เจเอ็มที พลัส จำกัด ซึ่งปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้ 7,000 บาทต่อเดือน
"เชื่อว่าไม่กระทบเคทีซี กรณีที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ลงมาเจาะสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีเงินเดือน 5,000-7,000 บาท เพราะคนละกลุ่มเป้าหมายกับเราที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 10,000 บาท มีสัดส่วนราว 30% ของลูกค้ารวมที่มี 7.4 แสนบัญชี ณ สิ้นปีก่อน ส่วนที่เหลืออีก 70% จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้เกิน 15,000 บาท เพราะคนสมัครมักพ่วงมาจากกลุ่มบัตรเครดิต" นางสาวสุดาพรกล่าว
นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ธปท.ยังคงติดตามการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างใกล้ชิดทั้งสถาบันการเงินและน็อนแบงก์ เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจะเกิดเอ็นพีแอล ซึ่งขณะนี้เอ็นพีแอลกลุ่มสินเชื่อบุคคลมีระดับสูงกว่าเอ็นพีแอลของสินเชื่อรวมทั้งระบบที่ไม่ถึง 3%
ส่วนกลุ่มน็อนแบงก์มีการปรับลดเกณฑ์รับผู้สมัครใหม่ที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทนั้น นายรณดลกล่าวว่า เป็นการดำเนินธุรกิจของน็อนแบงก์ที่เล็งเห็นว่า เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สามารถเข้าไปทำตลาดได้ ซึ่งจะเป็นคนละกลุ่มกับแบงก์ อย่างไรก็ตาม ทั้งน็อนแบงก์และแบงก์ จะมีหลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณา อาทิ สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ ความสามารถในการชำระหนี้ ฯลฯ ซึ่งกรณีที่ผู้มีรายได้ต่ำ ไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้มีหนี้สูงเสมอไป บางคนอาจมีหนี้อยู่ระดับต่ำและสามารถขอสินเชื่อได้
"การเข้าไปปล่อยสินเชื่อกลุ่มนี้ต้องดูอย่างระมัดระวัง ทุกกลุ่มที่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลมีความเสี่ยง และมีเอ็นพีแอลที่สูงกว่าที่อื่น ๆ ซึ่งธปท.คงไม่ถึงขนาดบอกว่า ห้ามปล่อย หากมีรายได้เท่านี้ ๆ สิ่งที่เราดูแลคือ การคุ้มครองผู้บริโภคว่าปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ การคิดค่าปรับรวมไม่เกิน 36% ตามที่กำหนดไว้ การติดตามทวงหนี้อย่างไร" นายรณดลกล่าว
Link : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1459319766
**NPL ย่อมาจาก Non-Performing Loan = หนี้เสีย**