หมู่บ้านมอญ หมู่บ้านปิดที่น้อยคนจะรู้จัก

หมู่บ้านศาลาแดงเหนือเป็นหมู่บ้านของคนไทย  เชื้อสายมอญ  ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒  ตำบลเชียงรากน้อย  อำเภอสามโคก  จังหวัดปทุมธานี  บรรพชนของชาวบ้านศาลาแดงเหนือส่วนใหญ่อพยพมาจากเมือง เมาะตะมะ  (หรือเมาะลำเลิง)  เนื่องจากพ่ายแพ้สงครามพม่า  จึงพากันอพยพครอบครัวเข้ามาพึ่งพระ บรมโพธิสมภาร ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  ซึ่งเป็นการอพยพครั้งที่ ๘ ของชาวมอญเข้าสู่ประเทศไทย  ผู้นำมอญหลายคนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางดูแลปกครองมอญด้วยกัน  ภายใต้ความคุ้มครองของราชสำนักไทย
          
          ซึ่งในช่วงที่ต้องอพยพเข้ามา ทางราชสำนักไทยได้ให้คนไปรับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้ามา และได้ให้ชาวบ้านเลือกพื้นที่ที่จะอาศัยอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งจากพื้นที่เหล่านี้ คือ ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ , ปากเกร็ด และ พระประแดง ซึ่งชาวบ้านได้ตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยด้วยความสมัครใจของตนเอง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
          เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ผู้คนก็หลงลืมไปตามกาลเวลา น้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนในหมู่บ้านตอนนี้มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร มีหน่วยงานที่ยังเข้าไปตรวจสอบหรือให้ความช่วยเหลืออยู่หรือเปล่า กระทู้นี้เลยตั้งใจทำขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ลองมองหมู่บ้านในอีกมุมนึงที่หลายๆคนยังไม่ทราบกันนะคะ

          

          ชาวบ้านในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือส่วนใหญ่มีอาชีพที่แตกต่างกันไป ทั้ง อาชีพรับราชการ อาชีพทำงานโรงงาน และอาชีพเรือบรรทุกสินค้า โดยเฉพาะอาชีพเรือบรรทุกสินค้าจะทำกันเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่ในอดีต เช่น บรรทุกหิน ดิน ทราย ไม้และเหล็ก การบรรทุกสินค้าแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับบริษัทที่ว่าจ้าง ครอบครัวที่มีอาชีพบรรทุกสินค้าส่วนใหญ่จะต้องใช้ชีวิตอยู่บนเรือตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้เรือเป็นบ้านไปจนกว่าจะเสร็จงานหนึ่งงาน

          แต่เมื่อเริ่มมีความทันสมัยเข้ามา โลกเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน การทำอาชีพเรือบรรทุกสินค้าจึงน้อยลงไปด้วย จนเรียกได้ว่าตอนนี้แทบจะไม่มีให้เราได้เห็นกันแล้วด้วยซ้ำ ท่าเรือที่เคยเต็มไปด้วยเรือบรรทุกสินค้า ตอนนี้มีแค่เรือที่ว่างเปล่า บ้างก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เพราะคนรุ่นใหม่และเด็กรุ่นใหม่ในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะออกไปเรียนที่ห่างไกลจากหมู่บ้าน เมื่อเรียนจบแล้วหลายคนจึงเลือกที่จะทำงานข้างนอกบ้างทำงานบริษัทบ้าง จึงเป็นสาเหตุให้ในหมู่บ้านเหลือแค่คนเก่าแก่ที่ยังรักหมู่บ้านและอยากรักษาหมู่บ้านกับของเก่าแก่ที่ได้ช่วยกันดูแลเอาไว้

          ในหมู่บ้านมีวัดเก่าแก่ ที่มีพระแค่ 1 องค์ เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้และหยึดเหนี่ยวจิตใจ ในทุกๆบ่าย 3 โมงของทุกวัน ชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้าน ย้ำว่าชาวบ้านทุกคนจริงๆค่ะ จะมารวมตัวกันที่วัดเพื่อสวดมนต์และพูดคุยกัน ด้วยความที่เราเป็นเด็กรุ่นใหม่ ยอมรับเลยค่ะว่าไม่ค่อยได้เข้าวัดไปทำบุญหรือสวดมนต์บ่อยนัก และค่อนข้างจะอ่อนไหวกับสิ่งที่เห็นเพราะรู้สึกว่า เห้ย หมู่บ้านนี้อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเราแค่นิดเดียวเองนะ ทำไมความแตกต่างมันถึงมีเยอะขนาดนี้ ถ้าเราจะไปวัดซักที่ก็จะไปวัดที่เพื่อนๆไปกัน คือค่อนข้างจะค่านิยมสุดๆ ภาพที่เห็นจึงทำให้เรารู้สึกว่านี้แหละที่เรียกว่าหมู่บ้านจริงๆ การอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ความรักกันของคนในหมู่บ้านที่พร้อมจะช่วยเหลือกัน นี่คือสิ่งที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ไม่ใช่หรอคะ... .

          ตอนที่เราเข้าไปในหมู่บ้าน ได้มีโอกาศคุยกับคุณยายคนนึง ท่านแก่มากแล้วแต่ดูสุขภาพแข็งแรงจนเราแปลกใจ เราถามคุณยายเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับหมู่บ้าน คุณยายก็เริ่มเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนจะไม่ค่อยได้เจอคนนอกบ่อยนัก คุณยายบอกว่าคุณยายจะมาที่วัดตามเวลานัดของคนในหมู่บ้านทุกวันไม่เคยขาด แต่ด้วยความที่คุณยายแก่มากแล้ว และบ้านก็อยู่ท้ายหมู่บ้าน ทำให้คุณยายต้องรีบมาให้ไวกว่าคนอื่นเพื่อที่จะได้ทันเวลาสวดมนต์ เราถามคุณยายว่าคุณยายไม่เบื่อหรอคะที่จะต้องทำอะไรเหมือนเดิมทุกๆวัน หมู่บ้านก็เงียบมากจนได้ยินเสียงเรือวิ่งผ่าน เสียงนกเสียงธรรมชาติ ถึงจะอยู่ไม่ห่างจากถนนมากนัก แต่ก็ไม่มีรถผ่านทางนี้เลย 1 ชั่วโมง คงจะมีแค่ 1-2 คันที่ขับผ่านทางนี้ คุณยายไม่เหงาหรอคะ คำตอบที่คุณยายให้เราทำให้เราได้เข้าใจ

          คุณยายบอกว่า คุณยายไม่เบื่อที่จะมาวัดเลย เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวที่คนในหมู่บ้านจะมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา คุณยายเหงานิดหน่อย แต่ด้วยความที่อายุมากแล้วจึงค่อนข้างจะปล่อยวาง ได้คุยกับพวกหนูก็สนุกดี เราจึงถามคุณยายเรื่องพิพิธภัณฑ์เรือที่กำลังสร้าง คุณยายบอกว่าจริงๆคุณยายไม่ทราบเกี่ยวกับรายละเอียดมากนัก แต่มีพิพิธภัณฑ์เก็บคำภีร์และหนังสือเก่าแก่ซึ่งเป็นภาษามอณเกือบทั้งหมดอยู่ที่นึงติดกับวัด [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ชาวบ้านสร้างพิพิธภัณฑ์ง่ายๆโดยการสร้างเป็นคล้ายๆบ้านยกสูงของคนไทยสมัยก่อน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ โดยข้างล่างเสาปูนจะเป็นพื้น ที่ขุดไว้ลึกมาก และเต็มไปด้วยน้ำ เพื่อกันพวกปลวกมากินทำลายหนังสือ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ค่อนข้างแปลกแต่ฉลาดในทางความคิดมากๆ สำหรับเรา

          ต่อมาเรากับเพื่อนๆได้เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เจอคุณตามีอายุมากแล้วนั่งอยู่หน้าบ้าน บ้านคุณตาดูเก่ามาก ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ซ่อมแซมหรือตกแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย บ้านคุณตาเหมือนเป็นที่รวบรวมของเก่าแก่ของชาวมอณขนาดย่อม มีของใช้ทุกอย่างที่เก็บรักษาไว้อย่างดี คุณตาบอกว่าอยากเก็บรักษาไว้เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้ดูกัน แต่ด้วยความอายุเยอะมากแล้ว เลยอยากจะมีที่ไว้เก็บรักษาอย่างจริงจังเสียที นี่ก็รอมา 4-5 ปีแล้ว พิพิธภัณฑ์เก็บเรือที่คิดว่าจะเอาของทั้งหมดไปเก็บอนุรักษ์ไว้ได้ จนแล้วจนรอดมันก็ไม่เสร็จซักที

          นี่เป็นเหตุให้พวกเราได้เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านคนที่ดูแลเกี่ยวกับโครงการนี้และคงจะให้ข้อมูลเราได้เป็นอย่างดี ผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า ด้วยความที่ของเก่าแก่ในหมู่บ้านมีเยอะมากที่อยากเก็บรักษากันไว้ แต่ก็กระจายไปแต่ละบ้านทำให้ยากต่อการรักษา ชาวบ้านจึงอยากมีพิพิธภัณฑ์ที่จะอนุรักษ์ของเหล่านี้ไว้
          
          โดยชาวบ้านได้เริ่มจากการทำที่เก็บเรือเพื่อที่จะได้รักษาเรือที่ยังเหลืออยู่เอาไว้ ในช่วงปีแรกๆได้มีความพยายามอย่างหนักในการสร้าง แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น เงินในการสร้างซึ่งต้องใช้ค่อนข้างเยอะ เมื่อไม่มีงบประมาณในงานทำงานก็ล่าช้าลงไปด้วย , น้ำท่วมหนักในเขตปทุมก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการนี้ไม่สำเร็จ เพราะพอน้ำลด ที่เริ่มทำมาจากต้นก็เปล่าประโยชน์ ทุกอย่างพังและสูญหาย ทำให้ชาวบ้านต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในการเริ่มสร้างพิพิธภัณฑ์เก็บเรือ และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าคนในหมู่บ้านเหลืออยู่น้อย รายได้ที่จะช่วยกันสร้างบางอย่างที่ต้องใช้ต้นทุนเยอะขนาดนี้จึงค่อนข้างจะเป็นอะไรที่มีโอกาศสำเร็จได้น้อยจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

          เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านที่เคยเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ หมู่บ้านที่มีชีวิตที่น่าศึกษาสำหรับเด็กรุ่นใหม่ในหลายๆด้าน หน่วยงานที่เคยช่วยเหลือหายไปไหน? แหล่งศึกษาเก่าแก่ที่มีวัดเก่าแก่ แต่กลับมีพระแค่องค์เดียวสำหรับคนทั้งหมู่บ้าน เรือบรรทุกสินค้าแบบเก่าที่เด็กรุ่นใหม่อย่างเรา ไม่มีโอกาศได้เห็นอีกแล้ว สมุดหนังสือคัมภีร์ต่างๆของชาวมอญ ภาษา วัฒนธรรม และอีกหลายๆอย่าง

          หลายคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของกาลเวลา ที่เมื่อเวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยน แต่นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่มองข้ามสิ่งดีงามไกล้ตัวในประเทศของเราไปรึเปล่า เราเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พึ่งได้ทราบว่ามีหมู่บ้านแบบนี้อยู่ในเขตปทุมในเขตความเจริญแบบนี้ด้วยหรอ ปกติถ้านึกถึงเรื่องพวกนี้ เราจะนึกถึงแค่หมู่บ้านบนดอย เด็กชาวเขาชาวดอยที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ที่ยังสามารถพูดภาษาของชนเผ่าตัวเองได้ ถ้าอยากเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้าน ดูวัฒนธรรมที่แต่งต่าง ทำตัวชิคๆคูลๆแบบฮิปเตอร์ก็คงต้องไปหมู่บ้านบนดอยนี่แหละ แล้วหมู่บ้านไกล้ๆที่น่าศึกษาเหมือนกัน มีวัฒนธรรมที่แตกต่าง ภาษาที่แตกต่าง แต่อยู่ไกล้ๆเรา เรากลับมองข้ามกันไปเพราะมันไม่ใช่กระแส ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรับรู้ ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปยุ่ง แค่นี้หรอคะในความคิดของพวกเรา ?    


          
          ส่วนในเรื่องของพิพิธภัณฑ์ที่สร้างมา 4-5 ปี ลงทุนไปแล้วประมาณห้าแสนบาทแต่ยังไม่เสร็จ ได้แค่เสาโครงสร้าง เราอยากให้ทุกคนได้อ่านเรื่องราวของหมู่บ้าน หรือใครที่อยากดูให้เห็นกับตาจริงๆ สามารถเข้าไปขอพบผู้ใหญ่บ้านเพื่อสอบถามเรื่องโครงการหรือเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านได้ แต่ส่วนใครที่อยากมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และช่วยเก็บรักษาหมู่บ้านไว้ สามารถติดต่อมาหลังไมค์ได้ค่ะ เราขออาสาพาเข้าไปดูหมู่บ้าน หรือถ้าอยู่ไกลแต่อยากช่วยในส่วนของโครงการ ก็สามารถหลังไมค์มาสอบถามเรื่องการบริจาคช่วยเหลือได้ค่ะ เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหมู่บ้านนี้นะคะ แต่พอเรากับเพื่อนๆได้เข้าไปดูหมู่บ้าน เข้าไปรู้จักชีวิตจริงๆของพวกเค้า เราอยากช่วยจริงๆ อยากให้เค้าทำได้สำเร็จ เพื่อที่จะได้มีที่ดีๆรักษาไว้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งที่แค่นั้นเองค่ะ


ปล. เราลงรูปในพันทิปไม่ได้ ขออนุญาตแปะลิ้งอัลบั้มเฟสบุ๊คที่เราลงรูปไว้แทนนะคะ
https://www.facebook.com/fairyjimiko/media_set?set=a.1361449800548852.1073741828.100000515353977&type=3&pnref=story
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่